Connect with us

Hi, what are you looking for?

รีวิว Asus

รีวิว ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ครบเครื่องในราคา 31,990 บาท ได้ปากกา, จอทัชพาเนลเทพ, สแกนลายนิ้วมือ ลองใช้แล้วจะชอบ!

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ทำงานอย่างสะดวก อัพเกรดเพิ่มแรมสบายๆ น่าใช้ไปอีก!

Share image Edit Name 1vivobook 1

ในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้ใช้หลายๆ คน จะเห็นว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น รวมทั้ง ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้เริ่มเปลี่ยนผ่านพาเนลหน้าจอจาก IPS ที่ได้รับความนิยมมาหลายปีมาใช้พาเนล OLED มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจอ OLED ของ ASUS Vivobook รุ่นนี้นอกจากจะได้ความละเอียดสูง 2.8K (2880×1800) อัตราส่วน 16:10 แล้ว ยังปิดด้วยกระจก Corning Gorilla Glass NBT ที่มีความแข็งแรง แสดงผลแบบ HDR แสดงขอบเขตสีได้กว้าง 100% DCI-P3 มีค่าความเที่ยงตรง Delta-E <2 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 600 รวมทั้งปรับค่า Refresh Rate ได้ 2 ระดับ คือ 60Hz หรือ 90Hz ก็ได้ เป็นจุดเด่นแรกของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้

Advertisement

ถัดมา เมื่อ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้มีชื่อย่อย “Flip” แล้ว มันจึงพับหน้าจอกลับ 360 องศาเป็นแท็บเล็ตได้และมี ASUS Pen 2.0 เอาไว้เขียนวาดบนหน้าจอได้สะดวก พิมพ์งานได้ดีด้วยปุ่มคีย์บอร์ด Full-sized ดีไซน์ Dished key caps ซึ่งตรงกลางปุ่มจะโค้งลง 0.2 มิลลิเมตร ทำให้ทรงปุ่มคีย์บอร์ดช่วยนำร่องตอนพิมพ์งานไปในตัวพิมพ์ได้แม่นยำ และยังกดปุ่มตัวเลขได้ง่ายเพราะทัชแพดเป็น ASUS NumberPad 2.0 ด้วย เวลาต้องพิมพ์ตัวเลขในโปรแกรม Microsoft Office Home & Student 2021 ที่แถมมาในเครื่องได้ง่าย

นอกจากนี้ฟีเจอร์ดีๆ ที่ทาง ASUS ติดตั้งมาให้ใน ASUS Vivobook S 14 Flip OLED มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power, บานชัตเตอร์สไลด์ปิดกล้องเว็บแคม 3DNR ความละเอียด Full HD ช่วยป้องกันผู้อื่นแฮ็คเข้ามาใช้กล้องโดยไม่ได้อนุญาต, พอร์ต Thunderbolt 4 ไว้ต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ในตัว, ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool ให้เครื่องเย็นตลอดเวลา, ลำโพงพร้อมชิป Smart amp ที่ได้เสียงดังกว่าปกติ 3.5 เท่า จูนเสียงโดย harman/kardon รองรับเสียงแบบ Dolby Atmos พร้อมซีพียู Intel 12th Gen ประสิทธิภาพสูง ก็ถือว่า ASUS Vivobook S 14 Flip OLED เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาประสิทธิภาพดีและน่าใช้มาก

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED

NBS Verdicts

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00163

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่น่าใช้ ไม่ใช่แค่เพราะติดตั้งซีพียู Intel 12th Gen มาให้ แต่ต้องรวมถึงหน้าจอทัช 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K พาเนล OLED แสดงผลขอบเขตสีได้ 100% DCI-P3 ได้การันตี VESA DisplayHDR True Black 500 และพับเครื่องกลับเป็นแท็บเล็ตได้และยังมีปากกา ASUS Pen 2.0 แถมมาให้ในแพ็คเกจ ใช้วาดเขียนหรือจดบันทึกเข้าไปในเครื่องได้สะดวก จัดว่าใช้งานได้ดีและสะดวกมาก

ด้านความปลอดภัยก็ครบครัน เนื่องจากทางบริษัทติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมมาให้กับปุ่ม Power และมีบานสไลด์ปิดกล้องเว็บแคมด้วย ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของเจ้าของเครื่องได้ดียิ่งขึ้น ไม่ให้ใครขโมยใช้โดยพลการได้ หรือจะทำงานก็สะดวกด้วย ASUS NumberPad 2.0 ติดตั้งมาตรงทัชแพดให้กดตัวเลขได้สะดวกยิ่งขึ้น และทางบริษัทยังมี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้ควบคู่กับ Windows 11 Home ด้วย ผู้ใช้ก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อโปรแกรมเพิ่มเลย

ด้านการอัพเกรดก็จัดว่าครบเครื่องแต่ก็ยังน่าสังเกต คือ แม้ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED จะถูกออกแบบมาให้บางเบา แต่ก็ยังเพิ่มแรมจากที่ติดออนบอร์ดมา 8GB DDR4 บัส 3200MHz ไปได้มากสุด 16GB DDR4 ให้ผู้ใช้กลุ่มที่ต้องรันโปรแกรมใหญ่หรือเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกันได้ดีแน่นอน แต่ในเครื่องก็จะมีช่อง M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 เพียงช่องเดียว หาก SSD จากโรงงานเร็วไม่พอก็อาจจะถอดอัพเกรดเป็นรุ่นอื่นที่รวดเร็วกว่านี้ก็ได้

ส่วนพอร์ตของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED มีทั้งจุดที่ดีและน่าสังเกตควบคู่กัน ซึ่งทางบริษัทก็ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ใช้ จะต่อผ่าน USB-C Multiport Adapter ขยายเป็นพอร์ตอื่นๆ รวมถึงต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่ก็ได้ในพอร์ตเดียวและยังมีพอร์ตพื้นฐาน เช่น USB-A, HDMI, Audio combo ติดตั้งมาในตัว แต่จุดสังเกตเล็กน้อยคือ พอร์ต USB 2.0 นั้นหากเลือกได้ ก็อยากให้เปลี่ยนเป็น MicroSD Card Reader แทนจะยอดเยี่ยมที่สุด

ข้อดีของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED
  1. งานประกอบตัวเครื่องแข็งแรง พับหน้าจอกลับได้ 360 องศา ใช้เป็นแท็บเล็ตได้ในตัว
  2. ขนาดตัวเครื่องเบาพกพาง่ายเพียง 1.5 กิโลกรัม เหมาะกับผู้ที่พกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหน
  3. มีปากกา ASUS Pen 2.0 แถมมาให้ใช้วาดเขียนและจดได้ง่าย ชาร์จด้วยพอร์ต USB-C
  4. ติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้
  5. ใช้ซีพียู Intel Core i5-12500H ซึ่งประสิทธิภาพสูง รันงานหนักได้เป็นอย่างดี
  6. มีแรมออนบอร์ด 8GB DDR4 และมีช่อง SO-DIMM ให้ใส่เสริมได้อีก 8GB อีกด้วย
  7. มีพอร์ต Thunderbolt 4 กับพอร์ตพื้นฐานอย่าง HDMI, USB-A ติดตั้งมาให้ครบถ้วน
  8. หน้าจอ 14 นิ้ว มีความละเอียดสูงและขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 ด้วย
  9. มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ ปลดล็อคเครื่องได้สะดวกรวดเร็ว
  10. มีบานสไลด์ปิดกล้องเว็บแคมเวลาไม่ใช้งาน ป้องกันการถูกเจาะระบบเข้ามาใช้งาน
  11. ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool ระบายความร้อนได้ดี ไม่เกิดอาการ Throttle ลดประสิทธิภาพระหว่างใช้งานแม้แต่น้อย
  12. แป้นทัชแพด ASUS NumberPad 2.0 พิมพ์ตัวเลขได้สะดวกเหมือน Numpad จริงๆ
  13. ปุ่มคีย์บอร์ด Dished Key Caps ทรงปุ่มโค้งและขนาด Full-size พิมพ์ได้สะดวกแม่นยำ
ข้อสังเกตของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED
  1. ถ้าเปลี่ยน USB 2.0 เป็น MicroSD Card Reader จะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้มากกว่า
  2. ไม่มีคีย์ลัดปรับค่า Refresh Rate ของหน้าจอติดมาให้ที่ Function Hotkey

รีวิว ASUS Vivobook S 14 Flip OLED

Specification

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED

ASUS Vivobook 14 Flip OLED เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานหน้าจอทัชที่พับเครื่องเป็นแท็บเล็ตได้, มีปากกาสไตลัสให้ใช้เขียนจดบนหน้าจอได้สะดวก และยังได้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ที่ปุ่ม Power อีกด้วย จัดเป็นโน๊ตบุ๊คน่าใช้อีกรุ่นหนึ่ง โดยมีรายละเอียดสเปคดังนี้

สเปคของ Asus Vivobook S 14 Flip OLED TP3402ZA-KN501WS
  • CPU : Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz
  • GPU : Intel Iris Xe Graphics
  • SSD : แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB
  • RAM : ออนบอร์ด 8GB DDR4 บัส 3200 MHz เพิ่มแรม SO-DIMM ได้อีก 8GB
  • Display : จอทัช 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880×1800) พาเนล OLED HDR ค่า Refresh Rate 60~90Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 500 และได้รับการรับรองจาก PANTONE Validated
  • Ports : USB 2.0 x 1, USB-A 3.2 Gen 2 x 1, Thunderbolt 4 x 1, HDMI 2.1 x 1, Audio combo x 1
  • Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.1
  • Webcam : 1080p Full HD Camera 
  • Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
  • Weight : 1.5 กิโลกรัม
  • Price : 31,990 บาท (ราคากลาง)

Hardware & Design

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00158

ดีไซน์ของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED จะดูเรียบง่าย แต่มีรายละเอียดเก็บเอาไว้ตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะก้านบานพับหน้าจอและก้านพลาสติกรองบอดี้ตัวเครื่องติดไว้ 4 มุม ได้แก่ ขอบล่างของก้านบานพับหน้าจอและขอบล่างที่วางข้อมือ เวลาพับเป็นแท็บเล็ตแล้ววางบนพื้นโต๊ะ บอดี้จะไม่เกิดรอยขูดเสียหาย และขอบด้านล่างใต้ทัชแพดจะตัดบอดี้เฉียงไว้เล็กน้อยให้ผู้ใช้ใช้มือข้างเดียวกางจอเปิดเครื่องใช้ได้สะดวกขึ้น ซึ่งทางบริษัทบาลานซ์น้ำหนักได้ดี ไม่มีอาการตัวเครื่องกระดกตามหน้าจอขึ้นมาเลย

ถ้าสังเกตจะเห็นว่าระหว่างแป้นคีย์บอร์ดกับทัชแพด จะมีเส้นระยะเส้นเสียงแนวนอน (Sound Wave) พร้อมคำว่า “Ready To Explore” กับโลโก้ Sound by harman/kardon การันตีว่าลำโพงของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ได้รับการจูนเสียงลำโพงมาเรียบร้อยแล้ว เป็นรายละเอียดดีไซน์เล็กๆ น้อยๆ ให้ตัวเครื่องดูสวยแตกต่าง ไม่เรียบเกินไป

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00168

ตัวก้านบานพับหน้าจอของตระกูล Flip จะเป็นก้านดีไซน์แผ่นแบน เมื่อกางหน้าจอจะพลิกกลับให้พับจอกลับ 360 องศาเป็นแท็บเล็ตแล้ว ก็ใช้นิ้วหรือปากกา ASUS Pen 2.0 ทำงานกับโปรแกรมต่างๆ ของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้ทันที หากใครต้องเข้าประชุมหรือเลคเชอร์จดโน๊ตบันทึกข้อมูลอยู่บ่อยๆ ก็ซื้อ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED เอาไว้ใช้งานรับหมดทุกหน้าที่ได้เลย

เมื่อเปิดฝาจะเห็นฐานบานพับหน้าจอกับตัวก้านจอว่าทาง ASUS ใช้ก้านโลหะยึดระหว่างเครื่องและจอเอาไว้ และมีระยะห่างระหว่างชิ้นส่วนใหญ่สองชิ้นพอดีจึงกางได้มั่นคงแข็งแรงทีเดียว ต่อให้พับกลับไปมาระหว่างโหมดโน๊ตบุ๊คและแท็บเล็ตหลายๆ ครั้งก็ไม่มีปัญหา ซึ่งผู้เขียนเองก็ทดลองพับจอกลับเป็นแท็บเล็ตแล้วกลับเป็นโน๊ตบุ๊คหลายต่อหลายครั้ง ตัวบานพับก็ยังแข็งแรงทนทานไม่มีอาการหลวมให้รู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00155

ฝาหลังของตัวเครื่องจะใช้ดีไซน์เรียบๆ สีเดียวแต่ติดเพลตดีไซน์เฉพาะของ ASUS Vivobook ไว้ฝั่งขวามือ โดยแยกเป็นสองชิ้นทั้งลายแถบเอกลักษณ์ของซีรี่ส์นี้และเพลตบอกซีรี่ส์ ASUS Vivobook พร้อมคำขวัญอย่าง “Explore The Possibilities”, #GoFurther, #BeFearless ด้วย 

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00150

ด้านใต้เครื่องจะมีช่องสำหรับรับอากาศเย็นเข้าทั้งหมด 3 แถว ตีเส้นช่องแนวเฉียงและเว้นระยะระหว่างช่องส่วนกลางและฝั่งซ้าย, ขวาของตัวเครื่องเอาไว้เล็กน้อย ส่วนช่องระบายความร้อนอยู่ที่ด้านหลังและข้างเครื่องฝั่งซ้ายมือเมื่อวางเครื่องใช้งานตามปกติ ติดแถบยางรองใต้เครื่องไว้ 3 เส้น เป็นเส้นยาวขอบบนและเส้นสั้นอีกสองเส้นขอบล่างทั้งสองมุมถัดจากลำโพงเครื่องเข้ามา

Screen & Speaker

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00193

หน้าจอขนาด 14 นิ้วของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED จะดีไซน์ขอบหน้าจอบางที่ริมทั้งสองด้านและรีดขอบหน้าจอส่วนบนให้บางที่สุดแต่ยังติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบ 3DNR ความละเอียด Full HD กับไมค์พร้อมระบบ AI-Noise Cancelling มาให้ เวลาไม่ต้องการใช้กล้องก็ใช้เล็บเลื่อนบานสไลด์ปิดกล้องเอาไว้ได้ ซึ่งถ้าบานสไลด์ปิดกล้องอยู่จะเห็นเป็นจุดสีส้มอยู่

display

จุดเด่นของหน้าจอนี้ นอกจากพาเนล OLED แล้ว ยังได้ความละเอียดสูง 2.8K (2880×1800) พิกเซล ปรับค่า Refresh Rate ได้ว่าต้องการใช้งานตามปกติก็คงเอาไว้ 60Hz หรือชอบภาพลื่นไหลก็เปลี่ยนไป 90Hz ก็ได้ ด้านขอบเขตสีทางบริษัทเคลมเอาไว้ 100% DCI-P3 ได้รับการรับรองจากทาง PANTONE Validated รวมทั้ง VESA DisplayHDR True Black 500 การันตีว่าจอนี้แสดงผลสีดำได้ดำสนิทแน่นอน

ด้านขอบเขตสีหน้าจอเมื่อทดสอบและตั้งค่าด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 จะเห็นว่าหน้าจอก่อนตั้งค่าแสดงขอบเขตสีได้กว้าง 100% sRGB, 94.5% Adobe RGB และ 99.8% DCI-P3 ซึ่งขอบเขตสีเดิมจากโรงงานก็จัดว่าใกล้เคียงกับที่ ASUS เคลมเอาไว้แล้ว และพอคาลิเบรตเสร็จจะเห็นว่าขอบเขตสีของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ดีขึ้นมาก โดยเพิ่มขึ้นไปเป็น 170.9% sRGB, 117.7% Adobe RGB และ 121% DCI-P3 ได้ค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E เฉลี่ย 0.09 เท่านั้น ถือว่าหน้าจอของ ASUS Vivobook นี้ใช้พรู้ฟสีงานอาร์ต, แต่งภาพถ่ายหรือนักวาดภาพจะซื้อเอาไว้วาดภาพประกอบก็ดีมาก ใช้งานสะดวกเหมือนวาดด้วยเมาส์ปากกาไม่มีผิด

หน้าจอความสว่างเอาไว้ 100% เมื่อวัดด้วย DisplayCal 3 จะได้ค่าความสว่าง 375.81 cd/m2 ซึ่งสว่างพอใช้งานได้เป็นอย่างดี สามารถเร่งความสว่างสู้แสงแดดที่ส่องสะท้อนจอตอนใช้งานนอกอาคารได้สบายๆ หรือถ้าแสงแดดลอดหน้าต่างมาสะท้อนจอก็ไม่มีปัญหาแน่นอน และถ้าใช้ในออฟฟิศ ผู้เขี่ยนแนะนำให้ปรับความสว่างไว้ 60% ให้ความสว่างอยู่ราว 200 cd/m2 ก็สว่างเพียงพอแล้ว

ลำโพงของตัวเครื่องทั้ง 2 ดอกที่ harman/kardon มาปรับจูนเสียงให้และมีชิป Smart Amp ไว้เร่งเสียงให้ดังกว่าเดิม 3.5 เท่านั้น เมื่อวัดด้วยเครื่องวัดเสียงแล้วจะได้ความดังราว 85dB ส่วนเนื้อเสียงจะแตกต่างจากลำโพงโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ซึ่งผู้เขียนเคยทดลองรีวิวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งโทนเสียงจะเน้นไปทางเครื่องดนตรีกับนักร้องเป็นหลัก มีเสียงเบสของลำโพงคอยซัพพอร์ตเสียงให้มีมิติยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ดังจนกลบเสียงอื่นไปจนหมด ถือว่ามิติเสียงนั้นใช้ดูหนังฟังเพลงได้ดีทีเดียว

Keyboard & Touchpad

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00171

คีย์บอร์ดของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED เป็นคีย์บอร์ดแบบ Tenkeyless แต่ดีไซน์ปุ่มให้เป็น Full-size ทรงปุ่มเป็น Dished Key caps โดยตรงกลางปุ่มจะเว้าเข้าไปเป็นแอ่งเหมือนจาน (Dish) โค้ง 0.2 มม. ซึ่งเมื่อทดลองพิมพ์ต้องถือว่าตัวปุ่มจะไกด์ปลายนิ้วให้ผู้ใช้กดลงไปตรงกลางปุ่มพอดี กดง่ายและตอบสนองเร็วใช้ได้และมีไฟ LED Backlit ให้พิมพ์งานในที่แสงน้อยได้สะดวกขึ้นด้วย

Function Key ถูกเซ็ตอัพเอาไว้ตามปุ่มต่างๆ บนแป้นคึย์บอร์ด ได้แก่ Home, End, Page Up, Page Down ตรงปุ่มลูกศร บางปุ่มที่มีคำสั่งตรงกันข้ามก็ถูกรวบเอาไว้ด้วยกัน เช่น Delete กับ Insert เป็นต้น และถ้าใครอยากล็อค Function Hotkey ตรง F1~F12 สามารถกด Fn+Esc เพื่อเปลี่ยนโหมดได้ และสังเกตตรงปุ่ม Enter จะเห็นว่าขอบล่างปุ่มมีแถบสีขาวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล ASUS Vivobook ติดอยู่ด้วย

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00179

คีย์ลัดของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ที่ปุ่ม F1~F12 นั้น ทางบริษัทก็จัดการ Mapping ปุ่มฟังก์ชั่นสำหรับโน๊ตบุ๊คสายทำงานติดตั้งมาครบถ้วน โดยมีปุ่มดังนี้

  • F1~F3 – ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง
  • F4~F5 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
  • F6 – ปิด/เปิดทัชแพด
  • F7 – ปรับความสว่างไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ด
  • F8 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
  • F9 – ปิดหรือเปิดไมค์
  • F10 – ปิดหรือเปิดกล้องเว็บแคม
  • F11 – เรียกโปรแกรม Snipping Tool
  • F12 – เรียกโปรแกรม MyASUS

จะเห็นว่า Function Hotkey ที่ปุ่ม F1~F12 ของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED มีคำสั่งตั้งค่าตัวเครื่องติดมาให้ครบถ้วน แต่น่าเสียดายเล็กน้อยว่าถ้าทาง ASUS ย้ายคำสั่ง Snipping Tool ไปรวมกับปุ่ม Print Screen แทน แล้วเสริมคำสั่งปรับค่า Refresh Rate หน้าจอเข้ามาล่ะก็ น่าจะดีต่อผู้ใช้ที่ชอบหน้าจอที่แสดงผลภาพได้ไหลลื่นไหลด้วย

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00185

ทัชแพด ASUS NumberPad 2.0 จะมีปุ่มลัด F6 สำหรับปิดเปิดการทำงานอยู่ เมื่อกดแล้วตัวระบบจะแสดงภาพขึ้นมาบนหน้าจอด้วยว่าทัชแพดทำงานอยู่หรือไม่ ด้านการใช้งานจริงตัวแป้นสามารถตอบสนองการลากเคอร์เซอร์ได้รวดเร็วและใช้ Gesture Control ได้เป็นอย่างดีไม่มีปัญหา หากใครนั่งทำงานแล้วหยิบเมาส์ออกมาไม่ถนัดนักก็ใช้ทัชแพดได้เลย

ส่วนแป้น ASUS NumberPad 2.0 จะมีคำสั่งอยู่ 2 ไอคอน คือ มุมบนซ้ายหากแตะแล้วยกนิ้วออก จะลดความสว่างของไฟแป้น Numpad ถ้าแตะแล้วลากนิ้วออกจะเรียกเครื่องคิดเลขขึ้นมา ส่วนฝั่งขวามือเป็นปุ่มเปิดปิด Numpad จะทำงานต่อเมื่อแตะค้างเอาไว้ราว 1 วินาที แต่ตอนใช้งานจริงแม้จะเปิด Numpad ค้างเอาไว้ก็ยังลากเคอร์เซอร์เมาส์ไปมาได้ตามปกติและถ้าตรงไหนต้องกรอกตัวเลขก็แตะพิมพ์เลขได้เลย ถือว่าทางบริษัทเซ็ตฟังก์ชั่นการทำงานให้แป้นทัชแพดนี้ทำงานได้ดีมาก ไม่มีอาการรวนมารบกวนตอนใช้งานเลยแม้แต่น้อย

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00229

ปากกา ASUS Pen 2.0 ในกล่องจะเป็นปากกา USI Stylus แบบให้ฝังแบตเตอรี่เอาไว้ในตัว ตัวด้ามจะมีปุ่มควบคุมการทำงาน 2 ปุ่มและมีปุ่มท้ายด้าม เมื่อกดแล้วเครื่องจะเปิดโปรแกรม Microsoft Sketch Board ขึ้นมาให้วาดภาพจดไอเดียได้ ตอนแบตเตอรี่ปากกาใกล้หมดจะมีไฟสีส้มกระพริบเตือนผู้ใช้ ซึ่งมีพอร์ต USB-C ที่ตัวด้ามให้เสียบชาร์จแบตฯ ได้ด้วย ด้านการวาดและเขียนจดถือว่าตอบสนองได้ดีไม่แพ้กับเมาส์ปากกาแบรนด์ชั้นนำหลายๆ รุ่นเลย

อย่างไรก็ตาม จุดที่ขอกล่าวถึงเป็นส่วนตัว คือตัวปากกาหากใครคุ้นเคยกับ ASUS Pen บางรุ่นที่ต้องใส่แบตเตอรี่ AAA มาก่อนแล้วเปลี่ยนมาใช้ปากกาด้ามนี้เป็นครั้งแรกก็น่าจะเข้าใจผิดว่าต้องหมุนปลายด้ามปากกาเพื่อเปิดกระบอกใส่ถ่าน แต่เวอร์ชั่นใหม่นี้ต้องสไลด์ท้ายด้ามขึ้นเปิดพอร์ต USB-C แล้วเสียบสายชาร์จแทน ซึ่งผู้เขียนคิดว่าหากทาง ASUS จะเปลี่ยนดีไซน์ปากกาเช่นนี้ ควรติดสติ๊กเกอร์บอกผู้ใช้สักนิด อย่างมีคำว่า “Slide” พร้อมลูกศรสักนิด ไม่อย่างนั้นผู้ใช้ที่คุ้นกับปากกาด้ามนี้แต่เป็นเวอร์ชั่นใส่ถ่านต้องได้ส่งเคลมหรือซื้อด้ามใหม่อย่างแน่นอน

Connector / Thin & Weight

พอร์ตเชื่อมต่อของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้จะมีพอร์ตติดตั้งเอาไว้ทั้งสองฝั่งของตัวเครื่อง โดยฝั่งซ้ายจะมี USB 2.0 เพียงพอร์ตเดียว ส่วนฝั่งขวาไล่จากซ้ายมี Audio combo, Thunderbolt 4, USB-A 3.2 Gen 2, HDMI 2.1 และช่องต่ออแดปเตอร์ของโน๊ตบุ๊ค

ซึ่งพอร์ตของตัวเครื่องถือว่าทาง ASUS ให้มาครบเครื่อง แต่ผู้เขียนยังกังขาที่พอร์ต USB 2.0 ด้านซ้าย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนอยากให้ทาง ASUS เปลี่ยนเป็น MicroSD Card Reader จะดีกว่า ผู้ใช้จะได้เอาการ์ดจากกล้องมาต่อแล้วโอนไฟล์เข้าออกเครื่องได้สะดวก ไม่ต้องผ่านตัวแปลงใดๆ ให้วุ่นวายและยังเอาไปใช้ประโยชน์ในส่วนต่างๆ ได้มากขึ้น

