รวมคีย์บอร์ด Mechanical ทั้งสายทำงานตัวเทพหรือสายเกมมิ่งเด็ดๆ !!
ปัจจุบันนี้คีย์บอร์ด Mechanical ได้รับความนิยมตั้งต้นจากวงการเกมเมอร์มาจนคนทำงานที่หาคีย์บอร์ดเหล่านี้มาใช้ทำงานแทนคีย์บอร์ด Rubberdome ไปแล้ว ไม่ว่าจะเพราะสัมผัสการพิมพ์ที่ดี, รูปลักษณ์สวยงามและถ้าเป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดบางรุ่นก็สามารถตั้งค่าปุ่มต่างๆ บนคีย์บอร์ดให้ทำงานได้ตามต้องการ จะเซ็ตเอาไว้เล่นเกมหรือเรียกคีย์ลัดฟังก์ชั่นใช้งานบ่อยเวลาทำงานก็ได้ ซึ่งคีย์บอร์ด Rubberdome หลายๆ รุ่นทำงานแบบนี้ไม่ได้ เลยทำให้ผู้ใช้หลายคนมองข้ามมันไป หรือแค่มีเอาไว้เป็นคีย์บอร์ดสำรองเลยด้วยซ้ำ
ซึ่งนอกจากแง่ลูกเล่นอย่างการตั้งค่าปุ่ม Macro, ปุ่ม Multimedia Key อย่างปุ่ม Play/Pause เลื่อนเพลงไปก่อนหน้าหรือถัดไป แม้แต่มีลูกบิดสำหรับหมุนเพิ่มลดเสียงลำโพงติดตั้งมาให้ก็ตาม แต่ข้อดีหลักๆ ของคีย์บอร์ด Mechanical นั้น คือเรื่องความทนทานเพราะสวิตช์แต่ละตัวนอกจากรองรับการกดปุ่มแรงๆ ลงน้ำหนักมากๆ จนถ้าเป็น Rubberdome ก็อาจจะพังไปแล้ว ซึ่งคีย์บอร์ด Mechanical ถ้าใช้งานตามปกติก็สามารถกดได้ตั้งแต่ 50~100 ล้านครั้ง อาจจะอยู่ได้นาน 5~10 ปี ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แต่ละคนเลยว่าพฤติกรรมเป็นเช่นใด
สรุปสเปคคีย์บอร์ด Mechanical ทั้ง 7 รุ่นน่าโดน เล่นเกมก็ได้ทำงานก็ดี!!
สเปคีย์บอร์ด Mechanical | Keyboard Layout Switch |
Features | Connectiviy | Supported OS Configuration Software |
Price (บาท) |
Royal Kludge RK100 | Full-size 96% Red, Blue, Brown Switch |
100% Anti-Ghosting Function Key Hot-Swap USB-A Passthrough x 2 |
USB-C to A USB 2.4GHz Dongle Bluetooth |
Windows macOS |
2,300 |
Logitech G512 Carbon | 100% Full-size GX Blue (Clicky) GX Brown (Tactile) GX Red (Linear) |
USB Passthrough Game Mode Function Key Anti-Ghosting |
USB | Windows Logitech G Hub |
2,890 |
CHERRY MX 2.0S | 100% Full-size (มีจำหน่ายไทย) CHERRY MX Red (Portfolio) Silent Red, Brown, Black, Blue |
Anti-Ghosting Full N-Key Rollover |
USB-C to A USB 2.4GHz Dongle Bluetooth |
Windows CHERRY Utilities Software |
3,899 |
Keychron K10 | 100% Full-Size Gateron Red / Blue / Brown |
สลับ Layout ระหว่าง Windows หรือ macOS Hot-Swap แบตเตอรี่ 4,000mAh |
USB-C USB 2.4GHz Dongle Bluetooth 5.1 |
Windows macOS Android iOS |
4,390 |
SteelSeries Apex 5 | 100% Full-size Hybrid blue |
OLED Smart Display RGB N-Key Rollover Anti-Ghosting |
USB | Windows, macOS, Xbox, PlayStation SteelSeries Engine |
4,390 |
ASUS ROG Strix Flare II Animate | 100% Full-size ROG NX Red Mechanical Switch |
AniMe Matrix LED AURA Sync Polling Rate 8,000Hz Hot-Swap Windows Lock 100% Anti-Ghosting N-Key Rollover USB Passthrough |
USB | Windows ASUS Armoury Crate |
4,490 |
Logitech MX Mechanical | 100% Full-size Tactile Quiet / Linear / Clicky |
Logitech Flow LED Backlit แบตเตอรี่ใช้งานได้ 10 เดือน |
USB 2.4GHz Dongle “Logi Bolt” Bluetooth รองรับ 3 อุปกรณ์ |
Windows, macOS, Linux, Chrome OS, iPadOS, Android, iOS Logi Options+ |
8,500 |
7 คีย์บอร์ด Mechanical ทั้งสายออฟฟิศและเกมเมอร์ เริ่มไม่กี่พันจนตัวเทพก็มีให้โดน!
ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านก็อยากได้คีย์บอร์ด Mechanical ดีๆ เอาไว้ใช้สักตัว ไม่ว่าจะทำงานหรือเล่นเกมก็ตาม ซึ่งในช่วงต้นปี 2023 นี้ ก็มีคีย์บอร์ด Mechanical รุ่นน่าใช้ให้เลือกมากถึง 7 รุ่นด้วยกัน โดยบทความนี้ผู้เขียนจะขอเน้นแนะนำรุ่นที่เป็นขนาด Full-size มีชุด Numpad เป็นหลัก ได้แก่
- Royal Kludge RK100 (2,300 บาท)
- Logitech G512 Carbon (2,890 บาท)
- CHERRY MX 2.0S (3,899 บาท)
- Keychron K10 (4,390 บาท)
- Steelseries Apex 5 (4,390 บาท)
- ASUS ROG Strix Flare II Animate (4,490 บาท)
- Logitech MX MECHANICAL (8,500 บาท)
1. Royal Kludge RK100 (2,300 บาท)
Royal Kludge RK100 นี้เป็น Mechanical Keyboard จากแบรนด์ที่เป็นกระแสมาเมื่อก่อนหน้านี้ เพราะราคานอกจากไม่แพงมากแค่หลักพันบาทต้นๆ แล้วยังเป็น Full-size ขนาด 96% มีไฟ RGB เลือกสวิตช์ได้ 3 แบบว่าจะเอา Red, Blue หรือ Brown Switch ถ้าสวิตช์เดิมจากโรงงานไม่ถูกใจก็ถอดเปลี่ยนแบบ Hot-Swap เปลี่ยนเป็นสวิตช์รุ่นที่ต้องการได้ ถูกใจสาย Custom Keyboard อย่างแน่นอนแถมยังมี Function Key ติดตั้งมาที่ปุ่ม F1~F12 และรองรับการเชื่อมต่อด้วยสาย USB-C to A, USB 2.4GHz Dongle และ Bluetooth ได้ มีแบตเตอรี่ในตัว 3,750mAh ฟีเจอร์ 100% Anti-Ghosting และ USB-A x 2 ช่องไว้ต่ออุปกรณ์เสริมหรือโอนไฟล์ก็ได้ รองรับระบบปฏิบัติการ Windows, macOS ครบเครื่อง หากผู้ใช้คนไหนหาคีย์บอร์ด Mechanical ตัวใหม่เอาไว้ทำงานและเผื่อทำ Custom Keyboard ด้วยล่ะก็ Royal Kludge RK100 ตัวนี้ก็น่าสนใจทีเดียว
สเปคของ Royal Kludge RK100
Keyboard Layout Switch |
Full-size 96% มีไฟ RGB Red, Blue, Brown Switch |
Features | 100% Anti-Ghosting, Function Key, Hot-Swap, USB-A Passthrough x 2 |
Connectivity | USB-C to A, USB 2.4GHz Dongle, Bluetooth |
Supported OS Configuration Software |
Windows, macOS ไม่มี |
Price | 2,300 บาท (Silicon Studio) |
2. Logitech G512 Carbon (2,890 บาท)
Logitech G512 Carbon เป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดหน้าตาเรียบง่ายที่ใช้ทำงานได้ดีไม่แพ้กัน ซึ่งคีย์บอร์ดนี้เป็นแบบ Full-size พร้อมไฟ RGB เลือกสวิตช์ได้ 3 แบบ คือ GX Blue (Clicky), GX Brown (Tactile), GX Red (Linear) ก็ได้ เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย USB มีช่อง USB Passthrough เอาไว้ต่ออุปกรณ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะ USB 2.4GHz “LIGHTSPEED” ของเกมมิ่งเกียร์ Logitech หรือ External Harddisk เพื่อโอนไฟล์ก็ได้ แถมยังมี Function Key ติดตั้งมาให้ที่ปุ่ม F5~F12 และสลับเข้า Game Mode ได้โดยกด Fn+F8 และตั้งค่าในโปรแกรม Logitech G Hub เพื่อเซ็ตคำสั่งทำงานหรือคีย์ลัดเรียกใช้สกิลตอนเล่นเกมก็ได้ ส่วนระบบปฏิบัติการแนะนำให้ใช้กับ Windows จะดีที่สุด ในแง่การใช้งาน ต้องถือว่า G512 Carbon เป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดที่ดีรอบด้านทำงานก็ได้เล่นเกมก็ดีและราคาก็เป็นมิตรกับกระเป๋าเงินอีกด้วย
สเปคของ Logitech G512 Carbon
Keyboard Layout Switch |
100% Full-size GX Blue (Clicky), GX Brown (Tactile), GX Red (Linear) |
Features | USB Passthrough, Game Mode, Function Key, Anti-Ghosting |
Connectivity | USB |
Supported OS Configuration Software |
Windows Logitech G Hub |
Price | 2,890 บาท (Hardware Corner Shopee) |
3. CHERRY MX 2.0S (3,899 บาท)
ถ้าพูดถึงต้นตำรับสวิตช์คีย์บอร์ด Mechanical อย่าง CHERRY AG จากแคว้นบาวาเรีย ทางบริษัทเองก็มีคีย์บอร์ดผลิตเองอย่างรุ่น CHERRY MX 2.0S ซึ่งดีไซน์เป็นแบบ Full-size หน้าตาเรียบง่ายโดยทางบริษัทยึดแนวทางการออกแบบมาจากสำนักออกแบบ Bauhaus แต่ก็มีไฟ RGB ติดตั้งมาให้ใช้งาน เชื่อมต่อด้วยสาย USB-C to A, USB 2.4GHz Dongle หรือ Bluetooth ก็ได้ มี Anti-Ghosting และ Full N-Key Rollover ป้องกันการกดปุ่มผิดพลาด มีคีย์ลัดเปิดโปรแกรม CHERRY Utilities Software เพื่อตั้งค่าคีย์บอร์ดได้และแนะนำให้ใช้กับระบบปฏิบัติการ Windows เป็นหลัก ส่วนสวิตช์ปัจจุบันนี้โมเดลที่ขายในประเทศไทยจะมีแต่ CHERRY MX Red เท่านั้น แต่ทางบริษัทมีสวิตช์ Silent Red, Brown, Black, Blue ให้เลือก หากผู้ใช้ท่านไหนอยากเป็นเจ้าของคีย์บอร์ด Mechanical คุณภาพระดับเยอรมัน สวิตช์ทนทานน่าใช้ ก็ลองซื้อ CHERRY MX 2.0S ตัวนี้มาใช้งานได้
สเปคของ CHERRY MX 2.0S
Keyboard Layout Switch |
100% Full-size (มีจำหน่ายไทย) CHERRY MX Red (Portfolio) Silent Red, Brown, Black, Blue |
Features | Anti-Ghosting, Full N-Key Rollover |
Connectivity | USB-C to A, USB 2.4GHz Dongle, Bluetooth |
Supported OS Configuration Software |
Windows CHERRY Utilities Software |
Price | 3,899 บาท (Cherry Shopee Mall) |
4. Keychron K10 (4,390 บาท)
ด้านคีย์บอร์ด Keychron K10 เองก็เป็นคีย์บอร์ด Mechanical ที่น่าใช้น่าลงทุนมาก เพราะเป็นคีย์บอร์ด Full-Size พร้อมสวิตช์สลับโหมดระหว่าง Windows กับ macOS ได้ รองรับระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, Android, iOS ครบถ้วน มีไฟ RGB และเป็น Hot-Swap ถอดสวิตช์เปลี่ยนได้ตามต้องการหากสวิตช์ Gateron Red / Blue / Brown ที่ติดตั้งมาให้ไม่ตอบโจทย์ เชื่อมต่อได้ 3 แบบ ไม่ว่าจะสาย USB-C, USB 2.4GHz Dongle หรือ Bluetooth 5.1 มีแบตเตอรี่ในตัวถึง 4,000mAh ใช้งานได้นานสุด 240 ชั่วโมง แต่ K10 จะเป็นซอฟท์แวร์แบบออนบอร์ดเท่านั้น ไม่มีโปรแกรมปรับแต่งรูปแบบการทำงานให้โหลดมาใช้ แต่รวมแล้วต้องถือว่าคีย์บอร์ดจากฮ่องกง ที่ครองใจคนทำงานได้ดีแบรนด์หนึ่งเลย
สเปคของ Keychron K10
Keyboard Layout Switch |
100% Full-Size Gateron Red / Blue / Brown |
Features | สลับเลย์เอ้าท์ Windows กับ macOS, Hot-Swap, แบตเตอรี่ในตัว 4,000mAh |
Connectivity | USB-C, USB 2.4GHz Dongle, Bluetooth 5.1 |
Supported OS Configuration Software |
Windows, macOS, Android, iOS – |
Price | 4,390 บาท (Silicon Studio Shopee Mall) |
5. Steelseries Apex 5 (4,390 บาท)
Steelseries Apex 5 เองก็เป็นคีย์บอร์ด Mechanical น่าใช้อีกรุ่น แม้ดีไซน์และวัตถุประสงค์ของมันจะเกิดมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะก็ตาม แต่ก็ใช้ทำงานได้ดีไม่แพ้กันเพราะมีโปรแกรม SteelSeries Engine เอาไว้ตั้งค่าคีย์บอร์ด เซ็ตโปรไฟล์ได้ง่ายๆ สลับโปรไฟล์ไปมาระหว่างโปรไฟล์ทำงานและเล่นเกมด้วยลูกล้อเปลี่ยนโหมดและแสดงผลบนจอ OLED Smart Display บนคีย์บอร์ดได้ทันทีและหน้าจอนี้จะคอยแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ให้ผู้ใช้รับทราบได้อีกด้วย ตัวคีย์บอร์ดเป็น Full-size ใช้สวิตช์ Hybrid blue ซึ่งทาง SteelSeries พัฒนาด้วยตัวเอง โดยสัมผัสจะเป็นลูกผสมระหว่าง Tactile ที่กดสนุกและนุ่มนวลแบบปุ่ม Membrane ทั่วไปด้วย นอกจากนี้ตัวคีย์บอร์ดจะมีที่รองข้อมือ, ไฟ RGB ติดตั้งมาให้ รองรับ N-Key Rollover กับ Anti-Ghosting ในตัว รองรับระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, Xbox, PlayStation ครบถ้วน เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB เท่านั้น จัดเป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งที่มีลูกเล่นอย่างหน้าจอ OLED ไว้โชว์การแจ้งเตือนและใช้ปรับโหมดใช้งานได้ตามชอบ จัดเป็นคีย์บอร์ด Mechanical ที่น่าใช้งานมากอีกรุ่น
สเปคของ Steelseries Apex 5
Keyboard Layout Switch |
100% Full-size Hybrid blue ที่ทาง SteelSeries พัฒนาเอง |
Features | OLED Smart Display, RGB, N-Key Rollover, Anti-Ghosting |
Connectivity | USB |
Supported OS Configuration Software |
Windows, macOS, Xbox, PlayStation SteelSeries Engine |
Price | 4,390 บาท (Munkong Gadget Shopee Mall) |
6. ASUS ROG Strix Flare II Animate (4,490 บาท)
ASUS ROG Strix Flare II Animate นี้เป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดรุ่นที่ผู้เขียนแนะนำเป็นส่วนตัวเพราะฟีเจอร์ของมันมีให้ใช้งานเยอะมาก ทั้งไฟ LED AniMe Matrix LED, ไฟ RGB “AURA Sync” ที่ตัวคีย์บอร์ด, มีที่รองข้อมือ, Multimedia Key และยังปรับ Polling Rate ไปได้สูงสุด 8,000Hz ให้ตอบสนองได้เร็วทันใจและเป็นคีย์บอร์ดแบบ Hot-Swap เปลี่ยนสวิตช์บนคีย์บอร์ดได้ตามต้องการและทางบริษัทยังรองโฟมเอาไว้ในโครงคีย์บอร์ดเพื่อให้เสียงแน่นขึ้นและมี USB Passthrough ที่ตัวคีย์บอร์ดอีก เรียกว่าลูกเล่นเยอะฟีเจอร์ครบเครื่อง มีปุ่ม Windows Lock, 100% Anti-Ghosting, N-Key Rollover เซฟปุ่มมาโครเอาไว้ใช้งานและเปลี่ยนโปรไฟล์ได้อีกด้วย เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย USB และแนะนำให้ใช้กับระบบปฏิบัติการ Windows เป็นหลักเพื่อให้ใช้ดปรแกรม ASUS Armoury Crate ปรับแต่งการทำงานคีย์บอร์ดได้ตามต้องการยิ่งขึ้น สวิตช์รุ่นจำหน่ายไทยจะเป็น ROG NX Red Mechanical Switch ซึ่งทาง ASUS พัฒนาขึ้นมาเอง ต้องถือว่า ROG Strix Flare II Animate นี้เป็นคีย์บอร์ด Mechanical ที่สร้างมาเอาใจทุกคน ไม่ว่าจะเกมเมอร์ที่ต้องการฟีเจอร์เกมมิ่ง, คนทำงานที่ต้องการคีย์บอร์ดตั้งค่าได้หรือแม้แต่สาย Custom Keyboard ก็ถอดสวิตช์เปลี่ยนได้ตามชอบ จัดเป็นคีย์บอร์ดที่น่าใช้มากอีกรุ่นหนึ่ง
สเปคของ ASUS ROG Strix Flare II Animate
Keyboard Layout Switch |
100% Full-size ROG NX Red Mechanical Switch |
Features | LED AniMe Matrix LED, ไฟ RGB “AURA Sync”, Polling Rate 8,000Hz, Hot-Swap, Windows Lock, 100% Anti-Ghosting, N-Key Rollover, USB Passthrough, |
Connectivity | USB |
Supported OS Configuration Software |
Windows ASUS Armoury Crate |
Price | 4,490 บาท (CHI CHANG Shopee) |
7. Logitech MX MECHANICAL (8,500 บาท)
คีย์บอร์ด Mechanical รุ่นสุดท้ายที่เลือกมาแนะนำเป็น Logitech MX MECHANICAL โดยดีไซน์เป็นคีย์บอร์ดแบบ Full-size และจะมีรุ่น TKL ในซีรี่ส์อย่าง Logitech MX Mechanical Mini ซึ่งผู้เขียนเคยทำรีวิวไปก่อนหน้านี้ โดยคีย์บอร์ดนี้จะเป็นแบบ Low-Profile ปุ่มเตี้ยใช้แรงกดน้อยเหมือนแป้นคีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊ค เลือกสวิตช์ได้ 3 แบบคือ Tactile Quiet / Linear / Clicky มีไฟ LED Backlit ช่วยให้พิมพ์งานในที่แสงน้อยได้สะดวกยิ่งขึ้น เชื่อมต่อ Bluetooth หรือ USB 2.4GHz Dongle “Logi Bolt” ได้ 3 อุปกรณ์ไม่ว่าจะพีซี, โน๊ตบุ๊คก็ใช้งานได้ รองรับระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, Linux, Chrome OS, iPadOS, Android, iOS และตั้งค่าคีย์บอร์ดนี้ในโปรแกรม Logi Options+ เพื่อเซ็ตคีย์ลัดใช้งานได้ง่ายๆ และหากใครใช้อุปกรณ์ตระกูล Master อย่างเมาส์ MX Master 2S, 3, 3S เมื่อเปิด Logitech Flow แล้ว สามารถใช้เมาส์คีย์บอร์ดเซ็ตเดียวคุมคอมพิวเตอร์ที่จับคู่กับอุปกรณ์นี้ได้พร้อมกันทั้งหมดและถ้าเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi เดียวกันก็สามารถโอนไฟล์ข้ามเครื่องไปมาได้อีกด้วย แบตเตอรี่ในคีย์บอร์ดหากเปิดไฟ LED Backlit ใช้งานได้ 15 วัน หากปิดจะเพิ่มเป็น 10 เดือน ซึ่งถ้าผู้ใช้คนไหนต้องการคีย์บอร์ด Mechanical ปุ่มเตี้ยเอาไว้ใช้ทำงานเป็นหลักและต้องการใช้เมาส์คีย์บอร์ดเซ็ตเดียวคุมคอมพิวเตอร์ได้ถึง 3 เครื่องพร้อมกันล่ะก็ Logitech MX Mechanical ตัวนี้คือคีย์บอร์ดที่ดีน่าลงทุนซื้อมาใช้มาก
สเปคของ Logitech MX MECHANICAL
Keyboard Layout Switch |
100% Full-size Tactile Quiet / Linear / Clicky |
Features | Logitech Flow, LED Backlit, แบตเตอรี่ใช้งานได้ 10 เดือน |
Connectivity | USB 2.4GHz Dongle “Logi Bolt”, Bluetooth รองรับ 3 อุปกรณ์ |
Supported OS Configuration Software |
Windows, macOS, Linux, Chrome OS, iPadOS, Android, iOS Logi Options+ |
Price | 8,500 บาท (Bangkok Gadget Shopee) |
สำหรับคีย์บอร์ด Mechanical ณ ตอนนี้ถือเป็นคีย์บอร์ดยอดนิยมซึ่งปัจจุบันนี้มีทั้งรุ่นสำหรับเล่นเกมและใช้ทำงานได้ทั้งคู่หรือแม้แต่รุ่นที่ออกแบบมาทำงานโดยเฉพาะก็มีเช่นกัน ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงคิดว่าถ้าราคาแพงเช่นนี้ก็ซื้อคีย์บอร์ดธรรมดาๆ ราคาไม่กี่ร้อยบาทมาใช้ดีกว่า เราคงจะไม่ได้ใช้ฟีเจอร์ของคีย์บอร์ดหลักพันค่อนหมื่นเหล่านั้นให้ครบหรอก ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนเองขอเห็นต่างว่าถ้าเราใช้งานฟีเจอร์เหล่านั้นได้คล่องแคล่วและเซ็ตคำสั่งให้เข้ามือได้เมื่อไหร่ นอกจากจะทำงานได้เร็วและย่นระยะเวลาทำงานให้น้อยลงได้แล้ว ยังช่วยให้ทำงานได้สนุกแล้วเอาเวลาไปลงกับความสร้างสรรค์ได้มากขึ้นอีกด้วย