โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ใน CES 2023 ขุมพลัง Intel Gen 13 + GeForce RTX 40 โฉมใหม่ เทคโนโลยีล้ำๆ
โน๊ตบุ๊ค MSI ที่เปิดตัวครั้งใหญ่ในงาน CES 2023 ครั้งนี้ จัดว่ายกทัพมาครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ผู้ใช้ทั่วไป เกมเมอร์ และทำงานจริงจัง เรียกว่า All New เลยทีเดียว เพราะนอกจากรูปลักษณ์ที่ถูกปรับใหม่ให้ดูล้ำสมัยมากขึ้น ยังยกเครื่องมาใหม่ ใส่ขุมพลัง Intel Gen 13 รุ่นล่าสุด เกือบทุกซีรีส์ และหลายรุ่นก็มาพร้อมแรม DDR5 แล้ว พร้อมกับ SSD PCIe รุ่นใหม่ กับการ์ดจอระดับ GeForce RTX 40 series อีกด้วย บนโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ยังไม่รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทาง MSI เติมเข้ามาให้กับผู้ใช้โน๊ตบุ๊คได้สัมผัสกันอย่างจุใจเลยทีเดียว โดยในครั้งนี้จะเป็นส่วนของโน๊ตบุ๊คพกพก โน๊ตบุ๊คทำงาน และไลฟ์สไตล์ ใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คใหม่สไตล์ล้ำสมัย มาใช้งานในปีนี้ ไม่ควรพลาดครับ
โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นใหม่ ในงาน CES 2023
MSI Creator series
มากันที่โน๊ตบุ๊ค MSI ในกลุ่มนักสร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตัดต่อวีดีโอ ตกแต่งภาพ กราฟิกดีไซน์และเหล่ายูทูปเบอร์ อย่าง Creator มีด้วยกัน 2 ซีรีส์ อย่าง Creator Z16 HX Studio และ Creator Z17 HX Studio จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสอดคล้อง ไม่ว่าจะเป็นความบาง เบา มิติที่ดูกระชับ ขอบจอบาง โดยบอดี้นั้นขึ้นรูปในแบบ CNC ที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม ซึ่งบางเพียง 19mm และน้ำหนักเบาเพียง ปปปKg. เท่านั้น
พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน เพื่อตอบสนองการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการโอนถ่ายข้อมูลหรือการแสดงผลก็ตาม โดยที่ MSI CREATOR Z16 HX Studio นี้ มีทั้ง USB 3.2 Gen2 และ Thunderbolt 4 รวมถึงพอร์ต HDMI มาด้วย
และที่สุดของการทำงานคือ ขุมพลังอย่าง Intel Core i9-13950HX ซึ่งเป็นซีพียูที่มีประสิทธิภาพสูง ให้การทำงานแบบมัลติทากส์กรวมกันถึง 24 core และยังเป็นรุ่นใหม่ Intel Core Gen 13 จึงทำให้การทำงานในด้านคอนเทนต์ วีดีโอ กราฟิก 3 มิติ และงานด้านสตูดิโอ ภาพและเสียง ไหลลื่นได้ดีทีเดียว
ไม่เพียงแค่นั้น เพราะทาง MSI ยังได้ใส่ขั้นสุดของเทคโนโลยีกราฟิกมาให้โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ด้วยกราฟิกการ์ด GeForce RTX ที่สนับสนุน nVIDIA Studio มาด้วย เพื่อให้สายทำงานและนักสร้างคอนเทนต์ได้ยกระดับการทำงานให้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานด้าน 3D, Video และการบรอดแคส โดยทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับ GeForce RTX ได้อย่างลงตัว
