realme Book โน๊ตบุ๊คจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่มีดีซ่อนเอาไว้มากกว่าที่คิด
ชื่อ Realme นั้นโด่งดังในฝั่งสมาร์ทโฟนในฐานะสมาร์ทโฟนสเปคดีแต่ราคาไม่แพงหาซื้อสะดวก ซึ่งทางบริษัทก็ขยายมาฝั่งโน๊ตบุ๊คโดยมี realme Book เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นแรกของทางบริษัทที่ยังคงเอกลักษณ์ของทาง Realme เอาไว้ครบถ้วนทั้งสเปคดีคุ้มค่าแต่ราคาเข้าถึงง่าย หาซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง Realme Official Store บน Shopee ได้ง่ายๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ที่หันมาจับจ่ายใช้สอยสินค้าต่างๆ ผ่านทางออนไลน์มากยิ่งขึ้นและไม่ต้องเหนื่อยและเสี่ยงกับโรคระบาดที่ยังคงเป็นอุปสรรคการใช้ชีวิตของเราอีกด้วย
และถึง Realme จะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดโน๊ตบุ๊คและเพิ่งเปิดตัว realme Book มาเป็นรุ่นแรกก็ตาม แต่ต้องถือว่าทางบริษัททำการบ้านมาได้ดี ซึ่งจุดเด่นได้แก่หน้าจอความละเอียดสูง 2K, มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมไว้กับปุ่ม Power และสเปคที่แรงเพียงพอใช้ทำงานออฟฟิศและใช้งานเบราเซอร์ได้เป็นอย่างดี มี Microsoft Office Home & Student 2019 และอัพเกรดเป็น Windows 11 ได้ด้วยเพราะติดตั้งชิป TPM 2.0 มาให้ นอกจากนี้ยังมีพอร์ต Thunderbolt ติดตั้งมา 1 ช่อง เพื่อใช้ชาร์จแบตเตอรี่ตามมาตรฐาน Power Delivery และต่อหน้าจอด้วยมาตรฐาน DisplayPort ได้อีกด้วย ต้องถือว่าครบถ้วนไม่แพ้โน๊ตบุ๊คสายทำงานจากแบรนด์ชั้นนำหลายๆ รุ่นเลยทีเดียว
NBS Verdict
realme Book นับเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่สเปคดีใส่ฟีเจอร์มาให้แบบจัดเต็มและมีซอฟท์แวร์จำเป็นเพื่อใช้ทำงานอย่าง Microsoft Office Home & Student 2019 และรองรับการอัพเกรดระบบปฏิบัติการเป็น Windows 11 ได้ทันทีหากต้องการ, งานประกอบที่แข็งแรงสวยงามไม่แพ้กับโน๊ตบุ๊คจากแบรนด์ชั้นนำ, หน้าจอความละเอียดระดับ 2K ขอบเขตสีกว้างแสดงสีสันได้สวยงามพร้อมทำงานอาร์ตเวิร์คได้และยังเสริมพอร์ต Thunderbolt อีกช่องทำให้ชาร์จแบตเตอรี่หรือจะต่อหน้าจอแยกเพื่อทำงานได้สบายๆ ต้องถือว่าเป็นน้องใหม่ที่แบรนด์ชั้นนำหลายๆ เจ้าไม่ควรมองข้ามเลย
อย่างไรก็ตามจุดที่ผู้เขียนถือว่ายังเป็นจุดสังเกตเล็กๆ น้อยๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ คือความจุแรมที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องที่มีเพียง 8GB ทั้งรุ่น Intel Core i3 หรือ Intel Core i5 ซึ่งปัจจุบันนี้ต้องถือว่าอยู่ในจุดก้ำกึ่งระหว่างเพียงพอและเริ่มไม่พอใช้งานแล้ว เนื่องจากโปรแกรมในปัจจุบันเริ่มใช้งานแรมเยอะขึ้นเรื่อยๆ และถ้าใครเปิดเบราเซอร์หลายๆ แท็บพร้อมกันก็อาจจะเกิดปัญหาแรมไม่พอใช้งานได้เช่นกัน ซึ่งถ้าทางบริษัทจะทำให้มีข้อแตกต่างกันชัดเจนคิดว่าควรให้รุ่น Intel Core i3 ได้แรม 8GB และให้รุ่น Intel Core i5 ได้แรม 16GB เพื่อให้ผู้ใช้ที่เปิดโปรแกรมทำงานหนักๆ เป็นประจำสามารถเปิดโปรแกรมที่กินทรัพยากรหนักๆ ได้อย่างเต็มที่และอุ่นใจยิ่งขึ้น
ข้อดีของ realme Book
- งานประกอบแข็งแรงสวยงามเทียบชั้นโน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับพรีเมี่ยมหลายๆ รุ่นได้
- ติดตั้ง Windows 10 Home พร้อมอัพเกรดเป็น Windows 11 และซอฟท์แวร์ Microsoft Office Home & Student 2019 มาให้พร้อมทำงาน
- ติดตั้งซีพียู Intel รุ่นที่ 11 รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้ใช้งาน ประสิทธิภาพดีเพียงพอใช้ทำงานต่างๆ ในปัจจุบันได้สบายๆ
- หน้าจอมีความละเอียดสูงถึง 2K ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ใช้ทำงานอาร์ตเวิร์คต่างๆ ได้
- หน้าจอเป็นอัตราส่วน 3:2 ซึ่งเหมาะกับการใช้ทำงานคอนเทนต์เป็นพิเศษ
- มีพอร์ต USB-C รองรับ Thunderbolt ติดตั้งมาให้ ใช้ต่อหน้าจอแยกหรือชาร์จแบตเตอรี่ได้
