แนะนำวิธีเพิ่มความเร็วมือถือ Android ให้สมาร์ทโฟน Android กลับมาเร็ว แรง ลื่น ไม่หน่วง อัปเดต 2022
เมื่อมีวิธีเพิ่มความเร็วมือ iOS แล้ว วิธีการเพิ่มความเร็วในสมาร์ทโฟน Android ก็ต้องไม่พลาดเช่นกัน เพราะ อย่างที่เราได้ทราบกันอยู่แล้วว่า สมาร์ทโฟนนั้นเมื่อผ่านใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยการอัปเดตข้อมูลที่มากขึ้น หรือไฟล์แคช ไฟล์ขยะ รวมไปถึงข้อมูลต่างๆ ภายในเครื่อง มีผลให้เครื่องเกิดอาการหน่วง หรือช้าลง ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทีมงาน NotebookSPEC ก็เลยอยากจะมาแนะนำวิธีดีๆ ในการช่วยเพิ่มความเร็วมือถือให้กับสมาร์ทโฟนฝั่ง Android กันบ้าง
วิธีเพิ่มความเร็วมือถือใน Android
ก่อนอื่นเลย สำหรับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android นั้น มีหลากหลายค่ายมากๆ ซึ่งแต่ละค่ายก็จะมีการออกแบบ ดีไซน์ การใช้งาน OS ที่แตกต่างกันออกไป วิธีการต่างๆ ที่ทีมงานได้นำมาเสนอนั้น ก็เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้น ในแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นนั้น การเข้าถึงเมนูหรือฟีเจอร์ต่างๆ อาจมีวิธีการเข้าถึงที่ต่างกันออกไป ดังนั้น หากใครที่ต้องการทำตาม ก็อาจจะต้องศึกษาเมนูหรือฟีเจอร์ในสมาร์ทโฟนของตนเองเสียก่อน
วิธีเพิ่มความเร็วมือถือ ด้วยการเคลียร์พื้นที่จัดเก็บข้อมูล Android
ในการเรียกใช้งานแอพพลิเคชันแต่ละครั้ง ก็ล้วนแล้วแต่มีการจัดเก็บข้อมูลการใช้งานต่างๆ ไว้ ยิ่งเราเปิดแอพมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้มีการใช้ทรัพยากรในเครื่องมากขึ้น การทำงานของ RAM ที่เยอะ ก็ส่งผลให้เครื่องเกิดอาการหน่วงขึ้นได้ รวมไปถึงมีการจัดเก็บไฟล์แคช ไฟล์ขยะในแอพต่างๆ ด้วย การจัดการกับการจัดเก็บข้อมูลจึงส่งผลให้สมาร์ทโฟน Android มีประสิทธิภาพและความเร็วที่ดีขึ้นได้
เคลียร์ RAM หรือเพิ่มพื้นที่ภายในเครื่อง
มาเริ่มต้นกันด้วยวิธีการเคลียร์แรม สำหรับ Android โดยปกตินั้น ในสมาร์ทโฟน Android เช่น Samsung จะมีแอพพลิเคชัน หรือฟีเจอร์ เกี่ยวกับการจัดการข้อมูลอยู่แล้ว ซึ่งเราสามารถเข้าไปในตัวฟีเจอร์ได้เลย โดยที่ระบบจะทำการประมวลผลข้อมูลให้ ว่าตอนนี้สมาร์ทโฟนกำลังใช้พลังงานของเครื่องอยู่เท่าไหร่ ซึ่งเมื่อเรากด จัดการข้อมูล ระบบก็จะทำการเคลียร์แรมให้เรา ทำให้เครื่องของเรากลับมาทำให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดดังเดิม
จัดการข้อมูลแอพด้วยการเคลียร์แคช
สำหรับ Android นั้น ในแต่ละแอพพลิเคชันที่เราได้ทำการติดตั้งลงไป เมื่อใช้งานไปสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว ก็จะมีข้อมูลการใช้งานต่างๆ เกิดขึ้น หนึ่งในนั้นก็จะมีไฟล์แคช ไฟล์ขยะอยู่ด้วย การจัดการข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์เหล่านี้ หรือการล้างแคชนั้น สามารถทำได้แยกไปตามแอพต่างๆ เลย ก็วิธีนี้จะเป็นการเข้าไปลบไฟล์แคชในแต่ละแอพโดยตรง
- เริ่มต้นให้เราไปที่การตั้งค่า หรือ Settings >> จากนั้น เลือกไปที่ แอพพลิเคชัน หรือ RAM และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล >> เลือก Apps
- เราจะเจอเข้ากับรายของแอพพลิเคชันทั้งหมดภายในเครื่อง จากนั้นก็ให้เราเลือกแอพที่เราต้องการล้างแคช โดยอาจจะเริ่มจากแอพที่ใช้งานบ่อยๆ เช่น LINE, Facebook, Instagram เป็นต้น >> จากนั้นให้เรากดเลือกเข้าไปที่แอพ
- เมื่อกดเลือกที่แอพแล้ว เราจะเจอเข้ากับ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล ของแอพนั้นๆ ทั้งขนาดของแอพ รวมไปถึงข้อมูลการใช้งานต่างๆ ให้ดูที่ ‘แคช’ >> จากนั้นเลือก ลบแคช
เพียงเท่านี้เราก็สามารถลบแคช หรือเคลียร์แคช เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวแอพกินพื้นที่ภายในเครื่องเยอะขึ้น รวมไปถึงการส่งผลต่อการทำงานที่ทำให้สมาร์ทโฟนของเราทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพด้วย
เคลียร์พื้นที่ภายในเครื่อง
นอกจากการจัดการกับไฟล์แคช ไฟล์ขยะ รวมถึงการ Optimise ให้เครื่องกลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพดังเดิมแล้ว ใน Android เอง การลบแอพพลิเคชันที่เราไม่ได้ใช้งานแล้ว หรือใช้งานน้อย ออกไป ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ให้ตัวเครื่อง อีกทั้งยังช่วยเครื่องของเราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะไม่มีข้อมูลการใช้งานต่างๆ ที่ไม่จำเป็น รวมไปถึงไฟล์ข้อมูล รูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์เสียงต่างๆ ด้วย
เปิดการทำงานภาพเคลื่อนไหวหน้าจอ
ต้องบอกก่อนว่าในสมาร์ทโฟน Android นั้น มีระบบของ OS ที่ให้ทั้งความสวยงาม ลูกเล่นต่างๆ มากมาย แตกต่างกันไปตามแต่ละแบรนด์ แต่ละยี่ห้อ ซึ่งเมื่อเราใช้งานไปสักพัก โดยเฉพาะใน Android รุ่นเก่าๆ นั้น ก็อาจเกิดอาการหน่วง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ของระบบก็ทำงานได้ไม่ลื่นไหล การปิดการทำงานของภาพเคลื่อนไหวหน้าจอต่างๆ จึงช่วยลดการใช้พลังงานของเครื่องลง อีกทั้งยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ด้วย ซึ่งการที่เราจะปิดการทำงานของฟีเจอร์เหล่านี้ ก็อาจจะต้องเข้าไปที่การตั้งค่า แล้วเลือกที่หน้าจอ หรือ การตั้งค่า แล้วเลือกที่เอฟเฟกต์/ภาพเคลื่อนไหวหน้าจอสัมผัส
ปิดการทำงานของแอพเบื้องหลัง หรือแอพที่ไม่ใช้งานแล้ว
สมาร์ทโฟน Android จะไม่มีฟีเจอร์ที่เป็น Background App Refresh เหมือนใน iPhone ที่จะเปิดให้เราสามรถเข้าไปปิดการทำงานของแอพเบื้องหลังได้ แต่ใน Android นั้น แอพจะทำงานอยู่เบื้องหลังในตอนที่เราเปิดแอพขึ้นมาใช้งาน แล้วเปิดแอพอื่นๆ ต่อไปเรื่อยๆ เพราะถึงแม้ว่าแอพต่างๆ ที่เราเปิดจะเปลี่ยนไป แต่แอพก็ยังคงมีการทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้พร้อมสำหรับการเรียกใช้งานครั้งต่อๆ ไป การปิดแอพที่ไม่ได้ใช้งาน จึงช่วยประหยัดการใช้ทรัพยากรในเครื่อง ส่งผลให้เครื่องมีความลื่น เร็ว ขึ้น
เลือก SD Card ที่เหมาะสม
สมาร์ทโฟน Android โดยส่วนใหญ่แล้วนั้น ก็จะออกแบบมาให้ผู้ใช้งาน สามารถเพิ่มเติมหน่วยความจำได้ผ่าน SD Card ซึ่ง SD Card นี้เอง ก็มีทั้งความจุ ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่แตกต่างกัน การเลือกใช้งาน SD Card ที่เหมาะสม ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมาร์ทโฟน รวมไปถึงการถ่ายโอนข้อมูลในตัวเครื่องด้วย โดยเฉพาะเวลาที่เราต้องการใช้งาน หรือส่งไฟล์ ที่มาจากใน SD Card
ในปัจจุบัน เวลาที่เราซื้อสมาร์ทโฟน Android ก็จะมีข้อมูลจากตัวเครื่องที่บอกไว้ว่า สามารถรองรับ SD Card ได้สูงสุดที่ความจุเท่าไหร่ ซึ่งเราก็สามารถเลือกใส่ได้ตามที่ตัวเครื่องแต่ละรุนระบุไว้ แต่ก็อยากให้ระวังไว้ว่า ไม่ควรใส่ SD Card ที่มีความจุเกินกว่าที่สมาร์ทโฟนระบุไว้ เพราะอาจส่งผลกับการทำงานของตัวเครื่องได้เช่นกัน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SD Card ได้ที่นี่)
รีเซ็ตเครื่อง
การรีเซ็ตเครื่องนั้น ในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่ที่ การตั้งค่าโรงงาน หรือการคืนค่าเริ่มต้นเพียงอย่างเดียว ในสมาร์ทโฟนอย่าง Android เอง ก็มีฟีเจอร์ในการรีเซ็ตการตั้งค่าต่างๆ ได้ด้วย เพื่อที่จะช่วยให้สามารถ์โฟนกลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาได้ตรงจุด ไม่ต้องไปรีเซ็ตค่าทั้งหมด
- ไปที่การตั้งค่า หรือ Settings >> จากนั้น เลือก ระบบ >> เลื่อนลงมา เลือก ตัวเลือกการรีเว็ต
- ในหน้า ตัวเลือกการรีเซ็ต ก็จะมีตัวเลือกในการรีเซ็ตให้เราอยู่ 4 ตัวเลือกหลักๆ ด้วยกัน คือ
- รีเซ็ต Wi-Fi เน็ตถือมือ และบลูทูธ: เป็นการรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล Wi-Fi, Bluetooth, VPN, APN รวมถึงข้อมูลเครือข่ายจากผู้ให้บริการมือถือด้วย
- รีเซ็ตค่ากำหนดแอพ: จะเป็นการรีเซ็ตการตั้งค่าในแอพพลิเคชันต่างๆ ทั้งหมดโดยที่ข้อมูลการใช้งานอื่นๆ จะไม่หายไป โดยการรีเว็ตการตั้งค่านี้ได้แก่
- แอพพลิเคชันที่ปิดการใช้งาน
- การแจ้งเตือนของแอพพลิเคชัน
- แอพพลิเคชันที่ตั้งให้เป็นค่าเริ่มต้น
- การตั้งค่าการจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานอยู่เบื้องหลังของแอพ
- การจำกัดสิทธิ์ หรือค่าความเป็นส่วนตัวต่างๆ ที่ได้ตั้งค่าไว้ในแอพ
- คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด: จะเป็นการรีเซ็ตการตั้งค่าที่เราเคยตั้งค่าไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชัน ตัวเลือก การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงข้อมูลเนื้อหาต่างๆ ที่เราได้เคยกรอกไว้
- ลบข้อมูลทั้งหมด (รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้น): คือการรีเซ็ตทั้งหมด หรือ คืนค่าโรงงานนั่นเอง เมื่อใช้ฟีเจอร์นี้ ก็เสมือนเราได้สมาร์ทเครื่องใหม่ ซึ่งข้อมูลต่างๆ จะถูกลบออกไป ถ้าใครจะใช้งานฟีเจอร์นี้ แนะนำว่าให้สำรองข้อมูลต่างๆ ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น แอพ, รูปภาพ, วิดีโอ, ไฟล์ ฯลฯ
และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการเพิ่มความเร็วมือถือ Android สำหรับผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟน ระบบปฏิบัติการ Android ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องเก่า หรือเครื่องที่ใช้งานมาเป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหน่วง ค้าง หรือเกิด Bug ต่างๆ ขึ้นได้ สำหรับใครที่ยังไม่อยากซื้อเครื่องใหม่ แต่อยากให้เครื่องทำงานได้ดียิ่งขึ้น ประหยัดแบตเตอรี่ยิ่งขึ้น รวมไปถึงเร็วขึ้น ก็สามารถนำวิธีที่ทีมงานได้นำมาแนะนำไปลองใช้กันดูได้เลย