Razer Naga V2 Pro พญานาคปุ่มมาโครรุ่นใหม่ ดุดันไม่เกรงใจใคร! เล่นเกมก็เทพทำงานก็รุ่ง!!
Razer Naga V2 Pro เกมมิ่งเมาส์รุ่นใหม่ในตระกูล Naga ซึ่งตั้งต้นจากการเป็นเมาส์เพื่อเกม MOBA โดยเฉพาะ แต่เมื่อเทคโนโลยีและดีไซน์ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ดีไซน์ของเมาส์ตระกูล Naga ก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากเมาส์พร้อมปุ่มมาโคร 12 ปุ่มข้างตัวแบบเดียว ก็สามารถแกะถอดฝาเปลี่ยนจำนวนปุ่มให้ลดลงเป็น 6 หรือ 2 ปุ่มให้เหมาะกับสไตล์เกมที่เล่นได้ง่ายๆ ตั้งค่าไฟ RGB หรือการทำงานของปุ่มแต่ละปุ่มบนตัวเมาส์ได้ในโปรแกรม Razer Synapse 3 และ Razer Chroma ได้ด้วย
ด้านจุดเด่นน่าสนใจของเมาส์นี้ นอจากการเปลี่ยนกรอบฝาข้างแล้วทาง Razer ได้เสริมฟีเจอร์ดีๆ เข้ามาใน Razer Naga V2 Pro อีกเพียบ ทั้งปุ่มเปลี่ยนไฟ RGB ออนบอร์ดบนตัวเมาส์, ปุ่มปรับโหมดสกรอล์เมาส์ Razer HyperScroll Pro ให้สัมผัสตอนใช้งานต่างจากลูกล้อทั่วไปถึง 6 แบบ ได้แก่ Standard ใช้ตามแบบสกรอล์เมาส์ทั่วไป, Distinct ลูกล้อมีความแข็งฝืนนิ้วมาก, Ultra-fine สกรอล์มีความลื่นต่อเนื่องตามการเลื่อนนิ้ว, Adaptive สกรอล์เมาส์มีความแข็งฝืนนิ้วเล็กน้อยคล้ายการหมุนลูกบิด, Smooth Scroll หรือ Custom ปรับการตอบสนองได้ตามใจของผู้ใช้ว่าต้องการความแข็งและความต่อเนื่องเท่าไหร่ ก็ปรับเซ็ตได้ตามถนัดเลย
ส่วนอื่นๆ ที่ได้รับการอัพเกรด คือ Razer Naga V2 Pro ได้เปลี่ยนหัวพอร์ตของสาย Razer Speedflex จาก MicroUSB มาเป็น USB-C แทนแล้ว ทำให้หาสายชาร์จแบตให้เมาส์ได้ง่ายขึ้นและเชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Bluetooth หรือ Razer HyperSpeed Wireless USB Dongle ก็ได้ เปลี่ยนเซนเซอร์เป็นรุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูงอย่าง Razer Focus Pro 30K ซึ่งตอบสนองได้เร็วและต่อเนื่องและละเอียดยิ่งขึ้น คมยิ่งกว่าเซนเซอร์ Razer Focus+ รุ่นก่อนอย่างชัดเจนแถมยังซื้ออุปกรณ์เสริมอย่าง Razer Mouse Dock Pro หรือแท่นวางเมาส์มาใช้ชาร์จแบตเมื่อใช้งานเสร็จแล้วได้ด้วยแถมยังมีลูกเล่นอย่าง Razer Wireless Charging Puck หรือเหรียญแปลงระบบเมาส์ให้ใช้กับแท่นชาร์จไร้สายหลายๆ รุ่นในปัจจุบันได้ โดยใส่แทนฝาปิดขั้วใต้เมาส์แล้วใช้งานได้ทันที จัดว่า Naga V2 Pro ตัวนี้มีลูกเล่นน่าสนใจให้เกมเมอร์ใช้งานเพียบ!
NBS Verdicts
Razer Naga V2 Pro เป็นเมาส์เกมมิ่งที่แม้จะเริ่มจากเมาส์สาย MOBA แต่มันก็ถูกพัฒนาดีไซน์ให้เปลี่ยนเพลตข้างให้มีจำนวนปุ่มน้อยลงให้เข้ากับเกมสไตล์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะ RPG, FPS หรือจะเซ็ตคีย์ลัดเอาไว้ใช้ทำงานก็สะดวกทีเดียว ดังนั้นเจ้าของเมาส์ Razer ตัวนี้เมื่อตั้งค่ามันใน Razer Synapse 3 เสร็จก็เซฟโปรไฟล์เก็บเอาไว้ออนบอร์ดได้และกดเปลี่ยนด้วยปุ่มสลับโปรไฟล์ใต้เมาส์ได้อีกด้วย ดังนั้นถ้าใครจะใช้เมาส์ตัวเดียวเหมาทุกหน้าที่ Naga V2 Pro ก็รับหน้าที่นั้นได้สบายๆ เวลาไปทำงานก็สลับเข้าโหมด Bluetooth ต่อโน๊ตบุ๊คทำงานแล้วกลับมาบ้านก็สับสวิตช์เปลี่ยนโหมดต่อ HyperSpeed USB Dongle เปลี่ยนโปรไฟล์แล้วเล่นเกมต่อได้ทันที จ่ายทีเดียวใช้ได้ทุกหน้าที่อย่างนี้ก็ถือว่าคุ้ม
การตอบสนองของเมาส์ไม่ว่าจะใช้ Razer HyperSpeed Wireless USB หรือ Bluetooth ก็ยังตอบสนองได้รวดเร็วทันใจไม่ต่างกับการต่อด้วยสาย Razer Speedflex USB-C แม้แต่นิดเดียว ต้องถือว่าเทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลแบบไร้สายนั้นมาถึงจุดที่ดีมากจนแทบไม่ต่างกับการใช้สาย USB แถมระยะเวลาใช้งานยังอยู่นานถึง 150~300 ชั่วโมง หากแบตเตอรี่ใกล้จะหมดก็ต่อสาย Razer Speedflex USB-C แล้วเล่นเกมต่อหรือจะซื้อแท่นชาร์จมาตั้งเอาไว้ พอจะนอนก็วางทิ้งไว้บนแท่นแล้วหยิบออกมาใช้ตอนเช้าต่อได้เลย นอกจากนี้ทางบริษัทยังออกแบบให้ Razer HyperSpeed Wireless USB ตัวเดียวรับสัญญาณจากเมาส์และคีย์บอร์ดเกมมิ่งของ Razer ได้พร้อมกัน ไม่ต้องต่อแยกให้เปลืองช่อง USB และได้ความสะดวกไปเต็มๆ
ดีไซน์ Naga V2 Pro ยังคงเหมือนกับ Naga Pro รุ่นก่อนหน้าที่ยังเอื้อมือขวาเป็นหลักและมีสันโค้งเอาไว้พาดนิ้วนางให้มีที่วางได้ถนัดมือแล้วเกมเมอร์ก็สามารถหนีบนิ้วโป้งกับก้อยเข้าหาตัวเมาส์ให้จับได้กระชับมือและนิ้วไม่พาดลงมาถึงแผ่นรองเมาส์เลย ดังนั้นตอนลากเมาส์ไปมาจึงเร็วทันใจไม่สะดุดแม้แต่น้อย แต่อย่างไรก็ตาม ตัว Razer Naga V2 Pro มีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงเหมาะกับเกมเมอร์มือใหญ่สักนิดถึงจะจับได้ถนัด ผิดกับ Razer Naga รุ่นก่อนๆ ที่ยังออกแบบให้เหมาะกับเกมเมอร์มือเล็กจับได้ถนัดมือด้วย ส่วนของน้ำหนักเฉพาะตัวเมาส์ 134 กรัมนั้น หากเทียบกับเมาส์เกมมิ่งแบรนด์คู่แข่งต้องถือว่ามันเป็นเมาส์เกมมิ่งที่มีน้ำหนักพอควร ไม่เหมาะกับคนจับแบบ Fingertip Grip นัก
ข้อดีของ Razer Naga V2 Pro
- เปลี่ยน Side Plate ข้างเมาส์ได้ 3 แบบ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย
- ตั้งมาโครให้ปุ่มข้างเมาส์ได้มากสุด 20 ปุ่ม เหมาะกับการเล่นเกมหรือใช้กดคีย์ลัดตอนทำงานก็ได้
- ดีไซน์เมาส์จับถนัดมือมาก มีที่รองนิ้วนางไม่ให้ตกไปจนแตะพื้นโต๊ะจึงใช้งานได้สะดวก
- ตั้งโปรไฟล์ออนบอร์ดได้ 5 แบบ แยกได้ตามเกมหรือเอาไว้ทำงานก็ได้
- สกรอล์เมาส์สามารถปรับสไตล์การหมุนเลื่อนหน้าจอได้ 6 แบบตามต้องการ
- เซนเซอร์ปรับค่า DPI ได้สูงมากถึง 30,000 DPI และปรับค่า DPI ได้ละเอียดมาก
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 150~300 ชั่วโมง จัดเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่มเกมมิ่งเมาส์ไร้สาย
- มีหัวแปลง USB-C to A แถมมาให้หัวรับสัญญาณ USB ใกล้เมาส์ให้รับส่งสัญญาณได้ดีขึ้น
- ใช้แท่นชาร์จ Razer Mouse Dock Pro หรือ Wireless Charging Puck เพื่อชาร์จแบตได้
- Razer HyperSpeed Wirelesss USB ใช้รับสัญญาณจากเมาส์และคีย์บอร์ด Razer พร้อมกันได้
- มีโปรแกรม Razer Cortex พ่วงมาช่วยจัดการทรัพยากรเครื่องตอนเล่นเกม ช่วยเพิ่มเฟรมเรทได้
ข้อสังเกตของ Razer Naga V2 Pro
- ดีไซน์เน้นเกมเมอร์ถนัดมือขวาเท่านั้น ไม่ใช่ทรง Ambidextrous ที่จับถนัดได้ทั้งสองมือ
- เมาส์มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนัก 136 กรัม เทียบกับแบรนด์คู่แข่งแล้วจัดว่าหนัก
- ราคาเมาส์ 7,490 บาท เมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่งแล้วราคาสูงแต่ก็ได้ฟีเจอร์เยอะ
รีวิว Razer Naga V2 Pro
Specification
Razer Naga V2 Pro เป็นเมาส์เกมมิ่งรุ่นปรับแต่งดีไซน์บางส่วนจาก Razer Naga Pro ซึ่งวางขายไปก่อนหน้านี้ หากนำสเปคมาเทียบกันจะเห็นว่าบอดี้ภายนอกค่อนข้างเหมือนกันแต่รายละเอียดที่ต่างไป คือฟีเจอร์ภายในตัวเมาส์ซึ่ง Naga V2 Pro มีความโดดเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตามสเปคในตารางข้างล่างนี้
เทียบสเปค Razer Naga | Naga Pro | Naga V2 Pro |
Dimension (ยาว x กว้าง x สูง) |
4.69″ x 2.93″ x 1.69″ | 4.7″ x 2.97″ x 1.72″ |
Weight | – | 134 กรัม (เฉพาะเมาส์) |
Connectivity | Razer HyperSpeed Wireless USB Bluetooth สาย Razer Speedflex USB |
Razer HyperSpeed Wireless USB Bluetooth สาย Razer Speedflex USB-C |
Battery Life | 150 ชั่วโมง | 150 ชั่วโมง (HyperSpeed) 300 ชั่วโมง (Bluetooth) |
Button | 10 /14 / 20 ปุ่ม เปลี่ยนฝาข้างได้ 3 แบบ เซฟโปรไฟล์ออนบอร์ดได้ 5 แบบ |
|
DPI สูงสุด | Razer Focus+ 20,000 DPI | Razer Focus Pro 30K 30,000 DPI |
Speed | 650 | 750 |
Acceleration | 50 | 70 |
Software | Razer Chroma RGB Razer Synapse 3 |
Razer Chroma RGB Razer Synapse 3 |
Price | 3,390 บาท (c2p_gaming gear Shopee) *หาได้ตามร้านตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น ปัจจุบัน Razer Official Store ยกเลิกการจำหน่ายแล้ว* |
7,490 บาท (Razer Shopee Mall) |
Unboxing
กล่องเมาส์ Razer Naga V2 Pro จะมีคุณสมบัติของตัวเมาส์เขียนติดเอาไว้ด้านข้างและหลังของกล่องว่าจุดเด่นของเมาส์ตัวนี้จะมีเซนเซอร์ใหม่, สกรอล์เมาส์ HyperScroll Pro และ Optical Mouse Switch ซึ่งตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและมีวิธีการเปลี่ยนกรอบข้างเพิ่มลดปุ่มมาโครของตัวเมาส์สกรีนเอาไว้ให้ แต่เมื่อเทียบหน้ากล่องจะเห็นว่าตัวกล่องรุ่นเก่าและใหม่ไม่ได้ต่างกันมาก ยกเว้นโลโก้ Razer HyperSpeed มุมบนขวามือที่หายไปและเพิ่มคำว่า V2 และทำภาพสกรีนบนกล่องให้เป็นแบบพลาสติกเนื้อมันแทนการสกรีนภาพติดลงไปตามปกติ
นอกจาก Razer Naga V2 Pro ในกรอบพลาสติกกับเพลตข้างเมาส์อีก 2 ชิ้นแล้ว จะมีคู่มือ, สติ๊กเกอร์, หัวแปลง USB-C to A สำหรับลากสาย Razer Speedflex USB-C เข้าแล้วต่อกับหัว USB Dongle “Razer HyperSpeed” เพื่อให้หัวรับสัญญาณ USB อยู่ใกล้กับเมาส์ที่สุดพร้อมสลักชื่อแบรนด์เอาไว้ด้วย หรือถ้าแบตเตอรี่เมาส์ใกล้หมดก็สามารถถอดสายแล้วชาร์จเมาส์ไปเล่นไปได้ด้วย ซึ่งข้อดีของมันทำให้เวลาต่อคอมพิวเตอร์ด้วย HyperSpeed สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วเหมือนใช้เมาส์สายแบบปกติ
ด้านอุปกรณ์เสริมที่ได้กล่าวไปข้างต้น อย่างแท่นชาร์จเมาส์ Razer Mouse Dock Pro หรือเหรียญแปลงให้รองรับการชาร์จไร้สาย Razer Wireless Charging Puck เป็นสินค้าขายแยกต่างหาก จึงไม่มีแถมมาให้ในกล่อง ซึ่งถ้าต้องการซื้อมาใช้งานก็ยังสั่งผ่านทางหน้าเว็บไซต์ Razer แล้วให้ Ship สินค้าส่งเข้ามาในประเทศไทยก็ได้เช่นกัน
Design, Weight, Grip
ดีไซน์ของ Razer Naga V2 Pro จะเป็นเมาส์เกมมิ่งสำหรับเกมเมอร์ถนัดขวาเท่านั้น บอดี้เมาส์จะมีปุ่มบนตัวเมาส์ทั้งหมด 8 ปุ่ม พอนับรวมกับเพลตเปลี่ยนด้านข้างก็จะมีจำนวนปุ่มเพิ่มเป็น 10 / 14 / 20 ปุ่มตามที่นำมาเปลี่ยนใช้งาน โดยทาง Razer จะติดเพลตข้าง 12 ปุ่มมาจากโรงงาน และสามารถถอดเปลี่ยนได้ตามสะดวก ส่วนด้านขวาจะเป็นกริ๊บกันลื่นติดเอาไว้และเมื่อมองด้านหน้าเมาส์จะเป็นช่องสำหรับต่อสาย USB-C เพื่อชาร์จไฟหรือต่อคอมใช้งานได้
ปุ่มบนตัวเมาส์ นอกจากคลิ๊กซ้ายขวาแล้ว จุดที่เป็นปุ่มกดใช้งานได้จะมีสกอรล์เมาส์ที่สามารถกดคลิ๊กลงตรงๆ หรือดันซ้ายขวาก็ได้ และปุ่มที่ถัดเข้ามาจากสกรอล์เมาส์จะมี 2 ปุ่ม โดยปุ่มแรกที่มีเครื่องหมายลูกศรชี้วนคล้ายเครื่องหมาย Refresh เอาไว้เปลี่ยน Scroll Wheel Stages หรือสไตล์การหมุนตอบสนองของลูกล้อได้ 6 แบบ ปรับแต่งใน Razer Synapse ได้ ส่วนปุ่มถัดลงมาเป็นปุ่มเปลี่ยนค่า DPI ของเมาส์ ทำงานแบบ Toggle กดแล้วเปลี่ยนทันทีและเปลี่ยนได้ 5 ระดับและจะมีหน้าต่างบอกค่า DPI ขึ้นตรงมุมล่างขวาของหน้าจอด้วย
ด้านใต้เมาส์ จะเห็นว่ามี Glide สีขาวทำจาก Polytetrafluoroethylene (PTFE) หรือเทฟล่อน 100% ให้ผู้ใช้สามารถลากเมาส์ไปมาได้อย่างลื่นไหล โดยจะติดไว้เป็นคู่บนใต้ปุ่มคลิ๊กซ้ายขวา, ล้อมกรอบเซนเซอร์ Razer Focus Pro 30K เอาไว้และรองใต้ส่วนล่างสุดของเมาส์เป็นเส้นโค้งอีกหนึ่งเส้น ซึ่ง Glide เดิมจากโรงงานก็ถือว่าลื่นกำลังดี ลากเมาส์ไปมาได้ถนัดมือมากไม่สาก และสังเกตจะเห็นว่าด้านซ้ายของเซนเซอร์จะเป็นสวิตช์เลื่อนเปลี่ยนการเชื่อมต่อระหว่าง Razer HyperSpeed USB Dongle, Bluetooth ถ้าสับเข้าตรงกลางจะเป็น OFF เพื่อปิดเมาส์ ฝั่งขวาเป็นปุ่ม Profile สามารถกดเพื่อเปลี่ยนโปรไฟล์ออนบอร์ดไปมาได้ตามถนัด หากใครใช้เมาส์ตัวเดียวทั้งทำงานและเล่นเกมก็เซฟแยกโปรไฟล์แล้วกดสลับด้วยปุ่มนี้ได้
ส่วนที่ถอดเข้าออกได้ คือแผ่นจานด้านล่างสุดสำหรับปิดขั้วสำหรับใส่เหรียญแปลงเป็นชาร์จไร้สายหรือไว้ต่อแท่นชาร์จเมาส์ก็ได้ และฝั่งขวามือของเมาส์จะมีร่องตะเข็บให้เอาเล็บเกี่ยวดึงฝาเพลตข้างออกเพื่อเปลี่ยนเป็นอันที่ต้องการได้ และ Razer ก็เอา USB 2.4GHz “HyperSpeed” มาเก็บไว้ในนี้โดยวางเป็นแนวตั้งตามภาพที่สลักเอาไว้ด้านใน
เพลตข้างของ Razer Naga V2 Pro จะดูดติดเข้ากับเมาส์ด้วยแม่เหล็กแรงดูดสูง 2 เม็ดซึ่งติดไว้ขอบแผ่นทั้งสองด้าน ตรงกลางเป็นหน้าสัมผัสทองเหลืองไว้เชื่อมต่อระหว่างปุ่มมาโครกับเมาส์เข้าหากันโดยมีด้านข้างตั้งแต่ 2, 6, 12 ปุ่ม โดยเฉพาะแบบ 2 ปุ่มเมื่อติดเข้ากับเมาส์แล้วจะดึงคำสั่ง Back, Forward มาใช้งานโดยอัตโนมัติ ถ้าเป็น 6, 12 ปุ่ม ต้องตั้งค่าด้วย Razer Synapse 3
เมื่อเป็นหน้าสัมผัสทองเหลืองก็อาจจะเกิดคราบความสกปรกติดขึ้นมาได้ ดังนั้นถ้าไม่ได้ใช้งานถอดเปลี่ยนบ่อยๆ ก็ขอแนะนำให้เอาเพลตที่ไม่ได้ใช้เก็บเข้ากรอบพลาสติกใส่กล่องเพื่อป้องกันความชื้นและแนะนำให้หาสเปรย์ Contact Cleaner ติดโต๊ะเอาไว้พ่นทำความสะอาดหน้าสัมผัสทองเหลืองนี้ด้วย
ขนาดของ Razer Naga V2 Pro ถือว่ามีขนาดใหญ่และอ้วนทีเดียว น้ำหนักจากหน้าสเปค 134 กรัม เมื่อชั่งน้ำหนักด้วยตาชั่งดิจิตอลแล้วได้น้ำหนักเมาส์อยู่ห 129 กรัม ถ้าเทียบกับเมาส์เกมมิ่งของแบรนด์คู่แข่งต้องถือว่าค่อนข้างหนัก แต่ผู้เขียนมั่นใจว่าเมาส์นี้จะตอบโจทย์เกมเมอร์บางกลุ่มอย่างแน่นอน เพราะมันจับแล้วไม่โหวงได้ความมั่นคงมาก
อย่างไรก็ตาม ขนาดตัวทรวดทรงของ Naga V2 Pro จากที่ผู้เขียนลองจับเมาส์ดูแล้วจะเหมาะกับสไตล์การจับแบบ Palm หรือ Claw Grip ที่สุด แต่คนจับแบบ Fingertip Grip เอาปลายนิ้วจับลากไปมาอาจจะรู้สึกหนักอยู่ระดับหนึ่ง ซึ่งข้อดีของ Naga V2 Pro ที่ออกแบบมาเน้นมือขวาเป็นหลัก คือเราสามารถพาดมือลงเมาส์แล้วนิ้วนางมีสันฝั่งขวามือให้ทาบนิ้วไม่ให้ลงไปถูกพื้นโต๊ะแล้วผู้เขียนสามารถหนีบนิ้วโป้งและก้อยเข้าข้างตัวเมาส์ได้เลย จึงลากเมาส์ไปมาได้เร็วไม่เหมือนกับเมาส์เกมมิ่งหลายๆ รุ่นที่ดีไซน์มาให้ใช้ถนัดทั้งมือซ้ายและขวา (Ambidextrous) เลยทำสันข้างเมาส์เสริมเข้ามาไม่ได้ ดังนั้น Naga V2 Pro จึงเหมาะกับเกมเมอร์ส่วนใหญ่ที่ถนัดขวามาก
ด้านความแตกต่างของ Razer Naga Pro กับ Naga V2 Pro ไม่ว่าจะกล่องหรือตัวเมาส์นั้นจะมีจุดแตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งหน้ากล่องของสินค้านั้นแทบไม่ต่างกันอย่างที่คิด ซึ่งวิธีการใช้งานและเลย์เอ้าท์ของภาพต่างๆ เรียกว่ายังคล้ายเดิม แต่จะมีโลโก้บางส่วนที่ถูกขยับตำแหน่งและถอดออกบ้าง ด้านตัวเมาส์จะมีจุดแตกต่างดังนี้
- ส่วนบน : Naga V2 Pro ใช้ขอบสกรอล์เมาส์สีดำแทนสีเงิน แต่ดีไซน์โดยรวมคล้ายกัน
- ด้านใต้ : Naga Pro มี Glide แผ่นเล็ก 4 แผ่นติดตามมุมและมี Glide กรอบสี่เหลี่ยมตรงกลางเมาส์, ปุ่มสลับโหมดการเชื่อมต่อและเปลี่ยนโปรไฟล์ติดไว้ฝั่งซ้ายถัดจากร่องสำหรับวางบนแท่นชาร์จและเปิดกรอบโชว์จุดเชื่อมต่อชาร์จเมาส์ไว้
- ฝั่งซ้ายและขวา : ฝั่งขวาเป็นกริพกันลื่นสำหรับจับเมาส์และด้านซ้ายภายนอกเป็นชุดปุ่มมาโครเหมือนกัน แต่ภายในจะเปลี่ยนดีไซน์ที่เก็บ Razer HyperSpeed USB Dongle จากแบบเสียบแนวนอนเป็นแนวตั้งแทน
- ด้านหน้า : เปลี่ยนพอร์ตเป็น USB-C จากสาย MicroUSB
หากเทียบต้องถือว่าดีไซน์ของทั้งรุ่นแรกและ V2 นั้นแตกต่างกันไม่มาก ยกเว้นด้านใต้ที่เปลี่ยนดีไซน์ไปมากทีเดียว แต่ยังคงมีปุ่มสำคัญอย่างการเปลี่ยนโปรไฟล์และสลับโหมดการเชื่อมต่อติดตั้งมาให้ครบ ซึ่งจุดต่างของเมาส์ทั้งสองตัวจะเป็นสเปคภายในเมาส์เสียมากกว่า
Software
ซอฟท์แวร์ Razer Synapse 3 สำหรับปรับแต่งเกมมิ่งเกียร์ของทางบริษัททั้นสามารถโหลดมาติดตั้งแล้วเซ็ตอัพ Razer Naga V2 Pro ให้เข้ากับสไตล์การใช้งานได้ละเอียด โดยในหน้าแรกหลังจากเลือกเมาส์แล้ว หน้า UI ถือว่าสะอาดมองเข้าใจได้ง่าย ถ้ากดไอคอนรูปเมมโมรี่การ์ดข้างชื่อ Profile ก็สามารถโหลดโปรไฟล์ที่เซฟออนบอร์ดแยกไว้ทั้ง 5 แบบขึ้นมาใช้งานได้ทันที ถัดลงมาจะมีฟังก์ชั่นเปิด/ปิด Razer HyperShift ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นเพิ่มคำสั่งเมาส์พิเศษเข้าไปอีกคำสั่งหนึ่งนอกเหนือจากที่เซ็ตเอาไว้แล้ว เช่น ถ้าปุ่มมาโครหมายเลข 1 ถูกเซ็ตให้เอาไว้กดเพิ่มเสียง เมื่อเปิด HyperShift แล้วเราสามารถเพิ่มคำสั่งพิเศษเข้าไปได้อีกคำสั่งหนึ่งเป็นลดเสียงก็ได้ แต่ผู้ใช้ต้องเซ็ตปุ่มสำหรับสลับระหว่างโหมด Standard หรือ HyperShift เอาไว้ด้วย
การเซ็ตคำสั่งให้เพลตข้างเมาส์แต่ละแบบของ Razer Synapse 3 ทำมาได้ดีและใช้สะดวกมาก โดยหน้า UI จะมีให้ผู้ใช้เลือกเลยว่าเราต้องการเซ็ตคีย์ลัดและคำสั่งใดให้เพลตไหนของ Razer Naga V2 Pro ซึ่งเราเลือกเพลตในหน้าโปรแกรม กดตัวเลขปุ่มมาโครแล้วเซ็ตได้ตามต้องการ พอเปลี่ยนเพลตแล้วเมาส์จะโหลดคำสั่งนั้นๆ ขึ้นมาใช้งานให้โดยอัตโนมัติ
ในหน้าต่างคำสั่งคีย์ลัดของ Naga V2 Pro จะมีคำสั่งให้เลือกหลากหลายแบบมาก ทั้งคำสั่งใช้งานบนคีย์บอร์ดหรือใช้ตั้งค่าการทำงานของเมาส์ก็ได้ นอกจากนี้ยังใช้สลับโปรไฟล์, ใช้กดคีย์ลัดเปิดโปรแกรมที่ต้องการใช้งาน, กด Shortcut ของ Windows หรือกดคีย์ลัดเพื่อส่งข้อความที่เซฟเอาไว้ใช้โดยเฉพาะ อย่างเช่นเอาไว้พิมพ์ประโยคใช้งานบ่อยตอนเล่นเกมกับเพื่อนก็ได้เช่นกัน
หมวด Performance จะเป็นหน้าตั้งค่า DPI ของเมาส์ว่าต้องการให้เมาส์เลื่อนเร็วหรือช้าแค่ไหน ในตัวโปรแกรมตั้งค่าพื้นฐานมาเป็น Sensitivity Stage แยกความเร็วเป็นขั้นบันไดทั้งหมด 5 ระดับ ตอนตั้งค่าให้กดกรอบ Stage ที่ต้องการแล้วจะเลื่อนค่า DPI ที่เส้นด้านล่างหรือพิมพ์ตัวเลขเข้าไปเลยก็ได้เช่นกัน
Lighting จะเอาไว้ตั้งค่าไฟ RGB ตรงโลโก้ของ Razer Naga V2 Pro ว่าจะให้สว่างหรือมืดระดับไหน โดยปรับได้ตั้งแต่ 0~100 และเลือกได้ว่าจะให้ไฟ RGB ปิดตามหน้าจอคอมหรือไม่ได้ใช้งานนานเท่าไหร่ โดยตั้งได้ตั้งแต่ 1~15 นาที รวมทั้งเซ็ตเอฟเฟคของไฟที่โลโก้ Razer ได้ด้วย
ส่วนของสกรอล์เมาส์ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Razer Naga V2 Pro เอง ทาง Razer ก็ทำหน้าต่างแยกเอาไว้ให้โดยเฉพาะ โดยมี Scroll Wheel Stages ให้เลือก 5 แบบที่เป็นค่าจากโรงงานและ 1 โหมดเป็น Custom ให้ผู้ใช้ตั้งค่าได้ตามต้องการ ฝั่งขวาเป็นกราฟโชว์อัตราการหมุนสกรอล์ต่อความตึงของลูกล้อ (Tension) ว่าเราต้องออกแรงหมุนเยอะหรือเปล่า ซึ่งผู้ใช้สามารถดูจากกราฟด้านข้างได้เลยและถ้าจะใช้หรือไม่ใช้โปรไฟล์ไหน ก็สามารถกดเปิดปิดได้ตามต้องการ
โปรไฟล์ Custom จะเป็นโปรไฟล์พิเศษซึ่งทาง Razer ทำมาให้ผู้ใช้ปรับรูปแบบการหมุนสกรอลเมาส์ได้ด้วยตัวเอง ในตอนแรกโปรไฟล์นี้จะถูกปิดอยู่ต้องมาเปิดและตั้งในโปรแกรมถึงจะใช้งานได้ ตอนตั้งค่าจะใช้วิธีเลื่อนเพิ่มลดค่า Scroll Tension, Scroll Steps ด้านข้างหรือดึงจุดพล็อตกราฟเองเลยก็ได้ จัดว่าใช้งานได้ดีปรับสไตล์ได้ตามความชอบของผู้ใช้แต่ละคนได้เลย
จุดน่าสนใจนอกจากซอฟท์แวร์ Razer Synapse 3 แล้ว ตัวโปรแกรมจะพ่วง Razer Cortex ซอฟท์แวร์จัดการทรัพยากรคอมมาช่วย Optimize ลดการใช้แรมและจัดการโปรแกรมเบื้องหลังให้ไม่แย่งทรัพยากรตัวเครื่องเวลาเล่นเกมด้วย โดยตัวซอฟท์แวร์จะขึ้นเป็นหน้าต่าง Notificaition มุมขวาล่างของหน้าจอเพื่อบอกผู้ใช้ว่าตอนนี้ตัวซอฟท์แวร์ลดการใช้แรมในเครื่องไปแล้วกี่ GB จัดการ Optimize ไปแล้วกี่โปรแกรม ซึ่งจากที่ทดลองใช้พบว่ามันเพิ่มเฟรมเรทตอนเล่นเกมได้ระดับหนึ่ง ราว 5~10 Fps ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ดีทีเดียว อาจนับเป็นลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ จากทาง Razer ก็ได้
User Experience
Razer Naga V2 Pro เป็นเมาส์เกมมิ่งที่ขนาดตัวใหญ่และออกแบบมาให้ใช้กับมือขวาโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนเคยใช้ Razer Naga รุ่นแรกๆ เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ พอข้ามมาจับรุ่นปัจจุบันก็รู้สึกว่าเมาส์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนามาไกลมาก จากเมาส์ที่มีขนาดค่อนข้างเล็กจับถนัดมือและผู้หญิงใช้งานได้สบายไม่หนักมาก เป็นเมาส์เกมมิ่งตัวใหญ่เต็มมือจับถนัดและยังเปลี่ยนกรอบข้างเมาส์ได้ตามสไตล์และความถนัดได้เลย โดยเฉพาะสันเมาส์สำหรับรองรับนิ้วนางขวาในรุ่นปัจจุบันโก่งรับมือได้ดีมากแล้วนิ้วไม่ลากไปกับแผ่นรองเมาส์หรือพื้นโต๊ะ ทำให้หนีบนิ้วโป้งและก้อยเข้าข้างเมาส์แล้วลากกวาดได้สะดวกขึ้นมาก แต่ขนาด, น้ำหนัก 129 กรัมและดีไซน์ตัวเมาส์เมื่อจับแล้ว โครงเมาส์ก็แทบจะบังคับให้จับแบบ Palm หรือ Claw Grip ไปโดยปริยาย ส่วน Fingertip Grip แม้จะจับได้แต่น้ำหนักเมาส์นั้นทำให้ดึงเมาส์ไปมาไม่สะดวกเท่าที่ควร
จุดแข็งที่น่าพูดถึง คือปุ่มมาโครข้างเมาส์ซึ่งเซ็ตตั้งค่าเรียกโปรแกรมหรือคำสั่งต่างๆ ได้ตามต้องการ ซึ่งผู้เขียนได้เซ็ตเอาไว้เรียกโปรแกรมใช้งานบ่อยผสมกับคีย์ลัดของ Windows อีกนิดหน่อยก็ช่วยประหยัดเวลาตอนทำงานได้ดีมาก นับว่า Razer Naga V2 Pro เป็นเมาส์เกมมิ่งซึ่งสามารถเปลี่ยนตัวเองมาทำงานได้ดีไม่แพ้เมาส์สำหรับสายทำงานโดยเฉพาะเลย และได้เปรียบกว่าเมาส์สายทำงานตรงปุ่มมาโครมีให้ใช้เยอะ ถ้าใครทำงานกับโปรแกรมที่มีคีย์ลัดมากๆ โดยเฉพาะโปรแกรมสาย Adobe ไม่ว่าจะ Photoshop, Lightroom หรือ Premier Pro น่าจะได้ใช้ประโยชน์จากมันได้มากทีเดียว
ด้านการเชื่อมต่อ เมาส์นี้ถ้าใช้ Razer HyperSpeed USB 2.4GHz แบตเตอรี่จะอยู่ได้นานสุด 150 ชั่วโมง ถ้าใช้ Bluetooth จะอยู่ได้นาน 300 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ได้ด้วยสาย USB-C ซึ่งจะใช้สาย Razer Speedflex USB-C ในกล่องต่อชาร์จไปเล่นไปหรือใช้สายชาร์จสมาร์ทโฟนก็สะดวกไม่แพ้กัน และระยะเวลาใช้งานเมาส์จัดว่าน่าประทับใจมาก จากที่ใช้เล่นเกมที่บ้านแล้วพกใส่กระเป๋าไปทำงาน แบตเตอรี่ก็ยังไม่หมดง่ายๆ และเชื่อว่าถ้าใครซื้อไปใช้อาจจะใช้เพลินจนลืมชาร์จไปเลยทีเดียว ดังนั้นในแง่ระยะเวลาใช้งานจัดว่าหายห่วยไม่มีข้อกังขา ส่วนการตอบสนองแม้จะต่อ Bluetooth ก็ยังใช้งานได้ดีมากไม่ต่างกับการใช้ HyperSpeed เลย แต่สันนิษฐานว่าถ้าเป็น Bluetooth จะเหมาะกับการใช้ทำงานมากกว่า ถ้าเล่นเกมอาจมีอาการ Input Lag เล็กน้อย
เซนเซอร์ Razer Focus Pro 30K ของ Naga V2 Pro ณ ตอนนี้นับเป็นเซนเซอร์ที่มีค่า DPI สูงและละเอียดสุดในกลุ่มเกมมิ่งเมาส์ในปัจจุบัน ซึ่งแบรนด์คู่แข่งหลายๆ เจ้ายังอยู่ระดับ 26,000 DPI แต่ของ Razer นั้นสูงจนแตะ 30,000 DPI และยังปรับตั้งค่า DPI ได้ละเอียดมากและลากเคลื่อนเคอร์เซอร์ไปมาได้ดีมาก ตอนเล่นเกม FPS แล้วลองปรับค่า DPI เพียงขยับข้อมือเบาๆ ก็หมุนตัวละครแทบจะในทันที แต่เซนเซอร์ไม่เกิดอาการไหลเลย ลากเมาส์ไปแล้วหยุดตรงไหนก็ไม่มีอาการเคอร์เซอร์ไหลแม้แต่น้อย ซึ่งสำคัญมากเพราะถ้าเล่นเกมลากเมาส์เร็วๆ ตามศัตรูแล้ว หากเซนเซอร์เพี้ยนอาจจะส่งผลต่อรูปเกมได้เลย แต่ Razer Naga V2 Pro ไม่เจอปัญหานี้สักนิด
อย่างไรก็ตาม Razer Naga V2 Pro ยังมีข้อสังเกตหลักๆ คือ เมื่อเทียบกับเมาส์เกมมิ่งไร้สายของแบรนด์คู่แข่งแล้วนับว่ามีน้ำหนักมากสุดในกลุ่ม เพราะหลายๆ แบรนด์ ณ ตอนนี้จะอยู่ช่วง 80~90 กรัม แล้วแข่งกันลดน้ำหนัก แต่ระยะเวลาของแบตเตอรี่ก็น้อยกว่า Razer Naga V2 Pro ถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว อย่างมากอยู่ได้ราว 60~80 ชั่วโมงก็หมดแล้วและมักจะเชื่อมต่อเฉพาะ USB 2.4GHz เท่านั้น ไม่มี Bluetooth ให้ใช้ ดังนั้น Naga V2 Pro จึงได้เปรียบเรื่องรูปแบบการใช้งานที่ยืดหยุ่นและใช้งานต่อเนื่องได้นานกว่าอย่างชัดเจน
จุดสังเกตถัดมาเป็นเรื่องดีไซน์ นั่นเพราะ Naga V2 Pro ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์มือขวาเท่านั้น ใครที่ถนัดมือซ้ายแต่อยากใช้ฟังก์ชั่นมาโครเยอะๆ ก็จำเป็นต้องปรับตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ทาง Razer ก็เคยทำ Naga Left-Handed Edition ออกมาขายเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา จึงไม่มั่นใจว่าจะมี Naga V2 Pro Left-Handed Edition ออกมาวางขายในอนาคตหรือไม่ แต่ถ้ามีก็เป็นเรื่องที่ดีเพื่อเกมเมอร์ถนัดซ้ายแน่นอน ส่วนจุดน่าสนใจคือ ถ้าใครใช้เมาส์ Ergonomic ที่ออกแบบมาใช้ทำงานโดยเฉพาะจนติดแล้วมาใช้ Razer Naga V2 Pro ในช่วงแรกๆ จะรู้สึกได้ทันทีว่าจะต้องบิดแขนเข้าเยอะกว่าปกติ หากใช้ทำงานทั้งวันอาจจะมีอาการเมื่อยอยู่บ้างเล็กน้อย
Summary
Razer Naga V2 Pro เป็นเกมมิ่งเมาส์ที่แม้จะมีราคา 7,490 บาทก็ตาม แต่เทคโนโลยี, ฟีเจอร์, อุปกรณ์เสริมต่างๆ ของเมาส์นี้ต้องถือว่าคุ้มค่าตัว คุณจะได้เมาส์ที่เซนเซอร์คม, เปลี่ยนโปรไฟล์และมีปุ่มมาโครให้กดได้อย่างจุใจ แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นานมากจนแทบจะลืมชาร์จแบตฯ และ Naga V2 Pro นี้ นับว่าเป็นตัวเดียวจบได้ จะใช้เล่นเกมที่บ้านต่อด้วย Razer HyperSpeed แล้วมีเพลต 1~2 ชิ้นเอาไว้ พอพกไปทำงานก็เปลี่ยนเพลตแล้วต่อ Bluetooth ใช้ทำงานแล้วกับคอมอีกเครื่องต่อได้สะดวกสุดๆ ไม่ต้องแยกเมาส์ให้เสียเงินสองต่อ เพราะถ้าหารราคา 7,490 บาท ก็จะได้เป็นเงิน 3,745 บาท ไว้ซื้อเมาส์ทำงานอย่างดีและเกมมิ่งที่สเปคไล่เลี่ยกันได้อย่างละตัวก็จริง แต่ก็มีของใช้ซ้ำซ้อนเช่นกัน ดังนั้นสู้ซื้อเมาส์ดีๆ เอาไว้ใช้งานตัวเดียวจบดีกว่า
โดยรวมแล้ว Razer Naga V2 Pro เป็นเกมมิ่งเมาส์ที่พัฒนาตัวเองจากเมาส์สำหรับเกมแนว MMORPG, MOBA เป็นหลัก ให้ก้าวมาเป็นเมาส์มาโครน่าใช้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ พอผสานกับฟีเจอร์เปลี่ยนเพลตข้างเมาส์ให้เข้ากับรูปแบบการใช้งานได้แล้ว จึงไม่ต้องยึดโยงว่าตระกูล Razer Naga นั้นจะต้องเอาไว้เล่นแค่เกมแนวนี้เท่านั้นหรือทำงานแบบนี้อย่างเดียว เพราะมันกลายเป็นเมาส์อเนกประสงค์เพื่อคนถนัดขวาโดยเฉพาะไปแล้วโดยสมบูรณ์ น่าลงทุนซื้อมาใช้งานมาก