HUAWEI MateBook 14s ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14.2″ ฟีเจอร์ล้ำรุ่นล่าสุดปี 2022 ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการนำเสนอ MateBook มาหลากหลายรุ่นแล้ว ที่เป็นพร้อมท้าชนกับรรดาเจ้าตลาดแบรนด์ต่างๆ แน่นอนว่าสำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็จะมีตัวเลือกที่มากขึ้น กับการที่ได้สเปกลื่นไหลในการใช้งาน โดดเด่นด้วยการใช้งานร่วมกับอุปรกณ์อื่นๆ ของ HUAWEI ได้ลื่นไหลไร้รอยต่อ ด้วยประสิทธิภาพชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 H35 ตัวแรงมี AI ช่วยทำงาน อย่าง Core i5-11300H หรือ i7-11370H ที่ได้แพลตฟอร์ม Intel EVO พร้อมการ์ดจอออนชิปที่ดีที่สุดอย่าง Iris Xe Graphics
จัดเต็มแรมมาขนาด 8GB – 16GB พร้อมด้วยที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB – 1TB แน่นอนว่ารองรับการทำงานได้เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คที่เป็นรุ่นใกล้เคียงกัน โดย HUAWEI MateBook 14s มีความโดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบที่ดูสวยงามพรีเมียม หน้าจอขนาด 14″ รองรับความละเอียดที่ระดับ 2520 x 1680 พิกเซล ที่มีอัตราส่วน 3:2 เหนือชั้นกว่าที่ได้หน้าจอเป็นทัชสกรีนได้ น้ำหนักเบาที่ 1.43 กิโลกรัม มีความบางเพียง 16.7 มิลลิเมตร ที่สำคัญยังรองรับการติดตั้งแอปต่างๆ ที่มีอยู่ในมือถือหรือแท็บเล็ต HUAWEI อีกด้วย เรียกได้ว่าล้ำกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในตลาดทีเดียว
NBS Verdict
HUAWEI MateBook 14s อีกหนึ่ง Intel Notebook ปี 2022 จากแบรนด์ HUAWEI ประสิทธิภาพทรงพลังด้วยชิปประมวลผล Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake H35 ซึ่งทรงพลังกว่ารุ่นทั่วไปในดีไซน์ที่บางเบา ได้เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร SuperFin ที่มี AI ช่วยทำงานในบางโปรแกรมอย่างที่ไม่มีในรุ่นก่อนๆ ได้การ์ดจอออนชิปที่ดีที่สุด Iris Xe Graphics รองรับทั้งงาน 2 มิติ 3 มิติ โดยบางเพียง 16.7 มิลลิเมตร และเบาที่ 1.43 กิโลกรัม จัดว่ารุ่นที่แตกต่างไม่เหมือนใครทั้งตัวสเปกและฟีเจอร์ต่างๆ จากหลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นแต่การนำเสนอผลิตภัณฑ์สายมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ
เรียกได้ว่า HUAWEI MateBook 14s เป็นการต่อยอดมาจาก MateBook รุ่นก่อนๆ ที่แตกต่างไม่เหมือนใครทั้งตัวสเปกและฟีเจอร์ต่างๆ จากหลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นแต่การนำเสนอผลิตภัณฑ์สายมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ หน้าจอขอบบางเฉียบ FullView Display 14″ พาเนล IPS เกรดสูง สัดส่วน 3:2 ความละเอียด 2520 x 1680 พิกเซล ที่ลื่น 90Hz ทัชสกรีนได้ เหมาะสำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานพื้นฐาน เช่นเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง รวมไปถึงสายงาน Content Creator ต่างๆ น่าจะชื่นชอบกัน
ในส่วนของรายละเอียดอื่นๆ อย่างสเปกฮาร์ดแวร์ภายในก็ได้เป็นหน่วยความจำแรมขนาด 8GB – 16GB DDR4 Bus 3200MHz และ SSD M.2 ความจุ 512GB – 1TB ซึ่งถ้าเป็นสเปก i7 จะได้แพลตฟอร์ม Intel EVO ก็จัดได้ว่าทรงประสิทธิภาพต่อใช้งานพื้นฐานหรือหนักๆ ได้ลื่นไหลแน่นอนกว่ารุ่นโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ ที่ช่วงราคาใกล้เคียงกันแน่นอน รวมไปถึงมีฟีเจอร์พิเศษอย่างที่ Intel Notebook อื่นๆ เค้ามีกัน อย่างแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน (ความร้อนอาจจะสูงหน่อย แต่อยู่ในเกณฑ์รับได้)
เชื่อว่าแฟนๆ HUAWEI น่าจะสนใจกันอยู่ไม่น้อย เหมาะกับคนที่ใช้งานมือถือ HUAWEI อยู่แล้ว เพื่อใช้งานทั่วไปร่วมกันผ่านทาง HUAWEI Super Device หรืออุปกรณ์อื่นๆ ของ HUAWEI ได้ง่ายมากๆ ช่วยเรื่องของแชร์ไฟล์และแชร์หน้าจอได้อย่างเต็มรูปแบบ ในส่วนของรายละเอียดอื่นๆ ก็มีจุดเด่นที่น่าใช้งานมากๆ อย่างไรก็ตามน่าเสียดายในส่วนของพอร์ต USB-C ที่ติดตั้งให้มานั้นยังไม่ได้เป็นมาตรฐาน Thunderbolt 4 ที่ควรจะเป็น และแรมออนบอร์ดไม่สามารถเพิ่มได้แล้ว
ซึ่งนอกจาก HUAWEI Mobile App Engine ทำให้ใช้งานมือถือผ่านโน็ตบุ๊คได้แล้ว HUAWEI MateBook 14s ยังได้พอร์ตชาร์จไฟและอแดปเตอร์ 65W SuperCharge ก็ให้มาเป็น USB-C ที่สะดวกสบาย ตัวเครื่องพรีเมียมวัสดุดีเยี่ยม งานประกอบแน่นๆ มีระบบสแกนลายนิ้วมือ และกล้องเว็บแคมแบบซ่อน รวมไปถึงมีรุ่นอื่นๆ อย่าง HUAWEI MateBook D14 / D15 ให้ลือกซื้อด้วย อันนี้เพื่อนๆ ก็ต้องลองเลือกตามลักษณะความต้องการหรือการใช้งานจริงๆ ของแต่ละคนกันไป
ข้อดี HUAWEI MateBook 14s
- ตัวเครื่องออกแบบสวยงามและหรูหรา พื้นผิวเป็นรอยนิ้วมือยาก ผ่านการชุบอโนไดซ์
- แข็งแรงทนทานสวยงาม ด้วยงานประกอบอลูมิเนียมแบบ Unibody ผ่านกระบวนการ CNC
- ขอบจอบางเฉียบ ตัวเครื่องบางเบา เพียง 1.43 กิโลกรัม บาง 15.9 มิลลิเมตร
- ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i Gen 11 H35 ประสิทธิภาพทรงพลัง มี AI ในตัว
- ได้แรมขนาด 8 – 16GB LPDDR4x ที่ใช้งานได้ทันที เพียงพอต่อทุกๆ การใช้งาน
- มาพร้อมที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB – 1TB ที่แรงลื่นพอตัว
- หน้าจอมีความละเอียดสูงที่ 2520 x 1680 พิกเซล @90Hz พาเนล IPS เกรดสูง ทัชสกรีนได้
- ลำโพงคุณภาพดี 4 ตัว ให้เสียงที่ประทับใจ พร้อมด้วยไมโครโฟน 4 ตัว ช่วยรับเสียงตัดเสียง
- มีพอร์ต USB 3.2 Type-C ที่รองรับการชาร์จไฟเข้าตัวเครื่อง ทำให้ใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบ 13 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไฟด้วย USB-PD
- อแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C มีขนาดเล็ก นำไปใช้กับมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้หมด
- ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ที่ช่วยในเรื่องของความสะดวกและปลอดภัย
- ด้วยฟีเจอร์ HUAWEI Mobile App Engine ทำให้ใช้งานมือถือผ่านโน็ตบุ๊คได้
- ฟีเจอร์ HUAWEI Super Device ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ HUAWEI ได้ง่าย
- ซอฟต์แวร์ PC Manager / Huawei Share ใช้งานได้ดีเยียมมากๆ ทั้งแชร์ไฟล์และหน้าจอ
ข้อสังเกต HUAWEI MateBook 14s
- ไม่สามารถอัปเกรดแรมได้ เพราะของเดิมเป็นแบบฝังบอร์ดมา
- ส่วนเชื่อมต่อกับมือถือรองรับเฉพาะแบรนด์ Huawei เท่านั้น
- แม้ชิปประมวลผลจะแรงมากๆ แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับเล่นเกมหนักๆ เพราะไม่มีการ์ดจอแยก
- เป็นรุ่นที่ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 ในปี 2022
- USB-C ที่ติดตั้งให้มาให้เป็นมาตรฐาน Thunderbolt 4 ในสเปก i7-11370H
Specification
สเปกภายในของตัว Huawei MateBook 14s ปี 2022 รุ่นที่จำหน่ายในไทยจะมี 3 สเปก ซึ่งรุ่นที่เรารับมารีวิวเป็นเครื่องเดโม ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-11300H เทียบเท่ารุ่นราคา 40,990 บาท ที่เป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 11 nm SuperFin ที่แรงขึ้นมากพร้อมด้วย AI ช่วยทำงานบางอย่างในตัว เพิ่มเติมด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน การ์ดจอเป็นออนชิปรุ่นใหม่ที่ดีขึ้นมากอย่าง Intel Iris Xe Graphics
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 Bus 3777MHz แบบออนบอร์ด ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานพื้นฐานหรืองานหนักๆ แน่นอน สำหรับที่เก็บข้อมูลเป็นความเร็วสูงแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB มาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ ขอบหน้าจอบางเฉียบทั้ง 4 ด้านแบบ FullView Display ความละเอียด 2520 x 1680 พิกเซล (213 PPI) พาเนลคุณภาพสูง IPS ให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้าง ขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100%
ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX (2×2) และ Bluetooth 5.1 รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ที่สำคัญมีการติดตั้งช่วยให้เราเปิดเครื่องและล็อกอินเข้าใช้งานได้ทันที ทั้งปลอดภัย รวดเร็ว และใช้งานง่าย มาพร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ Huawei โดย HUAWEI MateBook 14s ราคาอยู่ที่ 40,990 / 49,990 / 55,990 บาท ตามแต่รุ่นและสเปก
พร้อมจัดโปรโมชั่นลดทันที 4,000 บาท รับฟรีของแถมสุดพิเศษกับกระเป๋าเป้ HUAWEI มูลค่ารวมกว่า 1,090 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมจนถึง 30 มิถนุายน ที่ Huawei Experience Store และ Huawei Online Store ที่ https://shop.huawei.com/th และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ
- Huawei Experience store https://bit.ly/3LQYNa5
- Shoppee https://bit.ly/3kNv064
- Lazada https://bit.ly/39I63a7
HUAWEI MateBook 14s ราคา 40,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
- CPU : Intel Core i5-11300H (4C/8T : 3.1 – 4.4GHz)
- GPU : Intel Iris Xe Graphics
- RAM : 8GB LPDDR4x Bus 3777 MHz
- DISPLAY: 14.2″ IPS 2.5K 2520 x 1680 พิกเซล @90Hz
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
- OS : Windows 10 Home
- Warranty : 2 Years
HUAWEI MateBook 14s ราคา 49,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
- CPU : Intel Core i7-11370H (4C/8T : 3.3 – 4.8GHz)
- GPU : Intel Iris Xe Graphics
- RAM : 16GB LPDDR4x Bus 3777 MHz
- DISPLAY: 14.2″ IPS 2K 2520 x 1680 พิกเซล @90Hz
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
- OS : Windows 10 Home
- Warranty : 2 Years
HUAWEI MateBook 14s ราคา 55,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
- CPU : Intel Core i7-11370H (4C/8T : 3.3 – 4.8GHz)
- GPU : Intel Iris Xe Graphics
- RAM : 16GB LPDDR4x Bus 3777 MHz
- DISPLAY: 14.2″ IPS 2.5K 2520 x 1680 พิกเซล @90Hz
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
- OS : Windows 10 Home
- Warranty : 2 Years
Hardware / Design
การออกแบบดีไซน์ของ HUAWEI MateBook 14s โดดเด่นด้วยหน้าจอมีขอบบางสุดๆ ทั้ง 4 ด้าน จากเทคโนโลยี FullView Display คิดเป็นพื้นที่ 90% ของสัดส่วนหน้าจอทั้งหมด ที่เป็นขนาดหน้าจอขนาด 14″ สัดส่วนแบบ 3:2 ที่ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล (2K) ส่วนการใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือที่ปุ่ม Power มุมขวาบนเลยตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้พกพาสะดวก มีความบางเพียง 16.7 มิลลิเมตรเท่านั้น น้ำหนักก็เบามากๆ เพียง 1.43 กิโลกรัม พร้อมพื้นผิวเป็นแบบลื่นไหลเรียบสุดๆ ด้วยวิธีการอโนไดซ์หลายขั้นตอน ทำให้ได้สัมผัสความเนียนอย่างที่สุด และเป็นรอยนิ้วมือได้ยากกว่าปกติ
แน่นอนว่าวัสดุตัวเครื่อง HUAWEI MateBook 14s เลือกใช้เป็นอลูมิเมียมอัลลอยด์ ซึ่งมีงานประกอบที่ยอดเยี่ยม ทนทานแน่นหนา ที่สำคัญยังเป็นแบบ Unibody นั่นก็คือแทบจะไร้รอยต่อ ประกอบด้วยกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น ก็คือ ฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และฝาล่างเท่านั้น ทั้งจากที่ดูด้วยตาเปล่าและการสัมผัส จากขั้นตอนขั้นรูปด้วยเครื่องจักร CNC ผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยการใช้เพชรเจียระไนในแต่ละมุมเพื่อส่งมอบงานออกแบบระดับพรีเมียมที่ล้ำสมัย ให้ความลงตัวแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คสายบางเบาในตลาดทั้งหมดเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ
พร้อมกันนั้นยังแตกแต่งด้วยการเลือกที่จะติตตั้งไมโครโฟน 4 ตัวด้วยกันบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้า ตัวเครื่องโดดเด่นด้วยสีสัน Space Grey (สเปซเกรย์) หรือสีเทาด้าน หรือสี Spruce Green (สีเขียว) ยิ่งเพิ่มความหรูหราเข้าไปอีก อีกทั้งฝาหลังเองก็มีแต่โลโก้ Huawei เท่านั้น คาดว่าคนที่ชอบความน้อยแต่มากต้องถูกใจกันแน่นอนส่วนภายในใต้หน้าจอด้านก็จะพบกับโลโก้ Huawei ที่เป็นตัวอักษรเท่านั้นเอง เรียกได้ว่ามีความเรียบหรูตามสไตล์ของ Huawei ไม่ต่างจากมือถือเรือธงระดับ โดยสามารถกางหน้าจอได้กว้างสุดที่ประมาณ 145 องศาสำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ
มิติโดยรวมของตัวเครื่องมีความเล็กกระทัดรัดพอๆ กับโน๊ตบุ๊คที่มีหน้าจอ 14″ รุ่นอื่นๆ เรียกได้ว่าตอบสนองในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ มีความโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คเจ้าตลาดหลายๆ รุ่น โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 2 ตัว Shark Fin 2.0 ที่ออกแบบมาใหม่ ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลให้เย็นลงได้อย่างรวดเร็วและเงียบกว่าที่เคย ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์และฟีเจอร์โดยรวมถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คปี 2022 ที่น่าใช้งานรุ่นหนึงทีเดียว
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ HUAWEI MateBook 14s ที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ Chiclet Keyboard สีดำตัดกับตัวเครื่อง ซึ่งมาพร้อมไฟ Backlit สีขาวให้ความรู้สึกหรูหรา ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างดี พิมพ์ได้ดีมากๆ ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว ที่สำคัญคือมาพร้อมแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่มุมขวาบน พร้อมปุ่มสแกนลายนิ้วมือในตัวเดียว ส่งผลให้ทั้งง่ายและรวดเร็วพร้อมดีไซน์เป็นหนึ่งเดียวกัน
ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด ผิวมีลักษณะเป็นกระจก ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี ให้สัมผัสที่ลื่นไหล ตอบสนองการทำงานได้ทันใจ อีกทั้งในการเชื่อมต่อกับมือถือ HUAWEI ด้วย NFC ก็สามารถแต่ตรงทัชแพดได้ด้วย ใช้งานแบบมัลติทัชร่วมกับ Windows 10 Home ได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องมีเมาส์มาต่อเพิ่มเลยก็ว่าได้
Screen / Speaker
Huawei MateBook 14s ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14″ มีขอบที่บางที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด ด้วย FullView Display กว่า 90% เป็นพื้นที่แสดงผล ได้ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล พร้อมรองรับการทัชกรีนได้ด้วยนิ้ว 10 นิ้วพร้อมๆ กัน โดยให้ความเรียบเนียนตากว่าความละเอียด Full HD อย่างเห็นได้ชัด สัดส่วนแปลกตาที่ 3:2 แต่ได้พื้นที่การใช้งานที่มากกว่า ซึ่งน้อยโน๊ตบุ๊คนักที่จะใส่สัดส่วนหน้าจอแบบนี้และด้วยพาเนลระดับ IPS เกรดสูงให้มุมมองกว้างถึง 178 องศาทั้งแนวตั้งและแนวนอน สีสันสวยงาม รวมไปถึงด้วยการเปลี่ยนอัตราการรีเฟรชหน้าจอ (ปุ่มลัด: Fn + R) จาก 60Hz > 90Hz ได้
โดยเป็นแบบกระจกที่มีความสดใสกว่าจอแบบด้าน แต่มีข้อสังเกตก็คือแสงสะท้อนเล็กน้อย ต้องปรับดีๆ ให้เรื่องของมุมมองและองศาของจอเวลานำไปใช้งานนอกสถานที่ที่มีแสงเยอะๆซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 14″ ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งเรื่องของสัดสวนและความละเอียด ให้สีที่สวยที่สุด สมจริงที่สุด พร้อมความเรียบเนียนตาแบบหาได้ยาก ส่วนเว็บแคมนั้นก็ยังติดตังมาให้ที่ขอบหน้าจอด้านบนเป็นปกติที่ความละเอียดแบบ HD พร้อมไมโครโฟนถึง 4 ตัวด้วยกัน เรียกได้ว่าช่วยรับเสียงและตัดเสียงรบกวนได้ดีมากๆ
ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 96%, AdobeRGB ที่ 74%, DCI-P3 ที่ 74% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับพอใช้ทั่วไป เช่นเอาไปทำงานเอกสารหรือดูหนังฟังเพลง ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 400 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐาน แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกระดับมืออาชีพหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงแล้วอันนี้ก็ถือใช้งานได้สบายๆ หายห่วงเลย
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องขวากลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องแถวล่างสองช่องจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ระดับ 8% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ และมีค่าคลาดสี Delta-E ที่ 0.93 เท่านั้น ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ SpyderXElite
ในส่วนของลำโพงติดตั้งมาเป็นแบบ 2 ตัว พร้อมระบบเสียง Surround-sound effect โดยลำโพง42 ตัวติดตั้งไว้ทางด้านล่างฝั่งผู้ใช้มุมซ้ายและขวาของตัวเครื่องอัดลงพื้นให้สะท้อนขึ้น จากการทดสอบลำโพงพบว่าเสียงที่ออกมาค่อนข้างดีน่าประทับใจ แยกรายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง ถือได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมความสามารถจำลองมิติทิศทางของเสียงดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง HUAWEI MateBook 14s จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับตามมาตรฐาน เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ต และช่องต่อหูฟังกับไมค์ขนาดแบบคอมโบขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร รวมไปถึงมี USB 3.2 Type-C อีก 1 พอร์ต ที่รองรับการชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์ในตัวเดียว
นอกจากนี้ยังมีส่วนของพอร์ต HDMI ไว้เชื่อมต่อหน้าจอภายนอกอย่างมอนิเตอร์หรือว่าสมาร์ททีวี ซึ่งสำหรับการใช้งานพื้นฐานเพียงพอแน่นอน ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จที่เป็น USB-C ที่จ่ายไฟสูงสุด 65Watt เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 14″ นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ขนาดมิติโดยรวมอยู่ที่ 307.5 x 223.8 x 15.9 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.49 กิโลกรัม
และเมื่อรวมกับตัวอะแดปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีน้ำหนักราวๆ 1.7 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักเบามาก ซึ่งแน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงโดดเด่นด้วยสายชาร์จเป็น USB-C to USB-C ทำให้เรานำไปชาร์จมือถือหรือ Gadget ที่เป็น USB-C ทั้งหมดในอะแดปเตอร์เดียว ตรงนี้ต้องยอมรับว่าเหนือชั่นกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ในตลาดช่วงราคาที่ใกล้ๆ กัน
Performance / Software
เมื่อตรวจสอบข้อมูลเครื่องเดโม HUAWEI MateBook 14s ใช้ชิปประมวลผลด้วยโปรแกรม CPU-Z ก็พบว่าข้อมูลขึ้นมาครบถ้วนเลยครับ โดยเลือกใช้ชิป Intel Core i5-11300H ที่มี 4 คอร์ 8 เธรดสำหรับการประมวลผล ความเร็วที่ 3.1 – 4.4GHz มีค่า TDP 35W ซึ่งจัดว่าต่ำมากสำหรับชิป Core i5 ในโน๊ตบุ๊ค ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมไม่ร้อนจนเกินไป ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ระดับ 10 นาโนเมตร อย่าง Tiger Lake เทคโนโลยีสุดล้ำ SuperFin
ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมได้ขนาด 8GB เป็นมาตรฐาน DDR4 Bus 3733 MHz ตามเทคโนโลยีของ Intel Core i Gen 11 H35 ที่ผ่านการปรับแต่งให้เหนือชั้น พร้อมให้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home แบบลื่นไหลอย่างที่สุด ในทุกๆ การทำงาน
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Iris Xe Graphics ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K ได้แบบไม่มีปัญหา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มพลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ มองหาความบันเทิง หรือการเล่นเกมเปี่ยมอรรถรส ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกเลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกม 3 มิติ พอได้บ้าง เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นทั่วไปแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอออนชิปที่อัปเกรดใหม่ที่เน้นการทำงาน 3 มิติที่ดียิ่งขึ้น
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ความเร็วสูงจาก Samsung ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3356 MB/s และเขียนที่ 2576 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจมากๆ
การทดสอบประสิทธิภาพต่างๆ เริ่มด้วย PCMark 10 ด้วยการปรับ Performance Mode (ปุ่มลัด: Fn + P) ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,221 คะแนน (ใกล้เคียง Gaming Notebook ยิ่งขึ้นไปอีก) ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ส่วนถ้าเอาไปใช้งานหนักๆ เช่นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ โปรเซสไฟล์ภาพความละเอียดสูง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติ ซึ่งก็พอได้ แต่คงตอบสนองได้ไม่เท่าพวก Gaming Notebook หรือโน๊ตบุ๊คแรงๆ ที่ใช้ Core i ตระกูล H และการ์ดจอแยก RTX แน่ๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ารุ่นบางเบาๆ หลายรุ่นแล้วจริงๆ
สำหรับคะแนนจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 1548 นับว่าดีกว่าการ์ดจอออนบอร์ดทั่วไปมาก เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน ซึ่งต้องบอกเลยว่า AMD Notebook รุ่นนี้ไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกม หรือทำงาน 3 มิติเท่าไรนัก
ทดสอบเกมได้คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / PUBG บนความละเอียด Full HD (เพราะเป็นความละเอียด Native ไม่ไหวแน่ๆ) เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 H35 ที่มีการ์ดจอออนชิป Intel Iris Xe Graphics ที่ดีที่สุดในตลาดนั่นเอง
สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 79 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 59 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) และเกมกินสเปกอย่าง PUBG เฟรมเรทก็ทำออกมาได้ลื่นไหลประมาญนึง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าต้องปรับกราฟิกเป็น Low เพื่อให้พอเล่นได้บ้าง เฉลี่ยที่ 33 และต่ำที่สุด 25 ฉะนั้นแล้วว่ากันตามตรงก็คือ HUAWEI MateBook 14s ไม่ได้ตอบโจทย์การเล่นเกมแพลตฟอร์ม PC โดยตรง
HUAWEI Super Device
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ MateBook ทุกๆ รุ่นก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง PC Manager โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัปเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อนโอนไฟล์ไปมาก็อยู่ในส่วนนี้ด้วย แต่ก็รองรับเฉพาะมือถือ HUAWEI เท่านั้น (ในตอนนี้)
การแชร์ไฟล์แบบอัจฉริยะด้วย HUAWEI Super Device ที่ประกอบไปด้วย HUAWEI Share / Multi-Screen Collaboration ส่งวิดีโอและรูปภาพจากสมาร์ทโฟนเข้า PC รวมไปถึง Screen Mirror โดยเชื่อมต่อผ่าน NFC / Wi-Fi Direct ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าง่ายมากๆ มาพร้อมความสามารถในกาอัพโหลดรูปภาพ 500 รูป ใน 1 นาที และวิดีโอขนาด 1 GB ใน 35 วินาที ถ้ารูปของเรามีข้อความ MateBook จะแยกข้อความออกมาจากรูปเพื่อให้คุณแก้ไขได้ง่ายๆ ส่วนการ Screen Mirror ก็ช่วยให้เราไม่ต้องจับมือถือไปมา แต่สามารถสั่งการผ่านทางโน๊ตบุ๊คได้เลย เช่นตอบ Line หรือเปิดแอปพลิเคชั่นในมือถือเป็นต้น
ซึ่งคุณสมบัติ HUAWEI Super Device นี้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟน HUAWEI ที่มีคุณสมบัติ NFC ร่วมกับระบบปฏิบัติการ EMUI เวอร์ชั่นใหม่ รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ของ HUAWEI ทั้ง MatePad, MateView และอื่นๆ ในการีวิวครั้งนี้เราใช้ HUAWEI P50 Pro ทำงานร่วมกับ HUAWEI MateBook 14s ถือได้ว่าน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าคนที่ใช้มือถือ HUAWEI อยู่แล้ว
HUAWEI Mobile App Engine
รวมไปถึงฟีเจอร์ HUAWEI Mobile App Engine ซึ่งมีม่ให้ใน HUAWEI MateBook 14s ทำให้เราใช้งานแอปมือถือได้เลย อย่างที่โน๊ตบุ๊คทั่วไปยังทำไม่ได้ ช่วยให้เข้าถึงแอปพลิเคชันที่มีอยู่บนสมาร์ทโฟนผ่านหน้าจอ MateBook ได้มากกว่า 30 แอปพลิเคชันยอดนิยมในประเทศไทย อย่าง Pantip และยังมีอีกมากกว่า 10,000 แอปฯ ที่สามารถค้นหามาใช้งานได้เพิ่มเติม เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกไลฟ์และที่โดดเด่นก็คือ สามารถเปิดได้ถึง 3 แอปพลิเคชั่นได้บนหน้าจอเดียว ซึ่งนอกจากผู้ใช้งานจะเต็มอิ่มไปกับภาพบนจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นบน MateBook แล้ว ยังจะได้ประโยชน์จากการใช้เมาส์และคีย์บอร์ดด้วย
ไม่ว่าจะเป็น เกมสุดฮิตอย่าง Free fire, Worms Zone, Mobile legends และอีกมากมายที่พร้อมให้บรรดาเกมเมอร์จุใจยิ่งกว่าที่เคย แถมยังมีแต้มต่อเมื่อจอยสติ๊กในการควบคุม รวมไปถึงเพิ่มความสนุกอีกด้วย รวมไปถึงสายซื้อของออนไลน์ก็สามารถเปรียบเทียบราคาไอเท็มใน Wish List ได้อย่างเต็มตาอ่านข้อมูลอย่างครบถ้วนบน Shopee, Lazada, JD Central และ Thisshop โดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้าจอไปมาให้เสียเวลา รับรองว่ากดทันทุกดีลเด็ดแน่นอน สำหรับเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ก็ไม่น้อยหน้า เพลิดเพลินเรื่องความบันเทิงได้แบบแน่นๆ ทั้ง TikTok, WeTV, iQiyi, และ Joox
ส่วนการใช้งานทุกอย่างนี้สามารถชมวีดีโอตัวอย่างการใช้งานต่างๆ ได้เลย จะได้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่เป็นแบบฝังไว้ในเครื่อง HUAWEI MateBook 14s เหมือนกับโน๊ตบุ๊คปีปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาดประมาณ 4600 mAh หรือ 60 Wh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้เกือบๆ 13 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) ด้วยการทดสอบปรับเป็น Power Saver Mode แล้วดู Youtube ยาวๆ ซึ่งคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome นั่นเอง
อุณหภูมิภายในของชิปประมวลผลมีความร้อนสูงสุดคือ 96 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมและประมวลผลงานต่อเนื่อง ซึ่งถ้าใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียสโดยประมาณ ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของเครื่องนี้มีอุณหภูมิที่ไม่ถึงกับเย็นมาก เพราะจากการที่ตัวเครื่องเน้นความบาง อย่างไรก็ตามไม่ได้ส่งผลให้ตัวเครื่องเสียหายหรือมีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น MateBook รุ่นใหม่ที่จัดการความร้อนได้น่าพอใจเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้
โดยการใช้งานปกติทั่วไปสามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนและการจัดการจาก Huawei ที่ดีกับมาตรฐานตัวเครื่องที่บางเบาทำให้การใช้งานจริงๆ ยาวนานต่อเนื่องอย่าง เล่นเน็ต พิมพ์งาน ดูหนังฟังเพลง โดยตัวเครื่องมีความรู้สึกว่าร้อนอยู่บ้างเวลาใช้งานหนักๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องกังวลมากนัก เพราะเวลาใช้งานจริงๆ เราคงไม่ได้เอาไปเล่นเกมหรือประมวลผลงานหนักๆ ต่อเนื่องยาวนานอยู่แล้ว จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คพกพาบางเบา ไม่ใช่ Gaming Notebook
Conclusion / Award
HUAWEI MateBook 14s เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ สเปก Intel Core i Gen 11 H35 ที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพความแรงมากๆ อีกทั้งยังได้ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาพร้อมฟีเจอร์ ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 ที่เป็นรุ่นแรงกว่าพวก 28W ส่วนสเปกอื่นๆ อย่างแรมและที่เก็บข้อมูลก็จัดเต็ม หน้าจอก็ถือว่ายอดเยี่ยมยิ่งกว่า พร้อมด้วยฟีเจอร์มากมายแบบที่หาได้ยากในรุ่นอื่นๆ อาทิ ที่ จอ 2.5K ที่ทัชได้ 90Hzหรือฟีเจอร์ HUAWEI Mobile App Engine ทำให้ใช้งานมือถือผ่านโน็ตบุ๊คได้ จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย รวมถึงเมื่อรวมกับส่วนลด 4,000 บาท ของแถมมูลค่ากว่า 1,090 บาท ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจไปอีก
โดยมีช่องเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.2 Type-A, USB 3.2 Type-C (ถ้าเป็น i7 จะได้ Thunderbolt 4), ช่องต่อหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต HDMI ซึ่ง USB-C ที่ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์มาให้ด้วย แน่นอนว่ารองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ อย่างมือถือ Huawei เองได้ด้วย ที่สำคัญยังได้ การใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือ Fingerprint ซึ่งเป็นปุ่ม Power ในปุ่มเดียว ที่เปิดปุ๊มสแกนปั๊บในครั้งเดียว โดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นทีเดียว ตรงนี้ก็ยอมรับว่าทำได้ดีประทับใจมากๆ ยิ่งถ้าใครใช้มือถือ HUAWEI อยู่แล้ว น่าจะถูกใจกับฟีเจอร์ HUAWEI Super Device อย่างที่สุดอีกด้วย
โดยให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอใช้งานทั่วๆ ไป หรือจะใช้งานหนักๆ อย่างประมวลผลไฟล์ รวมถึงตัดต่อวีดีโอจริงๆ ก็ทำได้เยี่ยม กับความบางและน้ำหนักที่เหมาะแก่การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่มากๆ รวมไปถึงยังประหยัดพลังงาน ส่งผลให้ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก แบตเตอรี่ก็ยาวนานที่ประมาณ 13 ชั่วโมงกว่า เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการมองหาโน๊ตบุ๊คไว้ใช้งานนอกบ้าน กับราคา 40,990 บาท แม้ต้องยอมรับว่า HUAWEI ไม่ใช่แบรนด์โน๊ตบุ๊คที่มีส่วนแบ่งในไทยเยอะ แต่มาในทิศทางนี้สำหรับคนที่ไม่ติดแบรนด์เดิมๆ ก็น่าซื้อมาใช้งานกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็น Core i Gen 11 อยู่
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน้ต บุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกัน ซึ่ง HUAWEI MateBook 14s ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ในกลุ่มโน๊ตบุ๊คที่รองรับการทำงานรอบด้านและมาพร้อมหน้าจอ 14″ ที่ให้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ พร้อมกับบวนการ CNC และอโนไดซ์หลายขั้นตอน อีกทั้งมีดีไซน์ที่ทันสมัยสุดๆ แน่นอนว่าทำได้น่าประทับใจเสมอมาสำหรับ HUAWEI MateBook 14s รุ่นนี้ทำมาจากวัสดุโลหะตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมพื้นผิวแบบเรียบเนียน งานประกอบก็มีความเรียบร้อยแบบสุดๆ แถมยังบางเบาพกพาง่ายกว่าเดิมมาก ด้วยน้ำหนักเพียง 1.43 กิโลกรัม และด้วยความบางของตัวเครื่องเพียงที่ 16.7 ม.ม. จากแบตเตอรี่ที่นำไปไว้ในตัวเครื่อง
Best Performance
ประสิทธิภาพโดยรวมของ HUAWEI MateBook 14s รุ่นนี้ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานและความบันเทิงกับราคาเริ่มต้นที่ 40,990 บาท ที่มาพร้อมสเปกใหม่อย่าง Intel Core i Gen 11 H35 การ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Iris Xe Graphics ซึ่งแรงกว่ารุ่นก่อนที่มีการ์ดจอแยกเสียอีก รวมถึงมีแรม 8GB – 16GB และที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB – 1TB มีสแกนลายนิ้วมือ โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 13 ชั่วโมงก็ถือว่าใช้งานได้มากแล้ว ชาร์จผ่านอะแดปเตอร์ USB PD ที่จ่ายไฟ 65W ที่ชาร์จไฟได้หลายอุปกรณ์