5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023 ซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ต้องมี จอ 3D, Dual monitor แรม DDR5 ระบบความปลอดภัยสุดล้ำ
5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023 จะซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ในปีนี้ มีอะไรน่าสนใจบ้าง ปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีที่มีโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ลงสู่ตลาด มีทั้งเทคโนโลยีด้านภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน พร้อมทั้งฟีเจอร์ที่ทันสมัย ช่วยให้ผู้ใช้โน๊ตบุ๊คสะดวกสบาย ไม่ว่าจะด้านการทำงาน การพกพาและความบันเทิง ซึ่งหากดูจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อย่างเช่นในงาน CES2023 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า มีโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ที่ใส่ฟีเจอร์ทันสมัย มาให้เลือกกับเกือบครบทุกค่ายเลยทีเดียว และถ้าคุณกำลังสนใจ ที่จะเปลี่ยนหรือซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ในช่วงปี 2023 นี้ และอยากจะได้สิ่งที่พิเศษมากขึ้น มาดูกันครับว่า มีสิ่งใดที่น่าสนใจ และเหมาะกับการใช้งานของคุณกันบ้าง
6 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023
- จอภาพ 3D แบบไม่ต้องใช้แว่น
- Dual screen จอเดี่ยวไม่พอ ต้องจอคู่
- แรม DDR5
- จอภาพอัตรารีเฟรชเรตสูง
- ฟีเจอร์ความปลอดภัยมากขึ้น
1.จอภาพ 3D แบบไม่ต้องใช้แว่น
เรื่องของจอแสดงผล มีหลายคนที่ใช้โน๊ตบุ๊คให้ความสนใจ ไม่น้อยไปกว่าเรื่องของสเปคและคุณสมบัติอื่นๆ เพราะคุณจะต้องมองหน้าจอคอมไปตลอดเมื่อใช้งาน ยกเว้นว่าจะเลือกต่อจอเพิ่มตามที่ชอบ ซึ่งจอในปัจจุบัน ก็มีให้เลือกทั้งแบบจอใหญ่ พาแนล OLED หรือมีอัตรารีเฟรชเรตสูงๆ แล้วแต่การใช้งานของแต่ละคน อย่างไรก็ดีมีจอภาพอีกแบบหนึ่ง ที่หลายคนให้ความสนใจ นั่นก็คือ จอที่แสดงผล 3 มิติได้ แบบที่ไม่ต้องใช้แว่นสามมิติ
สิ่งหนึ่งใน 5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023 เรียกว่าเป็นรูปแบบเทคโนโลยีที่ได้รับการผลักดันมาตั้งแต่ในช่วงต้นปี 2022 โดยมี Acer Predator Helios 300 SpatialLabs Edition มานำเสนอเป็นรายแรกๆ พร้อมย้ำชัดถึงความเป็นหน้าจอ 3D แบบไม่ต้องใช้งานแว่นสามมิติแต่อย่างใด ซึ่งผลที่ได้ต้องถือว่า เป็นการสร้างภาพสามมิติในแบบเรียลไทม์ วิธีการคือ ใช้กล้องติดตามการมองของดวงตาผู้ใช้ จากนั้นใช้เทคโนโลยีในการเรนเดอร์ เพื่อให้การมองในฉากเดียวกัน แยกออกเป็นสองมุม ให้ไปยังตาซ้ายและขวา จากนั้นใช้เอฟเฟกต์ เพื่อจำลองความลึกของภาพ นั่นก็ทำให้เวลาที่คุณมองไปยังฉากนั้นๆ จะกลายเป็นภาพสามมิติ ที่ดูมีมิติมากขึ้น
ซึ่งโดยพื้นฐานของโน๊ตบุ๊ค ยังถือว่าเป็นการต่อยอดจาก ConceptD 7 SpatialLabs Edition ซึ่งออกมาเพื่อเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับสาย Creator และคนทำงาน เพื่อใช้ในการพรีเซนท์งาน 3D ได้สะดวกยิ่งขึ้นนั่นเอง
