แนะนำนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ยี่ห้อไหนดี ที่ของมันต้องมี สวย เท่ ดูดี ฟังก์ชันครบ อัปเดต 2023
นาฬิกาสำหรับสวมใส่ออกกำลังกาย หรือ Smart Watch นั้น มีจำหน่ายเยอะแยะมากมายตามท้องตลาด ตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น โดยแต่ละรุ่นก็มักจะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่หลายๆ คนก็ยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ ว่าจะซื้อนาฬิกาสมาร์ทวอทช์รุ่นไหนดี ยี่ห้อไหนดี ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากจะมาแนะนำนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ที่น่าซื้อมาใช้งาน คุ้มค่า สวยเท่ ฟังก์ชันครบ
แนะนำนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ยี่ห้อไหนดี
นาฬิกาออกกำลังกาย 2023 | ราคา | สิ่งที่น่าสนใจ | ข้อสังเกต |
---|---|---|---|
Amazfit GTR 4 | ประมาณ 7,190 – 7,990 บาท | ฟีเจอร์ครบครัน น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย รองรับการพูดคุยโทรศัพท์ | การแจ้งเตือนต่างๆ รองรับการใช้งานภาษาไทย แต่อย่างไรก็ตาม ตัวอักษรพิเศษนั้นยังไม่สามารถอ่านได้ ซึ่งต้องรอการอัปเดตปรับปรุงระบบต่อไป นอกจากนี้ แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดไวหากใช้พูดคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน |
Apple Watch Series 8 | เริ่มต้น 15,900 บาท | ฟีเจอร์ครบครัน มีรุ่นที่รองรับการใส่ eSIM มีเซ็นเซอร์ Crash Detection มีเซ็นเซอร์สำหรับการตรวจจับอุณหภูมิ | แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดเร็ว เมื่อเทียบกับสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่นๆ ทำให้ผู้ใช้งานจะต้องชาร์จแบตเตอรี่อยู่บ่อยครั้ง |
Samsung Galaxy Watch 5 | เริ่มต้น 9,990 บาท | ฟีเจอร์การใช้งานครบครัน รองรับการติดตั้งแอพพลิเคชัน มี GPS, NFC ฯลฯ มีฟีเจอร์ช่วยวัด Body Composition | การใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ใน iOS อาจจะมีข้อจำกัดที่มากกว่า แต่สำหรับ Android สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า |
Huawei Watch GT 3 Pro | ประมาณ 11,990 บาท | ฟีเจอร์ครบครัน มี GPS ในตัว เซ็นเซอร์ต่างๆ ครนครัน | การใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ใน iOS อาจจะมีข้อจำกัดที่มากกว่า แต่สำหรับ Android สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนแอพได้ตามปกติ |
Amazfit GTS 4 | 6,990 บาท | ฟีเจอร์ครบครัน รองรับการรับสายและโทรออกผ่าน Bluetooth รองรับการใช้งาน Alexa | การแจ้งเตือนต่างๆ รองรับการใช้งานภาษาไทย แต่ตัวอักษรพิเศษนั้นยังไม่สามารถอ่านได้ ซึ่งต้องรอการอัปเดตปรับปรุงระบบต่อไป นอกจากนี้ แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดไวหากใช้พูดคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน |
Suunto 7 | ประมาณ 8,900 บาท | ฟีเจอร์ครบ น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย รองรับการวางแผนการเดินทาง มี GPS Navigation | ฟีเจอร์ที่มีมาให้ค่อนข้างครบครัน แต่หากเทียบกับสมาร์ทวอชแบรนด์อื่นๆ SUUNTO 7 จะเน้นไปที่การใส่ออกกำลังกายมากกว่าแนวไลฟ์สไตล์ทั่วไป |
