Connect with us

Hi, what are you looking for?

Tips & Tricks

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13 ใหม่กว่าน่าซื้อกว่าไหม อัพเดต 2022

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13 ทั้งสเปค กล้อง แบต ใหม่กว่าแล้วน่าซื้อกว่าไหม อัพเดต 2022

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13

เข้าปี 2022 มาสักพักแล้ว ถึงแม้ว่ายังอยู่ในช่วงวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจ หรือ โรคระบาด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีและการติดต่อสื่อสารก็ยังคงพัฒนาและเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ และการจะเลือกมือถือหรือสมาร์ทโฟนดีๆ สักเครื่องมาใช้งาน ด้วยปัจจัยต่างๆ ทำให้ใครหลายคนเกิดความลังเล ในการจะซื้อ iPhone สักเครื่อง โดยเฉพาะรุ่นที่ออกมาห่างกันเพียงแค่ 1 ปี ว่าจะซื้อรุ่นก่อนหน้าเพื่อประหยัด หรือจะอัพเกรดเป็นตัวล่าสุดดี ความแตกต่างด้านเทคโนโลยีจะต่างกันเยอะไหม หรือใครที่มีเครื่องเดิมอยู่แล้ว อยากจะอัพเกรดดีไหม วันนี้เราจะมาดู เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13 กัน ว่ามีข้อมูลด้านสเปคที่ต่างกันมากน้อยแค่ไหน ควรอัพเกรดหรือไม่


สรุปสเปคและเปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13

สำหรับใน iPhone รุ่นใหม่อย่าง iPhone 13 นั้น เปิดตัวมาในปี 2021 ที่ผ่านมา และ iPhone 12 นั้นเปิดตัวมาในปี 2020 แตกต่างกันเพียง 1 ปีเท่านั้น สเปคของทั้งสองรุ่นนี้นั้น ก็ค่อนข้างเป็นไปตามข่าวลือหรือข่าวการคาดการณ์ต่างๆ ที่ได้ออกมาก่อนหน้าที่จะเปิดตัว โดยสรุปเปรียบเทียบสเปคของทั้งสองรุ่นนี้เป็นดังนี้

Advertisement

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13: ดีไซน์

ip4

เปิดมาด้วยเรื่องของดีไซน์ของทั้งสองรุ่นอย่าง iPhone 12 และ iPhone 13 กันก่อนเลย ซึ่งบอกได้เลยว่า แทบไม่มีความแตกต่างกันเลย หรือถ้าจะแตกต่างกันนั้นก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยทั้งสองรุ่นนี้ก็ให้ความรู้สึกไปในทาง Back to Basic ซึ่งก็คือการที่ทาง Apple ได้ย้อนกลับไปทำรูปทรงเฉกเช่นเดียวกับใน iPhone 4 ที่จะออกไปทางเหลี่ยมๆ ทำให้จับถนัดมือ แม้ว่าในช่องแรกๆ ที่ข่าวลือของ iPhone 12 ออกมานั้น จะมีผู้ใช้งานออกมาพูดเรื่องของความคมของขอบสมาร์ทโฟน แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาร้ายแรงแต่อย่างใด กลับได้รับความนิยมยิ่งขึ้นด้วย เพราะถูกใจแฟนๆ Apple หลายๆ คนที่คิดถึงรูปทรงสุดคลาสสิก สำหรับทั้ง 2 รุ่นนี้ก็จะมีดีไซน์ขอบค่อนข้างเหลี่ยม ตัวเครื่องเป็นโลหะ แบนราบ ประกบด้วยแผ่นกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยกระจกด้านหน้าจะเป็นแบบ Ceramic Shield เพิ่มความยิ่งขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR ที่กว้างเกือบจะเต็มขอบ มอบความสว่างและความสมจริงมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ Notch หรือรอยบากด้านบนนั้นก็ได้มีการปรับเปลี่ยนให้มีขนาดที่เล็กลงกว่า iPhone 12

