Connect with us

Hi, what are you looking for?

Buyer's Guide

เปรียบเทียบ iPhone 14 vs iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่น ควรซื้อหรือรอก่อน อัปเดต 2022

สรุปเปรียบเทียบ iPhone 14 vs iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่น เห็นกันชัดๆ ควรซื้อหรือรอต่อไป อัปเดต 2022

เปรียบเทียบ iPhone 14 vs iPhone 13, เปรียบเทียบ iPhone 14 กับ iPhone 13

ภายหลังจากที่เปิดตัว iPhone 14 Series มาแล้ว เชื่อว่าฟีเจอร์ใหม่ๆ นั้น ก็ต้องโดนใจใครหลายๆ คนอยู่บ้างเหมือนกัน แต่เมื่อรุ่นใหม่ออก รุ่นเก่าก็ลดราคา แถมคนที่ใช้ iPhone 13 Series อยู่ ก็อาจจะลังเลว่าควรอัปเกรดเป็น iPhone 14 Series ดีไหม ทีมงาน NotebookSPEC จึงอยากมาเปรียบเทียบ iPhone 14 กับ iPhone 13 ให้เห็นกันไปเลยชัดๆ ว่าควรเปลี่ยนหรือรอต่อไปดี


เปรียบเทียบ iPhone 14 vs iPhone 13

เปรียบเทียบ iPhone 14 vs iPhone 13, เปรียบเทียบ iPhone 14 กับ iPhone 13

ตารางเปรียบเทียบ iPhone 14 vs iPhone 13

iPhone 14iPhone 14 PlusiPhone 13 MiniiPhone 13
DisplayOLED 6.1″
(Super Retina XDR)
ความละเอียด
2532 x 1170 / 460 ppi

OLED 6.7″
(Super Retina XDR)
ความละเอียด
2778 x 1284 / 458 ppi
OLED 5.4″
(Super Retina XDR)
ความละเอียด
2340 x 1080 / 476 ppi
OLED 6.1″
(Super Retina XDR)
ความละเอียด
2532 x 1170 / 460 ppi
ColorStarlight, Midnight, Blue (เฉดสีใหม่), Purple (เฉดสีใหม่) และ (Product)REDStarlight, Midnight, Blue (เฉดสีใหม่), Purple (เฉดสีใหม่) และ (Product)REDPink, Blue, Green, Midnight, Starlight และ (PRODUCT) REDPink, Blue, Green, Midnight, Starlight และ (PRODUCT) RED
Chipset
A15 Bionic
GPU แบบ 5-core
A15 Bionic
GPU แบบ 5-core
A15 Bionic
GPU แบบ 4-core
A15 Bionic
GPU แบบ 4-core
RAM
6 GB
6 GB
4 GB
4 GB
Memory
128GB / 256GB / 512GB
128GB / 256GB / 512GB
128GB / 256GB / 512GB
128GB / 256GB / 512GB
Rear Camera
Dual Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal,

เลนส์ Wide 12MP f/1.5 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS แบบ ออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์, 100% Focus Pixel

เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา

รองรับ Deep Fusion

รองรับ Photonic Engine
Dual Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal,

เลนส์ Wide 12MP f/1.5 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS แบบ ออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์, 100% Focus Pixel

เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา

รองรับ Deep Fusion

รองรับ
Photonic Engine
Dual Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal,

เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS, 100% Focus Pixel

เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา

รองรับ Deep Fusion
Dual Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal,

เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS, 100% Focus Pixel

เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา

รองรับ Deep Fusion
Front Camera
TrueDepth 12MP f/1.9 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps

รองรับ Auto Fucus
TrueDepth 12MP f/1.9 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps

รองรับ Auto Fucus
TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby VisionTrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision
Video4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps

รองรับ Action Mode
4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps

รองรับ Action Mode
4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision 30fps4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision 30fps
NetworkWiFi 6 (มาตรฐาน 802.11ax)
Bluetooth 5.3
3G
4G
5G
Nano-SIM
eSIM (คู่)
WiFi 6
(มาตรฐาน 802.11ax)
Bluetooth 5.3
3G
4G
5G
Nano-SIM
eSIM (คู่)
WiFi 6
Bluetooth 5.0
3G
4G
5G
Nano-SIM
eSIM (คู่)
WiFi 6
Bluetooth 5.0
3G
4G
5G
Nano-SIM
eSIM (คู่)
Battery
ไม่ระบุ
(เล่นวิดีโอได้สูงสุด 20 ชั่วโมง)
ไม่ระบุ
(เล่นวิดีโอได้สูงสุด 26 ชั่วโมง)
ไม่ระบุ
(เล่นวิดีโอได้สูงสุด 17 ชั่วโมง)
ไม่ระบุ
(เล่นวิดีโอได้สูงสุด 19 ชั่วโมง)
– 128GB ราคา 32,900 บาท
-256GB ราคา 36,900 บาท
– 512GB ราคา 45,900 บาท
– 128GB ราคา 37,900 บาท
– 256GB ราคา 41,900 บาท
– 512GB ราคา 45,900 บาท
– 128GB ราคา 25,900 บาท
– 256GB ราคา 29,900 บาท
– 512GB ราคา 37,900 บาท
– 128GB ราคา 29,900 บาท
– 256GB ราคา 33,900 บาท
– 512GB ราคา 41,900 บาท

สเปคดังกล่าวเป็นสเปคอย่างเป็นทางการ ยกเว้น RAM เป็นเพียงข้อมูลจากผู้ใช้งานเท่านั้น

เปรียบเทียบ iPhone 14: ฟีเจอร์ที่มีใน iPhone 14 แต่ไม่มีใน iPhone 13

จากการเปรียบเทียบ iPhone 14 รุ่นธรรมดา ฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่มีใน iPhone 13 มีดังนี้

Advertisement
  • กล้องหน้า TrueDepth พร้อม Auto Focus ด้วย Focus Pixels ช่วยให้ตรวจจับใบหน้าได้ดียิ่งขึ้น
  • Action Mode ที่ช่วยให้การถ่ายวิดีโอนิ่งขึ้น ดูลื่นไหลยิ่งขึ้น
  • Photonic Engine ที่ช่วยในการปรับปรุงให้ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในที่แสงน้อย
  • Cinematic Mode ที่สามารถถ่ายได้ความละเอียดสูงถึง 4K สูงสุด 30fps
  • Crash Detection สำหรับการตรวจจับการกระแทก อุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยจะตรวจจับแรงกระแทก เสียงดัง ฯลฯ เพื่อนำว่าวิเคราะห์ และหากอยู่ในระดับของอุบัติเหตุ ไอโฟนจะโทรออกหาเบอร์ฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ
  • Emergency satellite ฟีเจอร์ที่คอยช่วยเหลือผู้ใช้งาน ในกรณีที่อยู่นอกเขคสัญญาณ เช่น ภูเขา, ทะเลทราย ฯลฯ โดยการส่งสัญญาณ SOS ไปผ่านดาวเทียม และเมื่อจับสัญญาณได้ ระบบก็จะส่งพิกัดรวมทั้งเปอร์เซ็นของแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ รวมไปถึง Medical ID สำหรับข้อความช่วยเหลือ

เปรียบเทียบ iPhone 14 Pro vs iPhone 13 Pro

ii3

ตารางเปรียบเทียบ iPhone 14 Pro vs iPhone 13 Pro

iPhone 13 ProiPhone 13 Pro MaxiPhone 14 ProiPhone 14 Pro Max
DisplayOLED 6.1″
(Super Retina XDR)
ความละเอียด
2532 x 1170 / 460 ppi

OLED 6.7″
(Super Retina XDR)
ความละเอียด
2778 x 1284 / 458 ppi
OLED 6.1″
(Super Retina XDR)
ความละเอียด
2556 x 1179 / 460 ppi
OLED 6.7″
(Super Retina XDR)
ความละเอียด
2796 x 1290 / 460 ppi
Chipset
A15 Bionic
A15 Bionic
A16 Bionic
A16 Bionic
RAM
6 GB
6 GB
6 GB
6 GB
Memory
128GB / 256GB / 512GB / 1TB
128GB / 256GB / 512GB / 1TB
128GB / 256GB / 512GB / 1TB
128GB / 256GB / 512GB / 1TB
Rear Camera
กล้องหลัง 3 ตัว
เลนส์ Pro Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal,

เลนส์ Wide 12MP f/1.5 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS, 100% Focus Pixel, 1.4 µm,

เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/1.8 มุมกว้าง 120 องศา

เลนส์ Telephoto 12MP f/2.8

มี LiDar Scanner ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานในด้าน AR และเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพให้สวยงามและมีมิติมากยิ่งขึ้น

รองรับ Apple ProRAW, Deep Fusion
เลนส์ Pro Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal,

เลนส์ Wide 12MP f/1.5 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS แบบ Sensor-Shift, 100% Focus Pixel, 1.7 µm,

เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/1.8 มุมกว้าง 120 องศา

เลนส์ Telephoto: 12MP f/2.8

มี LiDar Scanner ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานในด้าน AR และเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพให้สวยงามและมีมิติมากยิ่งขึ้น

รองรับ Apple ProRAW, Deep Fusion
กล้องหลัง 3 ตัว
เลนส์ Pro Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal,

เลนส์ Wide 48MP f/1.78 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS แบบ ออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์, 100% Focus Pixel

เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา

เลนส์ Telephoto 12MP f/2.8

มี LiDar Scanner ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานในด้าน AR และเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพให้สวยงามและมีมิติมากยิ่งขึ้น

รองรับ Apple ProRAW, Deep Fusion, Photonic Engine
เลนส์ Pro Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal,

เลนส์ Wide 48MP f/1.78 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS แบบ ออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์, 100% Focus Pixel

เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา

เลนส์ Telephoto: 12MP f/2.8

มี LiDar Scanner ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานในด้าน AR และเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพให้สวยงามและมีมิติมากยิ่งขึ้น

รองรับ Apple ProRAW, Deep Fusion, Photonic Engine
Front Camera
TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision
TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby VisionTrueDepth 12MP f/1.9 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps, ProRes สูงสุด 4K ที่ 30

รองรับ Auto Fucus
TrueDepth 12MP f/1.9 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision  สูงสุด 4K ที่ 60 fps, ProRes สูงสุด 4K ที่ 30

รองรับ Auto Fucus
Video4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision 60fps

บันทึกวิดีโอ ProRes สูงสุด 4K ที่ 30 fps (1080p ที่ 30 fps สำหรับความจุ 128GB)
4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision 60fps

บันทึกวิดีโอ ProRes สูงสุด 4K ที่ 30 fps (1080p ที่ 30 fps สำหรับความจุ 128GB)
4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps

บันทึกวิดีโอ ProRes สูงสุด 4K ที่ 30 fps (1080p ที่ 30 fps สำหรับความจุ 128GB)

รองรับ Action Mode
4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps

บันทึกวิดีโอ ProRes สูงสุด 4K ที่ 30 fps (1080p ที่ 30 fps สำหรับความจุ 128GB)

รองรับ Action Mode
NetworkWiFi 6
Bluetooth 5.0
3G
4G
5G
Nano-SIM
eSIM (คู่)
WiFi 6
Bluetooth 5.0
3G
4G
5G
Nano-SIM
eSIM (คู่)
WiFi 6
(มาตรฐาน 802.11ax)
Bluetooth 5.3
3G
4G
5G
Nano-SIM
eSIM (คู่)
WiFi 6
(มาตรฐาน 802.11ax)
Bluetooth 5.3
3G
4G
5G
Nano-SIM
eSIM (คู่)
Battery
ไม่ระบุ
(เล่นวิดีโอได้สูงสุด 22 ชั่วโมง)
ไม่ระบุ
(เล่นวิดีโอได้สูงสุด 28 ชั่วโมง)
ไม่ระบุ
(เล่นวิดีโอได้สูงสุด 23 ชั่วโมง)
ไม่ระบุ
(เล่นวิดีโอได้สูงสุด 29 ชั่วโมง)
– 128GB ราคา 38,900 บาท
– 256GB ราคา 42,900 บาท
– 512GB ราคา 50,900 บาท
– 1TB ราคา 58,900 บาท
– 128GB ราคา 42,900 บาท
– 256GB ราคา 46,900 บาท
– 512GB ราคา 54,900 บาท
– 1TB ราคา 62,900 บาท
– 128GB ราคา 41,900 บาท
– 256GB ราคา 45,900 บาท
– 512GB ราคา 54,900 บาท
– 1TB ราคา 63,900 บาท
– 128GB ราคา 44,900 บาท
– 256GB ราคา 48,900 บาท
– 512GB ราคา 57,900 บาท
– 1TB ราคา 66,900 บาท

สเปคดังกล่าวเป็นสเปคอย่างเป็นทางการ ยกเว้น RAM เป็นเพียงข้อมูลจากผู้ใช้งานเท่านั้น

เปรียบเทียบ iPhone 14: ฟีเจอร์ที่มีใน iPhone 14 Pro/ Pro Max แต่ไม่มีใน iPhone 13 Pro/ Pro Max

จากการเปรียบเทียบ iPhone 14 ในรุ่นโปร ในส่วนของฟีเจอร์ใหม่ที่ได้รับการอัปเกรดจาก iPhone 13 รุ่นโปรนั้น มีดังนี้

  • กล้องหน้า TrueDepth พร้อม Auto Focus ด้วย Focus Pixels ช่วยให้ตรวจจับใบหน้าได้ดียิ่งขึ้น
  • Action Mode ที่ช่วยให้การถ่ายวิดีโอนิ่งขึ้น ดูลื่นไหลยิ่งขึ้น
  • Photonic Engine ที่ช่วยในการปรับปรุงให้ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในที่แสงน้อย
  • Cinematic Mode ที่สามารถถ่ายได้ความละเอียดสูงถึง 4K สูงสุด 30fps
  • Crash Detection สำหรับการตรวจจับการกระแทก อุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยจะตรวจจับแรงกระแทก เสียงดัง ฯลฯ เพื่อนำว่าวิเคราะห์ และหากอยู่ในระดับของอุบัติเหตุ ไอโฟนจะโทรออกหาเบอร์ฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ
  • Emergency satellite ฟีเจอร์ที่คอยช่วยเหลือผู้ใช้งาน ในกรณีที่อยู่นอกเขคสัญญาณ เช่น ภูเขา, ทะเลทราย ฯลฯ โดยการส่งสัญญาณ SOS ไปผ่านดาวเทียม และเมื่อจับสัญญาณได้ ระบบก็จะส่งพิกัดรวมทั้งเปอร์เซ็นของแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ รวมไปถึง Medical ID สำหรับข้อความช่วยเหลือ
  • Always-on Display มาพร้อมการประหยัดพลังงานขั้นสุด ที่สามารถปรับลดอัตราการรีเฟรชเรทหน้าจอลงไปได้ต่ำสุดที่ 1Hz
  • ความสามารถในการปรับความสว่างหน้าจอได้สูงสุดถึง 2,000 nits
  • กล้องหลังความละเอียดสูงถึง 48MP มาพร้อมกับเทคโนโลยี Quad-pixel ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพมีรายละเอียดที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
  • Dynamic Island เป็น Notch แบบแคปซูล ซึ่งทำหน้าที่มากกว่าเป็นส่วนของกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ แต่ยังเป็นการแสดงผลต่างๆ บริเวณโดยรอบของกล้องอีกด้วย
  • กล้องหลัง เลนส์ Telephoto สามารถซูมได้ 2 เท่า ผ่านเซ็นเซอร์แบบ Quad‑pixel
  • ชิปประมวลผล A16 Bionic ที่แรงที่สุด (สำหรับ iPhone ในปัจจุบัน)

สรุป

กล่าวโดยสรุปแล้ว จากการเปรียบเทียบ iPhone 14 กับ iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่น เราจะเห็นได้ว่า ในเรื่องของดีไซน์และภาพรวมนั้น มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าหากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เราจะเห็นได้ชัดขึ้นในรุ่น iPhone 14 Pro/ Pro Max ที่มีการออกแบบรอยบากใหม่ แถมยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง Dynamic Island เพิ่มเข้ามา รวมถึงกล้องหลักที่เพิ่มความละเอียดไปสูงถึง 48MP นอกจากนี้ใน iPhone 1 Series นั้น เราจะเห็นว่ามีการใส่การตรวจรับแรงกระแทกเพิ่มเข้าไป เน้นไปในด้านของความปลอดภัย (ถึงแม้ว่าจะเปิดให้ใช้งานในบางประเทศก็ตาม) ดังนั้น จากความคิดเห็นส่วนตัวของทีมงาน สำหรับผู้ที่มองหามือถือหรือสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ โดยที่อาจมีเครื่องเก่าอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งอาจจะเป็น iPhone 11 ลงไป ความคิดเห็นส่วนตัวของทีมงาน ก็คงจะแนะนำว่าให้ซื้อ iPhone 14, iPhone 14 Pro ไปเลยจะคุ้มค่ากว่า แต่หากเป็นผู้ที่ใช้งาน iPhone 13 Series อยู่นั้น แล้วต้องการอัปเกรด ก็ไปที่ iPhone 14 Pro / Pro Max จะเห็นความแตกต่างที่มากกว่า เพราะในรุ่นธรรมดานั้น มีความแตกต่างกันไม่มากเท่าไหร่นัก หากต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้ชัดเจนมากนัก แถมราคาไทยสำหรับ iPhone 14 Series ก็ยังสูงขึ้นด้วย ทำให้อาจไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นัก รอดู iPhone รุ่นต่อๆ ไปจะดีกว่า แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของทีมงานเท่านั้น สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจ ก็สามารถนำข้อมูลที่ทีมงานได้นำมาเสนอ เป็นทางเลือกประกอบการตัดสินใจได้เลย


อ่านบทความเพิ่มเติม / เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

iPhone 14 เปิดตัว, iPhone 14 สเปค, iPhone 14 ราคา
เปรียบเทียบ iPhone 13
เพิ่มความเร็วมือถือ iOS, เพิ่มความเร็ว iPhone, เพิ่มความเร็วให้ iPhone
เพิ่มความเร็วมือถือ Android, เพิ่มความเร็วมือถือ ใน Android
อะแดปเตอร์ iPhone
ศูนย์ iPhone ใกล้ฉัน
ออกแบบโลโก้ ฟรี, ออกแบบโลโก้ฟรี
แอพออกกำลังกาย
Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

How to

ไอแพดชาร์จไม่เข้าไม่ต้องตกใจ มีวิธีแก้ไขง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเองไม่ต้องส่งช่างให้เปลืองเงินอีกด้วย!! ยุคนี้ไม่ว่าใครก็ยอมรับว่าไอแพดเป็นแท็บเล็ตที่ดี ใช้ทำงานได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้คอมพิวเตอร์แต่บางคนก็อาจเจอปัญหาว่าใช้ไปสักพักแล้วไอแพดชาร์จไม่เข้าเสียอย่างนั้นจนต้องพาเข้าศูนย์ Apple หรือถ้าหมดประกันก็ต้องพึ่งร้านตู้เจ้าต่างๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้ถูกจุดหรือก่อปัญหาอื่นเพิ่มแทนกันแน่? ซึ่งวิธีแก้ปัญหาไอแพดชาร์จไม่เข้านั้นง่ายกว่าที่คิดมากสามารถแก้เองก่อนได้ ถ้าเกินฝีมือแก้เองไม่ได้จะส่งช่างให้เช็คโดยละเอียดก็ไม่เสียดายภายหลังแน่นอน ปัญหาการชาร์จไม่เข้า หลักๆ คือพอร์ต USB-C หรือ Lightning อาจมาจากความสกปรกไม่ว่าจะหน้าคอนแท็คทองเหลืองเกิดคราบออกไซด์หรือมีฝุ่นจากกระเป๋าเข้าไปอุดตันเยอะจนดันหัวสายชาร์จไม่เข้า, สายชาร์จก็ไม่ได้มาตรฐานเลยชาร์จไม่ได้ ไปจนถึงเรื่องง่ายๆ อย่างการเสียบชาร์จเข้าพอร์ต USB ของพีซีหรือโน๊ตบุ๊คแล้วกระแสไฟไม่พอชาร์จก็อาจเกิดขึ้นได้เหมือนกัน ซึ่งปัจจัยต่างๆ ในตัวอย่างก็แก้ได้ไม่ยาก...

Tips & Tricks

แนะนำเทคนิค วิธีแต่งหน้าจอไอโฟน สวย เก๋ เท่ มีสไตล์เฉพาะตัว อัพเดต 2024 ตั้งแต่ iOS 14 เป็นต้นมา Apple ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ปรับแต่ง iPhone ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน iOS 17 ที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้าจอ ทั้งหน้าจอ Lock Screen...

Tips & Tricks

สอนติดตั้งฟอนต์ไอโฟน ฟรี พร้อมการใช้งาน เปลี่ยนฟอนต์ธรรมดา ให้สวยน่ารักขึ้นได้ง่ายๆ อัพเดท 2024 ใครที่ใช้งาน iPhone แล้วอยากได้ฟอนต์น่ารักๆ หรือฟอนต์สวยๆ ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อ ทำงาน หรือใช้บนโซเชียลมีเดีย เราสามารถติดตั้งฟอนต์ได้ง่ายๆ เลย ทีมงาน NotebookSPEC ก็ได้รวบรวมวิธีการตั้งตั้งฟอนต์ไอโฟน ฟรี ที่ทำได้ง่าย ทำตามได้แน่นอน รับรองว่าจากฟอนต์ธรรมดาๆ...

Buyer's Guide

สายชาร์จไอโฟนยุคนี้ มีเงินร้อยบาทนิดๆ ก็ซื้อมาต่อชาร์จได้แล้วนะ! เจ้าของไอโฟนย่อมมีสายชาร์จไอโฟนมากกว่าหนึ่งเส้นแน่นอน อย่างน้อยต้องมีติดโต๊ะที่บ้านและออฟฟิศอย่างละเส้นเป็นอย่างน้อยและอาจจะมีติดกระเป๋าคู๋กับพาวเวอร์แบงค์หรือต่อทิ้งเอาไว้กับรถยนต์เผื่อชาร์จเวลาขับรถไปไหนมาไหนจะได้ชาร์จมือถือไปดูแผนที่ไปได้ แถมยุคนี้สายชาร์จจากแบรนด์อื่นๆ ก็มีลูกเล่นร้อยแปด ไม่ว่าจะมีหัวชาร์จหลายแบบในตัว, มีหน้าจอบอกกำลังชาร์จติดมาตรงหัวชาร์จและมีกำลังชาร์จตั้งแต่หลักสิบวัตต์ไปจนร้อยวัตต์ ชาร์จได้ไม่ว่าจะ iPhone หรือ iPad ก็ได้ แม้ตอนนี้ทาง Apple จะเปลี่ยนพอร์ตไอโฟนจาก Lightning มาเป็น USB-C แล้ว แต่ผู้ใช้ที่ยังใช้ไอโฟนรุ่นเก่าที่ยังไม่พร้อมอัปเกรดมาเป็น iPhone 15...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก