ASUS ZenBook Duo 15 OLED UX582HS โน๊ตบุ๊คแรงสุดเพื่อครีเอเตอร์ คุ้มค่าลงทุน มีสไตลัสให้ใช้!
ASUS ZenBook Duo 15 OLED UX582HS จัดเป็นโน๊ตบุ๊คที่เกิดมาเพื่อครีเอเตอร์และคนทำงานอย่างแท้จริง ซึ่งรุ่นนี้ที่ได้หน้าจอ OLED ก็กล่าวได้ว่าเป็นรุ่น “ไมเนอร์เชนจ์” ของ ASUS ZenBook Pro Duo ที่ทางเว็บไซต์ได้รีวิวไปเมื่อกลางปี 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งเครื่องนี้ไม่ได้อัพเกรดเฉพาะหน้าจอให้เป็นพาเนล OLED อย่างเดียว แต่ปรับแต่งสเปคภายในให้ดียิ่งกว่าเดิม ให้ครีเอเตอร์นำโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ออกมาได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น
ด้านสิ่งที่ ASUS อัพเกรดให้ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS ได้แก่ ซีพียูและการ์ดจอแยกที่ขยับเป็นตัวท็อปของทาง Intel และ NVIDIA พร้อมไดรเวอร์ NVIDIA Studio ที่ทำงานได้เสถียรและออกแบบมาเพื่อครีเอเตอร์โดยเฉพาะ ด้านสเปค ASUS ได้ใส่ SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB PCIe 4.0 x4 พร้อมกับแรม 32GB ให้เยอะเผื่อให้โปรแกรมต่างๆ ได้เรียกใช้งานได้เต็มที่ไม่ต้องเกิดอาการ “แรมไม่พอใช้” และหน้าจอ OLED นี้ที่จับคู่กับหน้าจอเสริม “ASUS ScreenPad Plus” นั้น เป็นหน้าจอ 4K UHD (3840×2160 พิกเซล) HDR ได้ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 และเทียบความเที่ยงตรงสีบนหน้าจอแล้วได้ค่า Delta-E <2 และได้รับการการันตีจาก PANTONE Validated, TUV Rheinland, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500 อีกด้วย
NBS Verdict
การอัพเดทสเปคให้ทันสมัย เปลี่ยนพาเนลหน้าจอเป็น OLED ของ ASUS ZenBook Duo 15 OLED UX582HS ครั้งนี้ ต้องถือว่าเป็นไมเนอร์เชนจ์ที่ดี, น่าสนใจและสมราคา โดย ASUS ได้เสริมจุดแข็งจากรุ่นที่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งได้ทั้งได้ Intel Core i9 ที่เป็น Intel Tiger Lake-H แล้ว, NVIDIA GeForce RTX 3080 ให้ครีเอเตอร์ทำงานได้เต็มที่ยิ่งขึ้นพร้อมให้อุปกรณ์เสริมมาครบเครื่อง ทั้งปากกาสไตลัส, ที่วางข้อมือรวมทั้งแผ่นรองเครื่องที่ยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยให้อากาศไหลเวียนในเครื่องได้ดีกว่าเดิมด้วย
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังคงเอกลักษณ์อันดีของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เอาไว้ ทั้งทัชแพดที่เปลี่ยนโหมดเป็น Numpad ได้, ErgoLift Hinge เมื่อกางเครื่องแล้วขอบล่างหน้าจอจะยกตัวเครื่องขึ้นและมีก้านโลหะสำหรับยกหน้าจอ ASUS ScreenPad Plus ติดตั้งมาเป็นพิเศษ, หน้าจอทัชสกรีนทั้งสองจอ รวมทั้งกล้องหน้าแบบ IR Camera สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องได้ ดังนั้นโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ต้องถือว่าดีงามเหมาะสมกับครีเอเตอร์ที่ต้องทำงานหนัก ถือโปรเจคใหญ่เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ยังคงเป็นเรื่องอุณหภูมิที่สูงอยู่บ้างเมื่อต้องรันโปรแกรมตัดต่อวิดีโอหรือแม้แต่ทดสอบเล่นเกมก็นับว่าร้อนอยู่ระดับหนึ่ง แม้จะไม่มีปัญหาเวลาใช้งานแต่ผู้ใช้หลายคนอาจจะติดใจเรื่องนี้ได้บ้าง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังอัพเกรดไม่ได้มากเพราะชิ้นส่วนแทบทั้งหมดถูกบัดกรีลงเมนบอร์ดหมดแล้ว อย่างมากอาจจะเปลี่ยน SSD แบบ M.2 NVMe ที่ติดตั้งมาเป็นไดรฟ์หลักตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้ามี PCIe 4.0 x4 ช่องเสริมอีกสักช่องเอาไว้ใส่ไดรฟ์รองเพื่อเซฟงานจะดีกว่านี้มากแต่คงจะลำบากเนื่องจากชิ้นส่วนภายในเครื่องกินพื้นที่เมนบอร์ดไปจนหมดแล้ว ดังนั้นผู้เขียนแนะนำให้เตรียมฮาร์ดดิสก์เสริมเอาไว้แบ็คอัพงานสักตัวจะอุ่นใจกว่า
ข้อดีของ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS
- ซีพียู Intel ในเครื่องอัพเดทเป็น Intel Tiger Lake-H แล้ว รองรับโปรแกรมใหญ่ได้ดีขึ้น
- ไดรเวอร์การ์ดจอเป็น NVIDIA Studio ทำงานได้เสถียรและมีฟีเจอร์เอื้อการทำงานมาอีกมากมาย
- ให้อุปกรณ์เสริมมาครบถ้วนทั้งปากกาสไตลัส, ที่วางข้อมือ, แผ่นรองเครื่องและกระเป๋าใส่โน๊ตบุ๊ค
- ทัชแพดสามารถกดเปลี่ยนโหมดเป็น Numpad เพื่อพิมพ์ตัวเลขได้สะดวกขึ้น ใช้งานได้สะดวก
- มีกล้อง IR Camera ใช้สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้ง่าย ไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่าน
- หน้าจอเสริม ScreenPad Plus เป็นจอที่ดี เสริมให้ผู้ใช้ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากจอเสริมแล้ว ยังใช้เปิดกรุ๊ปโปรแกรมที่ตั้งค่าไว้ได้ ถ้าเชื่อมต่อ MyASUS ก็โทรจากโน๊ตบุ๊คได้ด้วย
- หน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD ได้พาเนล OLED แสดงผลสีได้กว้างและเที่ยงตรง ได้รับการรับรองจาก PANTONE Validated, , TUV Rheinland, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500
- มีพอร์ต USB-C รองรับ Thunderbolt 4 ติดตั้งมา 2 ช่อง ใช้ต่อจอแยกหรือชาร์จแบตก็ได้
- ดีไซน์ ErgoLift Hinge ช่วยให้พิมพ์งานด้วยคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คได้สะดวกยิ่งขึ้น
- หน้าจอ NanoEdge ขอบบางพิเศษและพาเนล OLED แสดงผลขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ได้แม่นยำมาก ผิดเพี้ยนน้อย
- ระบบปฏิบัติการในเครื่องอัพเดทเป็น Windows 11 Home แล้ว และมี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน
จุดสังเกต ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS
- ตัวเครื่องค่อนข้างร้อนเวลารันโปรแกรมใหญ่ที่กินทรัพยากรเครื่องหนักๆ ควรใช้งานในห้องแอร์
- ตัวเครื่องอัพเกรดได้ไม่มาก มีเพียงช่อง SSD แบบ M.2 NVMe ช่องหลักที่ใส่ SSD มาให้เท่านั้น
- พอร์ตรุ่นเก่าเช่น USB-A มีค่อนข้างน้อย แนะนำให้ซื้อ USB-C Multiport Adapter มาใช้ร่วมด้วย
รีวิว ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector / Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
Specification
สเปคของ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เกิดมาเพื่อครีเอเตอร์ให้ใช้สร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยสเปคจะเป็นดังนี้
- CPU : Intel Core i9-11900H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.5-4.9GHz
- GPU : NVIDIA GeForce RTX 3080 แรม 8GB GDDR6 Max-Q Design 90~106W
- SSD : M.2 NVMe 1TB PCIe 4.0 x4
- RAM : 32GB DDR4 บัส 2933 MHz
- Display
- หน้าจอทัชขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD (3840×2160) พาเนล OLED ได้รับการรับรอง PANTONE Validated, TUV Rheinland, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500
- ScreenPad Plus 14 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840×1100 พิกเซล) พาเนล IPS รองรับสไตลัส
- Ports : USB-A 3.2 Gen 2 x 1, USB-C x 2 รองรับ Thunderbolt 4 ต่อหน้าจอแยก DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่ Power Delivery ได้, HDMI 2.1 x 1, Audio Combo x 1
- Wireless : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0
- Webcam : IR Camera ความละเอียด HD รองรับการสแกนใบหน้า Windows Hello
- Software : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2019
- Weight : 2.34 กิโลกรัม
- Warranty : 3 ปี Onsite Service
- Price : 129,990 บาท (BaNANA)
หากนำไปเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้อัพเกรดหน้าจอเป็นพาเนล OLED และซีพียู Intel ที่ไม่ใช่ Tiger Lake-H และการ์ดจอ GeForce RTX 3070 ราคา 99,990 บาท ต้องถือว่ารุ่นนี้ปรับราคาขึ้น 30,000 บาท แต่ได้สเปคดีขึ้นอย่างมาก ต้องถือว่า ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้ได้สเปคมาคุ้มค่าทีเดียว
Hardware & Design
ดีไซน์ตัวเครื่องของ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้ ถ้ามองเผินๆ หรือนำมาวางเทียบกับรุ่นก่อนหน้าจะเห็นว่าไม่ได้ต่างจากเดิมมาก ไม่ว่าจะตัวเครื่องหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว พร้อม ASUS ScreenPad Plus ขนาด 14.1 นิ้ว ชุดคีย์บอร์ดที่มี Numpad ติดตั้งไว้ข้างๆ กันเหมือนเดิม อาจจะมีบางคนสังเกตได้ว่าหน้าจอของรุ่น UX582HS เครื่องนี้สว่างกว่าหน้าจอทั่วไปพอควร ด้วยว่าจอนี้เป็นพาเนล OLED ที่แสดงความสว่างได้ดีกว่า
ส่วนดีไซน์ ErgoLift Hinge ลิขสิทธิ์ของทาง ASUS จะเป็นการออกแบบตัวเครื่องให้ขอบหน้าจอยกตัวเครื่องขึ้นเล็กน้อย ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์งานด้วยคีย์บอร์ดของตัวเครื่องได้สะดวกขึ้นและมีชิ้นส่วนพลาสติกติดไว้เสริมไว้ไม่ให้ขอบตัวเครื่องรูดกับพื้นโต๊ะโดยตรง ช่วยให้บอดี้อลูมิเนียมยังสวยงามตามเดิม
ด้าน ASUS ScreenPad Plus จะมีก้านโลหะยกตัวหน้าจอให้เฉียงขึ้น ช่วยให้เจ้าของเครื่องมองหน้าจอ, ใช้สไตลัสขีดเขียนหรือใช้นิ้วแตะเลือกสิ่งต่างๆ บนหน้าจอได้สะดวกขึ้นอีกด้วย
หน้าจอของ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS สามารถกางหน้าจอได้ราว 120 องศา เวลากางหน้าจอเพื่อทำงานบนโต๊ะทำงานหรือวางบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็มองหน้าจอได้สะดวกยิ่งขึ้น หรือใครที่ไม่ได้ซื้อที่วางโน๊ตบุ๊คมา ก็ติดแผ่นที่รองโน๊ตบุ๊คเอาไว้ด้านใต้เพื่อยกตัวเครื่องขึ้นก็ได้เช่นกัน
ฝาหลังของ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS จะเป็นอลูมิเนียมเรียบๆ ไม่มีลวดลายอะไรเป็นพิเศษ ยกเว้นโลโก้ของ ASUS ตรงฝั่งขวาของตัวเครื่องเท่านั้น ช่วยให้ตัวเครื่องดูสวยเรียบหรูไม่เยอะไป เสริมบุคลิคของผู้ใช้ให้ดูดีมีระดับไปโดยปริยาย
ด้านใต้ตัวเครื่อง ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS จะเน้นความเรียบง่าย โดยมีช่องลมเข้าตรงกลาง 2 ช่องแล้วระบายออกด้านข้างเครื่องซ้ายขวา และสังเกตว่าทาง ASUS ย้ายเอาสติกเกอร์ต่างๆ ที่ติดตรงที่วางข้อมือตามปกติมาติดเอาไว้ด้านใต้เครื่องทั้งหมด ยกเว้นสติกเกอร์ Intel Core i9 ที่ติดไว้มุมซ้ายล่างของหน้าจอ ScreenPad Plus ทำให้บอดี้ด้านบนตัวเครื่องดูสะอาดไม่รกเกะกะเกินไป
Screen & Speaker
หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD พาเนล OLED ได้รับการรับรอง PANTONE Validated, TUV Rheinland, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500 เป็นที่เรียบร้อย ดีไซน์ขอบหน้าจอ NanoEdge ทำให้ขอบจอ 3 มุมคือฝั่งซ้ายขวาและขอบบนบางเป็นพิเศษ ส่วนขอบล่างที่หนากว่าทั้ง 3 มุมนั้นถูกหน้าจอ ScreenPad Plus บังเอาไว้ ทำให้เห็นพื้นที่หน้าจอหลักแล้วต่อด้วยจอเสริมทันที จัดเป็นดีไซน์ที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าหน้าจอนี้ใหญ่กว่าหน้าจอทั่วไป ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็น 2 หน้าจอ
ส่วนกลางขอบบนหน้าจอติดตั้งกล้อง IR Camera ความละเอียด HD เอาไว้ประชุมออนไลน์และสแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องได้โดยไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่าน ช่วยให้ปลดล็อคเครื่องมาใช้ได้สะดวกยิ่งขึ้น
ด้านขอบเขตสีของพาเนล OLED เมื่อวัดด้วย Spyder5Elite แล้ว ได้ขอบเขตสีระดับ 100% sRGB, 99% AdobeRGB ส่วน DCI-P3 ได้กว้าง 92% ซึ่งอาจจะต่างจากที่ทางบริษัทเคลมเอาไว้เล็กน้อยแต่ก็ถือว่าได้ขอบเขตสีกว้างพอใช้ทำงานอาร์ตต่างๆ ได้สบายๆ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ส่วนการเทียบความเที่ยงตรงสี Delta-E นั้นได้ 1.08 หรือน้อยกว่า 2 จัดว่าแม่นยำเป็นอย่างมาก ถ้าใครทำงานอาร์ตก็สามารถใช้งานบนหน้าจอนี้ได้เลย
ส่วนความสว่างหน้าจอที่วัดได้ เมื่อเปิดความสว่าง 100% แล้ว จะได้ความสว่าง 278.9 nits ซึ่งถือว่าสว่างมาสู้แสงแดดได้สบายๆ ถ้าใช้งานในห้องทำงานในออฟฟิศอาจจะลดลงเหลือสัก 75% ก็จะสว่างกำลังดีไม่แสบตานัก ส่วนพื้นที่ความสว่างเมื่อแยกวัดเป็นช่องๆ จะเห็นว่าพื้นที่ความสว่างทั่วจอจะมีความสว่างลดลงสูงสุดเพียง 5% เท่านั้น ส่วนที่สว่างมากจะอยู่ที่ขอบบนและล่างของตัวเครื่อง ส่วนกลางจะมีความสว่างลดลงมาเล็กน้อยแต่ก็ยังถือว่าสว่างพอใช้งานได้อย่างแน่นอน
คะแนนสรุปของหน้าจอนี้ที่ Spyder5Elite วัดได้ อยู่ที่ 4 จาก 5 คะแนน โดยจอนี้จะเด่นเรื่อง Gamut, Contrast ซึ่งเต็ม 5 คะแนน ซึ่งเป็นจุดเด่นของพาเนล OLED อยู่แล้ว ส่วนที่ลดลงมาเล็กน้อยเป็น Color Uniformity, Color Accuracy ที่ลงมาเป็น 4.5 จาก 5 คะแนน ซึ่งถือว่าใช้ได้ทีเดียว ดังนั้นครีเอเตอร์ก็ใช้จอ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้พรีเซนต์อาร์ตเวิร์คของตัวเองได้เลย และถ้านั่งทำงานในออฟฟิศจะต่อหน้าจอแยกสำหรับงานอาร์ตเสริมก็ดีเช่นกัน
ส่วนหน้าจอ ScreenPad Plus ขนาด 14.1 นิ้ว จะเห็นว่าตัวหน้าจอเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ดีไซน์มาเพื่อซัพพอร์ตหน้าจอหลัก โดยมีชุดคำสั่งลัดติดตั้งเอาไว้ตรงขอบฝั่งซ้ายของหน้าจอเพื่อเรียกใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ได้สะดวก ทั้งใช้เป็นจอแถบยาวสำหรับหน้าเอกสารใดเอกสารหนึ่งโดยเฉพาะหรือเอาเป็นจอเสริมไว้เปิดโปรแกรมที่ต้องใช้งานก็ได้
นอกจากนี้ทาง ASUS เขียนคำสั่งมาให้การลากหน้าจอใดหน้าจอหนึ่งสามารถกางสุดหน้าจอได้ โดยในภาพสุดท้ายจะเห็นว่ามีกรอบสีดำเพิ่มขึ้นมา ซึ่งทางซ้ายจะเอาไว้ขยายให้หน้าต่างใดหน้าต่างหนึ่งเป็นแถบยาวตลอดแนวทั้งหน้าจอหลักและเสริม ถ้าเป็นเครื่องหมายกางสุดฝั่งขวามือเป็นการกางสุดหน้าจอหลักและย้ายเอาโปรแกรมอื่นๆ ไปไว้ที่ ScreenPad Plus แทน
ลำโพงที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องจะมี 2 ดอก ติดตั้งไว้ด้านใต้เครื่องซึ่งกำลังขับเสียงถือว่าดังใช้ได้ เมื่อวัดด้วยเครื่องวัดเสียงจะดังราว 80 เดซิเบล ดังพอดูหนังฟังเพลงในห้องขนาด 28 ตารางเมตรได้สบายๆ ซึ่งโทนเสียงที่ได้ต้องถือว่าออกมาดี รายละเอียดเสียงครบถ้วนและดังพอควร ด้านโทนเสียงเบสนับว่ามีให้ฟังเพลงได้เพราะแต่แรงปะทะถือว่ากลางๆ ไม่ได้หนักแน่นเป็นพิเศษ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนไม่ถือว่าแย่แต่ก็เชื่อว่าทาง ASUS จะมีชุดลำโพงที่ให้เสียงหนักแน่นกว่านี้ติดตั้งมาให้ในรุ่นปรับปรุงก็จะดีเยี่ยม
Keyboard & Touchpad
คีย์บอร์ดของ ASUS ZenBook Duo 15 OLED UX582HS จะเป็นแบบ Full-size แบบปุ่ม Numpad เป็นปุ่มแบบทัชที่รวมอยู่กับชุด Numpad ซึ่งถ้ามองตามปกติ จะเห็นว่าเป็นแบบ Tenkeyless เท่านั้น เป็นการดีไซน์ที่จัดว่าน่าสนใจ ถ้าใครไม่ได้ใช้ Numpad บ่อยๆ ก็กดให้เป็นทัชแพดแทนก็ได้ และตัวคีย์บอร์ดก็มีไฟ LED Backlit สีขาว กดเปิดปิดได้ที่ปุ่ม Function Hotkey ของคีย์บอร์ดและไฟลอดตัวหนังสือขึ้นมา ทำให้พิมพ์งานในที่มืดหรือที่แสงน้อยได้สะดวกยิ่งขึ้น
ด้านปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ ของตัวเครื่อง จะเห็นว่า ASUS ก็ Mapping ปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ รวมเอาไว้เป็นเซ็ต ทำให้ผู้ใช้เรียกใช้งานสะดวกเข้าใจง่าย โดยมี Fn Lock โดยกด Fn+Esc, รวม Page Up/Page Down/Home/End เอาไว้ที่ปุ่มลูกศร และเอา Function อื่นๆ อีก 4 ปุ่มมาเรียงถัดจาก F12 ไปอีก 4 ปุ่ม พร้อมฟังก์ชั่นพิเศษเฉพาะของ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้อีก 4 ปุ่มด้วย
ด้าน Function Hotkey ที่รวมกับปุ่ม F1-F12 จะเป็นแบบกดแล้วใช้ Function Hotkey ถ้าใช้ F1-F12 ต้องกด Fn ค้างเอาไว้หรือ Fn Lock ก่อนถึงกดได้ โดยคำสั่งลัดที่ ASUS เซ็ตเอาไว้ ได้แก่
- F1-F3 – เพิ่มหรือลดเสียง
- F4-F5 – เพิ่มหรือลดความสว่างหน้าจอ
- F6 – ล็อคหรือไม่ล็อคทัชแพด
- F7 – ปรับความสว่างไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ด
- F8 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
- F9 – ปุ่มล็อคเครื่องให้กลับมาหน้าล็อคอิน
- F10 – ปุ่มปิดการทำงาน Webcam
- F11 – เรียกโปรแกรม Snipping Tool เพื่อบันทึกภาพหน้าจอ
- F12 – เรียกโปรแกรม MyASUS ขึ้นมาตั้งค่าตัวเครื่อง
ส่วนปุ่มพิเศษ 4 ปุ่มเหนือทัชแพด จากซ้ายปุ่มแรกเป็นปุ่มเปลี่ยนโหมดการทำงานตัวเครื่อง 3 โหมด แยกเป็น Performance mode ที่รีดประสิทธิภาพตัวเครื่องสูงสุด, Balanced mode สำหรับใช้งานทั่วไป, Whisper mode ที่เน้นทำงานเสียงเงียบและเบา เน้นประหยัดแบตเตอรี่ ส่วนปุ่มขวาสุดเป็นปุ่ม Power ไว้เปิดหรือปิดเครื่อง
ตรงกลาง 2 ปุ่มเป็นปุ่มพิเศษสำหรับใช้งานกับ ScreenPad Plus โดยปุ่มซ้ายไว้สลับโปรแกรมที่หน้าจอหลักกับ ScreenPad Plus ได้ทันที เช่นถ้าเปิดเบราเซอร์ไว้จอหลักเพื่อหาข้อมูล แล้วเปิดโปรแกรมตัดต่อวิดีโอไว้อีกจอ พอได้ข้อมูลที่ต้องการก็กดปุ่มนี้สลับหน้าจอได้ทันที ส่วนปุ่มขวามือที่เหมือนจอเสริมถูกขีดคร่าเอาไว้จะทำงานเหมือนปุ่ม Project คือจะเปิดหรือปิดหน้าจอ ScreenPad Plus โดยเฉพาะ
ในเมื่อมี ScreenPad Plus เสริมอยู่ด้านบนจนต้องเลื่อนชุดคีย์บอร์ดของ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS ลงมาตรงแถบที่วางข้อมือตามปกติแล้ว ถ้าใช้งานตามปกติสันมือจะต้องแตะพื้นโต๊ะแล้วต้องยกนิ้วสูงกว่าปกติหรือต้องยกทั้งมือขึ้นมา ดังนั้นถ้านั่งทำงานบนโต๊ะทำงานทาง ASUS ก็แถมที่วางข้อมือมาให้วางข้อมือพิมพ์งานได้สะดวก หรือถ้าใครยกให้มือลอยเล็กน้อยตอนพิมพ์งานอยู่แล้วก็อาจจะไม่มีปัญหานัก
ทัชแพดของตัวเครื่องเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง อยู่ฝั่งขวามือของคีย์บอร์ดและรวม Numpad แบบทัชเอาไว้ ถ้าปิดอยู่จะเห็นเงาร่องรอย Numpad ถ้าต้องการพิมพ์ตัวเลขก็แตะที่โลโก้ปุ่มตัวเลขที่มุมบนขวาได้เลย แล้วไฟชุด Numpad จะติดขึ้นมาพร้อมใช้งานได้ตามปกติ สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และถ้าเปิด Numpad ค้างเอาไว้แต่ต้องการใช้เมาส์ก็ลากนิ้วบนทัชแพดได้ทันทีโดยตัวเครื่องก็ไม่เกิดอาการรวนทำงานซ้อนกับปุ่มตัวเลขอีกด้วย ถือว่าทาง ASUS ตั้งค่าการทำงานมาได้ดีระดับหนึ่งทีเดียว
Connector / Thin & Weight
พอร์ตที่ติดตั้งมาให้ใช้งานจะเป็นพอร์ตเวอร์ชั่นใหม่ ไม่มี USB 2.0 แล้ว แต่จะมีช่องระบายความร้อนคั่นเอาไว้ทั้งสองฝั่ง ซึ่งพอร์ตด้านข้างตัวเครื่องฝั่งซ้ายจะมีแค่ช่องเสียบปลั๊ก, HDMI 2.1, Audio Combo อย่างละช่อง ส่วนฝั่งขวามือ USB-C รองรับ Thunderbolt 4 x 2 ช่องและ USB-A 3.2 Gen 2 x 1 ช่อง
โดยส่วนตัว ต้องถือว่า ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้ก็ให้พอร์ตจำเป็นมาระดับหนึ่งแล้วทั้ง HDMI และ USB-A 3.2 Gen 2 เอาไว้ต่ออุปกรณ์อื่นได้ กรณีใช้งานเป็นโหมดโน๊ตบุ๊คอย่างเดียว แต่ถ้าตั้งโต๊ะต่อหน้าจอแยกเป็นพีซีสักเครื่องอาจจะถือว่าพอร์ตน้อยไปนิดหน่อย ถ้าเป็นผู้เขียนเอง จะซื้อ USB-C Multiport Adapter มาต่อแยกจากพอร์ต USB-C เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น
มิติตัวเครื่องขนาด 15.6 นิ้ว จะอยู่ที่ กว้าง 35.98 x ลึก 24.92 x หนา 2.15 เซนติเมตรด้วยกัน และขอบตัวเครื่องส่วนบนจะยื่นออกมาเล็กน้อย ทำให้ใช้นิ้วเดียวดึงเปิดหน้าจอได้ทันทีและการบาลานซ์น้ำหนักตัวเครื่องต้องถือว่าดี ใช้นิ้วเดียวกางหน้าจอได้เลยและตัวเครื่องแทบไม่กระดกตามหน้าจอขึ้นมาเลย
น้ำหนักตัวเครื่อง เมื่อชั่งด้วยตาชั่งดิจิตอลแล้ว เฉพาะตัวเครื่องอย่างเดียวหนักที่ 2.38 กิโลกรัมถือว่าใกล้เคียงกับที่ ASUS เคลมไว้ที่ 2.34 กิโลกรัม หากเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วในปัจจุบันต้องถือว่าไล่เลี่ยกัน ส่วนอุปกรณ์เสริมทุกชิ้น รวมที่วางข้อมือและปากกาอยู่ที่ 840 กรัม ส่วนน้ำหนักเมื่อรวมกับอแดปเตอร์แล้วขึ้นมาเป็น 3.07 กิโลกรัม หากรวมอุปกรณ์บันเดิลทุกชิ้นอยู่ที่ 3.29 กิโลกรัมด้วยกัน
ผู้เขียนขอแนะนำว่าถ้าจะพกเครื่องไปไหนมาไหนควรใช้กระเป๋าเป้เป็นหลัก ไม่ควรใช้กระเป๋าสะพายข้างแบบ Messenger bag เพราะน้ำหนักอาจจะกดทับไหล่จนบาดเจ็บระยะยาวได้
ส่วนอุปกรณ์เสริมทั้งสองชิ้นอย่างที่วางข้อมือและปากกา ตัวที่วางข้อมือยาวสุดขอบเครื่องและปิดด้วยพลาสติกเนื้อยาง สกรีนคำว่า “ZenBook Series” เอาไว้ ถ้าใครพิมพ์งานไม่สะดวกก็เอาที่วางข้อมือเลื่อนไปชิดตัว ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS ได้เลย
ส่วนปากกาสไตลัสที่แถมมาให้ในกล่อง จะเป็นแบบเดียวกับที่แถมมาให้ในโน๊ตบุ๊ค ASUS หลายๆ รุ่นที่รองรับการเขียนและแตะหน้าจอ ซึ่งตัวปากกามีปุ่มกด 1 ปุ่มและขันท้ายปากกาออกเปลี่ยนถ่าน AAAA x 1 ก้อนที่อยู่ในด้ามปากกาได้เลย ด้านการตอบสนองตอนเขียนจดหรือวาดหน้าจอต้องถือว่าทำงานได้ดี สามารถวาดสเก็ตช์ภาพหรือจดโน๊ตการประชุมและเซ็นเอกสารได้สบายๆ
Inside & Upgrade
ส่วนการอัพเกรดตัวเครื่อง ผู้ใช้ทั่วไปสามารถไขน็อต Torx จำนวน 11 ดอกออกแล้วเปิดฝาเครื่องได้เลย โดยจุดสำคัญ 2 จุดตอนเปิดฝาเครื่องนี้ อย่างแรกคือทาง ASUS จะมีน็อตอยู่ตรงกลางเครื่อง 3 ดอกที่ปิดด้วยสติกเกอร์เอาไว้ แนะนำให้เอาเข็มเย็บผ้ามาสะกิดแล้วขันน็อตออกค่อยเอาการ์ดแข็งหรือปิ๊กกีตาร์มาไล่ขอบรอบตัวเครื่องแล้วดึงเปิดฝาได้เลย โดยผู้เขียนแนะนำให้เริ่มแกะ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS จากขอบล่างตัวเครื่องบริเวณลำโพงก่อน ค่อยไล่ไปส่วนอื่นจะแกะได้สะดวกกว่า
อย่างไรก็ตาม ถึงจะเปิดฝาด้านใต้เครื่องได้แล้วแต่ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS แทบจะไม่มีพอร์ตให้อัพเกรดตัวเครื่องเลย เพราะชิ้นส่วนแทบทั้งหมดรวมถึงแรมเป็นแบบออนบอร์ด มีเพียงแค่ SSD แบบ M.2 NVMe อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 ที่เป็นไดรฟ์หลักตัวเดียวใต้พัดลมซ้ายมือเท่านั้นที่แกะเปลี่ยนได้และไม่มีอินเตอร์เฟส PCIe สำหรับ SSD ตัวเสริมติดตั้งเสริมมาให้เลย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องมาอัพเกรดให้เสียเวลา ยกเว้นเฉพาะ SSD ตัวหลักเสียหายค่อยถอดเปลี่ยนก็ได้
Performance & Software
สเปคของตัวเครื่องในส่วนของซีพียูจะเป็น Intel Core i9-11900H แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 2.5-4.9GHz เป็นสถาปัตยกรรม Tiger Lake-H รุ่นใหม่ เป็นทรานซิสเตอร์ขนาด 10 นาโนเมตร รองรับชุดคำสั่งพื้นฐานที่ต้องใช้งานครบถ้วน ส่วนแรมในเครื่องเป็นออนบอร์ด ความจุ 32GB DDR4 บัส 3200MHz จัดว่าได้เยอะเพียงพอใช้ทำงานหนักๆ ทั้งตัดต่อวิดีโอหรือทำ 3D CG ก็ได้
การ์ดจอในเครื่องเป็น NVIDIA GeForce RTX 3080 แรม 8GB GDDR6 แบบ Max-Q มีค่า TGP อยู่ที่ 90 วัตต์ และทำ Dynamic Boost ไปได้ 106 วัตต์ ใช้ไดรเวอร์เป็น NVIDIA Studio ที่เน้นความเสถียรให้ทำงานได้โดยไม่มีปัญหา รองรับชุดคำสั่ง OpenCL, DirectCompute, DirectML, Vulkan, PhysX, OpenGL 4.6, CUDA, Ray Tracing ด้วย ซึ่งการ์ดจอตัวนี้จะเน้นไปทางการทำงานเป็นหลัก ไม่ได้เน้นไปที่การเล่นเกมมากนัก แต่จริงๆ แล้วก็สามารถเล่นเกมได้ดีไม่แพ้การ์ดจอรุ่นอื่นเลย
พาร์ทในตัวเครื่อง เมื่อดูใน Device Manager แล้ว จะเห็นว่า ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้รองรับการสแกนใบหน้าด้วยกล้อง IR Camera ที่ติดตั้งมาให้คู่กับ Webcam ของตัวเครื่อง รองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.0 และมีชิป TPM 2.0 ติดตั้งมาให้เพื่อรองรับ Windows 11 Home ในเครื่องได้อีกด้วย
ด้าน SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 1TB ในเครื่องเป็นรหัส Samsung MZVL21T0HCLR-00B00 หรือ Samsung PM9A1 ซึ่งเป็น M.2 NVMe ที่เป็น PCIe 4.0 เมื่อต่อกับอินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 ในตัวเครื่องแล้ว สเปคที่ทาง Samsung เคลมเอาไว้ที่หน้าเว็บได้ความเร็ว Sequential Read/Write อยู่ที่ 7,000/5,200 MB/s
ผลที่ได้จาก CrystalDiskMark ได้ความเร็ว Sequential Read/Write อยู่ที่ 6,173.56/5,026.05 MB/s ต้องถือว่าความเร็วของ SSD เดิมๆ จากโรงงานตัวนี้ทำงานได้ดี บูตโปรแกรมใหญ่ๆ เรียกงานที่เซฟไว้กลับมาทำต่อได้เร็วทันใจแน่นอน ซึ่งส่วนนี้ผู้เขียนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็ได้ เรียกว่าได้เครื่องมาก็ใช้เดิมๆ ไม่ต้องอัพเกรดก็ดีเช่นกัน
ส่วนการทดสอบเรนเดอร์โมเดล 3D ด้วย CINEBENCH R15 ที่ทดสอบรอบด้านได้ผลคะแนน OpenCL 141.29 fps และกำลังเรนเดอร์ของซีพียูอยู่ที่ 1379 cb จัดว่าแรงพร้อมทำงาน 3D CG หรือแม้แต่ตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูงก็ทำได้สบายๆ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน และเมื่อทดสอบด้วย CINEBENCH R20 ที่โฟกัสทดสอบตัวซีพียูอย่างเดียว ได้คะแนน 2295 pts ซึ่งถือว่าสูงทีเดียว ในฐานะโน๊ตบุ๊คสำหรับครีเอเตอร์ก็ถือว่าใช้ได้ดีไม่มีปัญหาแน่นอน
ส่วนการทดสอบ 3DMark Time Spy ว่า ASUS ZenBook Duo 15 OLED UX582HS เล่นเกมได้ดีแค่ไหน ซึ่งผลคะแนนรวมที่ทดสอบได้อยู่ที่ 8,964 คะแนน ซึ่งระดับนี้ถือว่าสามารถเล่นเกมฟอร์มยักษ์ได้ดีแน่นอน ถ้ามองแยกจะเห็นว่า CPU score อยู่ที่ 5,976 คะแนน ส่วน Graphics score อยู่ที่ 9,832 คะแนน ซึ่งนอกจากทำงานกราฟฟิค 3D แล้ว ฝั่งเกมมิ่งก็ไม่มีปัญหาแน่นอน
ส่วนการทดสอบ PCMark 10 ที่จำลองเวลานำโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปทำงานออฟฟิศทั่วไปทั้งงานเอกสาร, ตัดต่อแต่งภาพและประชุมออนไลน์ จะได้คะแนนรวมเฉลี่ยประหลาดไปบ้างที่ 5,682 คะแนน แต่ใช้ทำงานออฟฟิศได้อย่าแน่นอน ถ้ามองแยกหมวดหมู่ก็จะเห็นว่า ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้ไม่มีปัญหาเวลานำไปทำงานตัดต่อวิดีโอหรือแต่งภาพในหมวดการทดสอบ Digital Content Creation แล้วดึงคะแนนลงเลย และทั้ง 3 หมวดทำคะแนนเฉลี่ยได้ช่วง 7500-8400 คะแนน ต้องถือว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เกิดมาเพื่อทำงานได้อย่างดี
ซีพียู Intel Core i9-11900H การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 กับแรม 32GB DDR4 และ SSD แบบ M.2 NVMe 1TB PCIe 4.0 x4 ที่โหลดข้อมูลได้รวดเร็ว นอกจากจะทำงานได้ดีหายห่วงแล้ว ถ้าในเวลาว่างต้องการเล่นเกม ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้ก็สามารถทำหน้าที่ของมันได้ดียอดเยี่ยมเช่นกัน
จากผลการทดสอบเล่นเกม โดยปรับความละเอียดเกมลงมาที่ 1080p หรือ Full HD แล้วปรับกราฟฟิคในเกมระดับสูงสุดหมดทุกอย่างเท่าที่เกมเปิดให้ตัง้ค่าได้ จะเห็นว่าทุกเกมได้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยเกิน 60 fps ทั้งหมด ยกเว้นเฉพาะ GTA V ที่ใช้ระบบ Benchmark ภายในตัวเกมที่เฉลี่ยได้ราว 47 fps แต่ก็ยังเล่นได้ไหลลื่นไม่มีปัญหา ซึ่งจากที่ผู้เขียนทดลองเล่นเกมแล้ว ต้องถือว่า ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS จัดว่าดีรอบด้านทั้งเป็นเครื่องมือทำงานสำหรับครีเอเตอร์ในช่วงกลางวันและกลายเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Desktop Replacement ในเวลาว่างก็ได้ ไม่ว่าจะเปิดกราฟฟิคจนสุดแล้วเกิดเอฟเฟคทำลายและเรนเดอร์ฉากใหม่อย่างรวดเร็วก็ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นจะต่อหน้าจอแยกแล้วเล่นเกมในบ้านก็ไม่มีปัญหา
ด้านโปรแกรม MyASUS ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้จะใช้เซ็ตตั้งค่า, มอนิเตอร์การทำงานของตัวเครื่องในส่วนต่างๆ ได้โดยละเอียด นอกจากนี้ถ้าโน๊ตบุ๊คมีปัญหาใช้งานไม่ได้ก็มีแท็บ Customer Support สำหรับติดต่อทางศูนย์บริการ ASUS ได้ทันทีอีกด้วย
Battery & Heat & Noise
ด้านแบตเตอรี่ของ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้ เป็นแบตเตอรี่ความจุมากถึง 92Wh เป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลิเมอร์ ความจุ Typical 5,984mAh และ Rated 5,810mAh ซึ่งความจุนี้ถือว่าเยอะแล้วในหมู่โน๊ตบุ๊คทำงานขนาด 15.6 นิ้ว ใช้ซีพียูประสิทธิภาพสูงและมีการ์ดจอแยกด้วย ซึ่งถ้าใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมงแบตเตอรี่ก็ไม่หมดง่ายอย่างแน่นอน
และเมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์ โดยลดความสว่างหน้าจอต่ำสุด, เบาเสียงลำโพงให้ดังแค่ 10% ปิดไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ดและเปลี่ยนโหมดการทำงานในโปรแกรม MyASUS ให้เน้นประหยัดพลังงานเป็นหลักแล้วใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube นาน 30 นาทีจากนั้นวัดระยะเวลาใช้งานด้วยโปรแกรม BatteryMon
ผลที่ได้คือ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 6 ชั่วโมง 53 นาที ซึ่งจัดว่าใช้ได้นานแล้วในฐานะโน๊ตบุ๊คทำงานประสิทธิภาพสูงมีการ์ดจอแยกระดับตัวท็อปติดตั้งมาให้ด้วย ถ้าใครนำโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปประชุมงานกับลูกค้านานหลายชั่วโมงก็ไม่มีปัญหาแน่นอน
ระบบระบายความร้อนของตัวเครื่อง จะมีฮีตไปป์ราว 5-6 เส้น พาดทั้งซีพียูและการ์ดจอแล้วตรงออกไปที่ฮีตซิ้งค์หน้าฮีตไปป์ทั้งสองฝั่ง ซึ่งเวลาใช้งานตามปกติ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS ทำงานทั่วไปอย่างงานเอกสารหรือเปิดเบราเซอร์ดูเว็บทั่วไป จัดว่าเเสียงเงียบและเครื่องเย็นมาก ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนตอนใช้งานเลยสักนิดเดียว ยกเว้นเฉพาะตอนเปิด Performance mode หรือรันโปรแกรม 3D ต่างๆ จะได้ยินเสียงพัดลมดังชัดเจน
อุณหภูมิภายในเครื่อง เมื่อวัดด้วย CPUID HWMonitor จะเห็นว่าอุณภูมิตัวเครื่องอยู่ที่ 48~100 องศาเซลเซียสทีเดียว จัดว่าสูงจนหลายคนกลัวว่ามันจะร้อนจนเจ็บมือ ซึ่งที่ใช้จริงมาต้องถือว่าตัวเครื่องจะออกอุ่นทั่วโซนคีย์บอร์ด โดยเฉพาะตรงช่องระบายความร้อนด้านข้างตัวเครื่องทั้งสองฝั่ง ผู้เขียนจึงแนะนำว่าให้ใช้งานโดยติดสติกเกอร์ที่วางโน๊ตบุ๊คเอาไว้แล้วกางตั้งเครื่องเอาไว้ และถ้ารู้ว่าจะทำงานหนักก็แนะนำให้ใช้ในห้องแอร์จะช่วยระบายความร้อนให้ตัวเครื่องได้ดีึ
User Experience
หากตัดประเด็นเรื่องขนาดตัวเครื่องของ ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS ที่ใหญ่และหนักพอควร เนื่องจากเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับครีเอเตอร์ที่สเปคสูงและดีไซน์โดดเด่นเป็นทุนอยู่แล้ว เวลาจะพกเครื่องไปไหนมาไหนก็ควรเอาใส่กระเป๋าเป้ไปเลยจะดีกว่า กลับกันถ้าซื้อมาตั้งไว้ใช้งานเป็น Desktop Replacement แทนการประกอบพีซีสักเครื่องที่โต๊ะทำงานแล้ว โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นคำตอบที่ดีและลงตัวมาก ไม่ต้องอัพเกรดอะไรเลยก็ทำงานได้สบายๆ แค่จำเป็นต้องมี External Harddisk เอาไว้แบ็คอัพงานสักหน่อยเพื่อความอุ่นใจไม่มีปัญหางานหายมากวนใจ
เรื่องสเปคและความแรงต้องถือว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ดีกว่าพีซีหลายๆ เครื่องเสียด้วยซ้ำ ซึ่งผู้เขียนมองว่าถ้าใครจะเอามาตั้งโต๊ะแล้วทำงานยาวๆ และอาจจะพกเครื่องไปพบลูกค้าในบางโอกาส ก็แค่หาหน้าจอสำหรับทำงานอาร์ตโดยเฉพาะ, เมาส์คีย์บอร์ดและ USB-C Hub ดีๆ สักตัวมาต่อไว้เพื่อเพิ่มพอร์ตรับส่งข้อมูลหรือสาย USB-C ที่เป็นสาย Thunderbolt มาต่อหน้าจอแยกเสริมกับ HDMI 2.1 ข้างตัวก็จะดีมาก เพราะผู้เขียนเชื่อว่า USB-A 3.2 Gen 2 เพียงช่องเดียวไม่พอใช้แน่นอน แค่ต่อ External Harddisk ไว้แบ็คอัพงานก็จบกันแล้ว ดังนั้นควรใช้ประโยชน์จากพอร์ต Thunderbolt 4 ทั้งสองช่องให้เต็มที่จะดีกว่า
นอกจาก 2 สิ่งนี้ ทั้งเรื่องน้ำหนักตัวเครื่องและพอร์ตที่มีจำกัด ต้องถือว่า ASUS Zenbook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับครีเอเตอร์ที่ทรงพลังมาก ทั้งทำงาน 3D CG ตัดต่อวิดีโอและทำงานอาร์ตเวิร์คต่างๆ ได้โดยไม่ต้องประกอบพีซีแล้วต้องคอยกลุ้มกับราคาการ์ดจอที่ยังสูงอยู่ให้กลุ้มใจและเวลาว่างหลังจากงานก็เอามาใช้เพื่อความบันเทิงอย่างดูหนังฟังเพลงและเล่นเกมได้สบายๆ ไม่ต้องอัพเกรดก็ได้ จัดว่าเป็นเครื่องที่ซื้อมาจบทุกจุดไม่ต้องอัพเกรดแล้วหันไปโฟกัสเรื่องอุปกรณ์เสริมที่ตอบโจทย์การใช้งานแทนได้เลย
นอกจากนี้การที่ ASUS ให้ปากกาสไตลัสสำหรับวาดเขียนมาในแพ็คเกจเพื่อสเก็ตช์งานวาดไอเดียต่างๆ ออกมาเป็นรูปร่างก็เป็นอุปกรณ์เสริมที่ดี เชื่อว่าคนที่ต้องใช้ความคิดหรือออกแบบอะไรสักอย่างต้องได้ใช้งานอย่างแน่นอนและปากกาด้ามนี้ก็ทำงานตอบสนองได้ดีไม่แพ้สไตลัสของแบรนด์ชั้นนำหลายๆ เจ้าอีกด้วย
Conclusion & Award
ถ้าให้สรุปแล้ว ASUS ZenBook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้คือโน๊ตบุ๊คสำหรับครีเอเตอร์ สเปคแรงจบไม่ต้องอัพเกรดให้เปลืองเงินได้อย่างเต็มปาก ด้วยราคา 129,990 บาท ในปี 2022 นี้ ต้องถือว่าเป็นสเปคที่สมเหตุผลอยู่หากเทียบกันในหมู่โน๊ตบุ๊คสำหรับครีเอเตอร์ด้วยกัน และหากซื้อเครื่องนี้มาใช้งานก็ลืมเรื่องประกอบพีซีไปได้หลายปีเลย และยังพกเครื่องไปนำเสนองานกับลูกค้าได้สบายๆ อีกด้วย
นอกจากสเปคแล้ว องค์ประกอบต่างๆ ของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ต้องถือว่าทาง ASUS ก็ใส่มาให้ครบเครื่องทั้งหน้าจอ 4K UHD พาเนล OLED ได้รับการรับรอง PANTONE Validated, TUV Rheinland, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500 นั้นถือว่าทำงานอาร์ตเวิร์คต่างๆ ได้สบายๆ รวมทั้งหน้าจอ ScreenPad Plus ที่ติดตั้งมาเป็นหน้าจอเสริมสำหรับเปิดหน้าจอคำสั่งของโปรแกรมนั้นๆ และพลิกแพลงการใช้งานได้หลากหลายและใช้สไตลัสวาดเขียนบนหน้าจอได้ด้วยต้องถือว่าออกแบบและใส่ฟังก์ชั่นเสริมประสบการณ์ใช้งานมาให้ดีครบถ้วนมาก ถ้าเอาไปสร้างสรรค์ผลงานอาร์ตต่างๆ ก็ถือว่าทำได้ดีไม่มีปัญหา และเมื่อมีปากกาสไตลัสเข้ามาเสริมให้ใช้สเก็ตช์ภาพหรือไอเดียต่างๆ ด้วย ศิลปินก็เริ่มทำงานบนตัวเครื่องได้ทันทีเลย ซึ่งถ้าใครหาโน๊ตบุ๊คสำหรับครีเอเตอร์เอาไว้ทำงานสักเครื่อง ตั้งใจว่าลงทุนซื้อเครื่องดีๆ มาใช้เลยก็ซื้อเครื่องนี้ไปใช้ได้เลยไม่ต้องคิดมาก
award
best performance
ASUS ZenBook Duo 15 OLED UX582HS เครื่องนี้เมื่อนำซีพียู, การ์ดจอ, แรมและ SSD คุณภาพสูงทั้งหมดมารวมกันเอาไว้ในโน๊ตบุ๊คเครื่องเดียวให้พร้อมรับงานหนักได้สบายๆ ก็คู่ควรกับคำว่า Best Performance อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันใช้รันงานหนักๆ ได้โดยไม่มีปัญหาตั้งแต่ทำงานอาร์ตเวิร์คไปจน 3D CG ต่างๆ เลย
best graphic
หน้าจอทัชหลักขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD พาเนล OLED ที่ได้รับการรับรองมากมายไม่ว่าจะ PANTONE Validated, TUV Rheinland, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500 และเมื่อวัดด้วย Spyder5Elite แล้วได้ขอบเขตสีกว้างและเที่ยงตรงมาก พร้อมทำงานอาร์ตต่างๆ ได้สบายๆ ก็คู่ควรกับรางวัล Best Graphic อย่างไม่ต้องสงสัย