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมกับปุ่ม Power เลย ทำให้ปลดล็อคเครื่องได้สะดวกและปลอดภัยขึ้น
- น้ำหนักตัวเครื่องเบาเพียง 1.38 กิโลกรัม พกพาสะดวกไม่หนักไหล่เกินไป
- ระบบระบายความร้อนทำงานได้ดี ถ้าใช้ทำงานทั่วไปไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนรบกวนแน่นอน
- แบตเตอรี่เมื่อชาร์จเต็มสามารถใช้ทำงานต่อเนื่องได้นานสุดร่วม 11 ชั่วโมง
- ปลั๊กโน๊ตบุ๊คใช้ชาร์จไวให้มือถือในเครือ BBK Electronics ได้ทุกแบรนด์
ข้อสังเกตของ realme Book
- แรมยังอยู่ที่ 8GB เท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ควรมีตัวเลือกรุ่น 16GB ให้เลือกซื้อได้ด้วย
- พอร์ต Thunderbolt 4 ถูกสงวนเอาไว้กับรุ่น Intel Core i5 เท่านั้น ถ้า Intel Core i3 ได้เฉพาะ USB-C 3.2 Gen 2 x 2 ช่อง
- ไม่มี MicroSD card reader ติดตั้งมาให้ใช้งาน
รีวิว realme Book
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector / Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery / Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
Specification
นอกจากฟีเจอร์เด่นประจำเครื่องแล้ว สเปคของ realme Book ก็ถือว่าจัดมาได้ดีเพียงพอใช้ทำงานต่างๆ ได้สบายๆ แต่เนื่องจากโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้จะมีซีพียูให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่รุ่น Intel Core i3 และ Intel Core i5 โดยจะมีรายละเอียดสเปคแตกต่างกันเล็กน้อยดังนี้
- CPU
- Intel Core i3-1115G4 แบบ 2 คอร์ 4 เธรด ความเร็ว 3.0-4.1 GHz
- Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4-4.2 GHz
- GPU
- รุ่น Intel Core i3 เป็น Intel UHD Graphics
- รุ่น Intel Core i5 เป็น Intel Iris Xe Graphics
- SSD
- รุ่น Intel Core i3 เป็น M.2 NVMe ความจุ 256GB
- รุ่น Intel Core i5 เป็น M.2 NVMe ความจุ 512GB
- RAM : ออนบอร์ด 8GB LPDDR4x 3733-4266 MHz
- Display : 14 นิ้ว ความละเอียด 2K (2160×1440 พิกเซล) อัตราส่วน 3:2 พาเนล IPS ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ความสว่าง 400 nits
- Ports
- Intel Core i3 มี USB-C 3.2 Gen 2 x 2, USB-A 3.1 Gen 1 x 1, Audio Combo x 1
- Intel Core i5 มี Thunderbolt 4 x 1, USB-C 3.2 Gen 2 x 1, USB-A 3.1 Gen 1 x 1, Audio Combo x 1
- Wireless
- Intel Core i3 เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac รองรับ Bluetooth 5.1
- Intel Core i5 เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.2
- Webcam : 720p HD Camera
- OS : Windows 10 Home, Microsoft Office Home & Student 2019
- Weight : 1.38 กิโลกรัม
- Price
- รุ่น Intel Core i3 ราคา 22,990 บาท (Realme.Official.Store Shopee Mall)
- รุ่น Intel Core i5 ราคา 27,990 บาท
Hardware & Design
ดีไซน์ตัวเครื่องของ realme Book ถ้ามองจากด้านหน้าจะเห็นว่าตัวเครื่องเน้นความเรียบง่าย ไม่มีสติกเกอร์สเปคหรือฟีเจอร์พิเศษติดมาให้เลย ดังนั้นบอดี้ส่วนที่วางข้อมือจึงมีแต่บอดี้อย่างเดียว และมีโลโก้ realme ติดเอาไว้ที่ขอบด้านล่างหน้าจอเหมือนโน๊ตบุ๊คหลายๆ แบรนด์ เลือกสีตัวเครื่องได้ 2 สีคือน้ำเงิน Real Blue ที่ได้รับมารีวิวกับสีเทา Real Grey
ส่วนขอบเครื่องใต้ทัชแพดจะมีส่วนพับเว้นให้ใช้นิ้วเดียวดึงเปิดหน้าจอได้สะดวก ไม่ต้องใช้สองมือจับที่หน้าจอกับบอดี้แล้วกางหน้าจอ แต่จากการใช้งานจริงต้องถือว่าทาง realme ยังบาลานซ์น้ำหนักเครื่องไม่ค่อยสมดุลย์กันนัก ทำให้ตัวเครื่องยกตามหน้าจอมาเล็กน้อยก่อนที่บอดี้จะค่อยๆ กางแล้วทาบพื้นโต๊ะตามปกติ แต่ก็ไม่นับเป็นปัญหานักเนื่องจากเราสามารถใช้นิ้วกางหน้าจอแล้วเอาอีกมือช่วยกดตัวเครื่องลงก็ได้
ด้านคานฐานหน้าจอจะเป็นคานเส้นเดียวเดินแนวยาวแล้วขันน็อตล็อคปลายทั้งสองฝั่งเอาไว้ด้านในเครื่องและดีไซน์ให้ตัวคานอยู่เหนือช่องระบายความร้อนเพื่อซ่อนช่องระบายอากาศเพื่อความสวยงาม ส่วนงานประกอบจัดว่าทำได้ดีและแข็งแรงมั่นคงทีเดียว โดยการออกแบบให้คานอยู่เหนือช่องระบายความร้อนช่วยให้ตัวเครื่องดูเรียบร้อยไม่มีช่องระบายอากาศให้รกสายตา