Xiaomi Mi Band 7 Pro | ประมาณ 2,299 บาท | ฟีเจอร์ครบ รองรับ GPS ในตัว น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย | ไม่สามารถพูดคุยโทรศัพท์แบบ Bluetooth calling ผ่านทาง Smart Watch ได้ |
1. Amazfit GTR 4
Amazfit ถือเป็นแบรนด์ที่ทำ Smart Watch ออกมาได้น่าใช้งานมากๆ และได้รับความนิยมสูง จนถึงตอนนี้ก็ได้มีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว อย่าง Amazfit GTR 4 ที่มาในดีไซน์หน้าปัดกลม ดูทันสมัย เท่ และเรียบหรูไปด้วยในตัว สามารถสวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย มาพร้อมฟีเจอร์ที่ครบครัน น่าใช้งาน โดยในรุ่นนี้มีให้เลือก 3 สีด้วยกัน คือ Grey, Black และ Brown
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล, 326PPI
- หน้าจอกระจกนิรภัย เคลือบ Anti-fingerprint ป้องกันรอยนิ้วมือ และป้องกันแสงสะท้อน
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Zepp OS 2.0
- เฉพาะตัวเรือน น้ำหนัก 34 กรัม
- แบตเตอรี่ขนาด 475mAh ใช้งานได้ยาวกว่า 14 วัน มาพร้อม Battery Saver Mode
- มี Watch Face เลือกกว่า 200 แบบ
- รองรับ Always-on Display
- รองรับการใช้งาน Alexa
- รองรับการกันน้ำได้ลึกในระดับ 50 เมตร (5ATM) รองรับการวัด Heart Rate ในขณะว่ายน้ำ
- รองรับฟีเจอร์ SpO2 หรือออกซิเจนในเลือด
- รองรับการวิเคราะห์การออกกำลังกาย
- รองรับการตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ
- รองรับการตรวจสอบการนอนหลับ
- รองรับการตรวจจับความเครียด
- รองรับโหมดกีฬากว่า 150+ โหมด
- รองรับการประเมินสุขภาพ PAI
- รองรับฟีเจอร์ การค้นหาโทรศัพท์, นาฬิกาจับเวลา, Pomodoro, พยากรณ์อากาศ, การแจ้งเตือนการยืน, การแจ้งเตือนแอพต่างๆ จากสมาร์ทโฟน, แจ้งเตือนสายเรียกเข้า, ปลดล็อกโทรศัพท์, ไฟฉาย, โหมดห้ามรบกวน, การควบคุมการฟังเพลง เป็นต้น
- รองรับการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชัน Zepp
- รองรับการพูดคุยโทรศัพท์ผ่านทาง SmartWatch
สิ่งที่น่าสนใจ
สมาร์ทวอช Amazfit GTR 4 รุ่นนี้ออกแบบมาให้ครอบคลุมการใช้งานมากยิ่งขึ้น น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ถึงแม้จะมีดีไซน์ที่คล้ายเดิม แต่ก็ได้รับการพัฒนาปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม มีโหมดการใช้งานและฟีเจอร์ต่างๆ มาให้ครบครัน การตรวจจับการเคลื่อนไหว การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ทำออกมาได้ค่อยข้างดีพอสมควร อีกทั้งยังสามารถพูดคุยโทรศัพท์โดยตรงผ่านทางตัวนาฬิกาได้เลยด้วย
ข้อสังเกต
เบื้องต้นนั้น การแจ้งเตือนต่างๆ รองรับการใช้งานภาษาไทย แต่อย่างไรก็ตาม ตัวอักษรพิเศษนั้นยังไม่สามารถอ่านได้ ซึ่งต้องรอการอัปเดตปรับปรุงระบบต่อไป นอกจากนี้ แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดไวหากใช้พูดคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน
ราคา ประมาณ 7,190 – 7,990 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE
2. Apple Watch Series 8
นาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ต่อมาที่อยากแนะนำก็คือ Apple Watch Series 8 จากทาง Apple ที่ถึงแม้ว่าจะมาในดีไซน์รูปทรงสี่เหลี่ยมเช่นเคย แต่ก็มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย โดยในรุ่นนี้มาพร้อมขนาดหน้าจอที่ให้เลือก 2 ขนาด คือ 41 mm. และ 45 mm. โดยสามารถเลือกตัวเรือนได้ทั้ง Aluminium และ Stainless steel