และโน๊ตบุ๊ค Acer Predator Helios 300 SpatialLabs Edition ก็มาพร้อมขุมพลังที่แสนดุดัน ไม่ว่าจะเป็นซีพียูระดับ Intel Core i9, ให้แรม DDR5 32GB กราฟิกชั้นยอดในเวลานั้น อย่าง GeForce RTX3080 และเทคโนโลยีในการระบายความร้อนมาเต็มพิกัดอีกด้วย
ASUS ProArt Studiobook 16 3D
ก็ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คในแบบหน้าจอ 3D ซึ่งสื่อบางค่ายให้นิยามว่าเป็น World’s First Fglasses free 3D OLED Display หรือเป็นจอโน๊ตบุ๊คแบบ 3D OLED ตัวแรกของโลก ที่ไม่ต้องใช้แว่น 3D ด้วยการใช้เทคโนโลยี 3D OLED แบบที่ไม่ต้องใช้แว่นเช่นกัน เรียกว่า autostereoscopic จัดเป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มของ Creator โดยแท้จริง และให้หน้าจอแบบ 3D OLED ความละเอียด 3.2K และรีเฟรชเรตสูงถึง 120Hz พร้อมกับใช้เทคโนโลยีของกล้องในการติดตามสายตา เพื่อแสดงผลแบบแยกภาพให้ตาแต่ละข้างมองในมิติที่ต่างกัน เรียกว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีใน 5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023
แม้ว่าจะมีความคล้ายคลึงกับคู่แข่งอย่าง Acer อยู่บ้าง แต่จุดเด่นของ ASUS รุ่นนี้ก็คือ สามารถใช้งานได้สองคนพร้อมกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้การรับชมไม่ได้ถูกจำกัดมากนัก และออกจะเข้ากับแนวคิดของโน๊ตบุ๊ค สำหรับการสื่อสาร หรือแสดงภาพให้คนอื่นๆ มองเห็นภาพ 3D ไปพร้อมๆ กัน เช่น การนำเสนอให้ลูกค้าได้ดูเป็นต้น
สำหรับ Spatial Vision มีตัวอย่างที่เป็นเดโมเป็นภาพที่เคลื่อนไหวในห้วงอวกาศ ให้ภาพที่ดูสมจริง และมีมิติ เมื่อได้อัตรารีเฟรชเรต 120Hz ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การเคลื่อนไหวนุ่มนวลต่อเนื่องมากขึ้น และเทคโนโลยีนี้ ยังรองรับการเล่นเกมและชมวีดีโอในแบบ 3D จุดเด่นของจอรุ่นนี้ ยังมีอีกหลายด้านที่ดูน่าสนใจ เช่น เป็นจอ OLED ที่มีค่า Contrast ratio ระดับ 1,000,000:1 และรีเฟรชเรตสูง รวมถึง ASUS Spatial Vision Hub ที่ช่วยให้ดูภาพได้เพลิดเพลินมากขึ้น
แต่ที่น่าสนใจก็คือ เทคโนโลยี Spatial Vision ไม่ได้จำกัดเอาไว้แค่บนโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์หรือพรีเมียมอย่าง ASUS ProArt Studiobook เท่านั้น แต่ยังลงไปในตลาดโน๊ตบุ๊คระดับกลาง ใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย และที่จะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ Vivobook Pro 16X 3D OLED ที่เป็นสาย Creator เช่นกัน แต่เรื่องของราคาก็คงต้องรอการเปิดตัวกันอีกที แต่ลงในซีรีส์นี้ด้วย ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย
โดยโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ ที่มาพร้อม Spatial Vision นี้ จัดขุมพลังอย่าง Intel Gen13 มาคู่กับการ์ดจอ nVIDIA 40 series และใส่ MUX switch มาด้วย โดยมีค่า TDP 150W พร้อมกับแรม 64GB มีปุ่มหมุน ที่ใช้กับซอฟต์แวร์และงานระดับมืออาชีพ หน้าจอ 16″ สำหรับ ProArt Studiobook 16 นี้ ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,599USD หรือราวๆ 54,000 บาท กับในช่วงค่าเงินประมาณ 1USD = 33.87 บาท ก็ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสเปคแรง จอใหญ่รุ่นใหม่ ในราคาที่ไม่โดดเกินไปนัก
แต่สิ่งที่หลายคนอยากเห็น หรืออาจจะคิดอยู่นั่น น่าจะเป็นเรื่องของการใช้งาน ว่าจอภาพโน๊ตบุ๊คแบบ 3 มิติ ที่ไม่ต้องใช้แว่น จะมีประโยชน์ในการใช้งานในส่วนใดบ้าง และจะเหมาะกับงานระดับมืออาชีพมากน้อยเพียงใด แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ของ 5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023 ที่จะได้เจอกันต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้
2.Dual screen จอเดี่ยวไม่พอ ต้องจอคู่
จะว่าเป็น 5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023 กระแสใหม่ก็ไม่เชิง เพราะโน๊ตบุ๊คแบบจอคู่ เริ่มมีให้เห็นกันมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว และก็ไม่ใช่รูปแบบเดิมๆ แต่มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าย้อนกันไปในยุคเก่าก่อน ก็มีโน๊ตบุ๊คอย่าง HP OMEN X 2S ซึ่งเป็นแบบ Dual Screen ราคาประหยัด ที่มาพร้อมกับหน้าจอหลักความละเอียด Full-HD กับซีพียู Intel Core i7 และ i9 กับการ์ดจอที่สุดฮอตในเวลานั้น อย่าง RTX2070 และ RTX2080 จัดมาให้เกมเมอร์เล่นกันแบบเดือดๆ ซึ่งเวลานั้นคงต้องบอกว่าในส่วนของจอที่ 2 ที่เพิ่มขึ้นมา ถูกวางไว้ตรงด้านบนของคีย์บอร์ด ขนาดอาจไม่ใหญ่ หลักๆ ใช้ประโยชน์ในการตั้งค่าการสื่อสารบนโซเชียลเป็นหลัก เช่น Twitch, Discord, Spotify หรือใช้กับ OMEN Command Center เป็นต้น แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นของการใช้จอที่ 2 มาเป็นประโยชน์ได้ดีพอสมควร
และในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันทางค่าย ASUS ก็มีโน๊ตบุ๊คในแบบ Dual screen เช่นเดียวกัน แถมยังออกมาหลายรุ่นอีกด้วย เช่น
ASUS Zenbook และ Zenbook Pro Duo เป็นต้น โดยเฉพาะกับ Pro Duo นี้ จัดว่าทำออกมาเพื่อคอเกมและ Creator แบบจริงจังได้เลย โดยมีหน้าจอหลักขนาดใหญ่ ระดับ QHD หรือ 4K กับสีสันสดใส และยังให้ความแม่นยำสีค่อนข้างสูง เหมาะกับการทำงาน เสริมด้วยหน้าจอที่ 2 ในแบบทัชสกรีน รองรับการใช้ปากกา ASUS Pen ได้อีกด้วย เรียกว่าใช้ประโยชน์ได้แบบจัดเต็ม เท่านั้นยังไม่พอ ยังมี Screen Pad แทนที่ทัชแพดแบบเดิมๆ พร้อมสเปคแบบโหดๆ อย่าง Intel Core i9 มาพร้อมแรม 32GB และการ์ดจอ GeForce RTX2060 มาด้วย การใช้ประโยชน์จากจอรอง ก็มีความหลากหลาย เรียกว่า แยกแอพพลิเคชั่นการใช้งานกับจอหลักได้เลย
แต่แล้ว ASUS ก็คลอดโน๊ตบุ๊คจอคู่ตัวจริงมาให้กับเกมเมอร์ ASUS ROG Zephyrus Duo โดยมีหน้าจอเริ่ม 15.6″ ความละเอียด Full-HD รีเฟรชเรตสูง 300Hz เหมาะกับการเล่นเกมสุดๆ และจอรอง IPS ขนาด 14″ ความละเอียด 3840 x 1100 ใช้สำหรับการมอนิเตอร์ ดูหนัง หรือจะใช้แอพอื่นๆ ร่วมกันก็ได้ หรือจะใช้เป็นจอเสริมสำหรับการเล่นเกมได้เช่นกัน ขุมพลัง Intel Core i Gen10 ราคาเวลานั้นเริ่มต้นที่ 100,000 บาท การ์ดจอ GeForce RTX2070 โดยหน้าจอที่ 2 จะยกตัวขึ้น เมื่อกางหน้าจอออกมา
ขยับมาในรุ่นปัจจุบัน ก็ดูเหมือนจะมีเวอร์ชั่นล่าสุดออกมาของปี 2023 กับสเปคที่โหดและล้ำสุดๆ กับ AMD Ryzen 9 7000 series รุ่นใหม่ การ์ดจอ RTX4000 และแรม DDR5 โดยมีหน้าจอขนาด 16″ ความละเอียดระดับ 2K ขึ้นไป ให้อัตรารีเฟรชเรตที่สูงอีกด้วย และยังมีจอที่ 2 รองรับทัชสกรีน และใช้สไตลัสได้เช่นกัน รวมถึงมี ScreenPad มาอีกด้วย ในเวลานี้ยังไม่มีข้อมูลละเอียดนัก แต่ดูเหมือนว่า ฟีเจอร์ในการใช้งานจอที่ 2 ยังคงไม่ต่างไปจากเดิมนัก แม้จะให้คุณภาพจอแบบจัดเต็มมาก็ตาม แต่ก็นับว่าอยู่ใน 5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023 ได้เลย
นอกจากนี้ก็ยังมีค่ายอื่นๆ ที่ทำเป็นจอคู่ออกมาด้วย แต่เปลี่ยนรูปแบบไปมากขึ้น อย่างเช่น Lenovo Yogabook 9i ที่เพิ่งเปิดตัวไปในปี 2023 นี้ ซึ่งความโดดเด่นอยู่ที่ การเป็นหน้าจอแบบคู่จริง คือมีแต่จอมาให้ และยังเป็นจอทัชสกรีนอีกด้วย กับรายละเอียดที่ทาง Lenovo จัดมาให้อย่างเต็มที่ เน้นไปที่การใช้งานในชีวิตประจำวัน และสาย Creator ด้วยเช่นกัน
ผู้ใช้จะเลือกใช้งานในแบบฝาพับ คือเป็นจอเดียวได้ โดยอีกจอจะทำหน้าที่เป็นคีย์บอร์ด ซึ่งจะใช้เป็นคีย์บอร์ดแบบสัมผัสนั่นเอง หรือจะใช้จอคู่ แล้วแยกติดตั้งคีย์บอร์ดบลูทูธ ก็ได้เช่นกัน ส่วนการใช้แบบจอคู่ ก็ใช้ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ขึ้นอยู่กับคุณจะใช้งานในโหมดอะไร เช่น อยากจะเปรียบเทียบข้อมูล ใช้งานเอกสาร หรือดูหุ้น ท่องเน็ตไปพร้อมๆ กัน ใช้เป็นจอคู่แนวตั้งได้ หรือถ้าอยากดูหน้าเอกสารยาวๆ ท่องเน็ตดูได้ทั้งหน้าเพจ ก็เลือกเป็น clamshell mode หรือโหมดปกติได้เลย ก็จะได้เป็น 2 จอ ดูได้ยาวๆ แทบไม่ต้องสกอลล์เมาส์กันเลยทีเดียว
แต่สิ่งที่สำคัญคือ เป็นจอขนาดกระทัดรัด 13.3″ ความละเอียด 2.8K ที่สามารถพกพาได้สะดวก โดยมีขุมพลัง Intel Core i7 Gen13 แรม DDR5 16GB และ SSD 512GB มีพอร์ต Thunderbolt4 มาให้ แบตเตอรี่ระดับ 14 ชั่วโมง ในกรณีที่ใช้งานจอเดียว บอดี้เรียกได้ว่าพรีเมียมสุดๆ อย่างไรก็ดีสนนราคาที่หลายฝ่ายวิเคราะห์กันมา ก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มพรีเมียมได้ และจัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีใน 5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023
3.แรม DDR5
จะเรียกว่าเป็น 5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023 ก็ไม่เชิงเพราะแรม DDR5 นี้ มีอยู่บนพีซีมาเกือบปีแล้ว หลังจากที่แพลตฟอร์มของ Intel Gen12 วางตลาด แต่ในช่วงนั้น ก็ยังเป็นเวลาของแรม DDR4 เป็นส่วนใหญ่ เพราะราคายังค่อนข้างสูง และดูเหมือนจะลดลงมาบ้าง ในช่วงที่มี Intel Gen13 และล่าสุด AMD Ryzen 7000 series ที่มาพร้อมเมนบอร์ดที่รองรับแต่แรม DDR5 เท่านั้น โดยในช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าราคาของ DDR5 ก็ลดลงมาเรื่อยๆ จนเวลานี้ คุณสามารถหาซื้อแรม DDR5 5200 สำหรับพีซี 32GB ในราคาถูกสุดประมาณ 6,100 บาทเท่านั้น
ส่วนในตลาดของโน๊ตบุ๊คนั้น กว่าจะขยับมาที่แรม DDR5 ได้ ก็เรียกว่าใช้เวลาพอสมควร กว่าจะได้แพลตฟอร์มสำหรับซีพียูรุ่นใหม่ เพราะในช่วงแรก ไม่ว่าจะเป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้ซีพียู Intel Gen12 ก็ยังมาพร้อมกับแรม DDR4 เป็นส่วนใหญ่ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และอาจทำให้โน๊ตบุ๊คราคาสูงเกินไป ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่ จะได้สัมผัสกับแรม DDR5 ก็ต้องมาในช่วงหลัง และยังเป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งเป็นหลักอีกด้วย
แต่ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา การมาของซีพียู Intel Gen12 ที่เป็น H series ก็ทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลง โดยมีโน๊ตบุ๊คที่ใช้แรม DDR5 เพิ่มมากขึ้น มีทั้งแบบที่เป็น LPDDR5 ที่เป็นออนบอร์ดและแบบ DDR5 ในแบบ SO-DIMM ที่เป็นสล็อตเพิ่มเติมได้ และที่สำคัญราคาเริ่มต้นเพียง 30,000 ต้นๆ เท่านั้น และไม่เจาะจงว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คอีกด้วย ทำให้ผู้ใช้โน๊ตบุ๊คระดับกลาง แต่ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น ในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น
หรือแม้กระทั่งค่ายคู่แข่งอย่าง AMD กว่าจะผ่านมาสู่แพลตฟอร์มของแรม DDR5 บนโน๊ตบุ๊คได้ ก็ใช้เวลาพอสมควรเช่นกัน หลังจากที่เปลี่ยนจาก Ryzen 3000 series มาสู่ Ryzen 5000 series ก็ยังเป็นแรม DDR4 อยู่
ดังนั้นหากคุณต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูง และใช้งานร่วมกับแรม DDR5 ก็ต้องขยับมาใช้ในรุ่นที่เป็น Ryzen 6000 series รุ่นใหม่ หรือใช้เป็น Ryzen 7000 series ใหม่ล่าสุด ซึ่งจะรองรับแค่แรม DDR5 เท่านั้น
ส่วนถ้าถามว่าความแตกต่างของแรม DDR4 และ DDR5 มีมากน้อยเพียงใด คิดว่าหลายท่านน่าจะเคยได้เห็นหรือสัมผัสกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในการรีวิวของทางทีมงานไปบ้างแล้ว แม้ว่าแรม DDR5 บนโน๊ตบุ๊คในหลายๆ รุ่น จะเริ่มต้นที่ DDR5 4800MT/s ก็ตาม แต่เรื่องของแบนด์วิทธิ์ รวมถึงประสิทธิภาพ เหนือกว่า DDR4 3200 ที่มีอยู่ในปัจจุบันพอสมควร อีกทั้งราคาของโน๊ตบุ๊คทั้ง 2 แบบนี้ ก็แทบจะใกล้เคียงกันเลยทีเดียว
ด้วยแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ทาง Intel และ AMD ปล่อยมาในช่วงหลังนี้ ไม่ว่าจะสำหรับโน๊ตบุ๊คทำงาน หรือเล่นเกม ก็มีแนวโน้มว่าจะไปทางแรม DDR5 กันเกือบหมดแล้วทั้งสิ้น ส่วนต่างจะมีแค่ โน๊ตบุ๊คบางรุ่น เป็นแรมแบบออนบอร์ด LPDDR5 แต่บางรุ่นจะมีทั้งออนบอร์ด และสล็อตมาให้อัพเกรด และเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คส่วนใหญ่ จะให้สล็อตแรมมาแบบ 2 สล็อต อัพเรดได้ในระดับ 64GB อีกด้วย จัดอยู่ใน 5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023 ได้เลย
4.จอภาพอัตรารีเฟรชเรตสูง
อัตรารีเฟรชเรตของหน้าจอ มีผลต่อความสบายตา และการเคลื่อนไหวของภาพบนหน้าจออย่างมากทีเดียว เพราะผู้ใช้จะมองภาพได้เรียบเนียนมากขึ้น โดยเฉพาะเกมเมอร์ ที่เล่นเกมบนโน๊ตบุ๊คเป็นหลัก ไม่ได้ต่อจอนอก นอกจากเฟรมเรตที่ลื่นไหล อัตรารีเฟรชเรตของจอภาพ ก็มีผลไม่น้อยทีเดียวครับ
หนึ่งใน 5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023 นี้ จากเดิมเราอาจจะคุ้นเคยกับโน๊ตบุ๊คที่มีอัตรารีเฟรชเรตพื้นฐาน สำหรับการใช้งานทั่วไปอย่าง 60Hz ซึ่งจัดว่าเพียงพอต่อการใช้งานกันอยู่แล้ว แต่เมื่อขยับมาเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเริ่มต้นในช่วงแรก ก็เริ่มต้นกันที่ 120Hz ขยับมา 144Hz ซึ่งอยู่ในระดับที่ดี เหมาะกับการเล่นเกม ในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็น Acer Nitro, Predator Helios 300, ASUS TUF หรือจะเป็น MSI Katana เป็นต้น ซึ่งยังเป็นอัตรารีเฟรชเรต ที่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับเริ่มต้นหลายค่ายใช้กันอยู่ เพราะดูสอดคล้องกับสเปคที่มีให้ และราคาไม่สูงเกินไปนัก
มาถึงในช่วงหลังนี้ เราจะได้เห็นจอโน๊ตบุ๊คที่ให้อัตรารีเฟรชเรตสูงมากขึ้น เรียกว่ามากกว่า 165Hz ขึ้นไป ตั้งแต่ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา Asus Zephyrus M16, Lenovo Legion 5 Pro, Acer Predator Helios หรือ Razer Blade 14 เป็นต้น
เราก็เริ่มได้เห็น 240Hz และ 300Hz กันมากขึ้น ระดับนี้ ก็เรียกว่าจัดอยู่ในตัวท็อปๆ กันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Alienware m17 R5 240Hz GIGABYTE G5 มีทั้ง 240Hz และ 144Hz หรือจะเป็น MSI Raider GE67 HX หรือขยับมาในระดับ 300Hz ก็มีด้วยกันหลายรุ่น เช่น ASUS ROG Strix G15, ASUS Zephyrus G15
แต่ในกลุ่มของไฮเอนด์เกมมิ่ง ก็มีตัวเลือกของจอระดับ 360Hz เรียกว่าเร็วขั้นสุด ประกอบด้วย ASUS ROG Strix Scar 17, MSIl GE76 Raider, Razer Blade 15, MSI GS76 Stealth หรือจะเป็น Acer PREDATOR TRITON 300 Alienware m17 R5 360Hz เป็นต้น
แต่ที่น่าสนใจคือ ในปัจจุบันไม่ใช่แค่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเท่านั้น ที่มีอัตรารีเฟรชเรตสูง แต่มีโน๊ตบุ๊คทำงานกึ่งเกมมิ่ง ให้ประสิทธิภาพสูง ภายใต้บอดี้กระทัดรัด หลายรุ่นที่ออกมา อาทิ MSI Prestige 16 Evo เป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน ในกลุ่มพรีเมียม มาพร้อมจอ 165Hz, Asus Zenbook 14X OLED 120Hz หรือ Vivobook Pro 16 ก็เป็นแบบ 120Hz เช่นกัน หรือจะเป็น Lenovo Yoga Slim 7 ProX ก็มาพร้อมจอ 120Hz เช่นกัน
5.ฟีเจอร์ความปลอดภัยมากขึ้น
ในยุคที่ข้อมูลหลุดรั่วไหลได้ง่ายมากๆ เช่นในปัจจุบัน การรักษาความเป็นส่วนตัว และข้อมูลสำคัญ คือสิ่งจำเป็น สิ่งนี้จัดว่าเป็นหนึ่งใน 5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023 ที่ควรต้องมีเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ หลายคนใช้การ Log-in ด้วยการกรอกรหัส หรือใส่ Password เพื่อความเป็นส่วนตัว และในช่วงหลังมานี้ ก็มีฟีเจอร์อย่าง Windows Hello ที่ใช้การสแกนใบหน้า ในการล็อคอินเข้าระบบ เพียงแต่มีเงื่อนไขเล็กน้อยคือ ต้องเป็นกล้องแบบ IR Camera หรือสนับสนุนการใช้ฟีเจอร์นี้ ร่วมกับวินโดว์ รวมถึงการสแกนนิ้วมือ ที่มักจะมาควบคู่กัน หรือจะมีให้เลือกแบบใดแบบหนึ่ง จะมีโน๊ตบุ๊คไม่กี่รุ่นเท่านั้น ที่สนับสนุนการเข้าระบบทั้ง 2 แบบ และมักจะพบในโน๊ตบุ๊คระดับ Business เป็นหลัก
แต่เรื่องของระบบความปลอดภัย ก็ไม่ได้มีแค่เรื่องของการเข้ารหัส สแกนใบหน้า หรือสแกนนิ้วยืนยันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเป็นส่วนตัวด้วย เช่น บางรุ่นมาพร้อมม่านชัตเตอร์ ที่ใช้ปิดหน้ากล้องเว็บแคมแบบ Manual หรือปิดด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันในกรณีที่เผลอ ลืมปิด ระหว่างทำงานหรือไม่ได้ปิดโปรแกรมหลังประชุม ตัวปิดชัตเตอร์นี้ จะลดปัญหาภาพที่ไม่พึงประสงค์ได้เยอะเลย
หรือบางค่ายก็ให้ระบบความปลอดภัย มาในแง่ของการป้องกันการแอบใช้งาน หรือแอบดูข้อมูล อย่างเช่นฟีเจอร์ TOBii Aware ที่มีให้บนโน๊ตบุ๊ค MSI บางรุ่น จัดว่าอำนวยความสะดวก และช่วยปกป้องข้อมูลความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้ดีทีเดียว ตัวอย่างเช่น การป้องกันการแอบดู ระบบจะเบลอหน้าจอ หรือ Dim screen หรือลดแสงหน้าจอลงทันที ที่มีคนมาแอบดูข้อมูลจากด้านหลังผู้ใช้ หรือ Lock หน้าจอให้ เมื่อเจ้าของโน๊ตบุ๊ค เดินไปจากหน้าจอ และทำการ Log-In ให้ทันที เมื่อมาอยู่หน้าจะ เพราะระบบจะสแกนใบหน้าให้อีกด้วย
เรื่องของระบบความปลอดภัย อาจจะไม่ได้ซับซ้อนเหมือนกับการใช้งานเครื่องเซิร์ฟเวอร์ เวิร์กสเตชั่นหรือในเครื่องระดับองค์กร แต่เน้นความเป็นกันเองระหว่างผู้ใช้กับระบบ ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเอง
Conclusion
5 ฟีเจอร์ใหม่ในโน๊ตบุ๊ค 2023 ที่เรานำมาเสนอนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของที่กำลังจะเข้ามาอยู่บนโน๊ตบุ๊คปี 2023 นี้ เพราะยังมีลูกเล่นใหม่ๆ ลงตลาดอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่ Flip สลับได้ หรือความสว่างของหน้าจอที่มากกว่าเดิม เพื่อเพิ่มความคมชัด และพอร์ตความเร็วสูง ที่ดูจะเข้ามาเป็นมาตรฐานบนโน๊ตบุ๊คพื้นฐานเกือบทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น USB-C PD Charge, DP และ Thunderbolt 4 อีกด้วย ส่วนในด้านของ Storage PCIe 5.0 คงต้องรอความชัดเจนในช่วงปลายปีนี้ หลังจากที่ลงตลาดให้กับผู้ใช้พีซีเดสก์ทอปได้สักระยะหนึ่ง ซึ่งหากมีสิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามา เราจะมาอัพเดตให้ได้ทราบกันเป็นระยะอีกครั้งหนึ่งครับ