และก้านบานพับหน้าจอของ realme Book รุ่นนี้ยังออกแบบให้กางหน้าจอได้เกือบแบนราบ 180 องศา เวลาต้องการกางหน้าจอให้เพื่อนร่วมงานดูเนื้อหาและภาพบนหน้าจอก็กางได้ง่ายมองเห็นสะดวก รวมทั้งเวลานำโน๊ตบุ๊คไปวางบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็สามารถกางหน้าจอให้เข้ากับมุมสายตาของผู้ใช้ได้ง่ายมาก
ด้านมิติตัวเครื่องจะอยู่ที่ยาว 307.21 x กว้าง 228.96 x หนา 14.9 มิลลิเมตร เป็นมิติตัวเครื่องแบบโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน สามารถพกใส่กระเป๋าเป้หรือกระเป๋าสะพายข้างไปไหนมาไหนได้สะดวกไม่ต้องใช้กระเป๋าใบใหญ่มากก็ได้และน้ำหนักตอนใส่ร่วมกับของใช้ชิ้นอื่นแล้วจะไม่กดไหล่ของเจ้าของเครื่องเกินไป
ส่วนฝาหลังตัวเครื่องจะเน้นความเรียบง่ายคล้ายฝาหลังของสมาร์ทโฟนของทางแบรนด์ โดยเป็นสีเรียบโทนเดียวและมีโลโก้ realme ติดอยู่ที่ตรงกลางเยื้องซ้ายของตัวเครื่องเท่านั้น ถือว่าดีไซน์เรียบหรูใช้ได้ไม่มีลายเส้นอื่นๆ เพิ่มเติมให้รกสายตา
ด้านใต้ตัวเครื่องจะมีช่องระบายความร้อนหนึ่งช่องเป็นแถบยาวสำหรับดึงอากาศเย็นเข้าเครื่อง มีช่องลำโพงที่ขอบล่างฝั่งซ้ายขวา ติดแถบยางไว้ 3 เส้นคือเส้นยาว 1 เส้นที่ขอบด้านบนและสลักคำขวัญของทางบริษัทว่า “”Dare to Leap” เอาไว้ ส่วนขอบล่างมีชิ้นยางอีก 2 ชิ้นติดเอาไว้เพื่อซัพพอร์ตไม่ให้ตัวเครื่องสัมผัสกับพื้นผิวที่วางโน๊ตบุ๊คโดยตรง ช่วยลดโอกาสเกิดรอยขีดข่วนกับตัวเครื่องไปได้มาก
Screen & Speaker
หน้าจอของ realme Book เครื่องนี้มีขนาด 14 นิ้ว แบบขอบบาง 3 ด้านและติดตั้งกล้อง Webcam เอาไว้ที่ขอบบนของหน้าจอความละเอียด 720p HD สำหรับประชุมออนไลน์ ตัวหน้าจอมีความละเอียด 2K (2160×1440 พิกเซล) อัตราส่วนหน้าจอ 3:2 พาเนล IPS มีขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ซึ่งอัตราส่วนหน้าจอนี้เป็นอัตราส่วนที่เหมาะกับการทำงานคอนเทนต์มากเพราะเห็นบรรทัดเนื้อหาในแนวตั้งมากกว่าหน้าจออัตราส่วน 16:9 ซึ่งถ้าใครทำงานเอกสารเป็นหลักก็จะได้ใช้ประโยชน์จากหน้าจอนี้อย่างแน่นอน
เมื่อทดสอบขอบเขตสีด้วยอุปกรณ์ Calibrate หน้าจออย่าง Spyder5Elite แล้ว จะเห็นว่าขอบเขตสีหน้าจอกว้างใกล้เคียงกับที่ทางบริษัทเคลมเอาไว้ที่หน้าสเปค ได้ผลคือ 93% sRGB, 70% AdobeRGB, 71% DCI-P3 ซึ่งถือว่ากว้างเพียงพอใช้ทำงานอาร์ตหรือแต่งภาพถ่ายได้อย่างแน่นอน ส่วนการเทียบความแม่นยำสีได้ค่า Delta-E เฉลี่ย 1.63 ซึ่ง <2 ดังนั้นสีสันบนหน้าจอ realme Book เที่ยงตรงระดับใช้แต่งภาพได้อย่างแน่นอน
ด้านความสว่างหน้าจอที่ทดสอบได้เมื่อเปิดความสว่าง 100% ได้ความสว่าง 288.6 nits จัดว่าสว่างสู้แสงแดดได้เมื่อนำโน๊ตบุ๊คไปนั่งทำงานในพื้นที่กลางแจ้งเช่นเฉลียงหน้าร้านกาแฟหรือริมหน้าต่างที่แสงแดดส่องทาบหน้าจออย่างแน่นอน แต่ถ้าใช้งานในอาคารหรือออฟฟิศ ผู้เขียนแนะนำว่าปรับความสว่างลงมา 75% ให้ลดเหลือ 234.8 nits จะดีกว่าเพราะสว่างกำลังดีไม่จ้าจนแสบตาเกินไป ต้องถือว่าหน้าจอของ realme Book นั้นให้ความสว่างเพียงพอใช้ทำงานในสถานการณ์แสงต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
พอแบ่งพื้นที่ความสว่างหน้าจอเป็น 9 ช่องแล้ว จะเห็นว่าโซนความสว่างบนหน้าจอนั้นจะสว่างสุดที่มุมบนขวาและตรงกลางหน้าจอและส่วนกลางขอบบนหน้าจอสามโซนเท่านั้น แต่พื้นที่อื่นๆ จะมีอัตราความสว่างลดลงตั้งแต่ 4-9% ซึ่งถ้าทำงานอาร์ตหรือแต่งภาพบนหน้าจอสำหรับอัพโหลดขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คก็ถือว่าพอใช้ทำงานได้บ้างแต่ถ้าใช้งานแบบจริงจังส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้ต่อหน้าจอสำหรับงานอาร์ตโดยเฉพาะไปเลยจะดีที่สุด
ผลคะแนนหน้าจอโดยสรุปของ realme Book เครื่องนี้หลังทดสอบแล้วได้คะแนนเฉลี่ยที่ 4 เต็ม 5 คะแนน ซึ่งถือว่าสูงใช้ได้ทีเดียว ถ้าแบ่งตามจุดเด่นจะเห็นว่า Contrast จะได้คะแนนเต็ม 5 คะแนน ส่วน Gamut, Tone Response และ Color Uniformity ก็ทำผลทดสอบได้ดีไม่แพ้กันที่ 4.5 เต็ม 5 คะแนน นับว่าเป็นหน้าจอที่แสดงผลสีสันได้ดีพอใช้ทำงานอาร์ตได้ระดับหนึ่งเลย
ด้านลำโพงทั้ง 2 ตัวที่ติดตั้งเอาไว้ขอบล่างของตัวเครื่องและได้รับการปรับแต่งเสียงด้วย HARMAN ซึ่งเป็นบริษัทรับปรับแต่งเสียงลำโพงชั้นนำแห่งหนึ่งในโลก โดยเนื้อเสียงที่ได้ต้องถือว่าทำได้ดีระดับหนึ่งเนื่องจากสเตจเสียงกว้างกำลังดีและมีเสียงเบสชัดเจนระดับเพียงพอให้ฟังเพลงร็อคได้อรรถรสดีระดับหนึ่ง ส่วนเพลง EDM สามารถเปิดฟังได้โดยเสียงเบสไม่แห้งหรือหายและเมื่อเปิดเสียงดัง 100% แล้ว เสียงดังพอจะได้ยินชัดเจนทั่วห้องนอนระดับ 28 ตร.ม. อย่างแน่นอน ในส่วนนี้ผู้เขียนถือว่าลำโพงของ realme Book สามารถใช้งานได้ดีน่าประทับใจพอควร
Keyboard & Touchpad
คีย์บอร์ดของ realme Book จะเป็นไซซ์เทียบเท่า 75% ของคีย์บอร์ดปกติ มีปุ่มหลักติดตั้งมาให้ใช้งานครบถ้วนและปุ่ม Enter เป็น ANSI และมีปุ่ม Delete ติดตั้งมาให้มุมบนขวามือ ด้านทรงปุ่มจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมและระยะกด 1.3 มม. จัดว่าระยะกดยาวกำลังดีและตัวปุ่มแน่นแข็งแรงแต่ตอนพิมพ์จะมีระยะกดยาวกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นที่เคยรีวิวเล็กน้อย อาจจะเหมาะกับคนที่ชอบปุ่มคีย์บอร์ดระยะกดยาวสักนิด โดยรวมต้องถือว่าสัมผัสตอนพิมพ์งานถือว่ากดปุ่มได้ดีพอควร
ด้านของรายละเอียดส่วนต่างๆ ของแป้นคีย์บอร์ด จะมีปุ่ม Power รวมกับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งไว้มุมบนขวาเหนือปุ่ม Delete สามารถทาบนิ้วสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องได้ทันทีอย่างรวดเร็ว และปุ่มลูกศรบนคีย์บอร์ดส่วนปุ่มขึ้นลงจะเป็นแบบปุ่มเต็มแบ่งครึ่งปุ่มตรงกลางเพื่อประหยัดพื้นที่บนแป้นคีย์บอร์ดได้ระดับหนึ่งทีเดียว แต่ส่วนตัวถ้าทาง realme จะ Mapping ปุ่ม Hotkey บนคีย์บอร์ดเพิ่มเติม ก็ขอแนะนำให้ใส่ปุ่ม Page Up, Page Down, Home, End รวมเอาไว้กับปุ่มลูกศรจะทำให้มีฟังก์ชั่นใช้งานเพิ่มเติมมากขึ้น
ด้าน Function Hotkey มาตรฐานจะถูกรวมเอาไว้ที่ปุ่ม F1-F12 เช่นกัน แต่จะมีเพียงฟังก์ชั่นหลักๆ เท่านั้น โดยแต่ละปุ่มจะมีฟังก์ชั่นดังนี้
- F3 – ปุ่ม Project สำหรับตั้งค่าหน้าจอหลักและแยก
- F4 – ปุ่มปิดการทำงานทัชแพด
- F5-F6 – เพิ่มลดความสว่างหน้าจอ
- F7 – ปุ่มเปิดปิดไฟ LED Backlit
- F8-F10 – ปิด, ลดและเพิ่มเสียงลำโพง
- F11 – Printscreen
- F12 – Insert
ซึ่งรูปแบบการ Mapping ปุ่มนี้ นับเป็นการเซ็ตปุ่มคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คสายทำงานแบบมาตรฐานราว 5 ปีก่อนหน้า รวมๆ แล้วจะขาดปุ่ม Function ที่นิยมใช้ในปัจจุบันไปบางปุ่ม ส่วนตัวหากทาง Realme จะออกรุ่นปรับปรุงสเปคหรือรุ่นใหม่ก็อยากให้เพิ่มปุ่มฟังก์ชั่นใช้งานรุ่นใหม่อย่าง Airplane Mode, ปุ่มเรียกโปรแกรมเครื่องคิดเลข (Calculator) และ Snipping Tool เข้ามาด้วย เพื่อให้มีฟังก์ชั่นใช้งานสำคัญๆ ให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น หรือถ้าเป็นไปได้อาจจะเพิ่มคำสั่งเรียก Windows Settings ขึ้นมาก็จะยิ่งมีประโยชน์
ด้านทัชแพดที่ติดตั้งมาให้จะมีขนาดใหญ่ให้ผู้ใช้ลากนิ้วและคลิกได้สะดวก ดีไซน์โดยซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวาเอาไว้ด้านใต้ชุดทัชแพด ด้านการใช้งานรองรับ Gesture Control ของ Windows 10 ครบถ้วน ใช้คุมการทำงานได้สะดวกทีเดียว ซึ่งตัวทัชแพดนั้นมีขนาดใหญ่ทีเดียวแต่ก็มีฟังก์ชั่นปิดการทำงานทัชแพดติดมาให้ ทำให้เวลาวางมือเพื่อพิมพ์งานและต่อเมาส์แยกก็ไม่มีปัญหาทัชแพดลั่นอย่างแน่นอน
Connector / Thin & Weight
พอร์ตของ realme Book จะติดอยู่ที่ข้างตัวเครื่องทั้ง 2 ฝั่ง โดยฝั่งซ้ายจากซ้ายมี Thunderbolt 4 กับ USB-C 3.2 Gen 2 ส่วนฝั่งขวามือจาดซ้ายเป็น Audio combo กับ USB-A 3.1 Gen 1 อย่างละช่อง แต่สังเกตว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้จะไม่มีพอร์ต HDMI และ SD หรือ MicroSD Card reader ติดตั้งมาให้ก็ตาม แต่ยังต่อ USB-C Multiport adapter เข้าพอร์ต Thunderbolt 4 เพื่อเพิ่มพอร์ตที่ขาดไปข้างต้นกับ USB-A 3.0 เข้ามาให้ใช้งานได้อีก แต่ถ้าใช้เดิมๆ อาจจะต้องบริหารพอร์ตใช้งานสักหน่อย
ด้านน้ำหนักตัวเครื่องเมื่อชั่งด้วยตาชั่งดิจิตอล เฉพาะตัวเครื่องจะมีน้ำหนัก 1.36 กิโลกรัม จัดว่าใกล้เคียงกับที่เคลมสเปคเอาไว้ที่หน้าเว็บไซต์ ส่วนเฉพาะชุดปลั๊กและสาย USB-C to C จะมีน้ำหนัก 206 กรัม และน้ำหนักสุทธิทั้งหมดจะอยู่ที่ 1.56 กิโลกรัม
ด้านปลั๊กที่แถมมาให้เป็นปลั๊กที่ใช้ชาร์จเร็วให้สมาร์ทโฟนในเครือ BBK Electronics ได้ทั้งหมด ซึ่งผู้เขียนเองก็ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ในเครือบริษัทนี้เป็นเครื่องหลักอยู่รุ่นหนึ่ง เมื่อทดลองนำมาเสียบชาร์จแบตเตอรี่แล้ว หน้าจอสมาร์ทโฟนแจ้งว่าตัวปลั๊กเข้ากับโปรโตคอลชาร์จเร็วของสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งถ้าใครใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ในเครือบริษัทนี้อยู่แล้วแบตเตอรี่จะหมด ก็ใช้ปลั๊กของ realme Book เสียบชาร์จแบตเตอรี่ได้ทันที
Inside & Upgrade
การแกะอัพเกรด realme Book นั้น จะต้องใช้ไขควงหัว Torx หรือหัวแฉกดาวขนาดเล็ก ขันน็อตทั้งหมด 9 ตัวออกแล้วใช้การ์ดแข็งหรือปิ๊กกีตาร์เสียบไล่จากขอบตัวเครื่องไปรอบๆ ก็สามารถเปิดฝาหลังเครื่องได้ ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้ดึงตัวเครื่องส่วนช่องระบายความร้อนให้มีช่องเล็กน้อยให้พอสอดการ์ดเข้าไปได้แล้วค่อยไล่ตามขอบก็จะเปิดฝาตัวเครื่องได้ง่ายยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภายในเครื่องจะมีชิ้นส่วนที่อัพเกรดได้เพียง SSD แบบ M.2 NVMe ชิ้นเดียวเท่านั้น เนื่องจากแรมถูกบัดกรีติดเมนบอร์ดจึงไม่สามารถเพิ่มแรมได้ และไม่แนะนำให้ถอด Wi-Fi PCIe card อัพเกรดเอง ไม่อย่างนั้นตัวสายและเสาสัญญาณอาจจะเสียหายได้ ดังนั้นถ้าใครซื้อรุ่น Intel Core i3 มาใช้งานแล้ว SSD ความจุ 256GB ที่ติดตัวเครื่องมามีความจุไม่พอก็สามารถถอดเปลี่ยนเพิ่มความจุได้
Performance & Software
สเปคของ realme Book นั้นจัดว่าประสิทธิภาพดีหายห่วงพร้อมทำงานออฟฟิศได้เป็นอย่างดี โดยรุ่นที่ติดตั้งมาให้เป็น Intel Core i5-1135G7 แบบ 4 คอร์ 8 เธรด ความเร็ว 2.4-4.2 GHz เป็นซีพียู Intel รุ่นที่ 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake ขนาด 10 นาโนเมตร รองรับชุดคำสั่งที่ต้องใช้งานครบถ้วน พร้อมทำงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดีและจัดการพลังงานได้อย่างชาญฉลาดทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงอย่างแน่นอน
แรมที่ติดตั้งมาในเครื่องเป็นออนบอร์ด ความจุ 8GB DDR4 บัส 4266 MHz จัดว่าเพียงพอเมื่อใช้ทำงานทั่วไปไม่ว่าจะเปิดเว็บไซต์, ทำงานเอกสารก็ไม่มีปัญหา แต่ปัจจุบันนี้ถ้าใครเปิดเบราเซอร์หลายแท็บหรือใช้ Microsoft Excel ที่มีขนาดใหญ่และจำนวนตารางเยอะก็อาจจะมีโอกาสหน่วงได้บ้างในบางโอกาส แต่ถ้าใช้งานทั่วไปไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
การ์ดจอเป็นออนบอร์ดรุ่น Intel Iris Xe Graphics ที่ติดมากับซีพียู ประสิทธิภาพเพียงพอใช้ทำงานต่างๆ เช่นการแสดงผล, ดูหนังฟังเพลงหรือจะใช้ตัดต่อแต่งภาพก็ได้ รองรับชุดคำสั่งพื้นฐานทั้ง OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan อย่างครบถ้วน ถ้าใช้ทำงานพื้นฐานในออฟฟิศอย่างงานเอกสารหรือใช้แต่งภาพอัพโหลดขึ้นโซเชียลหรือใช้งานทั่วไปจัดว่าเพียงพออย่างแน่นอน
ด้านชิ้นส่วนภายในเครื่องเมื่อเช็คด้วย Device Manager แล้ว จะเห็นว่าพาร์ทในเครื่องให้มาครบเครื่องทีเดียว ไม่ว่าจะเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่รวมเอาไว้กับปุ่ม Power ของ Goodix ที่โน๊ตบุ๊คแบรนด์ชั้นนำหลายรุ่นเลือกใช้, ติดตั้งการ์ด Wi-Fi รุ่น Intel AX201 รองรับ Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax คลื่นกว้าง 160MHz รองรับ Bluetooth 5.2 และมีชิป TPM 2.0 สำหรับใช้อัพเกรดเป็น Windows 11 ได้อย่างแน่นอน
ด้าน SSD แบบ M.2 NVMe รหัส MZVLQ512HBLU-00B00 รุ่น Samsung PM991a เป็น SSD แบบ OEM ของทาง Samsung ที่มักเอามาติดตั้งให้กับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่น ใช้อินเตอร์เฟส PCIe 3.0 x4 ความเร็วที่เคลมหน้าสเปคอยู่ที่ 3,100 MB/s และ Sequential Write 1,800 MB/s เมื่อทดสอบด้วย AS SSD แล้วได้ได้ความเร็ว Sequential Read 2,419 MB/s และ Sequential Write 1,709 MB/s
ต้องถือว่าความเร็วนี้เทียบเท่ากับ WD Blue SN550, WD Green SN350 เท่านั้น โดยรวมถือว่าใช้งานต่างๆ ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าต้องการอัพเกรดเพิ่มความจุและความเร็วขึ้นอีกสักหน่อยแนะนำให้อัพเกรดเป็น WD Black SN750, Samsung 980, Transcend 220S ความจุ 512GB – 1TB แทนจะช่วยให้ทำงานได้ไหลลื่นกว่าเดิม
ด้านการทำงานหรือ Preview ไฟล์งาน 3D CG เมื่อทดสอบด้วย CINEBENCH R15 จะเห็นว่าคะแนน OpenGL ทำได้ 99.62 fps และ CPU 883 cb ซึ่งถ้าต้องการเอามา Preview ไฟล์ 3D CG ต่างๆ ก็สามารถใช้งานได้อย่างแน่นอน แต่ไม่แนะนำให้ใช้ทำงาน 3D CG เป็นหลักนัก ส่วนการทดสอบแบบโฟกัสที่ประสิทธิภาพการทำงานของตัว CPU อย่างเดียวด้วย CINEBENCH R20 จะทำคะแนน CPU ได้ 2092 pts ซึ่งจัดว่าสูงพอใช้ทำงานได้อย่างแน่นอน
ประสิทธิภาพการเล่นเกมเมื่อทดสอบด้วย 3DMark Time Spy แล้ว จะเห็นว่าคะแนนรวมทำได้ 1,578 คะแนน และจะเห็นว่าคะแนนซีพียูทำได้ 5,023 คะแนน ส่วนกราฟฟิคอยู่ที่ 1,408 คะแนน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่มีเฉพาะการ์ดจอออนบอร์ด ซึ่งถ้าใครเน้นทำงานอย่างเดียวก็ไม่มีปัญหาและอาจจะพอเล่นเกม 8-bit หรือเกมมือถือในคอมได้บ้างเพื่อแก้เครียดแก้เบื่อมากกว่า ซึ่งการเล่นเกมก็ไม่ได้เป็นจุดประสงค์ใช้งานหลักของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้อยู่แล้ว
ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานออฟฟิศต่างๆ ด้วย PCMark 10 แล้ว ได้ผลคะแนนรวมที่ 4,789 คะแนน จัดว่าเป็นผลคะแนนที่ใช้ทำงานออฟฟิศต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ถ้าดูคะแนนแยกหมวดจะเห็นว่า realme Book เครื่องนี้จะทำงานกลุ่ม Essentials อย่างการเปิดโปรแกรม, เปิดเว็บเบราเซอร์หรือประชุมออนไลน์ได้เป็นอย่างดี โดยได้คะแนนหมวดนี้ 9,369 คะแนน ส่วนที่ลดลงมาแต่ถือว่ายังทำได้ดีคือหมวด Productivity ที่ใช้ทำงานเอกสารกับโปรแกรม Word หรือ Excel ที่ได้ 6,309 คะแนน แต่การตัดต่อแต่งภาพหรือตัดต่อวิดีโอจะได้คะแนนที่ 5,044 คะแนน ต้องถือว่าอยู่ในระดับใช้งานได้ในบางโอกาสจำเป็นแต่ไม่แนะนำให้ใช้เป็นหลักนัก
ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม Affinity Photo ที่ใช้ตัดต่อแต่งภาพ จะเห็นว่า realme Book เครื่องนี้ที่ติดตั้ง Intel Core i5-1135G7 ก็สามารถแต่งภาพกับไฟล์ประเภท Vector หรือ Raster ไฟล์ภาพต่างๆ ได้ด้วย แค่อาจจะไม่เท่ากับเกมมิ่งพีซีที่มีการ์ดจอแยกแต่ก็ถือว่าใช้งานได้ระดับหนึ่ง
Battery / Heat & Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาในเครื่องจะเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) ความจุ 51 Wh ความจุแบบ Rated Capacity อยู่ที่ 6,875 mAh ส่วน Typical Capacity อยู่ที่ 6,952 mAh ตัวแบตเตอรี่เป็นแบบก้อนยาวแบบสุดขอบถึงลำโพงทั้งสองฝั่ง
โดย realme เคลมระยะเวลาใช้งานโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้โดยเปิดคลิปความละเอียด 1080p ในเครื่อง ปรับความสว่างไว้ 150 nits (ความสว่าง 50% จากการวัดด้วย Spyder5Elite) เปิดลำโพงดัง 50% จะใช้งานได้นาน 11 ชั่วโมง
แต่จากการทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยเปิดความสว่างหน้าจอต่ำสุด, เปิดเสียงลำโพง 10% ใช้เบราเซอร์ Microsoft Edge เปิดคลิปความยาว 30 นาทีดูผ่าน YouTube แล้ว จะใช้งานได้นานสุด 10 ชั่วโมง 20 นาที และอาจจะน้อยกว่านี้ถ้าเปิดความสว่างและเสียงลำโพงดังกว่านี้ ซึ่งเป็นพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่ซื้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่องมาใช้งาน
อย่างไรก็ต้องถือว่าระยะเวลาแบตเตอรี่นั้นใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงและใช้ปลั๊กสมาร์ทโฟนชาร์จแบตเตอรี่ให้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ได้ ก็ถือเป็นจุดชดเชยที่ช่วยเรื่องระยะเวลาใช้งานอยู่ราว 10 ชั่วโมงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังใช้ปลั๊กที่มากับโน๊ตบุ๊คชาร์จของสมาร์ทโฟนในเครือ BBK Electronics ได้อีกด้วย ทำให้พกปลั๊กตัวเดียวชาร์จแบตเตอรี่ได้หลายอุปกรณ์ ลดปริมาณของใช้ในกระเป๋าไปได้อีก 1-2 ชิ้นทีเดียว
ด้านระบบระบายความร้อนของ realme Book เครื่องนี้จะเป็นพัดลมโบลวเวอร์คู่กับฮีตไปป์ 2 เส้น พาดผ่านซีพียู Intel Core i5-1135G7 เพื่อระบายความร้อนแล้วเป่าออกที่ช่องระบายความร้อนขอบบนของตัวเครื่องได้เลย ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นจะติดตั้งฮีตไปป์ระบายความร้อนเพียงเส้นเดียว แต่โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้จะมีให้ถึง 2 เส้นเพื่อลดปัญหาเครื่องโอเวอร์ฮีต
สำหรับอุณหภูมิของตัวเครื่องเมื่อวัดด้วย CPUID HWMonitor แล้ว จะเห็นว่าความร้อนอยู่ที่ 32-99 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิสูงสุดนี้เช็คหลังการทดสอบโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ด้วยโปรแกรม 3DMark Time Spy และ PCMark 10 แล้ว ซึ่งเป็นอุณหภูมิสูงสุดที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เมื่อใช้งาน แต่เมื่อใช้งานจริงตามปกติ อย่างการเปิดเว็บไซต์ดูหนังฟังเพลงหรือทำงานตามปกติก็ไม่มีปัญหาเรื่องอุณหภูมิมารบกวนระหว่างใช้งานเลย สามารถวางมือพิมพ์บนแป้นพิมพ์และใช้งานได้ตามปกติ
User Experience
หลังจากได้ใช้ realme Book เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานดูช่วงหนึ่ง หากไม่นับเรื่องการเล่นเกมซึ่งไม่ใช่เป้าหมายการใช้งานหลักของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้แล้ว ต้องถือว่าองค์ประกอบหลายๆ อย่างของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เอื้อกับการทำงานออฟฟิศเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะ Microsoft Office Home & Student 2019 แท้ที่ติดมาให้ใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องทำให้ไม่ต้องเสียเงินซื้อซอฟท์แวร์เพิ่มให้เปลืองเงินและทำงานออฟฟิศต่างๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา สามารถเปิดเบราเซอร์แล้วทำงานกับ Web application ต่างๆ ได้สบายๆ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน แต่ถ้าเปิดโปรแกรมแต่งภาพหรือไฟล์ Excel ที่มีจำนวนตารางเยอะๆ อาจจะมีอาการหน่วงเพียงอึดใจแต่ก็ใช้งานต่อได้ตามปกติ
ด้านฟีเจอร์ของตัวเครื่องอย่างระบบสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องที่ติดตั้งมาให้กับปุ่ม Power จัดว่าเป็นฟังก์ชั่นที่ดีและช่วยให้ปลดล็อคเครื่องมาใช้งานได้สะดวกโดยไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านรวมทั้งรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลภายในตัวเครื่องได้ ไม่ต้องเสี่ยงให้คนอื่นมาแอบดูรหัสผ่านแล้วแอบล็อคอินเข้ามาใช้เครื่องเราอีกด้วย และจุดแข็งอย่างพอร์ต Thunderbolt 4 ที่ด้านซ้ายตัวเครื่องก็มีประโยชน์มาก เพราะนอกจากลดปริมาณพอร์ตลงไปก็ยังต่อ USB-C Multiport adapter แยกเป็นพอร์ตอื่นๆ เช่น HDMI, USB-A 3.0, VGA ฯลฯ ได้ ทำให้ผู้ผลิตไม่ต้องทำเครื่องให้หนาและหนักเกินไป ทำให้ผู้ใช้พกพาโน๊ตบุ๊คได้สะดวกขึ้นด้วย
ถัดมาในเรื่องการพกพาติดตัวไปใช้งาน นับว่าน้ำหนักเครื่อง 1.38 กิโลกรัมนั้นเบาพกพาสะดวก สามารถใส่กระเป๋า Messenger bag สะพายข้างติดตัวไปไหนมาไหนได้ง่ายไม่หนักไหล่เกินไป ยิ่งถ้าใครต้องพกโน๊ตบุ๊คไปไหนมาไหน เช่น พรีเซนต์หรือติดต่องานก็พกพาได้สะดวก อาจจะพกปลั๊กเฉพาะของ realme Book เครื่องนี้ไปสักหน่อยเพื่อใช้ชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเครื่องหรือสมาร์ทโฟนในกรณีจำเป็น ก็ช่วยตัดปัญหากังวลใจของใครหลายคนว่าแบตเตอรี่ของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ใช้งานได้นานสุดราว 10 ชั่วโมงไปได้โดยปริยาย ซึ่งผู้เขียนเองก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน ซึ่งปลั๊กนี้ก็พกพาได้สะดวกดีทีเดียว
ยิ่งเรื่องของหน้าจออัตราส่วน 2K ความละเอียด 3:2 ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากเป็นอัตราส่วนหน้าจอที่เหมาะกับการทำงานเอกสารมากและมีโน๊ตบุ๊คหน้าจออัตราส่วนนี้เปิดตัวออกมาไม่กี่รุ่นเท่านั้น ทำให้ผู้เขียนสามารถเขียนคอนเทนต์ได้สะดวกเพราะมองเห็นบรรทัดมากขึ้นกว่าหน้าจอ 16:9 ที่ใช้งานเป็นปกติและกวาดสายตาอ่านเนื้อหาบรรทัดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ง่าย ซึ่งเหมาะกับคนทำงานกับไฟล์ Microsoft Word, Excel หรือเขียนคอนเทนต์บนเว็บไซต์ต่างๆ เป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยุคนี้โปรแกรมต่างๆ ใช้แรมเยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้นผู้เขียนคิดว่าถ้าทาง Realme มีตัวเลือกรุ่นแรม 16GB ด้วยก็น่าจะถูกใจผู้ใช้งานหลายๆ คนมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
Conclusion & Award
โดยสรุปต้องถือว่า realme Book เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจเครื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเรื่องสเปคที่ตอบโจทย์คนทำงานได้สบายๆ ไม่ว่าจะเรื่องงานเอกสารหรือออนไลน์ก็ใช้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ทำงานได้เป็นอย่างดีและมีซอฟท์แวร์เพื่อคนทำงานอย่าง Microsoft Office Home & Student 2019 ติดมาให้ใช้งาน ทำให้ประหยัดค่าซอฟท์แวร์ไปได้มาก มีพอร์ต Thunderbolt 4 ไว้ชาร์จแบตเตอรี่และต่อหน้าจอแยกเวลาต้องการใช้งานได้อีกด้วย ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากที่ติดมาให้กับโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไม่แพ้กับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power เลย นอกจากนี้หน้าจออัตราส่วน 3:2 ก็มีประโยชน์เรื่องอัตราส่วนการมองเห็นบรรทัดบนหน้าจอมากกว่า 16:9 ที่มีให้เลือกซื้อเป็นปกติ ทำให้ทำงานคอนเทนต์หรือเอกสารได้สะดวก
แต่อย่างไรก็ตามถ้าใครต้องการใช้ MicroSD หรือ SD Card Reader อาจจะลำบากอยู่บ้างเนื่องจากทาง Realme ตัดพอร์ตดังกล่าวทิ้งไป ทำให้ต้องต่อ USB-C Multiport adapter แทนและแรมในตัวเครื่องยังมีความจุเพียง 8GB ซึ่งหมิ่นเหม่ไปเล็กน้อยในปี 2022 และต่อๆ ไปที่โปรแกรมต่างๆ จะเรียกใช้แรมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับกันถ้าใช้งานแค่ทั่วไปอย่างทำงานเอกสารหรือนักเรียนนักศึกษาจะหาโน๊ตบุ๊คไว้เข้าห้องเลคเชอร์หรือเรียนออนไลน์, คนทำงานกับเอกสารและตัวเลขก็น่าจะเหมาะกับโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นอย่างมาก
award
best thin & light
การติดพอร์ต Thunderbolt 4 ที่สามารถต่อแปลงเป็นพอร์ตต่างๆ เพิ่มเติมได้และตัดพอร์ตต่างๆ ออกไปและทำให้เครื่องบางและเบาเพียง 1.38 กิโลกรัม ช่วยให้พก realme Book เครื่องนี้ติดตัวไปไหนมาไหนได้สะดวกและตัวเครื่องไม่เทอะทะ ดูบางเบาเรียบหรูทีเดียว
best design
การออกแบบและเลือกใช้บอดี้ตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมทั้งตัวทำให้ realme Book ดูสวยและเลือกสีตัวเครื่องได้ 2 สีว่าจะเป็นน้ำเงินหรือสีเทาก็ได้ นอกจากนี้หน้าจอยังเป็นอัตราส่วน 3:2 ที่เหมาะกับการทำงานเอกสารต่างๆ อีกด้วย นับเป็นดีไซน์ที่สวยทั้งตัวเครื่องและการใช้งานทั้งคู่