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ Retina LTPO OLED มาพร้อมฟีเจอร์ Always On Display
- มาพร้อมกับชิป SiP S8 64bit dual-core processor, ชิประบบไร้สาย W3 และชิป U1 (Ultra-Wideband)
- รองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.3
- มีไมโครโฟนและลำโพงในตัว
- มีเซ็นเซอร์สำหรับการตรวจจับอุณหภูมิ
- มีเซ็นเซอร์ Crash Detection สำหรับตรวจจับแรงกระแทกที่เกิดจากการชน หรืออุติบัติเหตุทางรถยนต์ อุบัติเหตุรุนแรงได้
- รองรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, การนอนหลับ, ติดตามรอบเดือน, ออกซิเจนในเลือด ฯลฯ
- รองรับการแจ้งเตือนต่างๆ
- กันน้ำกันฝุ่นที่มาตรฐาน IP6X
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง 18 ชั่วโมง
สิ่งที่น่าสนใจ
Apple Watch Series 8 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการใส่เซ็นเซอร์ ตรวจจับแรงกระแทก, อุบัติเหตุ อย่าง Crash Detection รวมไปถึงมีการในเซ็นเซอร์สำหรับตรวจวัดอุณหภูมิเพิ่มเข้ามาด้วย ทำให้ Apple Watch Series เป็นอีกหนึ่งนาฬิกาที่มีความแม่นยำแต่ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของการออกกำลังกายและสุขภาพ
ข้อสังเกต
สำหรับ Apple Watch Series 8 นั้น แม้ว่าจะสามารถใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่โดยรวมนั้น แบตเตอรี่ก็ถือว่าค่อนข้างหมดเร็ว เมื่อเทียบกับสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่นๆ ทำให้ผู้ใช้งานจะต้องชาร์จแบตเตอรี่อยู่บ่อยครั้ง
ราคา: เริ่มต้น 15,900 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE
3. Samsung Galaxy Watch 5
Samsung Galaxy Watch 5 นาฬิกา Smart Watch จากทาง Samsung รุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย รวมไปถึงฟีเจอร์การวัดความดันโลหิต โดยรุ่นที่เราได้นำมาแนะนำกันนั้นเป็นรุ่น Bluetooth มาที่มาพร้อมหน้าปัดกลม กระจกหน้าจอที่ใช้วัสดุ Sapphire crystal มีความแข็งแรงทนทาน มาพร้อมจอภาพ Super AMOLED ที่มีการแสดงผลที่คมชัดเป็นอย่างมาก สำหรับ Galaxy Watch 5 มาพร้อมเซ็นเซอร์มากมายไม่ว่าจะเป็น การตรวจวัดแสง, การวัดหัวใจแบบ Optical, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า, Gyroscope, การตรวจจับการเคลื่อนไหว, มาตรวัดความดันอากาศ, เซ็นเซอร์การวิเคราะ BIA เป็นต้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชันในการใช้งานสำหรับการเป็น นาฬิกาออกกำลังกาย 2023 อย่างครบครัน
สเปคคร่าวๆ
- หน้าปัดกลม ขนาด 40 mm, 44 mm., ตัวเรือนใช้วัสดุ Aluminium
- รองรับโหมดออกกำลังกายกว่า 90 โหมด
- แบตเตอรี่ Lithium Ion สามารถใช้งานยาวนานได้ต่อเนื่อง 5 วัน, รองรับการชาร์จเร็วและชาร์จไร้สาย
- มี GPS, NFC ฯลฯ
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น 5ATM + IP68 และมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-810G
- รองรับการใช้งานร่วมกับแอพ Samsung Health
- รองรับการวัดระดับความเครียด
- มีฟีเจอร์ช่วยวัด Body Composition
- รองรับการวัดคุณภาพการนอน
- รองรับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชันมาใช้งาน เช่น LINE, Google Maps
- มีไมโครโฟน, ลำโพงในตัว
สิ่งที่น่าสนใจ
Samsung Galaxy Watch 5 เป็นอีกหนึ่งนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ที่น่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน Android อย่าง Samsung ที่สามารถใช้งานร่วมกับนาฬิกาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งตัวนาฬิกายังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่รองรับการใช้งานอย่างครบครัน
ข้อสังเกต
สำหรับรุ่นนี้นั้นการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ใน iOS อาจจะมีข้อจำกัดที่มากกว่า แต่สำหรับ Android สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า
ราคา: 9,990 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE
4. Huawei Watch GT 3 Pro
HUAWEI WATCH GT 3 Pro อีกหนึ่งสมาร์ทวอชจาก HUAWEI ที่มาพร้อมความอัจฉริยะ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ สำหรับรุ่นนี้ โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย ที่รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการออกกำลังกาย ด้วยดีไซน์เรียบหรู ดูดี มีความทันสมัย สำหรับ HUAWEI WATCH GT 3 Pro มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน คือ Titanium Edition และ Ceramic Edition
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ AMOLED กระจก Sapphire crystal ขนาด 1.43 นิ้ว ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล, 326PPI
- รองรับการสัมผัสเต็มหน้าจอ
- มาตรฐานการกันน้ำกันเหงื่อ 5ATM
- สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 14 วัน
- รองรับโหมดออกกำลังกายกว่า 100 โหมด
- รองรับการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- รองรับการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด
- รองรับการวัดและติดตามความเครียด
- มี GPS ในตัว
- รองรับ Emergency SOS
- รองรับ Quick replies
- รองรับการติดตามระยะเดินทาง, ระยะความสูง ฯลฯ
- รองรับการแจ้งเตือนแอพพลิเคชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น LINE, Facebook ฯลฯ
- รองรับการแจ้งเตือนสายเรียกเข้า, มีไมโครโฟน, มีลำโพงในตัว
- รองรับการควบคุมเพลง, ดาวน์โหลดเพลงมาเก็บไว้ในนาฬิกาได้
- สามารถใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชัน HUAWEI Health
สิ่งที่น่าสนใจ
HUAWEI WATCH GT 3 Pro เป็น Smart Watch ที่มีความน่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับใครที่ต้องการฟีเจอร์การออกกำลังกาย ไปจนถึงการตรวจจับ วัดค่าต่างๆ ของร่างกาย อีกทั้งในรุ่นนี้ยังมี GPS ในตัว และเซนเซอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะป็น Gyroscope, Accelerometer, Barometer เป็นต้น
ข้อสังเกต
สำหรับรุ่นนี้นั้นการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ใน iOS อาจจะมีข้อจำกัดที่มากกว่า แต่สำหรับ Android สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนแอพได้ตามปกติ
ราคา ประมาณ 11,990 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE
5. Amazfit GTS 4
Amazfit ถือเป็นแบรนด์ที่ทำ Smart Watch ออกมาได้น่าใช้งานมากๆ แบรนด์หนึ่ง อีกทั้งยังได้รับความนิยมสูงอีกด้วย สำหรับ Amazfit GTS 4 นั้นก็มาในดีไซน์หน้าปัดสี่เหลี่ยมมน ดูทันสมัย และเรียบหรูไปด้วยในตัว สามารถสวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย มาพร้อมฟีเจอร์ที่ครบครัน น่าใช้งาน โดยในรุ่นนี้มีให้เลือก 4 สีด้วยกัน คือ Infinite Black, Misty White, Autumn Brown และ Rosebud Pink