จุดที่เป็นไฮไลต์อีกสิ่งหนึ่งบนโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ก็คือ ชุดระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost มาพร้อมพื้นที่หน้าสัมผัสขนาดใหญ่ ช่วยลดเสียงรบกวน และให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดีขึ้น เพิ่มเสถียรภาพในการทำงาน
นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ ความละเอียด QHD+ (2560×1600) ให้ความแม่นยำสีสูง เพื่อการทำงานอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น 100% DCI-P3 และ Delta-E <2 อีกด้วย โดยหน้าจอนี้ยังผ่าน Calman Verify ด้วยการ Calibrate สีบนหน้าจอ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ด้านภาพและวีดีโอได้อย่างเหมาะสม
และไม่ใช่แค่เรื่องของการทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความบันเทิง ด้วยระบบเสียงชั้นยอดจากลำโพง 2W จำนวน 4 ตัว ที่ติดตั้งมาบนโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ รองรับเสียงคุณภาพสูง Hi-Res Audio และระบบเสียง DTS กับบิตเรตที่สูง เก็บรายละเอียดได้ดี พลังเสียงจัดจ้าน
สามารถปรับแต่ง และตรวจเช็คระบบการทำงานต่างๆ ผ่านทางซอฟต์แวร์ MSI Center ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การตั้งค่าจอ ระบบเสียง หรือการเลือกโหมดใช้งาน รวมถึงการมอนิเตอร์อุณหภูมิ ความเร็ว หรือการใช้แรมได้
ด้วยคุณภาพและการออกแบบที่ลงตัว พร้อมความทนทานระดับ Military Grade ทำให้มั่นใจในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่การทำงานในสำนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเดินทาง พกพา เคลื่อนย้ายไปใช้งานนอกบ้านได้อีกด้วย
โดยในงานมีการจัดแสดงโน๊ตบุ๊ค MSI CREATOR 2 รุ่นด้วยกันคือ CREATOR Z16 HX Studio และ CREATOR Z17 HX Studio โดยจะต่างกันในแง่ของมิติ และดีไซน์อยู่เล็กน้อย องค์ประกอบส่วนใหญ่จะคล้ายกัน
MSI Modern series
สำหรับโน๊ตบุ๊ค MSI Modern ที่มาโชว์ตัวในงาน CES 2023 ครั้งนี้ มี 2 โมเดลด้วยกัน ตามไลน์เดิมที่เคยวางอยู่ในตลาด ประกอบด้วย Medern 14 C13M และ Modern 15 B13M ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ แม้จะค่อนข้างคล้ายคลึงกับในรุ่นก่อน แต่ก็มีการปรับปรุงในเรื่องของวัสดุ และดีไซน์อยู่พอสมควร ทำให้ดูพรีเมียมมากขึ้น โดยยังคงคอนเซปต์ บาง กระทัดรัด พกพาสะดวก น้ำหนักเท่าเดินประมาณ 1.4Kg เท่านั้น สำหรับ Modern 14 โดยที่ MSI Modern รุ่นใหม่ปี 2023 นี้ มาในสไตล์ที่ Slim บางลง และบางสุดเพียง 19.35mm เท่านั้น
พร้อมกันนี้ยังได้เปลี่ยนไปใช้ขุมพลังรุ่นใหม่ อย่าง Intel Core Gen 13 ที่ให้การประมวลผลที่รวดเร็ว และมาคู่กับกราฟิกอย่าง Intel Iris Xe Graphic รุ่นใหม่ ในการตอบสนองด้านกราฟิก หรือด้านความบันเทิง โดยที่ยังใช้ร่วมกับแรมในแบบ DDR4 3200 และอัพเกรดเพิ่มเติมได้อีกด้วย
ส่วนคีย์บอร์ดนั้นเป็นแบบปุ่มใหญ่ ตอบสนองไวเช่นเดียวกัน และมีแสงไฟ Backlit สว่างขึ้นบนคีย์อีกด้วย โดยมีปุ่ม Hot key มากมายให้ใช้ พร้อมทัชแพดขนาดใหญ่กว่าเดิม และสนับสนุนการใช้งาน Multi-Gesture
พอร์ตต่อพ่วงมีมาอย่างครบครัน อาทิ USB-A, USB-C 3.2 Gen2 ใช้กับ PD-In ชาร์จไฟได้ แสดงผล และต่อสัญญาณไปยังจอนอกได้อีกด้วย รวมถึงมี HDMI และ Micro-SD card reader มาอีกด้วย
และ MSI ไม่เคยลืมที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง ปลอดภัยให้กับโน๊ตบุ๊คทุกๆ รุ่น เช่นเดียวกับ MSI Modern นี้ ก็ให้ความทนทานในระดับ MIL-STD-810G เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงสั่นสะเทือน อุณหภูมิ ละอองน้ำ รวมถึงการกระแทก
โดยสามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ MSI Center ได้เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในการตรวจเช็ค ปรับแต่ง และอัพเดตสิ่งต่างๆ ในระบบผ่านทางโปรแกรมนี้ได้ทันที
MSI Prestige series
สำหรับ โน๊ตบุ๊ค MSI Prestige เป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มบางเบา ดีไซน์ลงตัว พกพาสะดวก โดยมี 3 โมเดลคือ Prestige 13 EVO, Prestige 14 EVO และ Prestige 16 EVO พร้อมจบได้ทุกงาน กับการออกแบบที่พิเศษมากขึ้น ด้วยวัสดุ Mg-Al หรือแมกนิเซียมอัลลอย ซึ่งโดดเด่นทั้งในด้านความแข็งแรง และน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยที่ Prestige 13 EVO นี้ เบาเพียง 990 กรัมเท่านั้น แต่ให้ขุมพลังในการทำงาน พร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมาอย่างครบครัน และระยะเวลาในการทำงานต่อการชาร์จที่ยาวนานเลยทีเดียว เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นการใช้งานนอกสถานที่
แม้จะเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดเล็ก หน้าจอ 13.3″ แต่เพื่อให้งานได้นานขึ้น MSI ใส่แบตระดับ 75Whrs มาให้ ซึ่งรองรับการใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว พร้อมกันนี้ยังสนับสนุน Fast Charging โดยสามารถชาร์จได้ถึง 60% ภายใน 53 นาที ด้วยการชาร์จผ่าน PD-Charging 20V และสเปคยังระบุมาว่า ใช้ได้นานกว่า 1.5 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จเพียง 15 นาทีเท่านั้น
จอภาพขนาด 13.3″ พร้อมขอบจอที่บางเฉียบ ให้พื้นที่การมองภาพแบบเต็มตา สามารถทำงานหรือใช้ในความบันเทิงได้อย่างเต็มที่ สีสันสดใส ความละเอียดระดับ Full-HD และยังเป็นพาแนล IPS ให้ค่า sRGB 100%
ขุมพลังที่นำมาใส่ไว้ในโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 13 นี้ มาพร้อม Intel Core Gen 13 รุ่นใหม่ ประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานต่ำ ตอบสนองในงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ และประหยัดพลังงาน แต่ที่น่าสนใจคือ ข้อมูลแจ้งมาว่า ทำงานร่วมกับแรม DDR5 แล้ว และมีกราฟิก Intel Iris X รุ่นใหม่มาอีกด้วย
คีย์บอร์ดปุ่มขนาดใหญ่ กดง่าย สวยงาม และยังสว่างชัดเจนในที่มืด ด้วยแสงไฟ Backlit เป็นแบบสีเดียว เปิด-ปิดได้ ทัชแพดกว้างกว่าเดิม รองรับ Multi-Gesture ด้วยเช่นกัน
พอร์ตต่อพ่วงก็ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง ของโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต Thunderbolt 4 ที่มีให้ถึง 2 พอร์ต HDMI และUSB-A 3.2 พร้อม micro-SD card reader
ระบบความปลอดภัย มีมาให้แบบจัดเต็ม โดยโน๊ตบุ๊ค MSI Prestige 13 EVO นี้ มาพร้อมกล้อง IR FHD camera รองรับการสแกนใบหน้า เพื่อเข้าเครื่อง อีกทั้งเพิ่มในส่วนสแกนลายนิ้วมือมาให้ บนปุ่มเพาเวอร์ สำหรับการ Log-in เข้าระบบอีกด้วย และไม่พลาดกับฟีเจอร์อย่าง Tobii Aware ที่เข้ามาเสริมความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ เมื่อไม่ได้ใช้งานอยู่หน้าจอ โดยระบบจะเบลอหน้าจอให้อัตโนมัติ ป้องกันการลอบมองหรือเข้าใช้งาน โดยไม่ได้รับอนุญาต
อีกรุ่นหนึ่งเป็น MSI Prestige 16 Studio จะเป็นรุ่นที่เพิ่มฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา เพื่อมอบพลังในการสร้างสรรค์ผลงาน แก่เหล่านักสร้างคอนเทนต์ทั้งหลาย ดีไซน์ที่เน้นไปทางพรีเมียม ดูหรูหรา แต่ยังคงความ Mobility บางเบา พกพาสะดวก พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครันเช่นกัน บนขุมพลัง Intel Core Gen 13
มาพร้อมการสนับสนุน nVIDIA Studio ร่วมกับกราฟิการ์ด GeForce RTX ทำให้การทำงานในด้าน 3D, Video หรือการบรอดแคสนั้นไหลลื่น
เสริมความมั่นใจด้วยระบบระบายความร้อน Dynamic Cooler Boost ที่ออกแบบฮีตซิงก์และฮีตไปป์ พัดลมให้ลดความร้อนในระหว่างการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เสียงรบกวนน้อยที่สุด โดยพื้นฐานการออกแบบ เรียกว่าเป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Ultra-Slim ก็ไม่ผิดไปนัก เพราะบางเพียง 16.85mm เท่านั้น
จอแสดงผลที่ให้มาบน MSI Prestige 16 Studio นี้ ให้พื้นที่แสดงผล 16″ ความละเอียด QHD+ 2560×1600 ขอบจอบางพิเศษ ให้ค่า DCI-P3 100% ความแม่นยำของสีสูง Delta-E <2 พร้อม Calman verified และเทคโนโลยี True Color และพิเศษคือ เป็นพาแนลแบบ Mini LED ซึ่งเม็ดพิกเซลเล็กลง แต่ให้ความสว่างสดใสมากขึ้น เหมาะทั้งการทำงาน และความบันเทิง ที่ให้สีสันสดใสสวยงาม รองรับระบบเสียง Hires และ DTS เพื่อเพิ่มอรรถรสในด้านความบันเทิง และไมโครโฟน ที่รองรับการสนทนาได้อย่างคมชัด
พอร์ตให้มาแบบจัดเต็มเช่นกัน เพราะมีทั้ง Thunderbolt 4, HDMI, USB 3.2 Type-A และ microSD card reader สำหรับ MSI Prestige 16 Studio นี้ มาพร้อมการใช้งานที่ยาวนานถึง 11 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ และให้แบตเตอรี่ระดับ 82Whrs มาอีกด้วย เหมาะกับคนที่ใช้งานนอกบ้าน หรือไปพรีเซนต์งานลูกค้านอกสถานที่ และสนับสนุนการชาร์จไวด้วย PD Charging 100W
MSI Stealth series
โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คทำงาน ที่สามารถเล่นเกมได้ดี บนบอดี้ที่บางเบา หากเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คทั่วไป กับดีไซน์ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ มีสไตล์ Stealth 14 Studio นั้น มาในโทนสีที่ดูเคร่งขรึม มีให้เลือกทั้ง Star Blue และ Pure White ที่จะเหมือนยานอวกาศ มีการตัดเส้นสายได้อย่างลงตัว จุดเด่นอยู่ที่บางเพียง 19mm และน้ำหนักแค่ 1.8Kg เท่านั้น ซึ่งเป็นรุ่นที่คว้ารางวัล Gaming Award ในงานนี้อีกด้วย
กับความเบาบางนี้ ยังแฝงด้วยความแข็งแรง เพราะผลิตจาก Mg-Al หรือแมกนิเซียมอัลลอย ทำให้เบาลงกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้วัสดุทั่วไป อีกทั้งลดการเกิดรอยนิ้วมือบนบอดี้ได้ง่ายอีกด้วย
นอกจากการออกแบบที่สวยงามแล้ว MSI ยังได้เติมสีสันมาบน Stealth 14 Studio รุ่นนี้ ด้วยแสงไฟ RGB บนคีย์บอร์ด ซึ่งเป็นบบ RGB per-key คือแยกสีบนปุ่มได้อิสระ และด้านหลังเครื่องยังมีแสงไฟที่ปรับแต่งเพิ่มเติมได้
พอร์ตต่อพ่วงตอบโจทย์ในการใช้งานครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-C รองรับ PD Charging รวมถึง USB 3.2 Type-A และ Thunderbolt 4 พร้อมพอร์ตแสดงผล HDMI มาในตัว
ยกระดับความแรงด้วยซีพียู Intel Core Gen 13 รุ่นใหม่ ในแบบ H-series ที่พร้อมสำหรับงานด้านภาพ สตูดิโอ วีดีโอและการบรอดแคส รวมถึงการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกราฟิกการ์ด GeForce RTX 40 รุ่นล่าสุด ให้ประสิทธิภาพที่มากพอสำหรับคอเกม และยังใช้พลังงงานได้อย่างคุ้มค่า รองรับ Ray-tracing ทั้งในงานและการเล่นเกม เช่นเดียวกับสนับสนุนไดรเวอร์ nVIDIA Studio ด้วยเช่นกัน โดยมีชุดคอนโทรลกราฟิกอย่าง MUX switch มาในตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้มากขึ้น เช่นเดียวกับการสนับสนุนแรม DDR5 ที่ให้แบนด์วิทธิ์สูง และรองรับ SSD PCIe Gen4 อีกด้วย
ไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ โน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอขนาด 14″ ที่ให้ความละเอียดได้สูงถึง QHD+ 2560×1600 และอัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 240Hz ให้ภาพที่ดูสวย นุ่มนวล เพิ่มระดับความบันเทิงให้เร้าใจมากขึ้นด้วยลำโพงที่ติดตั้งมาให้ 2 ชุด และยังมีซับวูเฟอร์อีก 2 ชุด พร้อมระบบเสียง Nahimic สนับสนุน Hi-res Audio โดยที่ผู้ใช้ยังเพิ่มความสนุกสนานกับระบบเสียงรอบทิศทาง ด้วยการต่อพ่วงลำโพงบลูทูธเข้าไปเท่านั้น ก็จะได้มิติของเสียงที่เร้าใจมากขึ้น
Vapor Chamber ขนาดใหญ่ เพื่อการระบายความร้อนให้กับซีพียูและกราฟิกได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการไหลเวียนของอากาศที่ดีขึ้น ลดเสียงรบกวน
ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะเป็น โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 16 Studio ซึ่งฟีเจอร์และเทคโนโลยีส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน จะต่างกันในส่วนของมิติ และฟังก์ชั่นบางรายการ แต่ยังคงมาพร้อมขุมพลัง Intel Core Gen13 และแรม DDR5 รวมถึงกราฟิกการ์ด GeForce RTX 40 เพียงแต่มีหน้าจอใหญ่ขึ้น 16″
บนความละเอียด QHD+ 2560×1600 เช่นกัน แต่อัตรารีเฟเรชเรต 120Hz
โดยที่เสริมระบบความปลอดภัยมาเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น Webcam shutter ปิดกล้องแบบ Manual ด้วยตัวเอง ชุดสแกนลายนิ้วมือ เพื่อเข้าระบบ พร้อมกล้อง FHD IR Camera ที่ใช้ในการสแกนใบหน้าได้
เช่นเดียวกับระบบพลังงาน ที่ให้แบตขนาดใหญ่ถึง 99.9Whrs มาด้วย เรียกว่าเป็นไซส์ที่ใหญ่ที่สุดในเวลานี้ เพื่อให้ผู้ใช้งานนอกสถานที่ทำงานได้ยาวนานมากขึ้น และที่น่าสนใจคือ โน๊ตบุ๊ค MSI Stealth 16 Studio ใช้ชุดระบายความร้อนที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ กับไปป์ไลน์จำนวนมาก พัดลม 2 ตัว และเทคโนโลยี Cooler Boost 5 อีกด้วย
ให้การเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบ WiFi 6E ร่วมกับ Intel KILLER ที่ให้การรับส่งข้อมูลรวดเร็ว เชื่อมต่อได้ไว ช่องทางขนาดใหญ่ในการติดต่อ และการสนับสนุน 2.5G LAN
MSI Summit series
โน๊ตบุ๊ค MSI Summit มีมาโชว์ตัวในงานนี้ถึง 3 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย Summit E13 Flip Evo, Summit E14 Flip Evo และ Summit E16 โดยโน๊ตบุ๊คซีรีส์นี้ มุ่งเป้าไปที่งานธุรกิจ และผู้บริหาร รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบความบางเบา แต่ให้การใช้งานได้อย่างหลากหลาย จุดเด่น ไม่ได้อยู่ที่ขนาดกระทัดรัด และขุมพลังที่แรงเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมหน้าจอที่พับได้ 360 องศา เป็นแบบทัชสกรีน รวมถึงใช้ร่วมกับปากกา MSI Pen ได้อีกด้วย เช่นเดียวกับระยะเวลาในการใช้งานที่ยาวนานต่อการชาร์จ และระบบความปลอดภัย ที่ทาง MSI จัดมาให้อย่างครบครัน พร้อมกับแพลตฟอร์ม Intel EVO เพื่อยืนยันว่า โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ ให้ทั้่งประสิทธิภาพที่ดี น้ำหนักเบา การเชื่อมต่อไร้สายรุ่นใหม่ และประหยัดไฟใช้งานได้นาน
โน๊ตบุ๊ค MSI Summit E13 Flip Evo และ E14 Flip Evo โดดเด่นด้วยดีไซน์พรีเมียม มีให้เลือกทั้งตัวเคสสีดำ ตัดเส้นสายสีทอง และแบบสีขาวทั้งตัว ทำให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น นั่งที่ทำงาน พบลูกค้า จิบกาแฟในคาเฟ่ และการพรีเซนเทชั่น ให้ความยืดหยุ่นด้วยการปรับพับหน้าจอเพื่อการใช้งานในรูปแบบต่างๆ เช่น โหมดโน๊ตบุ๊คปกติ, Tablet mode, Desk mode และ Tent mode
หน้าจอแสดงผล 13.4″ FHD+ (Summit E13 Flip Evo) และ 14″ QHD (E14 Flip Evo) เป็นพาแนล IPS ให้ความคมชัดสูง ระดับ sRGB 100% พร้อมขอบจอที่บางพิเศษ ให้พื้นที่ในการรับชมกว้างขึ้น รองรับการทัชสกรีน และสนับสนุน MSI Pen สำหรับการเขียน จดบันทึกบนหน้าจอ
ขุมพลัง Intel Core Gen13 ใหม่ล่าสุด และกราฟิก Intel Iris Xe ที่รองรับทั้งการทำงานและความบันเทิงครบครัน และทำงานร่วมกับแรม LPDDR5 รุ่นใหม่แล้ว และการสนับสนุน SSD M.2 PCIe Gen4
คีย์บอร์ดกดได้ไว ปุ่มใหญ่ ตอบสนองเร็ว พร้อมแสงไฟ Backlit สีขาวสว่างสดใส เพื่อการใช้งานในที่แสงน้อย เช่นเดียวกับทัชแพดขนาดใหญ่ ง่ายต่อการใช้งาน รองรับ Multi-Gesture ใช้หลายนิ้วพร้อมกัน ในการเลือกฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ พอร์ตสำคัญมีให้ใช้งานครบครัน โดยเฉพาะพอร์ตความเร็วสูงอย่าง Thunderbolt 4, USB Type-A หรือจะเป็น HDMI และ microSD card reader ก็ตาม
ทนทานด้วยการผ่านการรับรอง MIL-STD-810G ที่แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็ช่วยให้ใช้งานได้อย่างอุ่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตกกระแทก แรงสั่นสะเทือน หรือความร้อนเย็นมากๆ และความชื้นเป็นต้น โน๊ตบุ๊ค MSI Summit E13 Flip Evo มาพร้อมแบตเตอรี่ 70Whrs ใช้ได้นาน 14 ชั่วโมง ส่วน Summit E14 Flip Evo จะเป็นรุ่น 72Whrs รองรับการใช้งานได้ถึง 13 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ อีกทั้งสนับสนุน PD-Charging อีกด้วย ชาร์จได้ถึง 60% ภายใน 53 นาที
นอกจากนี้ยังมี Tobii Aware เพื่อป้องกันผู้อื่นมาแอบมองข้อมูล หรือใช้งานขณะที่คุณไม่อยู่ที่หน้าจอ เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น เช่นเดียวกับกล้องเว็บแคม ที่มีปุ่มสำหรับเปิด-ปิดหน้ากล้อง ในกรณีที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หลังจากเลิกประชุม ที่สำคัญคือ ให้การป้องกันอย่างเต็มระบบ ไม่ว่าจะใช้การสแกนใบหน้าผ่าน FHD IR Camera หรือการสแกนลายนิ้วมือเข้าใช้งาน
ส่วน MSI Summit E16 Flip นั้น เป็นโน๊ตบุ๊คในซีรีส์เดียวกัน แต่ออกแบบมาเพื่อ นักธุรกิจ และเจ้าของกิจการ รวมถึงนักสร้างงานอิสระ ที่ต้องการพื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่มากขึ้น ในการทำงาน โดยสามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้กลุ่มนี้ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ รองรับการทัชสกรีน และ MSI Pen พับได้ 360 องศา พร้อมขุมพลัง Intel Core Gen13 และกราฟิก GeForce RTX 40 series รวมถึงแรม LPDDR5
ให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 82Whrs เพื่อการทำงานในแต่ละวันได้ยาวนานระดับ 11 ชั่วโมงต่อการชาร์จ อีกทั้งรองรับ PD-Charging 20V อีกด้วย เพื่อให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการระบบระบายความร้อนในแบบ Dynamic Cooler Boost ที่ช่วยลดความร้อนได้อย่างรวดเร็ว และมีเสียงรบกวนที่น้อย ไม่ทำให้การชมภาพยนตร์ หรือการนำเสนอผลงานของคุณถูกรบกวน
Conclusion
นอกจากโน๊ตบุ๊ค MSI ในกลุ่มบางเบา พกพาสะดวก และตอบโจทย์ในชีวิตประจำวันเหล่านี้แล้ว MSI ยังยกทัพเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คมาอวดโฉมภายในงานกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น MSI Titan, Raider, Pulse, Katana รวมถึงซีรีส์ใหม่อย่าง MSI Cyborg ที่จัดเต็มทั้งด้านประสิทธิภาพและการแสดงผลอันยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถเข้าไปดูบทความโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่เหล่านี้ได้ที่นี่ และเชื่อเหลือเกินว่าจะยังมีโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ทะยอยเปิดตัวกันอย่างสนุกจากทาง MSI ให้คุณได้สัมผัสกันอย่างเต็มอิ่มในช่วงปี 2023 นี้ ทาง Notebookspec จะนำข่าวสาร และการรีวิวมาให้ได้ชมกันอย่างต่อเนื่องต่อไปครับ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง MSI ที่เปิดโอกาสให้เราได้ไปเยี่ยมชมและสัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างใกล้ชิดในงาน CES 2023 มา ณ ที่นี้ด้วย รวมถึงขอบคุณผู้ชมทุกท่าน และขอต้อนรับเข้าสู่ปีใหม่ 2023 นี้ด้วยครับ