Connect with us

Hi, what are you looking for?

CONTENT

วิธีแก้ error -2147219196 เวลาเปิดรูปไม่ได้บน Windows

error -2147219196 เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเปิดไฟล์รูปภาพด้วยแอป Photo ของ Windows หากคุณพบปัญหานี้ล่ะก็ บทความนี้จะแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาให้คุณได้ลองทำกัน

error -2147219196
error -2147219196

คุณอาจเห็นข้อผิดพลาดของระบบไฟล์ error -2147219196 เมื่อพยายามเปิดรูปภาพผ่าน Windows Photo App ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Windows 10 เลย ในบางครั้ง error -2147219196 นี้ก็อาจเกิดขึ้นได้เมื่อคุณพยายามเปิดแอปอื่นๆ ของ Windows เช่นเครื่องคิดเลขเหมือนกัน(แต่ส่วนมากจะเจอกับแอป Photo เป็นส่วนใหญ่)

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เจอ error -2147219196 แล้วล่ะก็ มาดูกันดีกว่าว่าจริงๆ แล้วอะไรที่เป็นต้นเหตุของปัญหานี้และจะมีวิธีการใดบ้างที่คุณสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เองก่อนที่จะตัดสินใจลง Windows ใหม่ ว่าแล้วก็ไปติดตามกันเลย

Advertisement

  • error -2147219196 มีสาเหตุมาจากอะไร
  • error -2147219196 เกิดขึ้นกับใครได้บ้าง
  • วิธีแก้ปัญหา error -2147219196

error -2147219196 มีสาเหตุมาจากอะไร

error 2147219196 11 1

error -2147219196 นั้นปัจจุบันปรากฏเฉพาะใน Windows 10 เท่านั้นซึ่งมาจากการที่ตัวระบบปฎิบัติการ Windows นั้นป้องกันไม่ให้คุณใช้บางแอปพลิเคชันของระบบปฎิบัติการ Windows ได้(ส่วนใหญ่คือแอปรูปภาพ) 

ตามข้อมูลที่ปรากฎออกมานั้นพบว่า error -2147219196 เป็นผลมาจากข้อผิดพลาดภายในการปรับปรุง Windows ใน Windows Update ใหม่ล่าสุดเลยทำให้เกิด error -2147219196 นี้ขึ้น นอกไปจากนั้นยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่บอกเอาไว้ว่าบางครั้งแล้วปัญหา error -2147219196 นี้เกิดขึ้นมาจากสิทธิ์การเข้าถึงแอปที่เจอ error -2147219196 นั้นถูกเปลี่ยนแปลงไประหว่างที่ทำการอัปเดท Windows ผ่าน Windows Update


error -2147219196 เกิดขึ้นกับใครได้บ้าง

ในปัจจุบันนี้ “File system error (-2147219196)” ยังพบเฉพาะกับผู้ที่ใช้งานระบบปฎิบัติการ Windows 10 เท่านั้น ดังนั้นแล้วหากจะบอกว่า error -2147219196 เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ใช้ Windows 10 ก็ถือว่าได้ อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้น error -2147219196 นี้ไม่ได้พบเฉพาะกับปัญหาการเปิดไฟล์รูปภาพผ่านแอป Photo ของ Windows 10 เท่านั้นเนื่องจากมีรายงานออกมาว่ากลุ่มผู้ใช้ที่ใช้แอปของทาง Microsoft ที่ติดตั้งมาพร้อมกับ Windows 10 โดยตรงแอปอื่นๆ ก็พบปัญหาดังกล่าวนี้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นอาจจะสรุปได้ว่า error -2147219196 นี้เป็นปัญหาที่เกิิดขึ้นกับผู้ใช้งาน Windows 10 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใช่ว่าปัญหาดังกล่าวนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ Windows 11 เลย ดังนั้นวิธีแก่ปัญหาเบื้องต้นที่เราจะแนะนำในหัวข้อต่อไปนั้นก็ยังสามารถประยุกต์ใช้งานกับ Windows 11 ได้ด้วยในอนาคต(หากเกิด error -2147219196 ขึ้นมา)


วิธีแก้ปัญหา error -2147219196

สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหา error -2147219196 มีอยู่หลายวิธี ดังนั้นก่อนที่จะถอดใจแล้วติดตั้ง Windows ใหม่เราขอแนะนำวิธีการตั้งแต่ง่ายที่สุดไปจนถึงหนักที่สุดตามลำดับต่อไปนี้