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอ HD AMOLED Display ขนาด 1.75 นิ้ว
- ความจุ 2.3 GB สามารถใส่เพลงได้ถึง 470 เพลง
- ปรับเปลี่ยน Watch Faces ได้มากกว่า 150 รูปแบบ
- กันน้ำสูงสุดระดับ 5 ATM หรือประมาณ 50 เมตร
- มีโหมดกำลังกายกว่า 150 โหมด
- รับสายและโทรออกผ่าน Bluetooth
- รองรับการใช้งาน Alexa
- มี PAI ช่วยในการประมวลผลสุขภาพ
- รองรับการวัดคุณภาพการนอนหลับและการหายใจขณะนอนหลับ
- ประมวลผลสุขภาพ 4 อย่างในครั้งเดียว ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจ, ค่าความเครียด, ค่าออกซิเจนในเลือด และ อัตราการหายใจ
- แบตเตอรี่ 300mAh สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด ประมาณ 2 สัปดาห์
สิ่งที่น่าสนใจ
สมาร์ทวอช Amazfit GTS 4 รุ่นนี้ออกแบบมาให้ครอบคลุมการใช้งานมากยิ่งขึ้น น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ถึงแม้จะมีดีไซน์ที่คล้ายเดิม แต่ก็ได้รับการพัฒนาปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม มีโหมดการใช้งานและฟีเจอร์ต่างๆ มาให้ครบครัน การตรวจจับการเคลื่อนไหว การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ทำออกมาได้ค่อยข้างดีพอสมควร อีกทั้งยังสามารถพูดคุยโทรศัพท์โดยตรงผ่านทางตัวนาฬิกาได้เลยด้วย
ข้อสังเกต
เบื้องต้นนั้น การแจ้งเตือนต่างๆ รองรับการใช้งานภาษาไทย แต่อย่างไรก็ตาม ตัวอักษรพิเศษนั้นยังไม่สามารถอ่านได้ ซึ่งต้องรอการอัปเดตปรับปรุงระบบต่อไป นอกจากนี้ แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดไวหากใช้พูดคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน
ราคา: 6,990 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE
6. Suunto 7
Smart Watch จากแบรนด์ SUUNTO อย่าง SUUNTO 7 ที่ต้องบอกเลยว่าตัวนี้ก็เป็นนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 อีกรุ่นที่น่าสนใจมากๆ ออกแบบมาด้วยดีไซน์ทันสมัย สวมใส่ได้ในทุกโอกาส มาพร้อมกับฟีเจอร์และลูกเล่นต่างๆ ครบครัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งการออกกำลังกายและส่วมใสใช้งานทั่วไป มีให้เลือกกว่า 5 สีสัน ไม่ว่าจะเป็น All Black, Black Lime, Graphite Copper, Sandston Rosegold และ White Burgundy
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอสัมผัส AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ความสว่าง 1000nits
- น้ำหนัก 70 กรัม
- มีมาตรฐานกันน้ำกันได้ถึง 50 เมตร
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานสูงถึง 48 ชั่วโมง
- รองรับโหมดกีฬากว่า 70 โหมด
- รองรับการแจ้งเวลาพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกผ่านทางหน้าจอ
- มี GPS, GLONASS, BEIDOU, QZSS ในตัว
- รองรับการแสดงผลแผนที่สีได้เต็มรูปแบบ
- รองรับการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดความสูงด้วยความดันอากาศ
- รองรับการตรวจจับคุณภาพการนอน, นับก้าว, แคลอรี่
- รองรับการแจ้งเตือนสายเรียกเข้า แจ้งเตือนข้อความ ฯลฯ
- รองรับ Wear OS จาก Google
- รองรับ Adventure function สำหรับการวางแผนการเดินทาง สามารถใช้งานร่วมกับแอพ 3D Map ได้
- มีระบบ GPS Navigation
สิ่งที่น่าสนใจ
SUUNTO 7 เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทวอทช์ที่น่าซื้อมาใช้งาน ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์ไสตล์ และการออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตรวจจับวัดค่าต่างๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบการออกกำลังกาย
ข้อสังเกต
โดยรวมนั้นฟีเจอร์ที่มีมาให้ค่อนข้างครบครัน แต่หากเทียบกับสมาร์ทวอชแบรนด์อื่นๆ SUUNTO 7 จะออกไปทางการเน้นการออกกำลังกายมากกว่าไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังเน้นไปที่การใช้งานร่วมกับ Android มากกว่า iOS ถึงแม้ว่าจะรองรับทั้งการใช้งาน iOS และ Android แต่ Android นั้นจะสามารถใช้งานร่วมกันได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
ราคา: ประมาณ 8,900 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE
7. Xiaomi Mi Band 7 Pro
ปกติเราจะคุ้นชินกับ Mi Band ที่เป็น Smart Band ขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ฟีเจอร์เกินราคา ในรอบนี้ มาดูในรุ่นที่อัปเกรดขึ้นมาอย่าง Xiaomi Mi Band 7 Pro ที่มาในดีไซน์หน้าจอแบบสีเหลี่ยมขอบมน ที่ตอบโจทย์ในเรื่องของไลฟ์สไตล์และการออกกำลังกาย รองรับฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การตรวจวัดความเครียด อัตราการเต้นของหัวใจ มาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน
สเปคคร่าวๆ
- หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.64 นิ้ว ความละเอียด 280 x 456 พิกเซล, 326PPI ใช้กระจก 2.5D ที่มีความแข็งแรงทนทาน
- รองรับการทำงานระบบสัมผัสแบบเต็มหน้าจอ
- น้ำหนักตัวเครื่อง 20.5 กรัม
- แบตเตอรี่ขนาด 235mAh สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 20 วัน
- รองรับโหมดออกกำลังกายกว่า 117 โหมด
- รองรับการตรวจจับการเต้นของหัวใจ
- รองรับการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด
- รองรับการตรวจจับความเครียด
- รองรับการตรวจจับการนอนหลับ
- รองรับการประเมินสุขภาพ PAI
- รองรับการติดตามรอบเดือน
- รองรับฟีเจอร์รีโมทถ่ายภาพสำหรับสมาร์ทโฟน
- รองรับการควบคุมเพลง บันทึกภาพ รีโมทคอนโทรล ฯลฯ
- รองรับ GPS ในตัว
- รองรับการใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชัน Mi Fitness
สิ่งที่น่าสนใจ
สำหรับ Xiaomi Mi Band 7 Pro ถือว่าให้ฟีเจอร์การใช้งานมาครบครันมากๆ ทั้งการตรวจจับวัดค่าต่างๆ รวมไปถึงการออกกำลังกายที่มีให้เลือกมากมาย แถมยังมี GPS ในตัวด้วย ช่วยให้การออกกำลังกายโดยเฉพาะการวิ่งนั้น สามารถทำได้ดีและมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ข้อสังเกต
สำหรับ Xiaomi Mi Band 7 Pro นั้นมีฟีเจอร์แสดงการแจ้งเตือน แต่ก็ไม่สามารถพูดคุยโทรศัพท์แบบ Bluetooth calling ผ่านทาง Smart Watch ได้
ราคา ประมาณ 2,299 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: SHOPEE
และทั้งหมดนี้ก็คือนาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ที่น่าสนใจ น่าซื้อหามาใช้งาน ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน เหมาะทั้งกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน การติดตามการนอนหลับ ไปจนถึงการสวมใส่ในขณะที่ออกกำลังกาย ช่วยให้เราสามารถตรวจจับ วัดค่าต่างๆ ในด้านสุขภาพได้เป็นอย่างดี ใครที่กำลังมองหานาฬิกาออกกำลังกาย 2023 ดีๆ สักเรือนมาสวมใส่ ก็สามารถนำที่ทีมงานนำมาแนะนำไปเป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับการตัดสินใจได้เลย