แนะนำแอพกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) ที่น่าใช้งาน อัปเดต 2022
แอพกระเป๋าเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Wallet นั้น ในปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ สถานการณ์ที่มีโรคระบาดอย่าง COVID-19 ที่ทำให้ผู้คนต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสกันโดยตรง การใช้จ่ายผ่านการแสกนหรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ ทางหนึ่งเลย และนอกจากการสแกนจ่ายผ่านแอพพลิเคชันของธนาคารต่างๆ ทั้งนี้ก็ต้องเป็นแอพพลิเคชันที่ได้รับความนิยมและสามารถใช้จ่ายได้หลากหลาย เรามาดูกันดีกว่า ว่ามีแอพไหนที่น่าสนใจบ้าง
E-Wallet คืออะไร ?
ก่อนอื่นเลย ก่อนที่เราจะไปดูแอพกระเป๋าตังแบบอิเล็กทรอนิกส์กัน เราก็ต้องมาทำความรู้จักกับรูปแบบของกระเป๋าเงินนี้คร่าวๆ กันก่อน เริ่มแรกเลยใจปัจจุบันนั้น เป็นยุคที่สมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราเป็นอย่างยิ่ง แถมยังได้รับการพัฒนา เพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงด้านธุรกรรมต่างๆ ด้วย ทำให้การจ่ายหรือรับเงิน สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านทางสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ E-Wallet หรือ Digital Wallet ก็ถือเป็นหนึ่งในระบบที่รองรับการจ่ายหรือรับเงิน ผ่านทางแอพพลิเคชัน ที่เชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต/เครดิต หรือจะเป็นเงินที่เติบเข้าไปในตัวแอพพลิเคชัน มีความปลอดภัย และรองรับหลากหลายสกุลเงิน ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การซื้อของออนไลน์, อาหาร, การเดินทาง, บิลต่างๆ ฯลฯ ก็รองรับการจ่ายผ่านกระเป๋าเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์กันแล้ว ทำให้ง่ายในการจ่าย ไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อจ่ายบิลด้วยตนเองแล้ว นอกจากนี้หลายๆ แพลตฟอร์มที่ทำกระเป๋าเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์นี้ ก็มักจะมีดีล หรือ ส่วนลดต่างๆ ให้กับผู้ใช้งาน ทั้งผู้ใช้เก่าและผู้ใช้ใหม่ จึงทำให้ผู้ใช้งานได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก
แนะนำแอพกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์
1. TrueMoney Wallet
มาเรื่องกันด้วยแพลตฟอร์มกระเป่าเงินแบบอิเล้กทรอนิกส์ จาก True อย่าง TrueMoney Wallet นั้นเป็นแพลตฟอร์มสำหรับเก็บเงิน True Money สำหรับใช้ในการเติมเงินที่รองรับการใช้จ่ายที่ 7-Eleven, ร้านค้าต่างๆ,รถไฟฟ้า, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, Easy Pass, การเติมเงินเครือข่ายมือถือ, การจ่ายบิล, ไปจนถึงการเติมเงินสำหรับเล่นเกม ฯลฯ ซึ่งนอกจากตัว TrueMoney Wallet จะรองรับการเติมเข้าไปในแอพพลิเคชันแล้ว ยังรองรับการผูกกัลบัตรเดบิต และในปัจจุบันสามารถใช้บัตรเครดิตในการเติมเงินเข้า ทรูมันนี่ วอลเล็ท ได้แล้ว ทั้งนี้ผู้ใช้งาน ทรูมันนี่ วอลเล็ท ยังได้รับส่วนลด รวมไปถึงได้เป็นเงินคืนด้วย ผู้ใช้งานยังสามารถโอนเงินทรูมันนี่ เข้าไปยังธนาคารเพื่อนำไปใช้จ่ายหรือทำธุรกรรมทางการได้ด้วย โดยการโอนระหว่างทรูมันนี่ด้วยกันเองนั้นจะไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่หากเป็นการแปลงเงินจากทรูมันนี่เข้าไปยังธนาคารนั้น จะเสียค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมครั้งละ 20 บาท
2. Rabbit LINE Pay
Rabbit LINE Pay เป็นบริการกระเป๋าเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่เกิดจาก LINE Thailand ร่วมมือกับทาง Rabbit Card บัตรที่ชาวกรุงเทพฯ รู้จักเป็นอย่างดี เพราะใช้ในการชำระค่าเดินทาง BTS นั่นเอง โดย Rabbit LINE Pay เราสามารถใช้งานได้ผ่านทางแอพพลิเคชัน LINE ที่ใช้งานเป็นแพลตฟอร์มแชทกันเป็นประจำอยู่แล้วได้เลย ไม่ต้องดาวน์โหลดแอพมาเพิ่ม หรือใครที่เดินทางด้วย BTS อยู่แล้ว ก็สามารถใช้บัตร Rabbit ซึ่งเป็นแบบเติมเงิน ในการใช้จ่ายกับร้านค้าที่รองรับได้ด้วย นอกจากที่ Rabbit LINE Pay จะใช้ในการชำระค่าเดินทางแล้ว ยังรองรับการซื้อขายผ่าน LINE ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์, ธีม, สินค้าใน LINE รวมไปถึงร้านค้าชั้นนำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น McDonald’s, MaxValu Supermarket, Family Mart ฯลฯ
3. ShopeePay
แอพ ShopeePay นั้น ก็ตามชื่อเลย คือเป็นกระเป๋าเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เน้นการใช้จ่าย ซื้อสินค้าออนไลน์ รวมไปถึงบริการต่างๆ ผ่านทางแอพพลิเคชัน Shopee นั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรองรับแค่เฉพาะ Shopee เท่านั้น ShopeePay นั้นยังรองรับการใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น การจ่ายบิล, ซื้อตั๋วภาพยนตร์ทั้ง SF Cinema และ Major Cineplex, Easy Pass, MRT ฯลฯ ถือว่าค่อนข้างหลายหลายมากๆ ในส่วนของการเติมเงิน เราก็สามารถที่จะเติมเงินเข้าไปในวอลเล็ทผ่านการโอนเข้าด้วยแอพธนาคาร รองรับการถอนเงิน รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนทางการเงินด้วย ความพิเศษยังไม่หมดเท่านั้น หากชำระเงินผ่าน ShopeePay เมื่อทำการสั่งซื้อของออนไลน์บนแอพ Shopee ผู้ใช้งานก็สามารถใช้งานโค้ดส่วนลดต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการส่งฟรี ได้เครดิตเงินคืน หรือเป็น Coins สำหรับนำมาใช้ซื้อดีลต่างๆ หรือใช้เป็นส่วนลดในการชำระเงินครั้งถัดๆ ไปก็ได้
4. GrabPay Wallet
GrabPay Wallet เป็น Wallet จากทาง Grab ที่เป็นไปที่บริการการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง บริการส่งอาหาร รวมไปถึงการส่งของและ Market การจับจ่ายตลาดต่างๆ โดยตัว GrabPay Wallet นั้น สามารถใช้งานผ่านแอพพลิเคชัน Grab ได้เลย ด้วยการผูกบัตรหรือเติมเงินเข้ากระเป๋า GrabPay Wallet ตัว Wallet ยังสามารถแลกเปลี่ยนกลับไปเป็นเงินในบัญชีธนาคารได้ด้วย แต่ต้องบอกเลยว่า เป็นวอลเล็ทที่ใช้งานกับเฉพาะแอพ Grab เท่านั้น แต่แค่ตัวแอพก็มีบริการที่ครอบคลุม และหลากหลายแล้ว ทั้งการส่งของ การสั่งอาหาร ของใช้ ไปจนถึงการเดินทาง แถมผู้ใช้งานที่ใช้จ่ายผ่าน GrabPay Wallet ยังได้นส่วนลดและสิทธิพิเศษอื่นๆ ด้วย ทำให้ GrabPay เป็นอีกหนึ่งกระเป๋าเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีผู้ใช้งานเยอะ และน่าใช้งาน
5. เป๋าตัง (Paotang)
ขอปิดท้ายด้วยแอพพลิเคชันจากทางรัฐบาล ร่วมกับ KTB หรือ ธนาคารกรุงไทย โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากบริการรับเงินเยียวยา เพราะผลกระทบจาก COVID-19 จึงทำให้แอพพลิเคชันเป๋าตัง เป็นฃแอพ G-Wallet ที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก โดยเงินเยียวยาที่สามารถใช้จ่ายผ่านแอพเป๋าตังนั้น ก็มีตังแต่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน, โครงการคนละครึ่ง, โคตรการเราชนะ ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเป็นแอพสื่อการในการรับเงินเยียวยาจากรัฐฯ แล้ว ตัวแอพเป๋าตจังยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ได้อัปเดตเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าสุขภาพ (Health Wallet) ที่จะเป็นบริการด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะป็นสิทธิ์การรักษา, การนัดหมาย, หน่วยบริการ ฯลฯ, ฟีเจอร์สำหรับการลงทะเบียน ในการจองคิวเพื่อฉีดวัคซีน Covid-19 และล่าสุด ทางแอพเป๋าตังก็ได้มีฟีเจอร์สำหรับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบออนไลน์ โดยมีให้ซื้อตั้งเลข 3 ตัว, 2 ตัว และ 6 ตัวเลย ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาในส่วนของลอตเตอรี่ราคาเกิน และนอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย ที่เกี่ยวของกับสวัสดิการของรัฐที่เปิดให้ประชาชนได้เข้ารับบริการ ในส่วนของการลงทะเบียนนั้นก็จะใช้การผู้เข้ากับบัตรประชาชน และ G-Wallet ซึ่งเป็นบริการจากธนาคารกรุงไทยนั่นเอง
แอพรายรับรายจ่ายอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เมื่อพูดถึงแอพพลิเคชันที่ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์กันไปแล้ว ทีมงานก็อยากจะแนะนำแอพรายรับรายจ่าย ที่จะช่วยให้การบริการค่าใช้จ่ายของเราทำได้ดีมากยิ่งขึ้น แถมตัวแอพยังใช้งานง่าย และมีประสิทธิภาพที่ดีด้วย
1. Wallet
แอพบันทึกรายรับ รายจ่าย ที่มีหน้าตาเรียบงาน ภายในแอพมีการสรุปรายรับรายจ่าย การเพิ่มข้อมูลค่าใช้จ่าย ถือเป็นตัวช่วยที่น่าสนใจ ในการช่วยจัดการเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย เหมาะกับใครที่ไม่ชอบความยุ่งยาก ไม่ชอบการกดเมนูนั่นนี่ ให้รู้สึกวุ่นวาย และนอกจากที่ตัวแอพจะรองรับการกดรายรับ – รายจ่ายแล้ว ยังมีฟีเจอร์สำหรับการวางแผนในการใช้จ่ายเงินให้เราดูด้วย ตั้งแต่ เราใช้เงินไปกับเรื่องไหนบ้าง, การเก็บสถิติค่าใช้จ่ายของเรา, การวางแผนในการจ่าย, งบประมาณ, เราสามารถวางเป้าหมายในการใช้เงืนได้ด้วย และตัวแอพยังเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกสิกรไทย (KBank), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY), ธนาคารทหารไทย (TTB), ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ฯลฯ ทำให้สะดวกในการบริการเงินรวมไปถึงดูรายรับรายจ่ายของเราได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย การเข้าใช้งานแอพก็ค่อนข้างมีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เพราะเราต้องเข้าสู่ระบบก่อนทุกครั้ง
2. MeTang
แอพพลิเคชัน MeTang นั้น เป็นแอพที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยชาวไทย รองรับในการใช้งานภาษาไทย จึงทำให้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย มีฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารด้านการเงินที่ครบครัน ทั้งเรื่องรายรับ รายจ่าย มีกราฟสรุปผลของค่าใช้จ่ายต่างๆ นอกจากนี้เราสามารถใช้งานได้หลายบัญชีด้วย ในส่วนของกราฟสรุปผลนั้น เราก็ยังสามารถเพิ่มหมวดหมู่ต่างๆ เข้าไปได้เอง และฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับแอพ MeTang เลยก็คือ เราสามารถสร้างบัญชีเครดิต ที่ใส่วงเงิน วันที่บัตร สามารถตั้งแจ้งเตือนวันครบรอบตัดบัตรได้ ตัวแอพยังรองรับการบันทึกข้อมูลด้วยเสียง และที่สำคัญเลย เราสามารถ Export ไฟล์ ให้ออกมาเป็นไฟล์ Exvet ได้ด้วย เหมาะสำหรับใครที่ต้องการที่จะนำไปใช้งานต่อไปอย่างยิ่ง แถมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการด้านการเงินได้เป็นอย่างดีเลย
3. Piggipo GO
แอพ Piggipo Go ถือว่าได้รับการพัฒนามาจากแอพ Piggipo ที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ในแอพนี้ นอกจากมีฟีเจอร์ในการบันทึกข้อมูลรายรับรายจ่ายทั่วไป, ฟีเจอร์ในส่วนของบัตรเครดิตที่เราสามารถดูค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้แบบ Real-Time รวมไปถึงฟีเจอร์ในการช่วยจัดการบัตรเครดิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณดอกเบี้ย ฯลฯ ในเวอร์ชันนี้ ตัวแอพยังมีฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Cash Flow ที่ช่วยในการวางแผนด้านการเงิน, Transfer wallet ที่รองรับการโอนเงินข้ามกระเป๋าด้วย, เครื่องคิดเลข ที่ช่วยให้เราสามารถคิดคำนวณได้ภายในแอพเลย, การเพิ่มขึ้นของ Category icon ฯลฯ นอกจากนี้ เรายังสามารถ Export ไฟล์ ออกมาเป็นไฟล์ Excel ได้แบบฟรีๆ เลย เรียกได้ว่า ครอบคลุมทั้งผู้ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงผู้ใช้งานที่เน้นการใช้บัตรเครดิตเลย
4. Fast Budget
แอพ Fast Budget เป้นอีกหนึ่งแอพในการบันทึกรายรับรายจ่าย ที่ได้รับความนิยมพอสมควร มีผู้ใช้งานจำนวนหลักล้านคนเลยทีเดียว ในส่วนของฟีเจอร์ก็เรียกว่ามาครบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานในการบันทึกรายรับ รายจ่าย การบันทึกทั่วไป ไปจนถึงฟีเจอร์ที่ต้องใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับทางด้านการเงินมาประกอบ สามารถใช้งานได้ง่าย ทั้งผู้ที่มีความรู้ด้านการเงินอยู่ก่อนแล้ว ไปจนถึงมือใหม่ ที่ยังไม่มีความรู้ด้านการเงิน ตัวแอพยังรองรับการเพิ่มข้อมูลในส่วนการโอนเงิน การทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบัญชี บัตรเครดิต โดยจะมีสรุปมาให้เราแบบเป็นรายเดือน นอกจากนี้เรายังสามารถ วางแผนทางด้านการเงิน รวมไปถึงการจัดการกับหนี้สินต่างๆ ด้วย เรียกว่า แอพเดียว ครบ จบ ในด้านการใช้จ่าย เหมาะมากๆ กับใครที่ต้องการผู้ช่วยในเรื่องการบันทึกบริหารค่าใช้จ่าย
5. Save Money Daily
สำหรับ Save Money Daily นั้น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแอพพลิเคชัน ที่น่าสนใจ และน่าใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้บันทึกรายรับ – รายจ่าย เพราะตัวแอพนั้น ถือว่ามีหน้าตาที่ดูสบายตามากๆ มีเมนู ฟีเจอร์ ที่ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับใครที่ต้องการหาตัวช่วยที่ไม่ต้องวุ่นวาย ภายในแอพมีฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการบันทึกรายรับรายจ่ายไว้อย่างครบครัน รวมไปถึงการสรุปที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือนเลย แถมเรายังสามารถที่จะ ดูประวัติการใช้จ่ายแบบย้อนหลังของแต่ละวันที่เราได้บันทึกไปได้ด้วย ทั้งยังสามารถทำสรุปให้เป็นรูปแบบของกราฟ ที่ทำให้เข้าใจและเห็นภาพได้ง่าย ที่สำคัญเลย ตัวแอพยังรองรับหลากหลายสกุลเงิน ช่วยให้ใครที่มีการใช้เงินหลายสกุลเงิน สามารถจนบันทึกรายรับรายจ่ายได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
และทั้งหมดนี้ก็คือแอพพลิเคชัน กระเป๋าเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Wallet ที่ทีมงานได้นำมาแนะนำกัน รวมไปถึง แอพพลิเคชันที่จะช่วยจดบันทึกรายรับรายจ่าย และช่วยบริหารค่าใช้จ่ายของเราได้ดียิ่งขึ้นด้วย ในส่วนของแอพกระเป๋าเงินนั้น ก็ต้องบอกเลยว่ามีความครอบคลุมการใช้จ่ายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นห้างร้านชื่อดัง หรือร้านค้าทั่วไป บริการการเดินทางและการขนส่ง ใครที่มองหาแอพพลิเคชันประเภท E-Wallet ที่น่าใช้งานก็สามารถลองเข้าไปดาวน์โหลดมาใช้งานกันได้เลย
อ่านบทความเพิ่มเติม / เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