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13: สีสัน

ip5
iPhone 12

ถึงแม้ว่าดีไซน์ที่ออกมานั้นจะแตกต่างกันน้อยมากๆ แต่ทั้ง 2 รุ่นนี้ ก็มีการทำสีสันให้ออกมาต่างเฉดสีกันพอสมควรเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นชื่อสีเดียวกันก็ตาม และใน iPhone 12 ก็มีเฉดสีมาให้ผู้ใช้งานได้เลือกซื้อกันมากกว่าด้วย โดยใน iPhone 12 นั้น มีด้วยกัน 6 สี ได้แก่ Purple, Blue, Green, (PRODUCT) RED, White และ Black ส่วนใน iPhone 13 นั้น มีออกมาด้วยกัน 5 สี ได้แก่ Pink, Blue, Midnight, Starlight และ (PRODUCT) RED

ip6
iPhone 13

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13: หน้าจอแสดงผล

iPhone 13 รุ่นใหม่ทั้ง 4 รุ่น มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Super Retina XDR โดย

  • iPhone 12: มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว all‑screen OLED display 2352 x 1170 pixel ความละเอียด 460 ppi ให้ความสว่างสูงสุดที่ 625 นิต เมื่อใช้งานทั่วไป และสูงสุด 1,200 นิต เมื่อใช้งาน HDR
  • iPhone 13: มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว all‑screen OLED display 2352 x 1170 pixel ความละเอียด 460 ppi ให้ความสว่างสูงสุดที่ 800 นิต เมื่อใช้งานทั่วไป และสูงสุด 1,200 นิต เมื่อใช้งาน HDR

ทั้งหมดนี้รองรับ

  • HDR display
  • True Tone
  • Wide color (P3)
  • Haptic Touch

เราจะเห็นได้ว่าในส่วนของหน้าจอนั้นทั้งสองรุ่นนี้แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย จะแตกต่างตรงที่หน้าความสว่างของหน้าจอที่เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13: การรองรับเทคโนโลยี 5G และการเชื่อมต่อ

i6

ทั้ง iPhone 12 และ iPhone 13 ทั้งสองรุ่นนั้นรองรับเทคโนโลยีเครือข่าย 5G ที่ให้ความรวดเร็วในการดาวน์โหลดและอัพโหลดที่สูงขึ้น การสตรีมวิดีโอที่มีคุณภาพสูง การเล่นเกมที่ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น การโต้ตอบภายในแอพที่รวดเร็ว ไปจนถึงการโทร FaceTime แบบความละเอียดสูง ฯลฯ มาพร้อม Wi‑Fi 6, Bluetooth 5.0 และ NFC

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13: ชิปประมวลผล

i4

สเปค iPhone 13 นั้นมาพร้อมกับชิปประมวลผลใหม่กว่าอย่าง Apple A15 Bionic ที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมแบบ 5 นาโนเมตร พร้อม Neural Engine ซึ่งเป็นระบบ AI ช่วยในการทำงานที่ลื่นไหล ที่ทาง Apple ได้นำมาใช้ใน iPad Mini 6 ด้วยเช่นกัน รองรับการประมวลผลได้สูงสุด 15.8 ล้านล้านรายการต่อวินาที ทำงานแบบ 6 Core แบ่งเป็น 2 เน้นทำงานหนัก + 4 แบบทำงานทั่วไปหรือประหยัดพลังงาน โดยรวมแล้วเร็วขึ้น 50% ส่วนชิปกราฟิก 4 – 5 Core ทำงานดีขึ้น 30% – 50% แน่นอนว่าเล่นเกมก็ดีขึ้น และ Neural Engine มี 16 Core ช่วยในการทำงาน ทุกอย่างนี้เพื่อการประมวลผลที่ซับซ้อน

ในส่วนของ iPhone 12 นั้น จะเป็นชิปประมวลผล A14 Bionic ที่จะมาพร้อมกับ CPU แบบ 6-core แบ่งเป็นด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และการประหยัดพลังงาน 4 คอร์, GPU แบบ 4-core และ Neural Engine แบบ 16-core ที่ยังคงเร็วและแรง แม้ว่าอาจจะไม่เท่ากับรุ่นใหม่อย่าง A15 ก็ตาม

จากผลทดสอบข้างต้น ก็จะพบว่าในเรื่องของแบตเตอรี่นั้น ทั้ง 2 รุ่น ค่อนข้างทำเวลาออกมาได้ใกล้เคียงกันเลยทีเดียว แตกต่างกันเป็นระดับนาทีเท่านั้น

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13 : กล้อง

i9 side
iPhone 13
  • iPhone 13
    • กล้องหลัง เป็นแบบ Dual Camera วางตัวในแนวทแยง กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal, เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น, Focus Pixel 100% ส่วนเลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา รองรับ Deep Fusion
    • กล้องหน้า TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision รองรับ Cinematic Mode และรองรับโหมดกลางคืนด้วย Deep Fusion
  • iPhone 12
    • กล้องหลัง เป็นแบบ Dual Camera วางตัวเรียงกันในแนวตั้ง กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal, เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น, Focus Pixel 100% ส่วนเลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา รองรับ Deep Fusion
    • กล้องหน้า TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision และรองรับโหมดกลางคืนด้วย Deep Fusion

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13: ความจุ

สำหรับความจุที่ Apple ให้มาใน iPhone ทั้งสองรุ่นนั้นมีดังนี้

  • iPhone 12 มาพร้อมตัวเลือกด้านความจุ 3 ตัวเลือก ได้แก่ 64GB, 128GB และ 256GB
  • iPhone 13 มาพร้อมตัวเลือกด้านความจุ 3 ตัวเลือก ได้แก่ 128GB, 256GB และ 512GB

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13: พอร์ตและสายชาร์จ

S 14901421

iPhone 13 Series นั้นจะได้รับสายชาร์จแบบใหม่โดยจะเป็นสาย USB-Type C to Lightning และ Apple จะไม่มีการแถม Power Adapter และ EarPods มาให้แล้วในกล่อง โดยทาง Apple ให้เหตุผลว่าเป็นในด้านของสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ใน Series นี้ก็ยังมาพร้อมการรองรับการชาร์จด้วยระบบ MagSafe โดย MagSafe Charger จะเป็นอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายแบบแม่เหล็กที่สามารถชาร์จไฟได้ดีกว่าที่ชาร์จไร้สายแบบเดิม และยังรองรับการชาร์จไร้สายผ่าน MagSafe สูงสุด 15W 

เปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13: ราคา

สำหรับราคาใน iPhone ทั้ง iPhone 12 และ iPhone 13 มีดังนี้ 

  • iPhone 12 (6.1”)
    • ความจุ 64GB ราคา 25,900 บาท
    • ความจุ 128GB ราคา 27,900 บาท
    • ความจุ 256GB ราคา 31,900 บาท
  • iPhone 13 (6.1”)
    • ความจุ 128GB ราคา 29,900 บาท
    • ความจุ 256GB ราคา 33,900 บาท
    • ความจุ 512GB ราคา 41,900 บาท

** ราคาดังกล่าวเป็นราคาที่วางขายในเว็บไซต์ทางการของ Apple อัพเดต 2022 **


ตารางเปรียบเทียบ iPhone 12 กับ 13

iPhone 12iPhone 13
Size146.7 x 71.5 มม.
หนา 7.4 มม.
น้ำหนัก 162 กรัม
146.7 x 71.5 มม.
หนา 7.65 มม.
น้ำหนัก 173 กรัม
DisplayOLED 6.1″
(Super Retina XDR)
ความละเอียด
2,532 x 1,170 / 460 ppi
OLED 6.1″
(Super Retina XDR)
ความละเอียด
2,532 x 1,170 / 460 ppi
Chipset
A14 Bionic
A15 Bionic
RAM
4 GB (?)4 GB (?)
Memory
64GB / 128GB / 256GB
128GB / 256GB / 512GB
Rear Camera
Dual Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal,

เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS, 100% Focus Pixel

เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา

รองรับ Deep Fusion
Dual Camera กระจกเลนส์ครอบทับด้วย Sapphire Crystal,

เลนส์ Wide 12MP f/1.6 เลนส์ 7 ชิ้น รองรับ OIS, 100% Focus Pixel

เลนส์ Ultra-Wide 12MP f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา

รองรับ Deep Fusion
รองรับ Cinematic Mode
Front Camera
TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision
TrueDepth 12MP f/2.2 ถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision
รองรับ Cinematic Mode
Video4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision 30fps4K สูงสุด 60fps / HDR แบบ HDR Dolby Vision 30fps
NetworkWiFi 6
Bluetooth 5.0
3G
4G
5G
Nano-SIM
eSIM
WiFi 6
Bluetooth 5.0
3G
4G
5G
Nano-SIM
eSIM
Battery
2,775 mAh (?)3,227mAh (?)
– 64GB ราคา 25,900 บาท
– 128GB ราคา 27,900 บาท
– 256GB ราคา 31,900 บาท
– 128GB ราคา 29,900 บาท
– 256GB ราคา 33,900 บาท
– 512GB ราคา 41,900 บาท

สเปคดังกล่าวเป็นสเปคอย่างเป็นทางการ ยกเว้น RAM กับ Battery เป็นเพียงข้อมูลจากผู้ใช้งานเท่านั้น

สรุป

จากการเปรียบเทียบด้านสเปคของทั้ง iPhone 12 และ iPhone 13 นั้น ถือได้ว่าโดยรวมแล้ว ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก แต่เมื่อเทียบกับราคาที่ต่างกันในรุ่นเริ่มต้นถึง 4,000 บาทนั้น นอกจากแบตเตอรี่ ชิปประมวลผล ความสว่างของหน้าจอที่สว่างขึ้น กล้องที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความคมชัดในเวลากลางคืนมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการรองรับ Cinematic mode ที่ทำได้ใน iPhone 13 เรายังได้ความจุเริ่มต้นที่แตกต่างกันถึง 1 เท่าตัว สำหรับผู้ที่มองหามือถือหรือสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ โดยที่อาจมีเครื่องเก่าอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งอาจจะเป็น iPhone 11 ลงไป ความคิดเห็นส่วนตัวของทีมงาน ก็คงจะแนะนำว่าให้ซื้อ iPhone 13 ไปเลยจะคุ้มกว่า แต่หากเป็นผู้ที่มี iPhone 12 อยู่ในมือ แล้วต้องการที่จะอัพเกรด ทีมงานมองว่าอาจจะไม่ค่อยคุ้ม เพราะดีไซน์ก็เหมือนกัน ต่างกันเพียงแค่รอยบากที่เล็กลงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็แลกมากับตัวเครื่องที่มีความหนากว่า iPhone 12 เล็กน้อย ประกอบกับน้ำหนักที่หนักขึ้นด้วยเช่นกัน ในส่วนของแบตเตอรี่และกล้องนั้น ในการใช้งานจริงแล้ว ก็ไม่ได้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดมากนัก ยกดว้นโหมดกลางคืน ทำให้ทีมงานขอเสนอความคิดเห็นเทใจไปทางให้รอ iPhone 14 จะดีกว่า


อ่านบทความเพิ่มเติม / เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ฟังเพลงออนไลน์ 24 ชั่วโมง ฟรี
โปรเน็ตรายวันทรู, เน็ตรายวัน AIS, ดีแทค
โหลดวิดีโอ TikTok ไม่มีลายน้ำ, โหลดคลิป TikTok, โหลดวิดีโอ TikTok ไม่ติดลายน้ำ
ตัวอักษรพิเศษไทย, ตัวอักษรพิเศษ เกม, ตัวอักษรพิเศษ ปีกนก, ตัวอักษรพิเศาฟีฟาย
ตัวอักษรเกาหลี
ตัวอักษรพิเศษไทย สวยๆ
Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