1. เปิดใช้งาน Windows Store Apps Troubleshooter

เรียกใช้ตัวแก้ไขปัญหาแอพ Windows Store Windows 10 มีตัวแก้ไขปัญหาในตัวที่จะจัดการกับข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับแอพที่เป็นของ Microsoft Store (เช่น Photos) โดยอัตโนมัติ เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้ใช้งานก่อนที่จะดำดิ่งสู่การแก้ไขส่วนที่เหลือ

  • เปิดเมนู Start แล้วเลือก Settings
  • เลือกตัวเลือกที่มีข้อความว่า Update & Recovery
fix error 2147219196 001
  • เลือก Troubleshoot บนแถบด้านข้าง
  • เลือก Additional troubleshooters
fix error 2147219196 002
  • เลือก Windows Store Apps > Run the troubleshooter
fix error 2147219196 003

จากนั้นทำตามขั้นตอนแล้วลองใช้งานดูอีกรอบ หากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ให้ทำตามขั้นตอนต่อไป

2. ทำการ Repair แอป Microsoft Photos

วิธีการต่อมานี้คือการสั่งการให้ Windows ทำการแก้ไขแอป Microsoft Photos โดยตรงซึ่งสามารถที่จะทำได้ดังต่อไปนี้

  • เปิด Settings แล้วเลือกไปที่ Apps
  • ทางด้านขวามือของหน้าจอใหม่ที่ปรากฎขึ้นมาให่เลือกลงไปหาแอป Microsoft Photos คลิกหนึ่งครั้งแล้วเลือก Advanced options
fix error 2147219196 004

เลือก Terminate เพื่อทำการปิดแอปอย่างสมบูรณ์ก่อนหลังจากนั้นให้เลือก Repair

fix error 2147219196 005

รอให้สิ้นสุกกระบวนการจากนั้นทดสอบอีกรอบเพื่อดูว่าปัญหาได้ถูกแก้ไขแล้วหรือไม่ หากยังไม่ได้ให้ทำขั้นตอนต่อไป

3. ทำการ Reset แอป Microsoft Photos

fix error 2147219196 006

หากการ Repair แอป Photo ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ขั้นตอนต่อมาคือให้คุณลอง Reset แอป Photo เพื่อกำหนดให้แอปมีค่าเป็นค่าเริ่มต้นทั้งหมด สำหรับขั้นตอนนั้นจะเข้าไปตามหน้าต่างแบบเดียวกับวิธี Repair แต่ก่อนที่จะกด Repair นั้นให้เปลี่ยนจาก Repair เป็น Reset แทน

4. ทำการอัปเดทแอป Photo ผ่าน Microsoft Store

หากขั้นตอนที่ 1 – 3 ยังไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้คุณได้ ขั้นตอนต่อไปให้คุณลองทำการอัปเดทแอปผ่านทาง Microsoft Store ซึ่งทาง Microsoft มักจะมีการปล่อยอัปเดทออกมาค่อนข้างบ่อย(แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงจะตั้งให้อัปเดทอัตโนมัติบน Settings ใน Microsoft Store แล้วมันก็ไม่เคยอัปเดทให้อัตโนมัติสักที) สำหรับวิธีการนั้นจะมีดังต่อไปนี้

  1. เปิด Microsoft Store
  2. เลือกไอคอม Library ทางแทบด้านซ้ายตรงด้านล่าง(แต่ถ้าคุณยังใช้ Microsoft Store รุ่นเก่าอยู่คุณจะต้องทำการเปิดเมนู Store หรือไอคอนที่มีรูปจุด 3 จุดอยู่) จากนั้นให้เลือกที่ Downloads and updates
fix error 2147219196 007
  • เลือก Get updates หลังจากนั้นรอให้ Microsoft Store อัปเดทแอปทั้งหมด
fix error 2147219196 008

5. ลงทะเบียนแอป Photos ใหม่

fix error 2147219196 009

หากขั้นตอนทางด้านบนตั้งแต่ 1-4 ยังไม่สามารถช่วยได้ ในตอนนี้เราต้องใช้วิธีการที่ยากมากขึ้นด้วยการเข้าไปแก้ไขแอป Photo เพื่อทำการลงทะเบียนกับระบบ Windows ใหม่ผ่านทาง Command Prompt ซึ่งสามารถที่จะทำได้ดังนี้