หากเป็นไปได้ผู้เขียนแนะนำให้ถอดช่องอแดปเตอร์ออกแล้วเปลี่ยนเป็น Thunderbolt 4 x 2 ช่องจะดีกว่า เพราะโน๊ตบุ๊คสายทำงานของ ASUS หลายๆ รุ่นก็ให้อแดปเตอร์หัว USB-C มาหลายรุ่นแล้ว ถ้า ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ทำตามนั้น นอกจากได้ใจผู้บริโภคยังได้พอร์ตอเนกประสงค์เพิ่มอีกช่องด้วย หรือไม่อย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็น Kensington Lock แทนก็ได้ความปลอดภัยให้เจ้าของเครื่องอุ่นใจขึ้นอีก

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00136

น้ำหนักของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ที่เคลมเอาไว้หน้าเว็บไซต์อยู่ที่ 1.5 กิโลกรัม พอชั่งด้วยตาชั่งดิจิตอลแล้วได้น้ำหนักราว 1.58 กิโลกรัม เมื่อรวมกับอแดปเตอร์และ ASUS Pen 2.0 น้ำหนัก 320 กรัม จะหนักสุทธิ 1.91 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักร่วม 2 กิโลกรัมถือว่าไม่ได้หนักเกินไป และอแดปเตอร์เฉพาะของเครื่องก็ไม่จำเป็นต้องพกติดตัวไปด้วยเสมอๆ แค่หาปลั๊ก GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์กับสาย USB-C ติดกระเป๋าไป ส่วนอแดปเตอร์ทิ้งไว้ที่บ้านหรือออฟฟิศก็ได้ ช่วยลดน้ำหนักและจำนวนของใช้ในกระเป๋าให้น้อยลงด้วย

Inside & Upgrade

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00140

ถ้าจะอัพเกรด ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ก็ทำได้ง่ายๆ โดยใช้ไขควงหัวแฉก Philips Head ขันน็อต 10 ดอกออก แล้วเอาปิ๊กกีตาร์ไล่ตามขอบตัวเครื่องแล้วเปิดฝาเครื่องได้เลย โดยฝาเครื่องนี้ไม่มีตัวกิ๊บดึงฝาเข้ากับเครื่องหรือน็อตแบบมีตัวรองเลย ตอนเปิดเครื่องขอแค่ระวังตอนงัดตะขอขอบฝาเครื่องแตกก็พอ โดยรวมถือว่าฝาใต้เครื่องของ Vivobook S 14 Flip OLED ก็ยังถอดและใส่เข้าได้ง่ายไม่แพ้ Vivobook รุ่นอื่นในซีรี่ส์เลย

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00149

เมื่อเปิดฝาเครื่องจะเห็นว่าภายในจะมีแบตเตอรี่กับแผงเมนบอร์ดแบ่งพื้นที่กันอยู่ครึ่งหนึ่ง มีช่องต่อ M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 พร้อมกรอบโลหะป้องกัน SSD ด้วย ถัดมาเป็นช่อง RAM SO-DIMM ปิดด้วยกรอบอลูมิเนียม อัพเกรดเพิ่มความจุได้มากสุด 16GB DDR4 รองรับบัส 3200MHz ดังนั้นถ้าใครซื้อมาแล้วกลัวแรมออนบอร์ดไม่พอใช้ก็เปิดฝาอัพเกรดได้เลย

ส่วนตัวผู้เขียนค่อนข้างประทับใจที่ทาง ASUS ให้พอร์ต SO-DIMM สำหรับอัพเกรดแรมมา แล้วยังมีกรอบอลูมิเนียมมาปิดแผ่นแรมด้วย แต่ก็แลกกับอินเตอร์เฟส PCIe สำหรับ M.2 NVMe SSD เพียงช่องเดียว ซึ่งส่วนนี้หากดูบนเมนบอร์ดที่มีพื้นที่จำกัดก็ต้องเลือกใส่แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นถ้าใครรู้สึกว่า M.2 NVMe SSD จากโรงงานช้าเกินไปแนะนำให้โคลนย้ายข้อมูลไป SSD ตัวที่เร็วกว่าหรือเปลี่ยนไปซื้อ External SSD มาใช้งานแทนเลยก็ดี

Performance & Software

cpu

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED รุ่นนี้ติดตั้งซีพียู Intel 12th Gen สถาปัตยกรรม Alder Lake รหัส Intel Core i5-12500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็ว 3.3-4.5GHz มาให้ใช้งาน มีค่า TDP สูงสุด 45 วัตต์ รองรับชุดคำสั่งที่จำเป็นใช้งานครบถ้วน ใช้รันโปรแกรมที่กินทรัพยากรหนักได้เป็นอย่างดี

เมนบอร์ดของ Vivobook S 14 Flip OLED เป็นอินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 รองรับ SSD ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี มีแรมออนบอร์ดติดตั้งมา 8GB DDR4 บัส 3200MHz มีช่องแรม SO-DIMM สามารถอัพเกรดเพิ่มได้มากสุด 16GB DDR4 ด้วย ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องเปิดเบราเซอร์หลายแท็บหรือเปิดโปรแกรมที่กินทรัพยากรเครื่องหนักๆ ได้เป็นอย่างดี

gpu

การ์ดจอออนบอร์ดใน Intel Core i5-12500H เป็น Intel Iris Xe Graphics รองรับ DirectX 12 และชุดคำสั่งสำหรับเรนเดอร์กราฟิคครบถ้วน ไม่ว่าจะ OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan ครบถ้วน สามารถใช้เรนเดอร์ภาพหรือตัดต่อคลิป Vlog ต่างๆ ได้อย่างแน่นอน 

device mgr

พาร์ตในเครื่องเมื่อเช็คด้วย Device Manager แล้ว จะเห็นว่า ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ FocalTech มาให้ ใช้การ์ด Wi-Fi ของ MediaTek MT7921 รองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax เป็นรุ่นเสาอากาศ Dual band 2×2 รองรับ Bluetooth 5.1 ในตัวและมีชิป TPM 2.0 ติดตั้งมาให้รักษาความปลอดภัยร่วมกับระบบปฏิบัติการ Windows 11 ด้วย

ssd

สำหรับ M.2 NVMe SSD จากโรงงานใน ASUS Vivobook S 14 Flip OLED เป็น Micron 2450 ความจุ 512GB โดยสเปคของไดรฟ์นี้ใช้อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 ขนาด M.2 2280 ซึ่งความจุนี้มีความเร็ว Sequential Read 3,500 MB/s และ Sequential Write 3,000 MB/s ค่าความทนทานตอนอ่านเขียนข้อมูล 300 TBW มีระบบเข้ารหัสข้อมูล AES-256 ในตัวอีกด้วย

เมื่อทดสอบด้วย CrystalDiskMark 8 แล้ว ผลที่ได้จะเห็นว่า SSD นี้ทำความเร็ว Sequential Read ได้ 2,940.12 MB/s และ Sequential Write 883.42 MB/s เมื่อเขียนไฟล์ลงไดรฟ์ราว 71% ซึ่งถ้าใครจะใช้ SSD เดิมจากโรงงานก็ถือว่าใช้งานได้ แต่ขอแนะนำให้บริหารพื้นที่ในไดรฟ์ให้ดี อย่าเก็บไฟล์เอาไว้ในเครื่องเกิน 50% เพื่อให้ตัว SSD มีพื้นที่จัดการบริหารไฟล์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

หากผู้ใช้คนไหนต้องการเปลี่ยน SSD ในเครื่องให้เป็นรุ่นที่ประสิทธิภาพดีขึ้น แนะนำให้ดู Transcend MTE220S, Samsung 980, WD Black SN 750SE ฯลฯ มาเปลี่ยนแล้วเอาไดรฟ์เดิมจากโรงงานไปทำ External SSD แทนก็ดีเช่นกัน นั่นเพราะ M.2 NVMe SSD ที่ซื้อแยกโดยเฉพาะจะมีซอฟท์แวร์สำหรับปรับแต่งและอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้ตัวไดรฟ์โดยเฉพาะและเร่งประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นได้ด้วย 

ด้านการทดสอบเรนเดอร์โมเดล 3D CG แล้ว จะเห็นว่าตัว ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ใช้งานได้เป็นอย่างดี โดย CINEBENCH R15 ทำคะแนน OpenGL ได้ 57.09 fps และ CPU 1,124 cb และเมื่อรันโปรแกรม CINEBENCH R20 ที่เน้นทดสอบกำลังการประมวลผลของซีพียูเท่านั้น จะได้คะแนน 2,653 pts ทีเดียว ดังนั้นถ้าผู้ใช้คนไหนต้องทำงาน 3D Model และกราฟิคล่ะก็ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้ก็สามารถเรนเดอร์และนำเสนอโมเดลให้ลูกค้าได้ดี ไม่มีปัญหาเรื่องกระตุกค้างแน่นอน

3dmark

ด้านการทดสอบเล่นเกมด้วย 3DMark Time Spy จะเห็นว่าตัว ASUS Vivobook S 14 Flip OLED จะทำคะแนนรวมเฉลี่ยได้ 997 คะแนน แยกเป็น CPU score 4,533 คะแนน และ Graphics score 877 คะแนน ก็สรุปได้ว่า Vivobook รุ่นนี้ไม่เหมาะกับการเล่นเกมนักและก็ไม่ได้เป็นใจความหลักของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังพอเปิดเกม 8-bit เล่นฆ่าเวลาได้ระดับหนึ่ง

pcmark10

ส่วนของ PCMark 10 สำหรับทดสอบเวลานำโน๊ตบุ๊คนี้ไปทำงานจริง จะเห็นว่ามันสามารถทำงานได้ดีทีเดียว โดยได้คะแนนเฉลี่ย 5,020 คะแนน ไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คบางเบาสายทำงานหลายๆ รุ่น หากจำแนกผลคะแนนเป็นหมวดต่างๆ จะเห็นว่าการใช้งานทั่วไปอย่างเปิดโปรแกรม, ประชุมออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือเปิดเบราเซอร์นั้น Vivobook S 14 Flip OLED ทำงานได้ดีไม่มีปัญหา และจะใช้งานกับโปรแกรมออฟฟิศอย่าง Word, Excel หรือแม้แต่โปรแกรมแต่งภาพก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย ต้องถือว่าตัวซีพียูและการ์ดจอออนบอร์ดใน Intel Core i5-12500H ทำหน้าที่ได้ดีไม่มีปัญหา

แต่หากมองในส่วนที่ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ไม่ถนัด ก็จะเป็นงานตัดต่อวิดีโอและเรนเดอร์จำลองโมเดลที่ทำคะแนนทดสอบออกมาได้ในระดับพอใช้งานได้ ทว่าถ้าใครเน้นงานปั้นโมเดล 3D หรือตัดต่อวิดีโอความละเอียดเกิน Full HD และใส่เอฟเฟคกับรายละเอียดเยอะๆ ล่ะก็ แนะนำให้หารุ่นมีการ์ดจอแยกติดตั้งมาด้วยจะทำงานได้ดีกว่า

Screenshot 2022 09 21 094202

ด้านการตั้งค่า ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ให้ทำงานได้ดีที่สุดจะมีโปรแกรม MyASUS ติดตั้งมาให้ใช้งาน ซึ่งใช้มอนิเตอร์ตัวเครื่องและตั้งค่าการแสดงผลหน้าจอรวมทั้งมีโหมดถนอมการแสดงผลของพาเนลหน้าจอ OLED รวมทั้งเมื่อใช้งานแล้วมีปัญหาก็สามารถแจ้งปัญหาเพื่อให้ทาง ASUS เข้ามาช่วยดูแลจัดการตัวเครื่องผ่านทางโปรแกรมนี้ได้อีกด้วย

หากให้ดี ผู้เขียนแนะนำว่าเมื่อซื้อ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED มาแล้ว ก็เปิด MyASUS มาเปิดการตั้งค่า OLED Care เอาไว้ให้หมด ซึ่งมันจะช่วยถนอมพาเนลนี้ให้ใช้งานได้โดยไม่เกิดอาการ Burn-in เมื่อใช้งานไปหลายปีด้วย

Battery & Heat & Noise

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00143

แบตเตอรี่ของ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED เป็นแบบลิเธียม โพลีเมอร์ ความจุ 70Wh มีขนาดใหญ่จนขอบแบตเตอรี่ติดลำโพงทั้งสองฝั่ง มีความจุ Typical Capacity 6,072mAh และ Rated Capacity 5,895mAh จัดว่ามีความจุเยอะ และทาง ASUS เคลมว่าใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงอย่างแน่นอน

batt

ซึ่งระยะเวลาใช้งาน เมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยลดความสว่างหน้าจอต่ำสุด, ปิดไฟ LED Backlit, ลดเสียงลำโพงให้ดังเพียง 10% แล้วตั้งค่าตัวเครื่องเป็นโหมดประหยัดพลังงาน แล้วใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube นาน 30 นาที จะเห็นว่า ASUS Vivobook S14 Flip OLED สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุถด 8 ชั่วโมง 28 นาที ซึ่งในฐานะซีพียู Intel H-Series ซึ่งเป็นซีพียูคอร์ประสิทธิภาพสูงนั้น แม้จะใช้งานได้ไม่เกิน 10 ชั่วโมง แต่ใช้ได้ราวนี้ก็ถือว่านานทีเดียว

อย่างไรก็ตาม แม้โปรแกรม BatteryMon จะแจ้งเราว่าใช้งานได้ราว 8 ชั่วโมงครึ่งก็ตาม แต่จากที่นำเครื่องไปใช้งานจริงแบบ Cafe Hopper หยิบโน๊ตบุ๊คติดตัวไปนั่งทำงานร้านโน้นทีร้านนี้ที ก็ใช้งานต่อนเื่องได้ทั้งวันไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน อย่างมากอาจเตรียม Power Bank ความจุสูง กำลังชาร์จ 65 วัตต์ขึ้นไปเตรียมเอาไว้สักก้อนเผื่อใช้ชาร์จในกรณีจำเป็นก็เพียงพอแล้ว แต่อันที่จริง แบตเตอรี่ 70Wh ใน ASUS Vivobook S 14 Flip OLED กับระบบจัดการพลังงานถือว่าทำงานได้ดี ไม่ต้องห่วงว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวันเลยก็ได้

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00141

ระบบระบายความร้อน ASUS IceCool ในเครื่องจะใช้ฮีตไปป์ 2 เส้น ขนาด 8 และ 6 มม. เดินแนวจากซีพียู Intel Core i5-12500H ตรงไปยังฮีตซิงค์ที่ติดอยู่ขอบตัวเครื่องหน้าพัดลมโบลวเวอร์ 2 ด้านเพื่อระบายความร้อนออกจากเครื่อง ด้านเสียงระบบระบายความร้อนต้องถือว่าเบามากจนแทบไม่ได้ยิน และแม้จะรันโปรแกรมใหญ่ๆ อยู่ก็ยังได้ยินเสียงหวีดเบาๆ เท่านั้น ไม่ได้รบกวนหูตอนใช้งานแม้แต่น้อย ถ้าพกเครื่องไปทำงานตาม Co-working space ก็ไม่มีรบกวนผู้อื่นที่ใช้สถานที่ร่วมกันอย่างแน่นอน

heat

เมื่อรันโปรแกรม Benchmark เพื่อเค้นเครื่องให้ทำงานเต็มที่แล้วเช็คอุณหภูมิด้วย CPUID HWMonitor จะเห็นว่าอุณหภูมิ Package ของ Intel Core i5-12500H ใน ASUS Vivobook S 14 Flip OLED จะอยู่ที่ 48~98 องศา เฉลี่ย 57 องศาเซลเซียส และเมื่อเอามือจับตามส่วนต่างๆ ของตัวเครื่องแล้ว ความร้อนจากชุดระบายความร้อนก็ไม่ได้แผ่ออกไปทั่วแค่ตัวเครื่องอุ่นขึ้นเล็กน้อยและจะร้อนจริงๆ ก็ตรงปลายเครื่องเหนือช่องระบายความร้อนเท่านั้น

แต่เมื่อใช้งานจริง Intel Core i5-12500H ใน ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ก็ไม่ได้รันเต็มที่ตลอดเวลาและตอนใช้งานจริงเครื่องก็เย็นตลอดเวลาอีกด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากได้เครื่องนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอุณหภูมิที่โปรแกรมวัดได้เลยก็ได้ โดยเฉพาะคนที่เน้นใช้โปรแกรมออฟฟิศหรือวาดภาพเป็นหลัก ผู้เขียนได้ทดลองใช้งานดูแล้วก็ไม่เจอปัญหาเรื่องอุณหภูมิเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นสบายใจได้เลย

User Experience

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00164

จากที่ผู้เขียนนำ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ไปใช้เป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องหลักมาราวสัปดาห์ ก็พบจุดที่ชอบและกังขานิดหน่อย ซึ่งจุดที่เสียดายก็คงหนีไม่พ้นพอร์ต USB 2.0 ที่อยากให้ทางบริษัทเปลี่ยนเป็น MicroSD Card Reader แทน นั่นเพราะถ้ามีพอร์ตนี้เราก็สามารถถอดเมมโมรี่การ์ดจากกล้องหน้ารถหรือ Action Camera ที่ติดอยู่กับหมวกกันน็อคมาโหลดไฟล์ได้ทันที แม้บางคนอาจจะแย้งว่าใช้สมาร์ทโฟนโหลดเอาก็ได้ แต่ถ้าโหลดตรงเข้าคอมพิวเตอร์ก็นำไปใช้ได้ง่ายกว่าอย่างแน่นอน

แต่นอกจากเรื่อง MicroSD Card Reader นี้แล้ว ผู้เขียนกลับชอบ Vivobook รุ่นนี้มาก จุดแรกคือบอดี้ตัวเครื่องที่เป็นอลูมิเนียมแล้ว เรียกว่าแข็งแรงสวยงามไม่แพ้ตระกูล Zenbook เลย และยังมีปากกา ASUS Pen 2.0 แถมมาให้ จึงเซ็นเอกสารสำคัญบนหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วส่งให้ผู้รับได้ในทันที ไม่ต้องปริ้นท์กระดาษและใช้หมึกเซ็นให้เสียเวลาเลยแม้แต่นิดเดียว และถ้าจะวาดภาพก็พับกลับเป็นแท็บเล็ตแล้ววาดได้ทันทีทุกที่

จุดถัดมาที่ชอบ คือทาง ASUS ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาด้วย เวลาพกเครื่องไปไหนมาไหนก็พกแต่ปลั๊ก GaN กับสาย USB-C ก็ชาร์จแบตเตอรี่ให้เครื่องนี้ได้ทันที หรือถ้าจะต่อหน้าจอที่มีพอร์ต USB-C ที่รองรับ Thunderbolt ก็ต่อใช้งานได้สะดวกมาก และ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นี้ก็ไม่ได้จำกัดตัวเองว่าถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาก็ตัดประเด็นเรื่องอัพเกรดทิ้งไปได้เลย เพราะบนเมนบอร์ดก็มีช่อง SO-DIMM ให้อัพเกรดแรมเป็น 16GB DDR4 ติดมาให้ ดังนั้นถ้าซื้อมาใช้งานแล้วรู้สึกว่าแรมไม่พอก็เปิดฝาอัพเพิ่มได้ทันทีอีกด้วย

ส่วนที่ชอบเป็นพิเศษและเป็นเงื่อนไขหลักเวลาพิจารณาจะซื้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่องของผู้เขียนเอง คือระบบยืนยันตนแบบชีวมาตร (Biometric) ซึ่ง Vivobook S 14 Flip OLED มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้โดยรวมไว้กับปุ่ม Power ก็ดึงดูดความสนใจของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี ยิ่งในปัจจุบันนี้ที่ยังไม่ควรถอดหน้ากากอนามัยตอนอยู่ในที่สาธารณะนั้น การปลดล็อคเครื่องด้วยเซนเซอร์สแกนใบหน้าก็ไม่ได้สะดวกอย่างที่คิด แต่ถ้าสแกนลายนิ้วมือเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาทันที ซึ่งผู้เขียนชอบฟังก์ชั่นนี้มากเพราะตอนไปนั่งตามร้านกาแฟก็ไม่ต้องปลดหน้ากากแต่เอานิ้วนาบตรงปุ่ม Power ก็ปลดล็อคเครื่องใช้ทำงานได้ทันที ไม่ต้องปลดหน้ากากออกใส่เข้าใหม่อยู่อย่างนั้นให้เสียเวลา

Conclusion & Award

ASUS Vivobook S 14 Flip OLED DSC00167

หากจะหาโน๊ตบุ๊คที่ครบเครื่องเอาไว้ทำงานสักรุ่น ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นับเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นแรกๆ ที่ผู้เขียนอยากแนะนำให้ผู้อ่านไปลองจับลองเล่นตัวจริงดูจะได้เห็นว่า ASUS Vivobook นั้นได้อัพเกรดจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปซีรี่ส์หนึ่งให้พรีเมี่ยมยิ่งขึ้น จะกล่าวว่างานประกอบแข็งแรงไล่เลี่ยกับ Zenbook ก็ไม่ผิด ได้เลยและยังมีฟีเจอร์ดีๆ ติดมาให้เยอะมากไม่ว่าจะจอทัชพาเนล OLED ขอบเขตสีกว้างและเที่ยงตรง, มีปากกา ASUS Pen 2.0 ให้ใช้และทัชแพดเป็น ASUS NumberPad 2.0 ให้กดสลับโหมดเป็น Numpad พิมพ์ตัวเลขได้รวดเร็ว แถมยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ด้วย นับเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับคนทำงานที่ดีและฟีเจอร์ครบเครื่องที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งถ้าผู้เขียนกำลังคิดจะซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่อยู่ ก็คงตัดสินใจซื้อเครื่องนี้ไปใช้โดยไม่คิดมาก

ส่วนตัวถ้าจะหาอุปกรณ์เสริมให้ ASUS Vivobook S 14 Flip OLED ล่ะก็ ผู้เขียนแนะนำให้อัพเกรดแรมไป 16GB ก่อนเป็นอย่างแรก ส่วนเรื่อง M.2 NVMe SSD ในเครื่อง ผู้เขียนแนะนำให้หา External SSD ที่ใช้พอร์ต USB-C จะใช้งานได้ดีและสะดวกกว่าแน่นอน และใครจะเพิ่ม USB-C Multiport Adapter มาเผื่อต่อพอร์ตอื่นๆ เช่น LAN หรือ SD/MicroSD Card Reader ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แต่ละคนเลย

award

NBS award 4 Mobility

best mobility

ตัวเครื่อง ASUS Vivobook S 14 Flip OLED นั้นหนัก 1.5 กิโลกรัม จัดว่าไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนี้ แต่อเนกประสงค์กว่า เพราะมีพอร์ต Thunderbolt 4 ติดตั้งมาให้ เลยไม่ต้องติดอแดปเตอร์เฉพาะไปไหนมาไหนเสมอ 

award new Graphic

best graphic

หน้าจอทัชพาเนล OLED ขอบเขตสีกว้างและเที่ยงตรงของ Vivobook S 14 Flip OLED นี้ ตอบโจทย์ช่างกล้องที่หาโน๊ตบุ๊คหน้าจอดีๆ เอาไว้ทำงาน และมี ASUS Pen 2.0 เอาไว้เขียนบนหน้าจอได้โดยตรงด้วย ก็ไม่ต้องวุ่นวายหาเมาส์ปากกามาต่อแยกเพื่อเซ็นเอกสารหรือวาดภาพเลย

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Tips & Tricks

วิธีอัดหน้าจอคอมง่ายๆ ทำได้ฟรี บน Windows 11 อัพเดท 2024 การอัดหน้าจอคอมพิวเตอร์ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ใครหลายๆ คนกำลังมองหาวิธี ไม่ว่าจะเป็นการอัดหน้าจอเพื่อบันทึกเก็บไว้ หรือส่งต่อไปให้เพื่อน หรือบางคนที่เป็นสายทำคอนเทนต์ก็อาจต้องการอัดหน้าจอไว้เพื่อนำไปใช้งานต่อ ทีมงาน NotebookSPEC ก็มีวิธีดีๆ มาแนะนำในการอัดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งบน Windows 11, macOS, iOS และ Android ที่สามารถทำได้ฟรีๆ...

COMMART

โน๊ตบุ๊ค 2024 ราคาไม่เกิน 30000 บาท มีให้เลือกซื้อเพียบ!! ไปเดินเลือกกันได้ในงาน COMMART COMTECH! โน๊ตบุ๊ค 2024 ราคาไม่เกิน 30000 บาท เป็นระดับราคาในใจที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่พร้อมจ่ายแถมสเปคยังดีพอควรแล้วด้วย ภายในงบประมาณนี้ถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาเน้นใช้ทำงานออฟฟิศก็ได้ซีพียู AMD Ryzen 7000 Series หรือ Intel 13~14th Generation...

INTEL

Intel Gen 14 ขุมพลังความแรงแห่งปี 2024 ที่ครีเอเตอร์ต้องชอบ เกมเมอร์ต้องรัก!! ขุมพลังใหม่เพื่อครีเอเตอร์และเกมเมอร์อย่าง Intel Gen 14 เป็นคำตอบในใจของใครหลายคน เพราะในตัวชิปมีเทคโนโลยีต่างๆ ใส่มาให้เพียบ ผสานพลังคอร์ 2 ชุดทั้ง Performance-core (P-Core) เพื่อรันงานต่างๆ ไม่ว่าจะเล่นเกม, ตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูงหรือปั้นโมเดล 3D เสริมด้วย...

Buyer's Guide

โน๊ตบุ๊คบางเบา 2024 นี้มีรุ่นน่าสนใจให้เลือกเพียบ พกง่ายได้ซีพียู Intel รุ่นใหม่ล่าสุด! ในยุคที่ทุกคนสามารถเชื่อมต่อและทำงานได้ด้วยอินเทอร์เน็ต การ WFH เป็นเทรนด์ใหม่ของสังคมการทำงาน ทำให้โน๊ตบุ๊คบางเบา 2024 ได้รับความนิยมขึ้นมากเพราะพกพาง่าย น้ำหนักเบาหลักกรัมไปจนช่วง 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น แถมยังได้ซีพียู Intel 12th Generation ไปจนซีรี่ส์ Intel Core Ultra...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก