มือถือราคาไม่เกิน 5000 บาท ปี 2022 นี้มีรุ่นดีๆ ไม่แพงให้เลือกหลายรุ่นเลย
มือถือราคาไม่เกิน 5000 บาทน่าจะเป็นสมาร์ทโฟนที่หลายคนเลือกซื้อมาใช้งาน ไม่ว่าจะใช้เป็นเครื่องรองหรือซื้อให้ลูกหลานเอาไว้โทรหรือไลน์ติดต่อกัน และในปี 2022 นี้ก็ยังมีตัวเลือกหลากหลายรุ่นและเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกให้เลือกมากมายหลายรุ่นและสเปคถือว่าไม่ขี้เหร่ ไม่ใช่แค่ใช้โทรออกรับสายเปิดไลน์ได้ แต่ยังใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คและถ่ายภาพได้คมชัดระดับหนึ่งอีกด้วย และเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ส่งมือถือเครื่องหลักไปเคลมแล้วใช้เวลาซ่อมหลายวันก็อาจจะหามือถือประเภทนี้มาเป็นเครื่องสำรองไว้ใช้งานเลยก็ได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องทำใจเล็กน้อยสำหรับมือถือประเภทนี้สเปคแม้จะคุ้มค่าแต่จะรองรับแค่ 3G หรือ 4G ยังไม่รองรับ 5G เพราะราคาชุดเสาสัญญาณกับโมเด็มยังแพงและทำราคาไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม 4G ในปัจจุบันนี้ก็ยังใช้งานโซเชียลและรับส่งข้อความได้รวดเร็วไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
7 มือถือราคาไม่เกิน 5000 บาท ซื้อมาเป็นเครื่องเสริมก็ดี ให้ลูกหลานใช้ก็ได้
สำหรับคนที่มองหามือถือราคาไม่เกิน 5000 บาทในปี 2022 นี้ยังหาซื้อได้ง่าย เลือกได้หลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะแบรนด์ที่คุ้นเคยกันหรือแบรนด์น้องใหม่ที่ขยายเข้ามาสู่ประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีให้เลือกเหมือนกัน โดยทั้ง 7 รุ่นที่เลือกมาแนะนำจะมีดังนี้
- TECNO Mobile POP5 (2,499 บาท)
- Xiaomi Redmi 9A (3,099 บาท)
- realme C21 (3,490 บาท)
- Motorola E7i Power (3,499 บาท)
- Infinix Hot 11 Play (4,099 บาท)
- Samsung Galaxy A03 (4,599 บาท)
- vivo Y12a (4,999 บาท)
1. TECNO Mobile POP5 (2,499 บาท)
TECNO Mobile POP5 เป็นเครื่องแรกที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้ แม้จะเป็นแบรนด์ที่ไม่คุ้นหูคนไทย แต่สมาร์ทโฟนจากฮ่องกงแบรนด์นี้ก็ถือว่าให้สเปคมาดีและราคาไม่แพงมากอีกด้วย ซึ่ง POP5 รุ่นใหม่นี้ได้หน้าจอขนาด 6.52 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600×720 พิกเซล) ติดตั้งชิป ARM A7 แบบ Quad-core มี RAM 2GB, ROM 32GB เพิ่ม SD Card ได้ 256GB ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 11 Go มาให้ ซึ่งไม่กินสเปคมากแต่ใช้งานได้ดีไม่แพ้ Android เวอร์ชั่นปกติที่ใช้งานกันอย่างแน่นอน รองรับ 3G, Wi-Fi, Bluetooth 5.0, FM, GPS มาให้ มีแบตเตอรี่ในตัว 5,000 mAh ใช้งานได้ทั้งวันและอาจจะเกินวันได้เลย ส่วนกล้องหลังมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซลจับคู่กับ VGA และกล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเช่นกัน ติดตั้งไฟแฟลชเอาไว้ทั้งด้านหน้าและหลังเครื่อง รองรับการสแกนใบหน้าและลายนิ้วมืออีกด้วย
สเปคของ TECNO Mobile POP5
- หน้าจอขนาด 6.52 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600×720 พิกเซล)
- ชิป ARM A7 แบบ Quad-core
- RAM 2GB, ROM 32GB เพิ่ม SD Card ได้ 256GB
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 Go
- รองรับ 3G, Wi-Fi, Bluetooth 5.0, FM, GPS
- แบตเตอรี่ในตัว 5,000 mAh
- กล้อง
- กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซลกับ VGA และไฟแฟลช
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลกับไฟแฟลช
- รองรับการสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือ
- ราคา 2,499 บาท (Tecno Shopee Mall)
2. Xiaomi Redmi 9A (3,099 บาท)
Xiaomi Redmi 9A เป็นมือถือราคาไม่เกิน 5000 บาทที่แม้จะเปิดตัวและวางจำหน่ายมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังน่าใช้ไม่ว่าจะซื้อเอาไว้ใช้เป็นเครื่องสำรองหรือให้ลูกหลานเอาไว้ใช้งาน ตัวเครื่องใช้หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600×720) ใช้ชิป MediaTek Helio G25 มี RAM 2GB, ROM 32GB รองรับ microSD Card เพิ่มความจุสำหรับลงแอพฯ หรือเซฟภาพกับวิดีโอได้ ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 10 มาให้พร้อมใช้งาน รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0 ชาร์จแบตเตอรี่ 5,000 mAh ในตัวด้วยสาย USB-C ได้ มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ส่วนกล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รองรับการสแกนลายนิ้วมือและใบหน้าซึ่งเครื่องนี้เรียกว่าซื้อเอาไว้เป็นเครื่องเสริมหรือให้คนใกล้ตัวเอาไว้ใช้งานก็ดีเช่นกัน
สเปคของ Xiaomi Redmi 9A
- หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600×720 พิกเซล)
- ชิป MediaTek Helio G25
- RAM 2GB, ROM 32GB เพิ่ม microSD Card ได้
- ระบบปฏิบัติการ Android 10
- รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0, มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- แบตเตอรี่ในตัว 5,000 mAh ชาร์จด้วยสาย USB-C
- กล้อง
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลกับไฟแฟลช
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- รองรับการสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือ
- ราคา 3,099 บาท (Xiaomi Official Store Shopee Mall)
3. realme C21 (3,490 บาท)
realme C21 เป็นมือถือราคาไม่เกิน 5000 บาทจากอินเดียที่ถือว่าคุ้มเกินค่าตัวใช้ได้ทีเดียว เพราะทางบริษัทพัฒนาโดยใส่ระบบ AI เข้ามาช่วยประมวลผลการทำงานและให้กล้องหลังมาหลายตัวอีกด้วย โดยหน้าจอตัวเครื่องมีขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600×720) ค่า Refresh Rate 90 Hz ใช้ชิป MediaTek Helio G35 มี RAM 3GB, ROM 32GB ใส่ microSD Card เพิ่มได้สูงสุด 256GB ติดตั้งระบบปฏิบัติการ realme UI 1.0 พัฒนาจาก Android 10 มาให้ในตัว รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.1 มีแบตเตอรี่ในตัว 5,000 mAh รองรับการชาร์จไว 18 วัตต์ผ่านพอร์ต microUSB และมีช่องหูฟัง 3.5 มม. ติดตั้งมาให้ใช้งาน ส่วนกล้องหลัง 3 ตัว ตัวหลักมีความละเอียด 13 ล้าน, เลนส์ Macro กับ Depth ตัวละ 2 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช กล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่เซนเซอร์หลังเครื่องด้วย เรียกว่าให้มาคุ้มค่าตามสไตล์ realme เลย
สเปคของ realme C21
- หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600×720 พิกเซล) Refresh Rate 90 Hz
- ชิป MediaTek Helio G35
- RAM 3GB, ROM 32GB เพิ่ม microSD Card ได้ 256GB
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 1.0 พัฒนาจาก Android 10
- รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.1, มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- แบตเตอรี่ในตัว 5,000 mAh ชาร์จด้วยสาย microUSB รองรับชาร์จไว 18 วัตต์
- กล้อง
- กล้องหลัง 13 ล้าน, เลนส์ Macro กับ Depth ตัวละ 2 ล้านพิกเซลกับไฟแฟลช
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
- ราคา 3,490 บาท (Wemall Shopee Mall)
4. Motorola E7i Power (3,499 บาท)
Motorola E7i Power เป็นมือถือราคาไม่เกิน 5000 บาทจากแบรนด์มือถือสุดทนทานอย่าง Motorola ที่สเปคเรียกว่ากำลังดี ด้วยหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600×720) ชิปเซ็ตเป็น Unisoc SC9863A แบบ Octa-core มี RAM 2, ROM 32GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512GB ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 แบบไม่ปรุงแต่งโดยตรงจาก Google เชื่อมต่อผ่านทาง 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0 มีช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. ให้ใช้งาน ชาร์จแบตเตอรี่ 5,000 mAh ด้วยสาย USB-C รองรับชาร์จไว 10 วัตต์ ส่วนกล้องหลังตัวหลักมีความละเอียด 13 ล้านและกล้องเสริม 2 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งถ้าใครอยากใช้มือถือราคาไม่เกิน 5000 บาทแล้วเป็น Android ไม่ปรุงแต่งเลยแนะนำให้ดูตัวนี้เอาไว้ใช้งาน
สเปคของ Motorola E7i Power
- หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600×720 พิกเซล)
- ชิป Unisoc SC9863A
- RAM 2GB, ROM 32GB เพิ่ม microSD Card ได้ 512GB
- ระบบปฏิบัติการ Android 11
- รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0, มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- แบตเตอรี่ในตัว 5,000 mAh ชาร์จด้วยสาย USB-C รองรับชาร์จไว 10 วัตต์
- กล้อง
- กล้องหลัง 13 ล้าน, เลนส์เสริม 2 ล้านพิกเซลกับไฟแฟลช
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- ราคา 3,499 บาท (BaNANA Shopee Mall)
5. Infinix Hot 11 Play (4,099 บาท)
Infinix Hot 11 Play เครื่องนี้เป็นสมาร์ทโฟนจากฮ่องกงที่เน้นเรื่องความคุ้มค่าและทำตลาดในประเทศไทยมาระยะหนึ่งแล้ว โดยรุ่นนี้เน้นเรื่องหน้าจอใหญ่สเปคคุ้ม โดยหน้าจอมีขนาด 6.82 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1640×720) ใช้ชิป MediaTek Helio G35 มี RAM 4GB, ROM 64GB ใส่ MicroSD Card เพิ่มได้ 512GB ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 11 มาให้พร้อมใช้งาน รองรับการเชื่อมต่อด้วย 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0 มีแบตเตอรี่ในตัว 6,000 mAh ชาร์จแบตเตอรี่คืนด้วยสาย MicroUSB รองรับชาร์จไว 10 วัตต์ ส่วนกล้องที่ติดตั้งมาให้มีกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลกับกล้องเสริมอีกตัวและไฟแฟลช ส่วนกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล ซึ่งจากสเปคจะเห็นว่า Infinix Hot 11 Play ตัวนี้เป็นมือถือราคาไม่เกิน 5000 บาท ตัวคุ้มรุ่นหนึ่ง จะซื้อให้คุณพ่อคุณแม่ใช้งานก็ดีเพราะหน้าจอใหญ่มองสะดวกอย่างแน่นอน
สเปคของ Infinix Hot 11 Play
- หน้าจอขนาด 6.82 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1640×720 พิกเซล)
- ชิป MediaTek Helio G35
- RAM 4GB, ROM 64GB เพิ่ม microSD Card ได้ 512GB
- ระบบปฏิบัติการ Android 11
- รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ในตัว 6,000 mAh ชาร์จด้วยสาย MicroUSB รองรับชาร์จไว 10 วัตต์
- กล้อง
- กล้องหลัง 13 ล้าน, เลนส์เสริมกับไฟแฟลช
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- ราคา 4,099 บาท (Infinix Thailand Shopee Mall)
6. Samsung Galaxy A03 (4,599 บาท)
Samsung Galaxy A03 เครื่องนี้นอกจากได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์เจ้าตลาดไว้ใจได้ รวมทั้งได้อัพเดทระบบปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องแล้ว งานประกอบก็ดีหาศูนย์ง่ายอีกด้วย โดยรุ่นนี้ใช้หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600×720) ชิป Unisoc T606 แบบ Octa-core สามารถใช้งานได้ลื่นไหลอย่างแน่นอน มี RAM 4GB, ROM 64GB เติม MicroSD Card ได้ 1TB ติดตั้งระบบปฏิบัติการ One UI Core 3.1 พัฒนาจาก Android 11 มาให้ รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.1 มีแบตเตอรี่ในตัว 5,000 mAh ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย microUSB ได้เลย ส่วนกล้องที่ติดตั้งมาให้ด้านหลังมีเลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซลกับเลนส์ Depth 2 ล้านพิกเซลกับแฟลช 1 ดวง ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เรียกว่าเป็นมือถือราคาไม่เกิน 5000 บาทที่สเปคดีคุ้มค่ามาก และเป็นแบรนด์เจ้าตลาดก็นับว่าไว้ใจได้แน่นอน
สเปคของ Samsung Galaxy A03
- หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1640×720 พิกเซล)
- ชิป Unisoc T606 แบบ Octa-core
- RAM 4GB, ROM 64GB เพิ่ม microSD Card ได้ 1TB
- ระบบปฏิบัติการ One UI Core 3.1 พัฒนาจาก Android 11
- รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.1
- แบตเตอรี่ในตัว 5,000 mAh ชาร์จด้วยสาย MicroUSB
- กล้อง
- กล้องหลัง 48 ล้าน, เลนส์ Depth 2 ล้านพิกเซลกับไฟแฟลช
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- ราคา 4,599 บาท (BaNANA Shopee Mall)
7. vivo Y12a (4,999 บาท)
vivo Y12a เครื่องนี้ก็เป็นแบรนด์ชั้นนำที่คนไทยหลายคนเลือกใช้เช่นกัน โดยรุ่นเล็กตัวนี้จะเด่นเรื่องกล้องหลังที่มีระบบประมวลผลภาพด้วย AI และที่สแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่องและสแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องได้ ส่วนหน้าจอมีขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600×720) ชิป Snapdragon 439 พร้อม RAM 3GB, ROM 32GB ใส่ MicroSD Card เพิ่มได้ ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 11 พัฒนาจาก Android 11 มาให้ใช้งาน รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 4.2 ส่วนแบตเตอรี่ในตัวมีความจุ 5,000 mAh ชาร์จด้วยสาย MicroUSB รองรับชาร์จไว 10 วัตต์ กล้องหลังมีเลนส์ 13 ล้านกับ 2 ล้านพิกเซลและไฟแฟลชติดตั้งมาให้ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เรียกว่าเป็นมือถือราคาไม่เกิน 5000 บาทแต่เป็นแบรนด์ระดับโลกและหาศูนย์บริการได้ง่ายอีกแบรนด์หนึ่งด้วย
สเปคของ vivo Y12a
- หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1640×720 พิกเซล)
- ชิป Snapdragon 439
- RAM 3GB, ROM 32GB เพิ่ม microSD Card ได้
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 11 พัฒนาจาก Android 11
- รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 5, Bluetooth 4.2
- แบตเตอรี่ในตัว 5,000 mAh ชาร์จด้วยสาย MicroUSB รองรับชาร์จไว 10 วัตต์
- กล้อง
- กล้องหลัง 13 ล้าน, เลนส์เสริม 2 ล้านพิกเซลกับไฟแฟลช
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- ราคา 4,999 บาท (BaNANA Shopee Mall)
สรุปสเปคมือถือราคาไม่เกิน 5000 บาทน่าใช้ ซื้อเป็นเครื่องเสริมก็ดีเครื่องหลักให้น้องก็ได้
สำหรับมือสถือราคาไม่เกิน 5000 บาทที่เลือกมาแนะนำทั้ง 7 รุ่น จะเห็นว่าแทบทุกรุ่นรองรับ 4G LTE กันทั้งหมด และเน้นเรื่องแบตเตอรี่ที่มีความจุสูงด้วย โดยถ้าสรุปสเปคจะเป็นดังนี้
สเปคมือถือราคาไม่เกิน 5000 | หน้าจอ | ชิป, RAM, ROM, ระบบปฏิบัติการ | การเชื่อมต่อ | กล้อง | แบตเตอรี่ | ราคา |
TECNO Mobile POP5 | 6.52″ HD+ | ARM A7 RAM 2GB ROM 32GB SD Card ได้ 256GB Android 11 Go |
3G Wi-Fi Bluetooth 5.0 FM GPS |
หน้า 5 ล้านพิกเซลและไฟแฟลช หลัง 5 ล้านพิกเซลและ VGA |
5,000 mAh | 2,499 บาท |
Xiaomi Redmi 9A | 6.5″ HD+ | MediaTek Helio G25 RAM 2GB ROM 32GB microSD Card Android 10 |
4G LTE Wi-Fi 5 Bluetooth 5.0 มีช่องหูฟัง 3.5 มม. |
หน้า 5 ล้านพิกเซล หลัง 13 ล้านพิกเซลและไฟแฟลช |
5,000 mAh USB-C |
3,099 บาท |
realme C21 | 6.5″ HD+ Refresh Rate 90 Hz |
MediaTek Helio G35 RAM 2GB ROM 32GB microSD Card 256GB realme UI 1.0 พัฒนาจาก Android 10 |
4G LTE Wi-Fi 5 Bluetooth 5.1 มีช่องหูฟัง 3.5 มม. |
หน้า 5 ล้านพิกเซล หลัง 13 ล้าน กับเลนส์ Macro กับ Depth ตัวละ 2 ล้านพิกเซลและไฟแฟลช |
5,000 mAh microUSB ชาร์จไว 18W |
3,490 บาท |
Motorola E7i Power | 6.5″ HD+ | Unisoc SC9863A RAM 2GB ROM 32GB microSD Card 512GB Android 11 |
4G LTE Wi-Fi 5 Bluetooth 5.0 มีช่องหูฟัง 3.5 มม. |
หน้า 5 ล้าน หลัง 13 ล้านกับเลนส์เสริม 2 ล้านและแฟลช |
5,000 mAh USB-C ชาร์จไว 10W |
3,499 บาท |
Infinix Hot 11 Play | 6.82″ HD+ | MediaTek Helio G35 RAM 4GB ROM 64GB microSD Card 512GB Android 11 |
4G LTE Wi-Fi 5 Bluetooth 5.0 |
หน้า 8 ล้านพิกเซล หลัง 13 ล้าน กับเลนส์เสริมและไฟแฟลช |
6,000 mAh microUSB ชาร์จไว 10W |
4,099 บาท |
Samsung Galaxy A03 | 6.5″ HD+ | Unisoc T606 RAM 4GB ROM 64GB microSD Card 1TB One UI Core 3.1 พัฒนาจาก Android 11 |
4G LTE Wi-Fi 5 Bluetooth 5.1 |
หน้า 5 ล้านพิกเซล หลัง 48 ล้านพิกเซลและ Depth 2 ล้านและไฟแฟลช |
5,000 mAh MicroUSB |
4,599 บาท |
vivo Y12a | 6.5″ HD+ | Snapdragon 439 RAM 2GB ROM 32GB microSD Card Funtouch OS 11 พัฒนาจาก Android 11 |
4G LTE Wi-Fi 5 Bluetooth 4.2 |
หน้า 8 ล้านพิกเซล หลัง 13 ล้านและเลนส์เสริม 2 ล้านพิกเซลและไฟแฟลช |
5,000 mAh microUSB ชาร์จไว 10W |
4,999 บาท |
ดังนั้นถ้าใครจะซื้อมือถือเครื่องใหม่มาเป็นเครื่องเสริมเวลาส่งมือถือเครื่องหลักไปเคลมหรือซื้อเอาไว้ให้คนใกล้ตัวใช้เป็นมือถือเครื่องหลักก็โอเคทั้งคู่ และสเปคต้องถือว่าเอามาใช้งานทั่วไปอย่างโทร, LINE, ดู YouTube หรือเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คได้อย่างแน่นอน