HyperX CLOUD ALPHA Wireless ไร้สายคล่องตัว เล่นเกม ดูหนังเร้าใจ Dual Chamber เสียงรอบทิศทาง
HyperX CLOUD ALPHA Wireless หูฟังไร้สายสำหรับคอเกมใหม่ล่าสุด ที่ปรับจูนเพื่อให้คอเกมใช้งานได้สะดวกมากขึ้น เบาสบาย โครงสร้างอะลูมิเนียม มีความยืดหยุ่น ให้ระยะการใช้งานได้นานถึง 300 ชั่วโมงต่อรอบการชาร์จ เทคโนโลยี Dual Chamber Driver ที่แยกห้องเสียง เพื่อให้ได้เสียงที่ชัดเจน ลดความผิดเพี้ยน สวมใส่สบายด้วยเมมโมรีโฟม ที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ รวมถึงการปรับแต่งได้จากบนตัวหูฟัง กับการใช้งานที่ง่าย ไม่ซับซ้อน เข้าถึงผู้ใช้ตั้งแต่มือใหม่ ไปจนถึงเกมเมอร์มืออาชีพ เหมาะกับการเล่นเกมได้ในทุกแนว ไม่ว่าจะเป็น Action FPS, MOBA หรือจะเป็น RPG ก็ตาม รองรับการใช้งานได้ทั้งพีซี โน๊ตบุ๊คและเครื่องเล่นเกมคอนโซลอย่าง PS4 และ PS5 น้ำหนักเบาเพียง 320 กรัม และปรับแต่งผ่านซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY ได้อีกด้วย
HyperX CLOUD ALPHA Wireless หูฟังเกมมิ่งไร้สาย
Specification
HyperX CLOUD ALPHA Wireless | |
Form Factor | Over ear, circumaural, closed back |
Ear cushion | Memory foam |
Bit-Depth | 24 bit |
Audio Controls | Onboard audio controls |
Microphone | Polar Pattern: Bi-directional, Noise-cancelling |
Battery Life | Up to 300 hours |
Charge Time | 4.5 hours |
Weight | 320g |
Cable | USB charge cable Type-A to Type-C |
จุดเด่น
- เมมโมรีโฟมนุ่มนวล ใส่กระชับ สบายหู
- เอฟเฟกต์มาแน่น ให้เสียงกลางที่ดี
- ไร้สายใช้งานได้นานต่อเนื่อง
- น้ำหนักเบา สวมสบาย
- ไดรเวอร์แบบ Dual Chamber แยกเสียงให้รายละเอียดได้ดี
- ไมโครโฟนถอดได้ ตัดเสียงรบกวนได้ค่อนข้างดี
ข้อสังเกต
- ใช้ในแบบไร้สายได้เพียงอย่างเดียว ไม่มีสาย 3.5mm มาด้วย
- USB Receiver ขนาดไม่เล็ก
- ใช้การปรับจูนที่ซอฟต์แวร์เป็นหลัก
Unbox
สำหรับหน้าตาของกล่องแพ๊คเกจ HyperX ยังคงยืนหยัดกับภาพลักษณ์ของตนได้ต่อเนื่องเสมอมา ซึ่งในโทนสีขาว-แดง นี้ มาอย่างน้อย 3-4 ปีแล้ว ซึ่งให้ภาพกราฟิกของตัวหูฟังมาด้านหน้า มองเห็นตัวอย่างโครงสร้างได้ชัดเจน ด้านหน้ามีรายละเอียดสำคัญมาให้ ไม่ว่าจะเป็น Upto 300 Hours, dtsX headphone, Memory foam และ Dual Chamber Driver เป็นต้น
ส่วนด้านหลังกล่อง จะเป็นรายละเอียดและคุณสมบัติ ที่ระบุมาให้หลายภาษา เช่นเดียวกับในหลายๆ รุ่นที่ออกมาจำหน่าย รวมถึงบรรดาชิ้นส่วนที่บันเดิลมาในกล่องอีกด้วย ด้านข้างบอกข้อมูลฟีเจอร์เด่น เช่นเดียวกับด้านหน้า
เมื่อแกะกล่องออกมา จะมีเอกสารประมาณ 4-5 ชุด โดยเป็นเอกสารประกอบการใช้งาน คู่มือแนะนำ รวมถึงเอกสารขอบคุณ หลักๆ จะอยู่ที่คู่มือที่บอกรายละเอียดมาพอสมควร ใครที่เพิ่งเคยเริ่มใช้งานหรือไม่แน่ใจเรื่องรายละเอียด เอกสารนี้บอกข้อมูลได้ดีเลยทีเดียว
และหูฟังมาในแพ๊คพลาสติกแข็ง ที่ทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์อย่างดี กันสะเทือนชนิดที่หล่นจากโต๊ะทำงาน ก็ยังเฉยๆ เมื่อแกะออกมาจากกล่องทุกอย่างจะแพ๊คเอาไว้อย่างดี ซึ่งเป็นรูปแบบที่ HyperX ทำกับหูฟังในทุกรุ่นของตน
มาดูพาร์ทต่างๆ ที่บันเดิลมาให้ในกล่องหูฟัง HyperX CLOUD ALPHA Wireless รุ่นนี้ ประกอบด้วย ไมโครโฟนแบบถอดได้ ที่เป็นหัวต่อ 3.5mm และสาย USB-A to USB-C สำหรับการชาร์จไฟ, Wireless adaptor ที่ใช้ในการรับส่งสัญญาณ และฟองน้ำครอบไมโครโฟนอีก 1 ชิ้น
สำหรับไมโครโฟนนี้ เป็นแบบ Bi-directional รับเสียงได้หลายทิศทาง และมีระบบ Noise cancelling ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ ซึ่งจะมีแสงสีแดงปรากฏขึ้น เมื่อปิดการทำงานของไมโครโฟน เพื่อความสะดวกในขณะที่กำลังประชุมหรือเล่นเกมอยู่
สายชาร์จในแบบ USB-A ที่ต่อจากพีซี โน๊ตบุ๊ค ชาร์จไฟให้กับหูฟังผ่านทาง USB-C ความยาวประมาณ 20cm ใช้งานและพกพาสะดวก
USB Receiver ตัวรับสัญญาณแบบ USB-A ที่ต่อเข้ากับพีซี โน๊ตบุ๊ค เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณมายังหูฟัง ขนาดไม่ใหญ่ ไม่เล็ก ความยาวประมาณ 4cm เรียกว่าติดตั้งบนโน๊ตบุ๊คก็ไม่ได้เปลืองพื้นที่มากนัก
ส่วนตัวหูฟัง ก็เป็นชิ้นสุดท้ายที่แกะออกจากแพ๊ค ซึ่งแว่บแรกที่เห็นแทบไม่ต่างไปจาก HyperX CLOUD ALPHA ก่อนหน้านี้เลย ต่างกันตรงสายต่อที่หายไป กลายเป็นไร้สายแทน
Design
บอดี้ของหูฟัง HyperX CLOUD ALPHA Wireless มาในรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์จากค่ายนี้ กับขนาดที่เหมาะกับคนเอเซียได้ลงตัวทีเดียว ไม่ใหญ่จนเทอะทะ อีกทั้งบรรดาเกมเมอร์สาวๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะใหญ่จนเกินไป
โครงสร้างของหูฟัง ยังคงเป็นอะลูมิเนียมเป็นหลัก ในโทนสีดำ ตัดกับชิ้นส่วนที่เป็นสีแดง ให้อารมณ์ความเป็นเกมมิ่งอยู่เต็มเปี่ยมทีเดียว แต่โดยภาพรวมต้องถือว่า ยังคงรูปแบบของหูฟังในซีรีส์ของ CLOUD อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งหากคุณจะคาดหวังความล้ำๆ ก็คงต้องไปที่ CLOUD STINGER หรือ CLOUD FLIGHTเป็นต้น ส่วนตัวยังชอบความคลาสสิกของค่ายนี้ ที่ยังดูลงตัวดี ไม่ขาดไม่เกิน
มุมมองด้านข้างจะเห็น Earcup มาในโทนสีดำ ตัดกับโครงสร้างสีแดง ที่เป็นตัวจับยึดหูฟังเอาไว้ สามารถปรับมุมได้เล็กน้อย
จะเห็นได้ว่าทาง HyperX ออกแบบหูฟังอย่างมีรายละเอียดครบถ้วน งานประกอบถือว่าประณีตดีทีเดียว เมื่อเทียบกับมือที่จับ จะเห็นได้ว่าขนาดไม่ได้ใหญ่เทอะทะแต่อย่างใด
โครงสร้างหลักเป็นสีดำ ตัดด้วยเส้นสายสีแดง ของด้านข้างและด้านบน Headband ทำให้ดูสปอร์ทมากขึ้น เหมือนกับเบาะรถยนต์ที่เป็นสีดำเดินด้ายแดงนั่นเอง
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ดูกระทัดรัดแบบนี้ จะรองรับการวางบนศีรษะได้ใหญ่แค่ไหน เราลองกางหูฟังออกมาให้ดู ซึ่งที่เห็นนี้ยังขยายออกไปได้อีก ถือว่ามีความยืดหยุ่น รองรับศีรษะของผู้ใช้ได้หลายขนาด
ครอบศีรษะมาในโทนสีดำ บนวัสดุที่เป็นหนัง PU ซึ่งทำลวดลายมาคล้ายกับหนังที่ดูคลาสสิค ซึ่งไม่ได้เป็นแบบแข็งๆ หรือใช้เป็นพลาสติกและทำลายขึ้นมา แต่มีความนุ่มนวล สัมผัสแล้วรู้สึกสบายมือ เดินเส้นตะเข็บสีแดง กับโลโก้ HyperX สวยงาม
จุดที่สัมผัสกับศีรษะเป็นแบบฟองน้ำนิ่มๆ หุ้มด้วยวัสดุแบบหนัง แบบเดียวกับ Ear cushions มีความหนาพอสมควร ทำให้การถ่ายเทน้ำหนักของหูฟังลงบนศีรษะได้ดีทีเดียว
ด้านในของ Headband ทั้ง 2 ด้าน ระบุตัวอักษร L/R ซ้าย/ขวา ไว้อย่างชัดเจน และโลโก้ HP Inc. ที่ปัจจุบันเป็นค่ายหลักของแบรนด์เกมมิ่งนี้
มาว่ากันที่ความโดดเด่นของหูฟังค่าย HyperX นี้ ที่ยังคงยืนหยัดเน้นการใส่สบาย ด้วยการใส่ความนุ่มนวลมาในจุดสัมผัสต่างๆ มาในวัสดุที่เป็นเมมโมรีโฟม เช่นเดียวกับ ear cushions ที่นุ่มมากๆ หุ้มด้วยวัสดุแบบหนัง PU ที่นิ่มๆ ทำให้โอบกระชับรอบใบหูได้นุ่มนวลทีเดียว ภายในเป็นฟองน้ำบางๆ กั้นไว้อีกชั้น ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีในระดับหนึ่ง และเมื่อเล่นเกมหรือใช้งานแล้ว แทบจะไม่ได้ยินเสียงภายนอก
จากตัวอย่างในภาพนี้ จะเห็นได้ชัดว่า จะเป็นน้องผู้หญิงเกมเมอร์ตัวเล็กๆ หรือจะเป็นผู้ชายตัวใหญ่ เมื่อสวมใส่ ก็ดูลงตัว ไม่ได้ใหญ่จนเทอะทะหรือเล็กจนดูแปลกๆ แต่ถ้าใครศรีษะค่อนข้างใหญ่ อาจจะต้องปรับระดับความยาวของก้าน ที่เลื่อนได้ประมาณ 6-7 ระดับ เพื่อให้สวมได้สบายและกระชับได้พอดี
Control
บนหูฟังเป็นจุดรวมการเชื่อมต่อและปรับแต่งเอาไว้ด้วย ซึ่งแยกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ ฝั่งซ้ายเป็นจุดหลัก ซึ่งจะมีทั้ง ช่องต่อไมโครโฟน และพอร์ตชาร์จไฟในแบบ USB-C รวมถึงปุ่ม Mute ปิดเสียงไมโครโฟน สุดท้ายก็จะเป็นปุ่มเปิด-ปิดการทำงานหูฟัง
ส่วนหูฟังด้านขวาของ CLOUD ALPHA Wireless คุณสามารถใช้ Wheel ในการปรับเพิ่ม-ลดเสียง ก็ทำได้ง่ายทีเดียว แต่ถ้าบางคนไม่ถนัดหรือช่วงที่กำลังฝ่าดงกระสุนอยู่ในสมรภูมิ ไม่สะดวกในการเลื่อนมือมาปรับ ก็สามารถใช้ปุ่มบนคีย์บอร์ด หรือใช้การตั้งค่ามาโครเมาส์ในการปรับแต่งเสียงได้เช่นกัน ตรงนี้ก็อยู่ที่ความถนัดของแต่ละบุคคล
ใครที่มีเมาส์ คีย์บอร์ดในเซ็ตของ HyperX อยู่แล้ว ก็แนะนำว่าให้ลองติดตั้งซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY คุณจะได้สัมผัสความสนุกสนานมากขึ้น เพราะสามารถปรับแต่งสิ่งต่างๆ ได้ เช่น ระบบเสียง แสงไฟ หรือจะเป็นปุ่ม Macro บนคีย์บอร์ดก็ตาม ซึ่งสามารถปรับใช้งานให้สอดคล้องกันง่ายขึ้น
ไมโครโฟนที่มากับหูฟัง HyperX CLOUD ALPHA Wireless รุ่นนี้ ได้การ Certified จากทาง TeamSpeak และ Discord คุณจึงสามารถใช้ร่วมกับการประชุมออนไลน์ ไลฟ์สตรีม หรือจะสื่อสารกับทีมในเกมต่างๆ ก็ให้ความคมชัด นอกจากนี้ยังเป็นไมค์แบบถอดออกได้ ใครไม่ค่อยได้ใช้ก็ถอดออก อีกทั้งเป็นแบบก้านอ่อน ที่ดัดให้เข้ากับรูปปากได้ง่ายทีเดียว แต่ที่อยากจะแนะนำก็คือ ให้ใส่ฟองน้ำหุ้มไมค์ ซึ่งจะช่วยลดเสียงรบกวนหรือเสียงลมหายใจ ทำให้เสียงการสนทนา ไม่เสียอารมณ์
HyperX NGENUITY
และอย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นก็คือ ถ้าคุณต้องการใช้งานหูฟัง HyperX CLOUD ALPHA รุ่นนี้ให้ได้เต็มที่นั้น การติดตั้งซอฟต์แวร์ NGENUITY ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรต้องติดตั้งบนคอมของคุณ สามารถไปดาวน์โหลดได้ที่ HyperX เป็นไฟล์ขนาดไม่ใหญ่มากนัก และเมื่อติดตั้งเสร็จแนะนำว่าให้ติดตั้ง USB Receiver แล้วรีสตาร์ทระบบใหม่อีกครั้ง
ในครั้งแรกที่ติดตั้งระบบอาจจะตรวจเช็คไดรเวอร์ไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้ซอตฟ์แวร์ทำงานได้ไม่เต็มที่ การรีบูตระบบอีกครั้ง และมีการ Detect Hardware ก็จะทำให้หูฟังพร้อมใช้งานได้ และฟีเจอร์ต่างๆ ก็จะถูกเปิดใช้งานได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Spatial Sound หรือ Equalizer ก็ตาม
และเมื่อติดตั้งซอฟต์แวร์และระบบตรวจเช็คฮาร์ดแวร์ พร้อมลงไดรเวอร์ให้แล้ว หน้าต่างโปรแกรม ก็จะเปิดให้ใช้งานอย่างครบถ้วน ซึ่งคุณสามารถปรับแต่งได้สนุกมือ รายละเอียดไม่ได้ซับซ้อนมากมายนัก มีเพียง dtsX Spatial Sound และ Equalizer ที่คุณเลือกปรับได้ ตามรูปแบบการใช้งาน โดยมีให้เลือกถึง 6 โพรไฟล์ความถี่เสียงที่ใช้ในการ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือฟังเสียงแชทและการสนทนาเป็นหลัก นอกจากนี้ก็ยังมี New Preset ให้คุณเลือกปรับแต่งและบันทึกเอาไว้ใช้งานตามแบบของคุณได้อีกด้วย
ในการชาร์จไฟให้กับหูฟัง สามารถต่อสาย USB Type-A to Type-C ที่ให้มาได้เลย โดยต่อ Type-A เข้ากับพีซีหรือโน๊ตบุ๊ค จากนั้นต่อ USB-C มาที่หูฟัง สะดวกและง่ายดาย
ทดลองการชาร์จไฟให้กับหูฟัง ผ่านทางพอร์ต USB จากแบตเดิมระดับ 40% ไปจนถึง 85% ใช้เวลาราวๆ 40 นาทีเท่านั้น
Performance
โดยปกติแล้วหูฟังเกมมิ่งจาก HyperX จะมาพร้อมกับเสียงที่เน้นไปทางเล่นเกม กลางหนักๆ ให้เอฟเฟกต์มาแบบแน่นๆ มีบางรุ่นที่เพิ่มลูกเล่นของเสียงเข้ามา เพื่อเติมเต็มการใช้งานด้านบันเทิงอื่นๆ ได้สนุกขึ้น แต่สำหรับ HyperX CLOUD ALPHA Wireless รุ่นนี้ นอกจากอารมณ์ของเสียงจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเทคโนโลยี Dual Chamber ในการแบ่งห้องเสียงของไดรเวอร์ออกเป็น เบส กลาง แหลมแล้ว ยังได้ความคมชัดในแง่ของคนที่ชอบฟังเสียงของนักร้อง ที่แยกกับเสียงดนตรีให้ชัดขึ้น
เสียงเพลงแนวคลาสสิค ยังคงทุ้มนุ่ม รายละเอียดเสียงดนตรีมาได้ชัด เมื่อลองปรับ EQ ในโหมด Treble Boost ค่อนข้างลงตัวในดนตรี ไม่ว่าจะเป็น Classic หรือ Bossa ซึ่งเสียงนักร้องเด่นมาชัด ส่วนสายร็อค จัดเบสหนักๆ ก็ยังพอไปไหวกับ Bass Boost ส่วนถ้าชอบความทุ้มลึกของเสียง ขยับไปที่ Bass Boost ใช้งานทั่วไป ตั้งเป็น Balance ได้เลย เสียงลงตัวดี
นอกจากนี้ย่านเสียงที่กว้างกับ Sound stage 32Hz – 16,000hz ก็พอที่จะทำให้เราได้เสียงเล็กๆ น้อยๆ มากขึ้น ซึ่งเมื่อรวมกับผลลัพธ์ของ Dual Chamber ก็ทำให้เสียงที่ต้องการโดดเด่นมากขึ้น ที่เหลือก็เป็นการปรับจูนของผู้ใช้ว่าจะไปในแนวไหน กลางหนัก เบสแน่นหรือแหลมชัดขึ้น ซึ่งก็จะปรากฏในอารมณ์ของการดูหนัง ฟังเพลงและเล่นเกม ตามสไตล์ที่ชื่นชอบนั่นเอง และสายเกมและรักการดูหนัง ก็ไม่ควรพลาด Spatial Sound ที่ช่วยเติมระบบเสียงรอบทิศทางให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
สำหรับเทคโนโลยี Dual Chamber นี้ออกแบบมาเพื่อลดความผิดเพี้ยนของเสียงให้น้อยลง ด้วยการแยกไดรเวอร์ขนาด 50mm ของเสียงให้เป็นแบบคู่ ซึ่งเป็นความถี่ของเสียงกลาง และเสียงสูง ทำให้ได้เสียงเยสที่ชัด และรายละเอียดเสียงที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ที่จะเก็บรายละเอียดทั้งเอฟเฟกต์ ระเบิด รวมถึงข้อดีคือ คุณจะสามารถจับระยะของเสียงรอบตัวได้ง่ายขึ้น หรือถ้าเป็นการดูหนัง ก็จะได้อรรถรสมากขึ้น เพราะคุณสามารถอิ่มเอมไปกับ เสียงกระสุนที่เฉียดคุณไป หรือตอนออพติมัสไพร์ม หรือเหล่าออโตบอท เปลี่ยนจากหุ่นมาเป็นรถยนต์ รวมถึงช่วงที่เหล่า Avenger ถล่มธานอสใน End Game ทั้งเสียงพูดของตัวละคร และเอฟเฟกต์เราจะได้ยินกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
การเล่นเกม ในแง่ของพลังเสียงกับความหนักแน่นที่ได้จากการเล่นในโหมด Gaming เมื่อปรับบน Equalizer ของซอฟต์แวร์ NGEUITY นั้น ดูจะแตกต่างจากการตั้งค่า Balance ธรรมดาอยู่พอสมควร โดยเฉพาะการเก็บรายละเอียดเสียง กับเสียงกลาง ที่เกิดจากเอฟเฟกต์ต่างๆ ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสนุก อย่างเช่นในเกม PUBG นี้ หูฟังสามารถบอกตำแหน่งของศัตรูที่เข้ามาใกล้ได้แม่นยำทีเดียว โดยเฉพาะในจังหวะที่เสียงใกล้ไกล และทิศทาง ซึ่งงานนี้ต้องบอกเลยว่า เพิ่มความตื่นเต้นในการเล่นเข้าไปอีก เพราะคุณจะรู้สึกได้ว่าศัตรูจะมาเปิดประตู หรือยิงกราดมาทางจุดใด และทำให้เราสามารถ Kill ได้ 2 รายในระยะเวลาใกล้ๆ กัน แต่หากเป็นลานกว้างในสนามแบบเปิดโล่ง อาจจะต้องใช้การสังเกตเพิ่มจากการฟังเสียง ซึ่งหากคุณมีจอดีๆ ให้รายละเอียดได้ชัด คู่ไปกับหูฟังนี้ ก็จะเพิ่มความแม่นยำและโอกาสชนะได้มากขึ้น