CONTENT

iPhone ตกน้ำ เปียกน้ำ โดนฝน 2024 แจ้งว่ามีของเหลวขณะเสียบสายชาร์จ แก้ไขเบื้องต้นใน 4 ขั้นตอน หนึ่งในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ก็คือมือถือเปียกน้ำ แม้มือถือส่วนใหญ่จะกันน้ำได้บ้าง แต่ก็อาจพบปัญหาตอนเสียบสายชาร์จ อย่างใน iPhone เองจะมีข้อความแจ้งว่าตรวจพบของเหลว และตัดการจ่ายไฟ ทำให้ไม่สามารถชาร์จไฟได้เลย โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนแบบนี้ หลายท่านคงมักหากิจกรรมที่เกี่ยวกับน้ำเพื่อคลายร้อน ไม่ว่าจะลงสระว่ายน้ำ หรือลงไปดำน้ำ เล่นน้ำทะเลเป็นต้น ที่สำคัญคือ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา...

How to

ไอแพดชาร์จไม่เข้าไม่ต้องตกใจ มีวิธีแก้ไขง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเองไม่ต้องส่งช่างให้เปลืองเงินอีกด้วย!! ยุคนี้ไม่ว่าใครก็ยอมรับว่าไอแพดเป็นแท็บเล็ตที่ดี ใช้ทำงานได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้คอมพิวเตอร์แต่บางคนก็อาจเจอปัญหาว่าใช้ไปสักพักแล้วไอแพดชาร์จไม่เข้าเสียอย่างนั้นจนต้องพาเข้าศูนย์ Apple หรือถ้าหมดประกันก็ต้องพึ่งร้านตู้เจ้าต่างๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้ถูกจุดหรือก่อปัญหาอื่นเพิ่มแทนกันแน่? ซึ่งวิธีแก้ปัญหาไอแพดชาร์จไม่เข้านั้นง่ายกว่าที่คิดมากสามารถแก้เองก่อนได้ ถ้าเกินฝีมือแก้เองไม่ได้จะส่งช่างให้เช็คโดยละเอียดก็ไม่เสียดายภายหลังแน่นอน ปัญหาการชาร์จไม่เข้า หลักๆ คือพอร์ต USB-C หรือ Lightning อาจมาจากความสกปรกไม่ว่าจะหน้าคอนแท็คทองเหลืองเกิดคราบออกไซด์หรือมีฝุ่นจากกระเป๋าเข้าไปอุดตันเยอะจนดันหัวสายชาร์จไม่เข้า, สายชาร์จก็ไม่ได้มาตรฐานเลยชาร์จไม่ได้ ไปจนถึงเรื่องง่ายๆ อย่างการเสียบชาร์จเข้าพอร์ต USB ของพีซีหรือโน๊ตบุ๊คแล้วกระแสไฟไม่พอชาร์จก็อาจเกิดขึ้นได้เหมือนกัน ซึ่งปัจจัยต่างๆ ในตัวอย่างก็แก้ได้ไม่ยาก...

Tips & Tricks

แนะนำเทคนิค วิธีแต่งหน้าจอไอโฟน สวย เก๋ เท่ มีสไตล์เฉพาะตัว อัพเดต 2024 ตั้งแต่ iOS 14 เป็นต้นมา Apple ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ปรับแต่ง iPhone ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน iOS 17 ที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้าจอ ทั้งหน้าจอ Lock Screen...

Tips & Tricks

สอนติดตั้งฟอนต์ไอโฟน ฟรี พร้อมการใช้งาน เปลี่ยนฟอนต์ธรรมดา ให้สวยน่ารักขึ้นได้ง่ายๆ อัพเดท 2024 ใครที่ใช้งาน iPhone แล้วอยากได้ฟอนต์น่ารักๆ หรือฟอนต์สวยๆ ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อ ทำงาน หรือใช้บนโซเชียลมีเดีย เราสามารถติดตั้งฟอนต์ได้ง่ายๆ เลย ทีมงาน NotebookSPEC ก็ได้รวบรวมวิธีการตั้งตั้งฟอนต์ไอโฟน ฟรี ที่ทำได้ง่าย ทำตามได้แน่นอน รับรองว่าจากฟอนต์ธรรมดาๆ...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก