สายชาร์จ MacBook ดีๆ สักเส้นไม่ต้องซื้อของ Apple ก็ได้ แบรนด์อื่นดีๆ มีให้เลือกเพียบ!
กระแสของ MacBook Pro และ MacBook Air ชิป Apple M2 จัดว่าร้อนแรงจนผู้ใช้หลายคนหมายตา แต่ผู้เขียนคิดว่าสายชาร์จ MacBook ทั้งสองรุ่นแบบเดิมที่ติดกล่องมาแม้จะเพียงพอแต่หากพกไปทำงานเชื่อว่าอาจจะมีคนคิดเหมือนผู้เขียน คือ “ขอสายชาร์จ MacBook เส้นสำรองใส่กระเป๋าไปดีกว่า สายพังก็ไม่ค่อยน่าเสียดายด้วย” ดังนั้นบางคนเมื่อสั่งซื้อเครื่องแล้ว ก็อาจจะเปิดเว็บซื้อสินค้าออนไลน์แล้วเริ่มสั่งสาย USB-C to C เพิ่มมาอีกเส้นอย่างแน่นอน
อันที่จริง แฟนคลับ Apple บางคนอาจคิดเลือกซื้อ MagSafe 3 มาใช้ แต่เมื่อสืบราคาจากหน้าเว็บไซต์ของ Apple จะเห็นว่าสาย MagSafe 3 to USB-C ความยาว 2 เมตร มีราคาถึง 1,590.- บาท จนบางคนอาจจะรู้สึกว่ามันแพงเกินไปบ้าง และฟังก์ชั่นของใช้ชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างเดียวแม้บางคนอาจค้านว่ามันมีฟีเจอร์ดีดตัวสายออกเมื่อมีคนมาสะดุดสายแล้วไม่ลาก MacBook ของเรากระเด็นตกโต๊ะไปก็ตามแต่ก็ยังแพงอยู่ดี ผิดกับราคาสาย USB-C to C หรือสาย Thunderbolt 3 หรือ 4 ซึ่งราคาถูกกว่าหรือแพงไล่เลี่ยกันแต่มีฟีเจอร์เยอะกว่า อย่างใช้ต่อหน้าจอ, โอนถ่ายข้อมูลและชาร์จแบตเตอรี่ได้พร้อมๆ กัน ซึ่งคิดทบทวนแล้วก็ยังคุ้มค่ากว่าอยู่ดี
สายชาร์จ MacBook ต้องสเปคประมาณไหนถึงจะชาร์จได้ดี?
ทาง Apple ได้ระบุสเป็คการชาร์จแบตเตอรี่ของ MacBook Air, MacBook Pro รุ่นใหม่บนหน้าเว็บไซต์เอาไว้ว่า “หากต้องการชาร์จแบตเตอรี่ให้ MacBook Air, MacBook Pro ได้ดีที่สุด ควรใช้อแดปเตอร์หรือพอร์ตจากหน้าจอที่ค่าวัตต์เท่ากันหรือมากกว่าอแดปเตอร์ที่มีมาให้ในกล่อง”
เมื่อไล่ดูข้อมูลแล้ว จะเห็นว่า MacBook Air และ MacBook Pro ชิป Apple M2 ทั้งสองรุ่นนี้รองรับกำลังชาร์จแตกต่างกันอย่างชัดเจน คาดว่าเพราะฮาร์ดแวร์ภายในเครื่อง, พัดลมระบายความร้อน ฯลฯ แต่ข้อดีคือ พอร์ต MagSafe 3 ซึ่งถูกนำกลับมาติดตั้งให้โน๊ตบุ๊คทั้งสองเครื่องนั้นรองรับหัว MagSafe เวอร์ชั่นเก่าได้หลากหลายรุ่น โดยอแดปเตอร์ที่ Apple แนะนำเป็นดังนี้
MacBook Air ชิป Apple M2 รุ่นใหม่จะถือว่าค่อนข้างได้เปรียบเวลาเลือกสายชาร์จ MacBook และอแดปเตอร์ชาร์จไฟอันใหม่ คาดว่าเพราะฮาร์แวร์ภายในมีแต่ชุดเมนบอร์ดกับแบตเตอรี่และหน้าจอของตัวเครื่องเท่านั้น จึงไม่ต้องใช้อแดปเตอร์วัตต์สูงมากก็ได้ จะชาร์จผ่านพอร์ต MagSafe หรือ USB-C ก็ใช้กำลังไฟเท่ากัน โดยเริ่มต้นที่ 30 วัตต์เท่านั้น ส่วนกำลังชาร์จที่สูงกว่านี้แล้ว Apple แนะนำมีดังนี้
- 30W USB-C Power Adapter เปิดตัวมากับ MacBook Air โมเดลปี 2018 เป็นต้นไป
- 30~45W MagSafe Power Adapter with MagSafe 2 style connector หรือหัวชาร์จ MagSafe แบบหัวตรงหรือจะเป็นหัวพับตัว L ก็ใช้งานได้ทั้งคู่ ได้แก่
- MacBook Air ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2012~2017
- MacBook Air จอ 13 นิ้ว ที่วางจำหน่ายช่วงปี 2008~2011
- MacBook Air จอ 11 นิ้ว ที่วางจำหน่ายช่วงปี 2010~2011
ด้าน MacBook Pro ชิป Apple M2 รุ่นใหม่นี้จะต้องใช้อแดปเตอร์กำลังชาร์จสูงสักหน่อย เพราะตัวเครื่องมีชิ้นส่วนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าค่อนข้างเยอะ ดังนั้นทาง Apple จึงแนะนำอแดปเตอร์ดังนี้
กลุ่มอแดปเตอร์ USB-C พร้อมสาย USB-C to C หรือเป็นสาย MagSafe
- Apple 140W USB-C Power Adapter กับสาย USB-C to MagSafe 3 วางจำหน่ายพร้อม MacBook Pro จอ 16 นิ้ว โมเดลปี 2021
- Apple 96W USB-C Power Adapter กับสาย USB-C วางจำหน่ายพร้อม MacBook Pro จอ 16 นิ้ว โมเดลปี 2019
- Apple 87W USB-C Power Adapter กับสาย USB-C วางจำหน่ายพร้อม MacBook Pro จอ 15 นิ้ว โมเดลปี 2016 เป็นต้นไป
- Apple 67W หรือ 96W USB-C Power Adapter กับสาย USB-C to MagSafe 3 ซึ่งวางจำหน่ายคู่ MacBook Pro จอ 14 นิ้ว โมเดลปี 2021
- Apple 61W USB-C Power Adapter กับสาย USB-C วางจำหน่ายพร้อม MacBook Pro จอ 13 นิ้ว โมเดลปี 2016 เป็นต้นไป
กลุ่มอแดปเตอร์หัวสาย MagSafe แบบถอดสายไม่ได้
- 85W MagSafe Power Adapter with MagSafe 2 style connector วางจำหน่ายพร้อม MacBook Pro จอ 15 นิ้ว โมเดลปี 2012~2015
- 85W MagSafe Power Adapter with MagSafe 2 style connector (ทั้งแบบหัว MagSafe ตรงและหัวพับตัว L)
- 60W MagSafe Power Adapter with MagSafe 2 style connector (ทั้งแบบหัว MagSafe ตรงและหัวพับตัว L) วางจำหน่ายพร้อม MacBook Pro จอ 13 นิ้ว โมเดลปี 2012~2015
- 60W MagSafe Power Adapter with MagSafe หัวตรง วางจำหน่ายพร้อม MacBook Pro จอ 13 นิ้ว โมเดลปี 2009
จะเห็นว่า MacBook Air และ MacBook Pro ทั้งสองรุ่นนั้นรองรับหัวชาร์จ MagSafe ย้อนหลังกลับไปจนโมเดลที่วางจำหน่ายได้ถึงเมื่อ 10 ปีก่อนเลยทีเดียว แต่จะรองรับกำลังชาร์จไฟแตกต่างกันไป ดังนั้นถ้าใครมี MacBook เครื่องเก่าที่ใช้ไม่ได้แล้วแต่สายชาร์จยังดีอยู่ ก็เอาสายเก่ามาชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเครื่องได้เช่นกัน
และแม้กำลังชาร์จจะสูงกว่าหน้าสเปคอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร เนื่องจากภายในเครื่องจะมีระบบจัดการกำลังการชาร์จแบตเตอรี่ให้เหมาะสมติดตั้งมาให้อยู่แล้ว ดังนั้นแม้กำลังชาร์จจะสูงกว่าที่กำหนดไปบ้างก็ไม่มีปัญหา เพราะระบบการจัดการชาร์จจะปรับกำลังไฟชาร์จให้เอง
สเปคสายชาร์จ MacBook ทั้ง 6 เส้น
สเปคสายชาร์จ MacBook | รูปแบบสายและความยาว | โอนถ่ายไฟล์, การต่อหน้าจอ, ฟีเจอร์พิเศษ |
โปรโตคอลชาร์จ | ราคา (บาท) |
Eloop S8 1.5 เมตร | USB-C to C มีหัวครอบแปลงเป็น USB-A 1.5 เมตร |
USB 2.0 480Mbps |
QC 3.0 QC 4.0 Power Delivery 100W รองรับกำลัง การจ่ายไฟ 5A |
99 |
ZMI AL301 1.5 เมตร | USB-C to C 1.5 เมตร |
ระบบป้องกันตัวสายร้อนเกินแล้วเกิดระเบิด | QC 3.0 Power Delivery 100W รองรับกำลัง การจ่ายไฟ 5A |
139 |
Baseus USB-C 100W |
USB-C to C 1.2~2 เมตร |
USB 2.0 480Mbps |
Power Delivery 100W รองรับกำลัง การจ่ายไฟ 5A |
1.2 เมตร 165 บาท 2 เมตร 195 บาท |
llano laptop adapter charger | อแดปเตอร์ติดสาย MagSafe | มี IC ป้องกันการชาร์จไฟเกิน, ลัดวงจร | กำลังชาร์จ 45~60 วัตต์ รองรับกำลัง การจ่ายไฟ 3.05~3.65A |
45 วัตต์ 599 บาท 60 วัตต์ 659 บาท |
Baseus THUNDERBOLT 4 | USB-C to C รองรับ Thunderbolt 4 มีชิป USB-IF chip 8436 1 เมตร |
โอนถ่ายข้อมูล 40Gbps ต่อหน้าจอแยก 8K 60Hz |
QC 3.0 Power Delivery 2.0 กำลังชาร์จ 100W |
889 |
Belkin Thunderbolt 4 Pro |
USB-C to C รองรับ Thunderbolt 4 1 เมตร |
โอนถ่ายข้อมูล 40Gbps ต่อหน้าจอแยกความละเอียดสูงได้ |
Power Delivery 100W | 1,773 บาท |
6 สายชาร์จ MacBook น่าใช้ ติดกระเป๋าเอาไว้ทำงานแล้วดี
ผู้ใช้คนไหนที่มองหาสายชาร์จ MacBook เส้นใหม่หรือเส้นสำรองมาติดกระเป๋าเอาไว้เผื่อใช้ชาร์จแบตเตอรี่หรือโอนไฟล์เข้าออกเครื่องอยู่ล่ะก็ ผู้เขียนมีสายชาร์จ MacBook น่าใช้จากแบรนด์ชั้นนำมาแนะนำทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
- Eloop S8 1.5 เมตร (99 บาท)
- ZMI AL301 1.5 เมตร (139 บาท)
- Baseus USB-C 100W (165~195 บาท)
- llano Laptop Adapter Charger (599~659 บาท)
- Baseus THUNDERBOLT 4 (889 บาท)
- Belkin Thunderbolt 4 Pro (1,773 บาท)
1. Eloop S8 1.5 เมตร (99 บาท)
Eloop S8 1.5 เมตร เส้นนี้เป็นหัวสายชาร์จ MacBook แบบ USB-C to C มีหัวครอบแปลงเป็น USB-A เอาไว้ใช้โอนถ่ายข้อมูลด้วยความเร็วระดับ USB 2.0 480Mbps ได้ด้วย มีความยาว 1.5 เมตร ในตัวสายมี E-Mark Chip สำหรับคุมการจ่ายไฟให้เสถียรขึ้น รองรับ QC 3.0, QC 4.0 และ Power Delivery ระดับ 100 วัตต์ รองรับกำลังการจ่ายไฟ 5A หากจับคู่กับอแดปเตอร์ดีๆ สักอันก็ชาร์จ MacBook Air และ MacBook Pro ได้สบายๆ
สเปคของ Eloop S8 1.5 เมตร
- สายแบบ USB-C to C มีหัวครอบแปลงเป็น USB-A ความยาว 1.5 เมตร
- ใช้โอนถ่ายข้อมูลด้วยความเร็วระดับ USB 2.0 480Mbps ได้
- รองรับ QC 3.0, QC 4.0 และ Power Delivery 100 วัตต์ รองรับกำลังการจ่ายไฟ 5A
- ราคา 99 บาท (beztgadget Shopee)
2. ZMI AL301 1.5 เมตร (139 บาท)
สายชาร์จ MacBook จากแบรนด์ราคาประหยัดแต่คุณภาพดีน่าซื้อมาติดกระเป๋า แนะนำ ZMI AL301 1.5 เมตร เส้นนี้เลย โดยตัวสายยาว 1.5 เมตร รองรับโปรโตคอลชาร์จเร็ว QC 3.0 และ Power Delivery รองรับกำลังชาร์จสูงสุด 100 วัตต์ รองรับการจ่ายไฟได้ 5A พร้อมระบบป้องกันตัวสายร้อนเกินแล้วเกิดระเบิดอีกด้วย แต่ที่น่าสังเกตคือสายนี้ใช้ถ่ายโอนไฟล์ไม่ได้เหมือนสายอื่น ดังนั้นถ้าใครจะหาเอาไว้ชาร์จอย่างเดียวก็ไม่มีปัญหา
สเปคของ ZMI AL301 1.5 เมตร
- สายแบบ USB-C to C ความยาว 1.5 เมตร
- มีระบบป้องกันตัวสายร้อนเกินแล้วเกิดระเบิด
- รองรับ QC 3.0 และ Power Delivery 100 วัตต์ รองรับกำลังการจ่ายไฟ 5A
- ราคา 139 บาท (YouPin TH Shopee)
3. Baseus USB-C 100W (165~195 บาท)
สายชาร์จ MacBook อีกแบรนด์ที่น่าใช้ไม่แพ้แบรนด์อื่น ผู้เขียนแนะนำเป็น Baseus USB-C 100W เส้นนี้เพราะเป็นสายถักหัวอลูมิเนียมสวยงามพร้อมฟีเจอร์ป้องกันตัวสายร้อนเกินจนเกิดความเสียหายกับชิป E-Marker ในหัวสายแล้ว ยังใช้ถ่ายโอนไฟล์ได้ด้วยความเร็ว USB 2.0 480Mbps ได้อีกด้วย รองรับการชาร์จแบบ Power Delivery 100 วัตต์ รองรับการจ่ายไฟได้ 5A เช่นกัน นับเป็นสาย USB-C to C น่าใช้อีกเส้นหนึ่ง
สเปคของ Baseus USB-C 100W
- สายแบบ USB-C to C ความยาว 1.2~2 เมตร
- ใช้โอนถ่ายข้อมูลด้วยความเร็วระดับ USB 2.0 480Mbps ได้
- รองรับ Power Delivery 100 วัตต์ รองรับกำลังการจ่ายไฟ 5A
- ความยาว 1.2 เมตร 165 บาท ส่วนสายยาว 2 เมตร 195 บาท (Baseus Shopee Mall)
4. llano Laptop Adapter Charger (599~659 บาท)
llano laptop adapter charger ตัวนี้เป็นอแดปเตอร์สาย MagSafe แบบถอดสายไม่ได้แต่ก็น่าใช้ไม่ว่าจะพกใส่กระเป๋าเอาไปชาร์จตอนนั่งทำงานตามร้านกาแฟหรือซื้อไปทิ้งไว้ที่ออฟฟิศก็ดีทั้งคู่ ในตัวอแดปเตอร์มี IC ป้องกันการชาร์จไฟเกินหรือลัดวงจรมาแบบครบเครื่อง รองรับการจ่ายไฟได้ตั้งแต่ 3.05~3.65A เลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับค่าวัตต์ หากใครอยากได้อแดปเตอร์พร้อมสายทรงนี้อยู่ก็แนะนำรุ่นนี้เลย
สเปคของ llano laptop adapter charger
- อแดปเตอร์ติดสาย MagSafe แบบถอดสายไม่ได้เลือกหัวตรงหรือหัว L ได้
- กำลังชาร์จ 45~60 วัตต์ รองรับกำลังการจ่ายไฟ 3.05~3.65A
- แบบ 45 วัตต์ 599 บาท แบบ 60 วัตต์ 659 บาท (Llano Shopee Mall)
5. Baseus THUNDERBOLT 4 (889 บาท)
หากใครหาสาย Thunderbolt เอาไว้ใช้งานได้หลากหลายทั้งต่อหน้าจอแยก, โอนไฟล์และชาร์จแบตเตอรี่ให้ MacBook ของเราได้ด้วย แนะนำเป็นสาย Baseus THUNDERBOLT 4 เส้นนี้แทนจะดีกว่า ตัวสายยาว 1 เมตร ติดตั้งชิป USB-IF chip 8436 มาให้ในตัว ถ่ายโอนข้อมูลได้เร็ว 40Gbps ต่อหน้าจอแยกได้ความละเอียดสูงสุด 8K 60Hz รองรับ Power Delivery 2.0, QC 3.0 รองรับกำลังชาร์จได้ 100 วัตต์ ถือว่าสเปคต่อราคาน่าสนใจเป็นอย่างมาก
สเปคของ Baseus THUNDERBOLT 4
- สาย Thunderbolt 4 ความยาว 1 เมตร มีชิป USB-IF chip 8436
- ใช้โอนถ่ายข้อมูลด้วยความเร็วระดับ 40Gbps ต่อหน้าจอแยก 8K 60Hz ได้
- รองรับ Power Delivery 2.0, QC 3.0 100 วัตต์
- ราคา 889 บาท (muffinzstore Shopee)
6. Belkin Thunderbolt 4 Pro (1,773 บาท)
สายชาร์จ MacBook แบรนด์ชั้นนำซึ่งผู้ใช้หลายคนเชื่อมั่นอย่าง Belkin Thunderbolt 4 Pro ความยาว 1 เมตรเส้นนี้เช่นกัน เพราะตัวสายนอกจากโอนไฟล์ได้รวดเร็วถึง 40Gbps, ต่อหน้าจอแยกความละเอียดสูงได้ก็ยังเป็นสายชาร์จ MacBook กำลังชาร์จ 100 วัตต์ ได้อีกโดยชาร์จผ่านระบบการชาร์จ Power Delivery ได้อีกด้วย ซึ่งถ้าใครมั่นใจและชื่นชอบแบรนด์นี้ก็คุ้มจะซื้อมาใช้งานอย่างแน่นอน และข้อดีคือสายนี้คือใช้สายนี้ต่อ MacBook เข้ากับหน้าจอพร้อมฟีเจอร์ USB Hub ก็ไม่ต้องหา USB-C Mulitport Adapter มาใช้งานก็ได้
สเปคของ Belkin Thunderbolt 4 Pro
- สาย Thunderbolt 4 ความยาว 1 เมตร
- ใช้โอนถ่ายข้อมูลด้วยความเร็วระดับ 40Gbps ต่อหน้าจอแยกความละเอียดสูงได้
- รองรับ Power Delivery 100 วัตต์
- ราคา 1,773 บาท (Superiphone1234 Shopee)
หากใครซื้อ MacBook เครื่องใหม่มาแทนโน๊ตบุ๊คเครื่องเดิมแล้วไม่อยากให้สาย MagSafe เดิมในกล่องเก่าหรือเสียเร็วล่ะก็ ผู้เขียนก็แนะนำให้ซื้อสายชาร์จ MacBook เอาไว้ใช้สักเส้นได้เลย และยิ่งสายไหนเป็น Thunderbolt 3 หรือ 4 ก็ยิ่งมีประโยชน์ เพราะเอามาต่อหน้าจอแยกแล้วใช้ทำงานได้สะดวก ยิ่งถ้าจอนั้นเป็น Hub ด้วยก็ยิ่งโอนไฟล์สะดวกขึ้นอีก เรียกว่าคุ้มและดีไม่ต้องเป็นสายแท้จาก Apple ก็ใช้งานได้ดีไม่แพ้กันอย่างแน่นอน