ในแง่ของการออกแบบไดรเวอร์ Dual Chamber ที่ทาง HyperX ใส่ไว้ในหูฟัง CLOUD ALPHA ในทุกรุ่นที่ผ่านมา จะเป็นเหมือนเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้การแยกเสียงสูง กลางและต่ำออกมาได้ชัดเจนขึ้น สิ่งนี้น่าจะถูกใจคอเกมที่เล่นเน้นรายละเอียดมากขึ้น ยิ่งเป็นเกมที่ใช้ประสาทสัมผัสในการฟัง จะอยู่รอดหรือจะนอนก่อน เสียงเป็นปัจจัยสำคัญทีเดียว อย่างเช่นเกม PUBG การได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา ยังไม่ดีพอเท่า การแยกออกว่าซ้าย ขวา หรือฝั่งไหน เพราะลั่นไกก่อนอาจจะไม่ชนะ ถ้ายิงผิดทิศ และสิ่งที่เราได้จากหูฟังรุ่นนี้คือ เสียงมาค่อนข้างแม่นยำ และมิติใกล้ไกล ก็ชัดดีทีเดียว งานนี้เลยซัดได้ก่อน เก็บ Kill ได้ง่ายขึ้นอีก เช่นเดียวกับในเกม Battlefield V เรื่องของทิศทางเสียงยังได้อยู่ แต่ไม่สู้เรื่องรายละเอียดเสียง ฉากโจมตีถล่มแบบหายใจแทบไม่ทัน ก็ยังเป็นอีกหนึ่งความสะใจในเกมนี้ เรื่องทิศทางก็ถือว่าโอเค แต่เอฟเฟกต์ที่จัดจ้าน กับย่านเสียงที่กว้างของหูฟัง ยิ่งทำให้สนุกสนานมากขึ้น
นอกจากการใช้งานร่วมกับพีซี โน๊ตบุ๊ค ที่เราใช้กันอยู่ทั่วไปแล้ว ยังต่อพ่วง HyperX CLOUD ALPHA Wireless เข้ากับเครื่องเล่นเกมคอนโซล PS4 หรือ PS5 ได้อีกด้วย
Conclusion
ในภาพรวมของหูฟังไร้สาย HyperX CLOUD ALPHA Wireless รุ่นนี้ ต้องถือว่าตอบโจทย์ในหลายๆ ด้านได้ดี โดยเฉพาะการเล่นเกม ที่พกพาเอาฟีเจอร์ที่น่าสนใจมาครบ ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานแบบไร้สาย ที่ทำให้เกมเมอร์เคลื่อนไหวได้คล่องตัว จังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม ไม่ทำให้เราเสียอารมณ์ กับสายที่มักจะดูยุ่งเหยิงในบางจังหวะ น้ำหนักก็เบาสบาย ใครที่เป็นสายนั่งแช่นานๆ ก็แทบจะไม่เกิดอาการรำคาญให้เห็น จะลุกนั่ง ไปห้องน้ำหรือไปทานขนาด ถ้ายังอยู่ในระยะประมาณ 7-8 เมตร ในบ้านที่มีอุปสรรคเยอะ ก็ยังได้ยินเสียง และสนทนากับเพื่อนได้ไม่ยาก ต้องยอมรับว่าไดรเวอร์ Dual Chamber มีผลต่อเสียงค่อนข้างเยอะ เรียกว่าความคมชัด จัดจ้านและการปรับจูนเสียงต่างๆ ก็ได้อานิสงจากสิ่งนี้ และใครที่ชอบการเล่นที่บอกทิศทางเสียงได้ดี ให้ความแม่นยำ หูฟังรุ่นนี้มีให้คุณได้อุ่นใจแน่ๆ และการมาของ dtsX Spatial Sound ก็เป็นอีกไฮไลต์ให้คุณสามารถสนุกกับเกมหรือหนังเรื่องโปรดได้อย่างอิ่มเอมอีกด้วย ติดอยู่เรื่องเดียวนั่นก็คือ ดีไซน์ของหูฟัง ยังคงอิงกับ Cloud ในรูปแบบเดิมมากไปหน่อย แต่ถ้าใครชอบสไตล์แบบนี้อยู่แล้ว ไม่เน้นหวือหวา แต่ดูได้แบบนานๆ ไม่เบื่อง่ายๆ สวมใส่สบาย เมมโมรีโฟมนุ่มกระชับ สนนราคาประมาณ 3 พันกว่าบาท ก็ดูจะหาคู่แข่งเทียบได้ยาก หากดูที่ฟีเจอร์ที่ให้มานี้