  • กด Start เพื่อเรียก Menu ขึ้นมาแล้วพิมพ์ CMD จากนั้นให้ทำการคลิกขวาแล้วเลือก Run as administrator
  • คัดลอกข้อความต่อไปนี้แล้วนำไปวางในหน้าต่าง CMD ที่ปรากฎขึ้นมาจากนั้นกด Enter

PowerShell -ExecutionPolicy Unrestricted -Command “& {$manifest = (Get-AppxPackage *Photos*).InstallLocation + ‘\AppxManifest.xml’ ; Add-AppxPackage -DisableDevelopmentMode -Register $manifest}”

6. ลงทะเบียนแอปพลิเคชันทุกแอปที่ติดตั้งมาพร้อม Windows ใหม่ทั้งหมด

fix error 2147219196 010

ยาที่แรงขึ้นมาหากขั้นตอนที่ 5 ยังไม่สามารถช่วยได้ก็ Windows PowerShell (Admin)คือการบังคับให้ Windows ลงทะเบียนแอปพลิเคชันที่ติดตั้งพร้อมกับ Windows ใหม่ทั้งหมดโดยสามารถที่จะทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • กดปุ่ม Win + X พร้อมกันเพื่อเรียก  Windows PowerShell (Admin)
  • คัดลอกข้อความต่อไปนี้แล้วนำไปวางในหน้าต่าง Windows PowerShell (Admin) ที่ปรากฎขึ้นมาจากนั้นกด Enter

Get-AppXPackage | Foreach {Add-AppxPackage -DisableDevelopmentMode -Register “$($_.InstallLocation)\AppXManifest.xml”}

7. ทำการติดตั้งแอป Photo ใหม่

หากทำจนถึงขั้นตอนที่ 6 แล้วยังไม่สามารถใช้งานได้อีก ปัญหาอาจจะเกิดจากการที่ข้อผิดพลาดของคุณนั้นได้กินลึกลงไปในไฟล์แอป Photo เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นวิธีการขั้นต่อมาที่เราจะแนะนำก็คือการติดตั้งแอป Photo(หรือแอปที่มีปัญหาใหม่) ทว่าการที่จะทำแบบนี้ได้นั้นจะต้องได้ทำการสั่งงานผ่านผู้ใช้ที่เป็น SYSTEM เท่านั้น

โดยปกติแล้วผู้ใช้ SYSTEM นั้นก็คือตัวระบบปฎิบัติการ Windows เองทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่สามารถที่จะได้สิทธิ์ SYSTEM ด้วยวิธีปกติได้ เพื่อที่จะให้คุณได้สิทธิ์ SYSTEM ในการติดตั้งแอประบบใหม่นี้จะต้องใช้โปรแกรมช้วยอย่าง PsExec ซึ่งสามารถที่จะทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

fix error 2147219196 011
  • เข้าไปที่เว็บไซต์ PsExec page on Windows Sysinternals แล้วทำการดาวน๋โหลดไฟล์ PsTools
  • หลังจากโหลดเสร็จเรียบร้อยแล้วจะได้ไฟล์ .ZIP ให้ทำการแตกไฟล์ออกมาโดยเลือกสถานที่แตกไฟล์ดังกล่าวไปไว้ที่ C:/PSTools
fix error 2147219196 012
  • กดปุ่ม Win + X พร้อมกันเพื่อเรียก Windows PowerShell (Admin)
  • เมื่อเปิดขึ้นมาแล้วให้คัดลอกข้อความต่อไปนี้แล้วนำไปวางที่ Windows PowerShell จากนั้นกด Enter

Get-AppxPackage *photos* | Remove-AppxPackage

fix error 2147219196 013
  • จากนั้นให้เปิด Command Prompt(CMD) ขึ้นมาแล้วคัดลอกข้อความต่อไปนี้ไปวางที่ CMD จากนั้นทำการกด Enter

C:\PSTools\PsExec.exe -sid C:\Windows\System32\cmd.exe

fix error 2147219196 014
  • เมื่อกด Enter แล้วจะขึ้นหน้าจอตามด้านล่างนี้ให้ทำการกด Agree แล้วติดตั้งไปตามขั้นตอนจนเสร็จ หลังจากที่เสร็จแล้วจะมีหน้าต่าง Command Prompt(CMD) อีกอันหนึ่งรันขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
fix error 2147219196 015
fix error 2147219196 016
  • ในหน้าต่าง Command Prompt(CMD) ที่ปรากฎขึ้นมาใหม่ให้ทำการคัดลอกข้อความต่อไปนี้ไปวางไว้แล้วกด Enter

rd /s “C:\Program Files\WindowsApps\Microsoft.Windows.Photos_2021.21090.10008.0_x64__8wekyb38bbwe

หมายเหตุ – โฟลเดอร์ที่จัดเก็บแอป Photo นั้นจะเปลี่ยนไปทุกๆ ครั้งที่มีการอัปเดท Windows ใหม่ออกมาดังนั้นหากคุณไม่ทราบแน่ชัดว่า Windows 10 ของคุณเป็นเวอร์ชันไหนกันแน่ให้คุณทำตามขั้นตอนนี้

  • ขัดลอกข้อความด้านล่างนี้แทนแล้วนำไปวางในหน้าต่าง Command Prompt(CMD) ที่ปรากฎขึ้นมาใหม่

rd /s “C:\Program Files\WindowsApps\Microsoft.Windows.Photos_

  • ให้ทำการกดแป้นคีย์บอร์ด Tab แล้วรอจนให้เห็นข้อความแสดงเวอร์ชัน Windows ที่ลงท้ายด้วย x64 ก่อน(อาจจะต้องกด Tab 2 – 3 ครั้งถึงจะเห็น x64 ปรากฎขึ้นมา) จากนั้นค่อยกด Enter
  • เมื่อเสร็จสิ้นแล้วให้กดปิดหน้าต่าง Command Prompt(CMD) ไป หลังจากนั้นให้ทำการติดตั้งแอป Photo ใหม่ผ่านทาง Microsoft Store
fix error 2147219196 017

8. เปลี่ยนสิทธิ์เจ้าของแอป Photo เป็น TrustedInstaller

หากยังไม่ได้อีกให้ทำการเปลี่ยนสิทธิ์เจ้าของแอป Photo เป็น TrustedInstaller ตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • เปิด Windows PowerShell แล้วคัดลอกข้อความต่อไปนี้ไปวางจากนั้นกด Enter

takeown /F “%ProgramFiles%\WindowsApps” /r /d y

fix error 2147219196 018
  • เปิด File Explorer แล้วเลือก View > Hidden items ที่ Menu bar
  • ไปยังตำแหน่ง Local Disk C > Program Files > WindowsApps
fix error 2147219196 019
  • คลิกขวาที่โฟลเดอร์ Microsoft.Windows.Photos_[version number] แล้วเลือก Properties

หมายเหตุ – หมายเลขเวอร์ชันที่ตามหลังอาจจะแตกต่างกันไปตามเวอร์ชันของ Windows 10 ดังนั้นให้คลิกที่โฟลเดอร์ที่ลงท้ายด้วย x64 เท่านั้น

fix error 2147219196 020
  • เลือกไปที่แท็บ Security แล้วเลือกที่ Advanced
fix error 2147219196 021
  • เลือกที่ Change ด้านหลัง Owner
fix error 2147219196 022
  • พิมพ์ NT SERVICE\TrustedInstaller ตรงช่องว่างตามรูปด้านล่างแล้วคลิกที่ OK
fix error 2147219196 023
  • คลิก Replace owner on subcontainers and objects
fix error 2147219196 024

9. ทำการถอนการติดตั้ง Windows Update เวอร์ชันล่าสุดที่ก่อให้เกิดปัญหา

จริงๆ แล้วการที่จะมาถึงขั้นตอนนี้ได้นั้นค่อนข้างจะยากอยู่พอสมควร ทว่าหากคุณแก้ตามขั้นตอนด้านต้นทั้งหมดแล้วพบว่ายังคงไม่สามารถใช้งานได้อยู่เราก็จะแนะนำให้คุณถอนการติดตั้งอัปเดทเวอร์ชันล่าสุดของ Windows ที่คุณพึ่งลงไปดังขั้นตอนต่อไปนี้

fix error 2147219196 025
  • เข้าไปที่ Settings แล้วเลือก Update & Security หรือ Windows Update ทางแทบด้านซ้าย หลังจากนั้นให้เลือกที่  View update history ทางหน้าจอด้านขวา
fix error 2147219196 026
  • เลือก Uninstall updates
fix error 2147219196 027
  • เลือกไปที่อัปเดทล่าสุดที่พึ่งติดตั้งไปจากนั้นกด Uninstall

10. ใช้คำสั่ง SFC และ DISM

สำหรับวิธีการสุดท้ายที่เราจะแนะนำก็คือการสแกนหาไฟล์ข้อผิดพลาดของระบบและให้ระบบทำการซ่อมแซมไฟล์ดังกล่าวนั้นโดยสามารถที่จะทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • เปิด Windows PowerShell แล้วพิมพ์คำสั่ง sfc /scannow
fix error 2147219196 028
  • หลังจากนั้นให้ใช้คำสั่ง DISM.exe /Online /Cleanup-Image /Restorehealth
fix error 2147219196 029

เมื่อเสร็จแล้วให้ทำการรีสตาร์ทเครื่องเพื่อดูว่าอาการหายไปแล้วหรือไม่


หากทำมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วยังพบว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไข คุณจะเหลือ 2 ทางเลือกก็คือต้องรอ Windows Update เวอร์ชันใหม่ที่อาจจะได้รับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวปล่อยออกมา(หรืออาจจะหาโปรแกรมดูภาพฟรีจากอินเทอร์เน็ตมาใช้งานแทน) หรือไม่งั้นก็ต้องลง Windows 10 เท่านั้น(แต่ก็อาจจะเจอปัญหาเดิมอีก)

ที่มา : partitionwizard, helpdeskgeek, appuals

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

CONTENT

10 วิธีแก้คอมช้า เพิ่มความเร็วให้คอมเก่า Windows 10, 11 Speed up ทำเองได้ เล่นเกมลื่นขึ้น 10 วิธีแก้คอมช้า ที่นำไปลองทำเองได้ในช่วงปลายปี 2025 นี้ เพิ่มความเร็วคอมเครื่องเก่าได้ทั้ง Windows 10 และ Windows 11 เล่นลื่นกว่าเดิม ไม่ต้องโอเวอร์คล็อก ไม่ต้องปรับแต่งให้ยุ่งยาก...

Accessories review

ถ้าคุณเป็นครีเอเตอร์ Lexar Portable SSD SL400 คือไอเท็มสำคัญควรมีติดกระเป๋า! ในวงการหน่วยความจำแล้ว Lexar ก็เป็นผู้ผลิตหน่วยความจำระดับโลกซึ่งมีสินค้าหลากหลายแบบให้เลือกใช้ เช่น Lexar Portable SSD SL400 สำหรับครีเอเตอร์ยุคใหม่เจ้าของ iPhone 15 Pro และ 16 Pro Series ได้ถ่ายคลิปเก็บไอเดียสร้างสรรค์ไว้ทำงานต่อได้หรือพกคู่มือถือ Android...

Buyer's Guide

คอม All in One 7 รุ่นเด็ด จอใหญ่ ดีไซน์สวย สเปคดี ซีพียูแรง แรม 16GB พร้อม Windows 11 เน้นทำงานและความบันเทิง คอม All in One หรือ ออลอินวันพีซี เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการพีซีที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับคอมตั้งโต๊ะ แต่ประหยัดไฟและประหยัดพื้นที่ได้มากกว่า...

CONTENT

พบกับ 7 วิธีแก้ปัญหาหน้าจอมือถือมีอาการแสดงภาพบนหน้าจอแล้วกระพริบ(Flickering) อยู่ตลอดเวลา วิธีเบื้องต้นที่คุณสามารถทำเองได้ Flicker คืออาการที่ไฟส่องแสงออกมาไม่สม่ำเสมอ มีทั้งช่วงที่แสงจ้าและช่วงที่แสงอ่อน แต่ตาของคนเราอาจจะรับรู้ความแตกต่างได้ไม่มากนัก ซึ่งหากใช้ชีวิตอยู่กับแสงที่มี flicker เป็นเวลานาน ก็ออาจทำให้ปวดตา หรือตาอ่อนล้าได้ หน้าจอ iPhone หรือโทรศัพท์ Android ของคุณมีอาการหน้าจอกระพริบหรือ Flickering รึเปล่า หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกหรือสิ้นหวังอีกต่อไป เพราะในบทความเคล็ดลับบางประการที่คุณสามารถลองหยุดหน้าจอโทรศัพท์ไม่ให้กะพริบได้...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก