MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition นับว่าเป็น Gaming Notebook ปี 2022 ดีไซน์ใหม่ที่สุด Limited Edition หน้าจอขนาด 15.6″ IPS QHD@165Hz ที่แรงลื่นน่าใช้งาน จากสเปกล่าสุดเป็น Intel Core i Gen 12H สถาปัตยกรรม Alder Lake และ NVIDIA GeForce RTX 30 Series ตัวแรง พร้อมด้วยวัสดุโลหะและลวดลายพื้นผิวที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ซึ่งเป็นการร่วมมือกับทีม Ubisoft ผู้สร้างเกม Rainbow Six Extraction Edition ขึ้นมา รวมถึงขนาดตัวเครื่องและน้ำหนักที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสม ด้วยน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม มีความบางที่ 23.95 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกนำไปเล่นเกมได้ทุกที่ทุกเวลา
สเปกเต็มๆ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ได้ชิปประมวลผลทรงพลังตัวยอดนิยมเป็น Intel Core i7-12700H ผสานการทำงานกับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3070 (TGP 140W) ตัวแรงที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่เหนือชั้น ในการแสดงผลภาพที่สวยสมจริงและลื่นไหล ติดตั้งแรมมาให้ขนาด 32GB และ SSD M.2 NVMe จัดเต็มที่ความจุ 1TB รวมไปถึงได้ Windows 11 Home เปิดใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ MSI Center เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด สนนราคา 82,490 บาท ประกัน 2 มาตรฐาน MSI พร้อมด้วยของบันเดิลสุดพิเศษ เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่ แรงลื่นเล่นเกมสะใจแน่นอน
VDO Review
Coming Soon
NBS Verdict
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition โน๊ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดปี 2022 ที่นอกจากสเปกภายในที่สดใหม่แล้ว ยังเป็นการที่ร่วมมือกับทางค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Ubisoft ในการพัฒนาสร้าง Gaming Notebook ที่เป็นดีไซน์ล้ำๆ ขึ้นมา โดยเดม Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction เป็นเกมเชิงยิงยุทธวิธี นับได้ว่าภาคแยกของ Rainbow Six Siege (2015) Extraction เป็นเกมสำหรับผู้เล่นหลายคนที่จะต้องร่วมมือกัน ซึ่งผู้เล่นจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้และเอาชนะเอเลี่ยนที่มีลักษณะคล้ายปรสิตที่เรียกว่า Archaeans โดยตัวเครื่องเองนั้นเราจะเห็นถึง องค์ประกอบอันมีความพิเศษเฉพาะขององค์กร REACT ซึ่งแสดงถึงให้เห็นสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณและสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร
ดีไซน์ฝาหลังของ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Editio แรงบันดาลใจในประตูห้องทดลองขององค์กร REACT ใน Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction รวมทั้งพื้นผิวด้านข้างที่มีการใช้งานวัสดุโลหะ มาพร้อมคุณลักษณะพื้นผิวแบบการพ่นทับด้วยเม็ดทรายละเอียด รวมถึงตกแต่งลวดลายด้วยการแกะสลักจากเทคโนโลยีเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงหลายชั้น ออกมาเป็นเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งของตัวเครื่อง เมื่อเปิดเครื่องโลโก้ที่ฝาหลัง Extraction Crest ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์กร REACT จะสว่างขึ้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์ REACT ที่แสดงถึงความพร้อมในการป้องกันการรุกรานจากฝั่งตรงข้าม ในส่วนของ Spectrum Backlight Keyboard ให้ความรู้สึกล้ำแบบ Sci-fi
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ตอบโจทย์เกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook ที่ได้ฟีเจอร์ Gaming จัดเต็มอย่างที่สุด ใพร้อมทั้งได้สเปคแรงกว่าเดิมด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-12700H ให้ประสิทธิภาพที่แรงลื่นล้ำกว่าที่เคยมีมา พร้อมจับคู่กับการ์ดจอแยกตัวแรงรองท็อปอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 พร้อมด้วยสเปกอื่นๆ อย่างแรมขนาด 32GB DDR4 และที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB รองรับการอัพเกรด SSD M.2 ได้ทันที พร้อมกันนั้นหน้าจอก็มีค่าขอบเขตสีที่ดีกว่าและละเอียดกว่ารุ่นรองอย่าง MSI Katana ด้วย จากการที่มีในส่วนของระบบ Cooler Boost 5 ช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ใหม่หมด โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่ลงตัวตามสไตล์ของเกม Rainbow Six Extraction ให้ความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในทุกมิติ อีกทั้งยังได้ฟีเจอร์ Gaming จัดเต็มไม่เป็นรองใคร พร้อมมีซอฟต์แวร์ MSI Center ช่วยปรับแต่งที่ดีที่ง่ายใช้งานสะดวก ซึ่งก็จะมีรุ่นปกติของ Crosshair 15 ที่เป็นสเปก i9-12900H + RTX 3060 เป็นตัวเลือกด้วยในราคาที่ถูกกว่า ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาของ Gaming Notebook จากทาง MSI กันเอง ก็มีความสมเหตุสมผล รองรับการทำงานแบบมืออาชีพก็สามารถใช้งานได้ยอดเยี่ยมไม่เป็นรองเล่นเกมเลยล่ะ เพราะจอภาพระดับ QHD sRGB 100% และแบตใช้งานได้นานกว่า 8 ชั่วโมง พร้อมกับตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แม้ว่าอาจจะไม่ใช้ Series ระดับท็อปสุดๆ ที่จัดเต็มเป็น Gaming ในทุกด้านเหมือนกัน GE หรือ GS แต่เรื่องระบบระบายความร้อนก็หายห่วง แม้ดูจากซอฟต์แวร์อาจจะดูสูงซักหน่อย ส่วนข้อที่เราควรต้องรู้ก่อนเล็กๆ น้อยๆ คงเป็นเรื่องการที่ไฟคีย์บอร์ดนั้นไม่ได้เป็น RGB ทำให้เราไม่สามารถเปลี่ยนสีไฟเองได้ อีกทั้งแรมยังเป็น DDR4 อยู่ และพอร์ต USB Type-A หนึ่งช่องยังเป็น 2.0 รวมไปถึงพอร์ตการเชื่อมต่อกับการที่เป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้น่าจะได้เป็นพอร์ต Thunderbolt 4 แล้ว แต่ถ้าเทียบกับประสิทธิภาพต่อราคาต่อความพิเศษเรื่องของดีไซน์ และของบันเดิลที่หาไม่ได้ทั่วไปแล้ว ก็ถือว่ายังคงน่าสนใจทีเดียว แต่ก็ก็ว่ากันตามตรงว่าเป็น Gaming Notebook ที่ราคาค่อนข้างสูงทีเดียว
ข้อดี MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition
- ดีไซน์การออกแบบใหม่สวยงามเอาใจเกมเมอร์ตัวจริง งานประกอบแน่นวัสดุดี แนวเรียบหรู
- เป็นรุ่นพิเศษตามธีมของเกม Rainbow Six Extraction พร้อมของบันเดิลที่หาซื้อไม่ได้ทั่วไป
- หน้าจอ 15.6″ โดยมีน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม จัดว่ามีน้ำหนักตามมาตรฐาน
- สเปคแรงลื่นทั้งชิปประมวลผล Core i7-12700H และการ์ดจอแยก GeForce RTX 3070
- ได้หน่วยความจำแรมขนาด 32GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ที่ 1TB
- หน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ QHD พาเนล IPS เกรดสูง ที่ Refresh Rate 165Hz
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมจริงๆ ได้เฟรมเรทที่ลื่นไหล ที่ระดับ QHD คมชัดกว่า FHD
- รองรับการอัปเกรด SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ได้ทันที และทำ Raid ได้
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม เครื่องทำงานได้ต่อเนื่อง
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดที่ 8 ชั่วโมง จากการที่ให้ความจุแบตมาเยอะ
- มีระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องอัปเกรดเอง ใช้งานสเถียร
- ได้ซอฟต์แวร์ MSI Center เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- ได้ประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งานที่แตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ
ข้อสังเกต MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition
- ความร้อนของชิปประมวลผลสูงสุดที่ 100 องศาเซลเซียส แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
- ยังมีการติดตั้งพอร์ต USB 2.0 Type-A อยู่ ทั้งที่ควรเป็น 3.2 แล้ว สำหรับสเปกและราคานี้
- ในส่วนของพอร์ตการเชื่อมต่อที่เป็น USB-C น่าจะให้มาเป็น Thunderbolt 4 ได้แล้ว
- หน่วยความจำแรมยังเป็นมาตรฐาน DDR4 ซึ่งกับราคานี้น่าจะเป็น DDR5 แล้ว
Specification
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition รุ่นพิเศษรุ่นที่ได้รับมารีวิวในบทความนี้เป็นเครื่องขายจริง โดยมีอยู่สเปกเดียว ณ ตอนนี้ ใช้ชิปประมวลผลตัวแรงรองท็อปอย่าง Core i7-12700H รูปแบบการทำงานใหม่ด้วยไฮบริด ความเร็ว Efficient-core Max Turbo ที่ 3.50 และ Performance-core Max Turbo ที่ 4.70 ทำงานแบบ 14 คอร์ 20 เธร์ด ประสิทธิภาพสูงไว้ใจได้แน่นอน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม Alder Lake (Intel 7) เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร พร้อมการ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Iris Xe Graphics ที่บรรจุไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายล้ำหน้า ในการทำงานขั้นสูงแบบมืออาชีพ
หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ความละเอียด Quad HD (2560 x 1440) พาเนล IPS คุณภาพสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ที่ขอบเขตสี sRGB 100% / DCI-P3 99% และตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลบนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ส่วนของแรมมีขนาด 32GB DDR4 Bus 3200MHz แบบ 16GB x 2 (Dual Channel) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB พร้อมรองรับการอัปเกรดด้วย SSD M.2 ที่สามารถเพิ่มความแรงด้วยการต่อ Raid ได้อีกด้วย
ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวนสองช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, USB 2.0 Type-A อีกหนึ่งช่อง, HDMI, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 AX ที่ดีกว่าเดิม แน่นอนว่ามีในส่วนของ Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที การรับประกันเป็น 2 ปี ตามตรฐาน MSI ที่ทุกคนมั่นใจ นอกจากนี้ยังได้ Rainbow Six Extraction COLOR BOX พร้อมตัวเกม Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction รวมถึง MOUSE PAD และ GAMING MOUSE ด้วย
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition B12UGZ-282TH ราคา 82,490 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : Intel Core i7-12700H (14C/20T & 1.7 – 3.5GHz + 2.3 – 4.7 GHz)
-
GPU : Intel Iris Xe + NVIDIA GeForce RTX 3070 (8GB GDDR6)
-
RAM : 32GB DDR4 Bus 3200 MHz
-
DISPLAY: 15.6″ IPS Quad HD 2560 x 1440 @ 165Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 1TB
-
OS : Windows 11 Home
-
Warranty : 2 Years (1 Year Global)
Hardware / Design
หน้าตาการออกแบบเอง MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ต้องบอกว่ามีความโดดเด่นทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้ดีเช่นเดิม ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอใหญ่สะใจ แต่ก็ยังได้เรื่องของน้ำหนักที่เบาเหมาะสม ทำให้พกพาสะดวก ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน โดย MSI รุ่นใหม่ปี 2021 ใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องแต่มีการทำสีสันและลวดลายเป็นธีมของเกม Rainbow Six Extraction อย่างจริงจังในทุกๆ ส่วน สำหรับงานประกอบก็ดีเยี่ยมตามมาตรฐาน DNA ของ MSI GL Series ที่ให้ความแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป จากการที่ใส่ความเป็น Gaming ระดับกลางค่อนไปทางบน
ดีไซน์และแนวทางการออกแบบแตกต่างจาก MSI Crosshair 15 รุ่นปกติที่เป็นสเปก Intel Core i Gen 12H เหมือนกันในบางรายละเอียด อย่างสีสัน Multi-color Gradient โดยเป็นสเปก i9-12900H + RTX 3060 ซึ่ง MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition เป็น Gaming Notebook ที่เน้นความ Gaming และให้สีสันที่ฉูดฉาดน่าใช้งานสำหรับ Gamer พร้อมได้รูปทรงกระทัดรัด โดยมีน้ำหนักตามสเปกอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม และมีความบางที่ 23.95 มิลลิเมตร ทำให้เป็น Gaming Notebook ประสิทธิภาพสูง หน้าจอขนาด 15.6″ ที่คล่องแคล่ว รุ่นหนึ่ง พร้อมได้พาเนล IPS คุณภาพสูงระดับมือาชีพ ความละเอียด Quad HD พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ในราคาที่จัดว่าต้องชอบจริงๆ
ซึ่งมีมิติตัวเครื่องเทียบเท่ารุ่น 15.6″ ซึ่งขอบจอบางใช้งานเต็มตาสุดๆ แกนฝาพับแข็งแรงพัฒนาขึ้นกว่าเดิมจากรุ่นก่อนซึ่งเป็นแบบ 2 แกนขนาดใหญ่ซึ่งีการยึดกับโครงสร้างหลักของตัวเครื่อง ให้ความคล้ายกับ MSI Katana GF Series ที่เป็นรุ่นรองลงมา ในส่วนของมิติตัวเครื่องหรือเหลี่ยมทรงต่างๆ ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad ไว้ใชงานแป้นตัวเลขตามปกติ แต่จะมีสีสันพิเศษอย่าง Spectrum Backlight ให้ความรู้สึกล้ำแบบ Sci-fi และมีการออกแบบที่พักฝ่ามือที่ได้รับแรงบันดาลใจจากองค์ประกอบหลักของ REACT ใน Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction เติมเต็มประสบการณ์ที่อยากจะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์การเล่นเกมที่เข้มข้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
วัสดุตลอดทั้งตัวเครื่องส่วนของฝาหลังเป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงโดยฝาหลังก็สื่อความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมได้เต็มเปี่ยมถูกใจคอเกมอย่างสุดๆ ด้วยโลโก้ Extraction Crest ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์กร REACT จะสว่างและเปล่งประกายขึ้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์ REACT ที่แสดงถึงความพร้อมในการป้องกันการรุกรานจากฝั่งตรงข้าม อีกทั้งมีการทำลวดลายแบบ Cutting Edge ให้ความเฉียบคมคล้ายชุดเกราะ พร้อมกันนั้นในส่วนของขอบตัวเครื่องคีย์บอร์ดด้านในทั้งด้านซ้ายขวาและด้านหน้าจะมีการทำเส้นสายคล้ายกับชุดเกราะอีกด้วย ซึ่งขอบด้านหน้าเป็นพลาสติกมีการเว้นพื้นที่เว้าเอาไว้ให้เปิดฝาหน้าจอได้ง่าย และที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นพลาสติกสัมผัสดีกว่าทั่วไป จะว่าไปก็ค่อนข้างคล้ายกับฝาหลังที่เป็นโลหะทีเดียว
รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่อง ในส่วนของด้านหลังยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่อีก 3 ช่อง แบบหลัง 2 และด้านซ้ายอีก 1 ช่อง ช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งใช้ระบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 6 เส้นรูปแบบใหม่ ด้านฐานล่างใช้วัสดุพลาสติก ABS ดีไซน์แบบรังฝึ้งที่ทั้งสวยงามและแข็งแรง มียางรอง 4 มุมที่เป็นสีสันพิเศษเหมือนกันสีเมาส์ พร้อมช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ซึ่งฝาล่างเองก็สามารถถอดอัปเกรดได้ไม่ยาก รวมถึงซ่อมบำรุงรักษาทำความสะอาดเครื่องในระยะยาวได้สะดวก สมเป็น Gaming Notebook ตัวแรง
ซึ่งโดยรวมแล้ว MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition สำหรับดีไซน์ภายนอกทั้งหมดนับว่าเป็นการร่วมมือกันครั้งใหญ่ในการนำเสนอโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับธีมเกม Rainbow Six Extraction อย่างจริงจัง เปลี่ยนจากภาพลักษณะเดิมๆ ที่เป็น Gaming Notebook ยุคก่อนๆ ให้เป็นดีไซน์แบบอนาคต ตามโจทย์ Gamer ที่เป็นแฟนๆ เกมนี้โดยเฉพาะ แน่นอนไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ใน MSI โน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายประสิทธิภาพ ช่วงงบประมาณ 80,000 บาทต้นๆ ก็ว่าได้เลย ราคาค่าตัวจัดว่าค่อนข้างสูง ซึ่งนอกจากความแรงของสเปกแล้ว ก็ยังอัดทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6″ ซึ่งมีการติดตั้งคีย์บอร์ด Full Size โดยมีการติดตั้ง Numpad แป้นตัวเลขด้วย ที่แม้ไม่ใช่ของ SteelSeries ที่รุ่นบนๆ ใช้กัน แต่ก็ยังสามารถให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ทั้งฟิลลิ่งแรงกด อัตราการตอบสนองของแป้นพิมพ์ และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมกัน ซึ่งทำได้แม่นยำไม่แพ้เกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบแยกมาตรฐานทั่วไป มาพร้อมไฟ LED แบบ Spectrum ให้ความรู้สึกที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนในเกมสุดๆ ที่จะเป็นการไล่สีสันจากเหลือง > น้ำเงิน > เขียว โดย WASD จะเป็นสีเหลืองโดดเด่น บนเทคโนโลยี Silver Lining Print ที่สวยงามเสริมความพรีเมียมน่าใช้มากยิ่งขึ้น
โดยรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับ Gamers Hotkey อย่างปุ่มเร่งพัดลมให้ทำงานเต็มที่ Cooler Boots เพื่อช่วยระบายความร้อน และปุ่มเรียกใช้ Crosshair ไว้สำหรับช่วยเล็กเป้าในเกมต่างๆ ที่เป็น FPS ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของปุ่มทิศทาง พร้อมมีปุ่ม Fn + F7 ใช้ปรับโหมดการใช้งานต่างๆ และอีกมากมายในส่วนของแถวบนสุดคีย์บอร์ด ในส่วนของทัชแพดให้ดีไซน์โดดเด่นตามองค์กร REACT ใน Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction ปุ่มแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาทำให้ดูเป็นเนื้อเดียวกัน โดยปุ่มกดไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ผิวสัมผัสของทัชแพดเป็นแบบด้านๆ การใช้งานอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไป อย่างไรก็ตามสำหรับไฟคีย์บอร์ดนั้นน่าเสียดายที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นไฟ RGB อื่นๆ ได้
Screen / Speaker
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition มีหน้าจอขนาด 15.6″ ขอบจอบางทั้ง 2 ด้าน ซึ่งขอบจอด้านล่างจะมีโลโก้ MSI แบบใหม่อยู่ 1 จุด พร้อมสีพิเศษ กางหน้าจอได้สูงสุดเกือบ 180 องศา มาพร้อมความละเอียด Quad HD ที่ 2560 × 1440 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพสูงกว่า Gaming Notebook ทั่วไปของ MSI โดยความละเอียดที่มากกว่า Full HD และมีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้างกว่า พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare มาตรฐาน แสงสว่างเพียงกับการใช้งานในบริเวณที่มีแสงจ้า พร้อมรองรับการสนับสนุน Refresh Rate ที่ 165Hz เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี ด้วยกว่าลื่นไหลที่มากกว่าหน้าจอ 60Hz ทั่วไป หรือรุ่นอื่นที่เป็น 144Hz
ซึ่งขอบหน้าจอด้านบนก็มีการติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ตามมาตรฐาน พร้อมด้วยยางรองขอบหน้าจอสีฟ้าเคลือบด้านที่บริเวณของหน้าจอ เพื่อช่วยเพิ่มอรรถรสตามธีมเกม ซึ่งการทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง SpyderXElite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากโทนเย็นฟ้าๆ กลายเป็นโทนอุ่นติดเหลืองนิดหน่อย
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ระดับ 100%, AdobeRGB ที่ 88% และ DCI-P3 ที่ 99% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีระดับสูงมาก ตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ระดับไฮเอนด์ หรือ Creator Notebook ระดับมืออาชีพ ที่ใช้งานด้านสีสันเฉพาะทางได้ ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 350 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างที่ดีเยี่ยมของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมระดับนี้ พร้อมรองรับการงานทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพ รวมไปถึงจริงจังเรื่องสีสันแม่นยำ ในสายงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำกราฟิก ไฟล์ภาพ หรือตัดต่อวีดีโอ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางแถวบนเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องซ้ายแถวล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 14% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ โดยมีค่า Delta E การคลาดสีเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 1.47 อย่างไรก็ตามด้วยคะแนน 4.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว สรุปง่ายๆ ก็คือ หน้าจอของ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition เป็นจอที่ดีมากๆ รุ่นหนึ่งในตลาดทีเดียว
ลำโพงของ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้าในส่วนใต้เครื่องตามมาตรฐน แบบขนาด 2W x 2 คุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ขนาดมีเสียงเบสเท่ากับรุ่นพี่ แต่ด้วยการใช้ระบบเสียง Hi-Res Audio และ Nahimic 3 เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น จากการที่เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาหน่อยๆ แม้จะมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ก็ตาม ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อประสบการณ์ใช้งานที่ดี แนะนำให้ต่อหูฟังหรือลำโพงแยกจะดีกว่า
Connector / Thin And Weight
MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ให้การเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วน รองรับทุกการใช้งานในยุคปัจจุบันโดยพอร์ตต่าง ๆ ถูกติดตั้งไว้ทั้งทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 2 ช่อง ที่ให้มาอย่างจัดเต็มรองรับการเชื่อมต่อที่เพียงพอ นอกเหนือจากนั้นยังมี RJ45, HDMI, USB 3.2 Type-C, และ Audio 3.5mm Mic&Headphone แบบ Combo อย่างไรก็ตามยังมีในส่วนของ USB 2.0 Type-A อีก 1 ช่อง แน่นอนว่ามีช่องต่อไฟอแดปเตอร์ พร้อมยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 AX ที่เป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่ดีที่สุด
มิติของตัวเครื่องโดยรวมเน้นการออกแบบให้มีความบางเบากว่า Gaming Notebook ยุคก่อนๆ โดยยังคงประสิทธิภาพตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมเป็นหลักโดยมีขนาดความมิติต่าง ๆ ที่ 359mm (W) x 259mm (D) x 26.9mm (H) เพื่อดูพยายามให้เล็กกระชับที่สุด น้ำหนักที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งรวมอแดปเตอร์ขนาด 240 Watt แล้วจะหนักประมาณ 3 กิโลกรัม สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ซึ่งกระเป๋าเองก็ใช้ตามาตรฐานของหน้าจอ 15.6″ ได้เลย อย่างไรก็ตามถ้าหนุ่มแบกไปทำงานตามออฟฟิศหรือไปมหาวิทยาลัยก็พอได้อยู่ เพราะอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ไดเหนักจนเกินไป (ยังไม่รวมของอื่นๆ นะ)
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัพเกรดหรือทำความสะอาดของ ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ รวมไปถึงการใส่กลับด้วย ยังไงต้องใช้ความระมัดระวังมากๆ
เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 32GB Bus 3200 MHz โดยเป็นการใส่มาแบบ 16GB จำนวน 2 แถว รองรับการใช้งาน Dual Channel ทันที ที่รองรับการใช้งานได้แบบสบายชัวร์ๆ ส่วน SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 เดิมๆ ก็มีให้มาแล้วความจุ 1TB จำนวน 1 ตัว ซึ่งในการใช้งานทั่วไปก็น่าจะเพียงพอแล้ว รวมไปถึงการติดตั้งเกมต่างๆ แต่ถ้าคิดว่ายังไม่พอสำหรับเรา ก็ยังสามารถอัปเกรด SSD M.2 ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม หรือเป็นคนเล่นเกมเยอะๆ ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย รวมไปถึงรองรับการทำ Raid อีกด้วย รวมไปถึงตรงนี้เราจะเห็นถึงแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า MSI Crosshair 15 รุ่นปกติ
ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 ตามมาตรฐานของ MSI Gaming Notebook ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นกว่าปกติทั่วไป โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 3 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างซ้ายอีก 1 ช่อง มีครีบระบายความร้อนเป็นสีเงินซึ่งโดดเด่นไปกับตัวเครื่องภายนอก ในส่วนของ Heat Pipe ทองแดงแบบใหม่ผนังท่อที่บางกว่าเดิมถึง 33%” ก็ให้มา 4 เส้น แบ่งเป็น CPU 2 + 1 เส้น และ GPU อีก 1+ 1 เส้น แยกออกจากกันแต่ก็ช่วยกัน ที่เพียงพอต่อการระบายร้อนได้ในระดับที่น่าพอใจ ทำให้ตัวเครื่องใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน โดยที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด
Performance / Software
สำหรับ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ได้ฮาร์ดแวร์ภายในมาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 12H (Alder Lake) เน้นนำไปใช้งานหนักๆ อัปเกรดมาใช้สถาปัตยกรรมไฮบริด คอร์ใหญ่ผสมกับคอร์เล็ก เพื่อรองรับโหลดงานที่หลากหลาย โดยแบ่งเป็น Performance Core (P-core) เน้นงานเธรดเดี่ยว ที่ต้องการประสิทธิภาพในงานประมวลผลขั้นสูงอย่างทำงานที่ซับซ้อนหรือเล่นเกม และ Efficient Core (E-core) ที่ใช้กับงานทั่วไป รวมไปถึงงานที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งในการจัดการก็ชาญฉลาดแบ่งตามความเหมาะสมแบบเวลาจริงด้วยเทคโนโลยี Intel Thread Director
ซึ่งติดตั้งมาเป็นรุ่นล่าสุดอย่าง Core i7-12700H ที่เป็นรุ่นรองท็อป โดยมีความเร็วในการประมวลผล E-Core อยู่ที่ 1.7 – 3.5 GHz ส่วน P-Core อยู่ที่ 2.3 – 4.7 GHz เป็นซีพียูแบบ 14 Core (P6 + E8) / 20 Threads ซึ่งถ้าดูจากคะแนนผลการทดสอบด้านต่างๆ คือเหนือชั้นกว่า Core i7-11800H ขึ้นไปอีก การ์ดจอออนชิปเป็น Intel Iris Xe Graphics คล้ายกับรุ่น Core i Gen 11H ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีแบบพื้นฐาน รองรับการทำงานได้ในระดับทั่วไปเป็นหลัก มาพร้อมแรมภายในขนาด 32GB DDR4 Bus 3200MHz แบบ 16GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ที่มีมาให้ในเครื่องขายจริงนี้แบบสบายๆ
การ์ดจออนชิปเป็น Intel Iris Xe Graphics ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 (8GB GDDR6) กับค่า TGP 140W (115W + 25W) ความแรงสูงสุด 1610MHz ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า RTX 3070 ปกติ ตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว เรียกว่าสำหรับเกมออนไลน์สามารถทำได้ลื่นไหลแน่นอน
แน่นอนว่ามี Ray-Tracing รุ่นใหม่ ซึ่งก็คือเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลการให้แสงสำหรับเกมแบบ real-time จากที่ก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเกมจะต้องใช้วิธีการสร้าง Geometries แบบสับซ้อนซึ่งทำให้การประมวลผลแสงในเกมให้เหมือนจริงที่ใช้กำลังของ GPU ค่อนข้างหนัก Ray-Tracing นั้นจะเข้ามาช่วยทำให้ GPU นั้นทำงานน้อยลงและสามารถที่จะประมวลผลในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม ทว่าการที่จะทำได้นั้นตัวเกมเองก็ต้องใช้เอนจิ้นที่รองรับเทคโนโลยี Ray-Tracing นี้ด้วย โดยส่งผลให้ภาพมีความสวยสมจริงขึ้น แต่เฟรมเรทก็ยังสามารถทำได้ลื่นไหล
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / CINEBENCH 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core i7-12700H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงมากๆ อย่างน่าประทับใจสมกับเป็นรุ่นระดับบน เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryze / Intel Core รุ่นก่อนๆ ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยก RTX 3070 เองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนสุด ที่เน้นการทำงาน 3D เป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 4 ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบ SSD SATA3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3609 MB/s และเขียนที่ 3449 MB/s ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มความจุของที่เก็บข้อมูลก็สามารถอัพเกรดใส่ SSD M.2 ได้อีกตัวด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 7221 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล Intel Core i7-12700H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming ตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัวระดับเทียบเท่า Desktop ไปแล้ว ฉะนั้นการใช้งานพื้นฐานหรือทำงานหนักๆ สอบผ่านได้สบายๆ
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 11,154 (แต่ทดสอบหลายครั้งแล้วก็ยังไม่สามารถสำเร็จแบบ 100% ได้) เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Elden Ring / Resident Evil 8 / GTA V / Far Cry 6 ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / SCUM บนความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (ตาม Native ของหน้าจอ) โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด พร้อมกับปรับโหมดการใช้งานเป็น Extreme Performance เพื่อให้การทำงานสูงสุดแก่ชิปประมวลผลและการ์ดจอแยกที่สามารถเร่งกำลังไฟไปได้ถึง 140W
โดยในการใช้งานจริงเราเองก็สามารถดูได้ง่ายๆ ว่าตอนนี้ตัวเครื่องใช้งานการ์ดจอแยกอยู่หรือยัง จากการที่ปุ่ม Power ที่ปกติแล้วเป็นไฟสีขาว ที่เป็นสถานะการใช้งานการ์ดจอออนชิป ถ้าเปลี่ยนมาเป็นไฟสีส้ม ก็จะหมายถึงการใช้งานการ์ดจอแยกแบบเต็มประสิทธิภาพ เพื่อการเล่นเกมและการทำงาน 3 มิติหนักๆ ที่ต้องบอกว่าในการเล่นเกมนั้นได้เฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสบายตา กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์แบบแล้ว แต่ถ้าอยากได้ลื่นกว่านี้จะปรับกราฟิกลงมากลางๆ หรือปรับความละเอียดเป็น 1920 x 1080 พิกเซลก็ได้ สำหรับบางเกมที่ต้องการความลื่นไหลมากๆ
และด้วยพาเนล IPS เกรดสูงที่ให้สีสันสดใสสมจริงมากๆ รวมไปถึงได้ Refresh Rate ระดับ 165Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 165Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมากลาง ๆ หน่อย ก็สามารถทำได้แล้ว ซึ่งโดยรวมต้องบอกตามตรงว่าเป็นหน้าจอ Gaming Notebook รุ่นหนึ่งใช้งานจริงแล้วประทับใจมากๆ
MSI CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ Utility จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องนี้เป็นแบบฝังตามที่ควรจะเป็นสำหรับ Gaming Notebook ยุคนี้ แต่ความจุแบตที่มากกว่า MSI Crosshair 15 รุ่นมาตรฐาน ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวประมาณ 8 ชั่วโมง ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานน้อยกว่านี้ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ไม่นานมากนักหากเทียบกับโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้ทางด้านอุณหภูมิ เครื่องนี้ใช้เทคโนโลยี Cooler Boost 5 ตามที่ Gaming Notebook ของ MSI ใช้กันเป็นส่วนมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีกรณีที่ใช้งานทั่วไป โดยเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้ ด้วยการทดสอบโปรแกรม Benchmark และเล่นเกม 3 มิติต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมเลย
เห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผลอยู่ที่ 99 – 100 องศาเซลเซียสทีเดียว ซึ่งถือว่าสามารถควบคุมได้ตามมาตรฐาน ในการทำงานก็ปกติดีทุกอย่าง ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ไม่เกิน 90 องศาเซลเซียสเท่านั้น เอาเข้าจริงนับว่ามีความร้อนสูงกว่ารุ่นอื่นๆ จากกที่เป็นชิปประมวลผลตัวแรง และการ์ดจอแยกที่สามารถอัดไฟเพิ่มได้ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดโหมด Extreme Performance ทำให้พัดลมหมุนรอบเร็วสุดเมื่อทำงานหนักๆ โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง แม้จะดูสูงซักหน่อย ซึ่งเมื่อใช้งานทั่วไปในส่วนของเสียงพัดลมจะมีความเบามากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงเลย
Conclusion / Award
Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ เป็นสิ่งขนาดที่เกมเมอร์หลายคนต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ในส่วนของ MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition มีอุปกรณ์บันเดิล ทั้งเมาส์และแผ่นรองเมาส์ พร้อมด้วย Code เกมและกล่องที่สวยงาม ได้สเปคล่าสุดชิปประมวลผล Intel Core i7-12700H ที่ล้ำหน้า ได้ความแรงที่ตอบโจทย์ทั้งการเล่นเกมแบบจริงจังหรือการทำงานแบบมืออาชีพ พ่วงด้วยการ์ดจอแยกตัวรองท็อป NVIDIA GeForce RTX 3070 ที่มีค่า TGP สูงถึง 140W บอกเลยว่าลื่นไหลทุกๆ เกม บนความละเอียด QHD หรือ FHD ที่ได้ทั้งตัวเครื่องเหมาะสม ประสิทธิภาพสูง และความสวยงามและแตกต่างในเครื่องเดียว
ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาให้ความแตกต่างอย่างชัดเจน โดย MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ถือว่าเป็นรุ่นต่อยอดมาจากตัว MSI Crosshair 15 รุ่นปกติ ใช้วัสดุเป็นโลหะสีดำที่ฝาหลังพร้อมลวดลายที่ล้ำหน้าตามธีมเกม มีความโดดเด่นด้วยแนวคิดโลกอนาคต ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad ปุ่มเด้งรับกับนิ้วได้ดีเยี่ยม ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเองที่สำคัญเหนือกว่า Gaming Notebook ทั่วไปด้วยชุดระบายร้อน Cooler Boost 5 ช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นไหลอย่างที่สุด และไฟคีย์บอร์ดที่สวยงามอย่างที่ไม่มีใครเหมือน
โดดเด่นด้วยหน้าจอขอบจอบางตัวเครื่องเล็กกระชับ มาพร้อมความละเอียดระดับ Quad HD ที่ 2560 x 1440 พิกเซล ได้ความละเอียดและคมชัดกว่า Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS ระดับมืออาชีพ รองรับการสนับสนุน Refresh Rate ที่ 165Hz ซึ่งลื่นไหลยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนแรมตัวเครื่องให้มาจัดเต็ม 32GB DDR4 ให้มาเป็นแบบ 2 แถว Dual Channel อีกทั้งให้หน่วยความจำความจุ SSD M.e NVMe PCIe Gen 4 1TBให้ความลื่นไหล ซึ่งตัวเครื่องยังสามารถใส่ SSD M.2 เพิ่มได้ นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 11 Home และ MSI Center เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดมาพร้อมใช้งานอีกด้วย
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง USB 3.2 Type-C, USB 3.2 Type-A, RJ45, HDMI แต่น่าเสียดายที่ยังมี USB 2.0 Type-A มาให้อยู่ รวมไปถึงไม่มีพอร์ต Thunderbolt 4 ซึ่งถ้ามีมันจะดีมากๆ สมราคากว่าเดิม เมื่อเทียบกับสเปกและประสิทธิภาพ พร้อมประกัน 2 ปีเต็ม ฉะนั้นถ้าสนใจ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่เป็น Limited Edition สเปกใช้งานลื่นๆ ฟีเจอร์ครบๆ ในงบเท่านี้ล่ะก็ สามารถจัดได้เลย เพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ระดับสูงรุ่นนี้ หรือรุ่นอื่นๆ จาก MSI สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ ด้วยกัน ซึ่ง MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Edition ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
สเปกฮาร์ดแวร์ภายในใหม่ล่าสุดด้วยชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-12700H ทำงานแบบ 14 คอร์ 20 เธร์ด ประสิทธิภาพสูงไว้ใจได้ กับการทำงานแบบล้ำหน้า พร้อมการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3070 (TGP 140W) ความแรงที่ได้มากกว่ารุ่นก่อนๆ ชักเจน มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 4 โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 1TB ซึ่งอัปเกรด SSD M.2 ได้อีก ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 หน้าจอ 15.6″ IPS คุณภาพสูง 165Hz ใช้งานจริงได้ลื่นไหลหลากหลาย รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างน่าประทับใจ
Best Design
จุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI Crosshair 15 Rainbow Six Extraction Editio แรงบันดาลใจในเกม ที่ประกอบไปด้วยหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นประตูห้องทดลองขององค์กร REACT ใน Tom Clancy’s Rainbow Six Extraction รวมทั้งพื้นผิวด้านข้างที่มีการใช้งานวัสดุโลหะ มาพร้อมคุณลักษณะพื้นผิวแบบการพ่นทับด้วยเม็ดทรายละเอียด รวมถึงตกแต่งลวดลายด้วยการแกะสลักจากเทคโนโลยีเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงหลายชั้น ออกมาเป็นเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งของตัวเครื่อง เมื่อเปิดสวิตช์ของตัวเครื่อง โลโก้ Extraction Crest ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์กร REACT รวมถึง Spectrum Backlight Keyboard ให้ความรู้สึกล้ำแบบ Sci-fi