ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาต้นแบบแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่มีซัลเฟอร์ความจุ 20 แอมแปร์-ชั่วโมง พร้อมขับเคลื่อน EV ให้ขับขี่ได้ไกลขึ้นถึง 1,000 กิโลเมตร
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีในระดับโลกด้วยการสร้างสรรค์เทคโนโลยีอัจฉริยะมากมายอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด SVOLT (เอสวอลต์) บริษัทผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในเครือเกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาต้นแบบของแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่มีซัลเฟอร์เป็นส่วนประกอบ (Sulfur-based solid-state battery) ซึ่งมีความจุ 20 แอมแปร์-ชั่วโมง เป็นครั้งแรกในประเทศจีน โดยแบตเตอรี่รุ่นนี้มาพร้อมกับความหนาแน่นของพลังงาน 350-400 วัตต์-ชั่วโมง/กิโลกรัม การันตีคุณภาพด้วยการผ่านการทดสอบ Nail penetration test ซึ่งเป็นการนำเข็มมาเจาะแบตเตอรี่โดยตรง และยังผ่านการทดสอบระบบด้วยกล่องความร้อน (box test) ที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส หากประสบความสำเร็จและได้พัฒนาแบตเตอรี่ต่อไปสำหรับการผลิตในปริมาณมาก (Mass production) แบตเตอรี่นี้จะช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าได้สูงถึง 1,000 กิโลเมตร/ชาร์จ ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงการเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ และความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคอย่างไร้ขีดจำกัด
SVOLT ได้มีการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ระบบแบตเตอรี่ และระบบกักเก็บพลังงานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา SVOLT ได้เปิดตัวนวัตกรรมของแบตเตอรี่อย่างนิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลท์ (NCM) ที่จัดเก็บแบบแท่งเรียงซ้อน (prismatic-stacking) ซึ่งนอกจากจะสามารถเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานได้ 5% และยืดอายุการใช้งานได้ 10% ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 15% นอกจากนี้ SVOLT ยังประสบความสำเร็จในการเป็นบริษัทแรกในประเทศจีนที่สามารถทำการวิจัยและพัฒนาต้นแบบของแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่มีซัลเฟอร์เป็นส่วนประกอบ ที่มีความจุ 20 แอมแปร์-ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่แห่งอนาคต เนื่องจากแบตเตอรี่ต้นแบบดังกล่าวมีประสิทธิภาพสูงกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมชนิดที่เป็นของเหลว ทั้งความหนาแน่นของพลังงาน อัตราการชาร์จ ความปลอดภัย อายุการใช้งาน และการจัดการความร้อนที่เกิดขึ้นในตัวแบตเตอรี่
นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความมุ่งมั่นในการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเสมอมา เพราะถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าของเรามีความโดดเด่นและแตกต่างจากแบรนด์อื่น ในขณะเดียวกันยังช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลกให้เติบโตอย่างมั่นคง ปัญหาหลักของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันคือความกังวลเกี่ยวกับตัวแบตเตอรี่ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อผู้ขับขี่และประสบการณ์การขับขี่ นักวิจัยของเรายังคงคิดค้นและแสวงหาวัสดุรวมถึงวิธีการมากมายเพื่อนำมาสร้างสรรค์แบตเตอรี่ล้ำสมัยเพื่อแก้ปัญหานี้ พร้อมเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้ขับรถไปถึงที่หมายได้โดยไม่ต้องแวะชาร์จรถระหว่างทางอีกต่อไป ความสำเร็จของ SVOLT ในการผลิตต้นแบบของแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่มีซัลเฟอร์เป็นส่วนประกอบ ความจุ 20 แอมแปร์-ชั่วโมง ที่สามารถไปได้ไกลถึง 1,000 กิโลเมตรในครั้งนี้ ถือเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้า ที่ผู้บริโภคชาวไทยจะได้สัมผัสกับประสบการณ์อันเร้าใจนี้ในอนาคตอย่างแน่นอน”
ทีมวิจัยวิทยาศาสตร์ของ SVOLT และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ชั้นนำมากมาย ได้ร่วมมือกันพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตต เพื่อแก้ไขปัญหาหลักๆ ของแบตเตอรี่และปัญหาทางเทคนิค รวมถึงการพัฒนาประสิทธิภาพของอิเล็กโทรไลต์แข็งและอินเตอร์เฟซ (Solid electrolyte and interface performance) การสร้างเสถียรภาพของอินเตอร์เฟซระหว่างของแข็งกับของแข็ง (Long-cycle solid-solid interfaces) รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายโอนลิเธียมไอออนภายใต้กระแสไฟฟ้าแรงสูงบนอินเตอร์เฟซ และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำในวงการ
ในฐานะของบริษัทเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลกในด้านการเชื่อมต่อด้านพลังงาน ศูนย์นวัตกรรมลิเธียมแบตเตอรี่ของ SVOLT ณ เมืองอู๋ซี (Wuxi Lithium Battery Innovation Center of SVOLT) ได้ร่วมมือกับวิทยาลัยเทคโนโลยีและวิศวกรรมด้านวัสดุแห่งเมืองหนิงปัว (Ningbo China Institute of Materials Technology and Engineering) และสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences) ในการสร้างศูนย์วิจัยเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตตเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตต ปัจจุบัน บริษัทฯ จดสิทธิบัตรไปแล้วทั้งสิ้น 187 ฉบับ โดยเป็นสิทธิบัตรด้านการประดิษฐ์รวม 152 ฉบับ SVOLT มีเป้าหมายที่จะวิจัยและพัฒนาทางด้านแบตเตอรี่โซลิดสเตตเพิ่มขึ้น เพื่อเสริมรากฐานด้านการผลิตในปริมาณมากให้มั่นคงต่อไป
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “ผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก” (Global Intelligent Technology) มุ่งมั่นที่จะเติบโตเคียงข้างผู้บริโภค พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคม เพื่อร่วมขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจไทยให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยยังคงให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงของผู้บริโภคเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครบครันอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการดำเนินกิจการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือชั้นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยและอาเซียน