Connect with us

Hi, what are you looking for?

Buyer's Guide

5 หูฟังตัดเสียงรบกวนตัวเด็ด ฟังเพลงเพลินไม่มีใครขัด อัพเดทปี 2022

มีหูฟังตัดเสียงรบกวนติดกระเป๋าเอาไว้สักตัว ฟังเพลงโปรดได้เพลินๆ ไม่ต้องโดนเสียงแทรก!

tws cover

หูฟังตัดเสียงรบกวนในปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้หลายๆ คนหาซื้อหูฟังตัดเสียงมาฟังเพลงได้ง่าย ซึ่งถ้าใครชอบฟังเพลงตอนเเดินทางให้เข้าบรรยากาศหรือฟังเพลงที่ชอบให้ได้อารมณ์และสมาธิตอนทำงานในออฟฟิศก็น่าจะชื่นชอบหูฟังนี้ไม่น้อย

Advertisement

ในตอนนี้ ถ้าจะหาหูฟังตัดเสียงดีๆ เอาไว้ทั้งฟังเพลงและโทรติดต่องานแล้วจะลงทุนซื้อของดีมาใช้จะได้อยู่กันยาวๆ ไม่ต้องเปลี่ยนอีกสักพักนั้น ในตอนนี้แบรนด์ชั้นนำผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ชั้นนำก็พากันเข็นหูฟัง True Wireless พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนราคาหลักพันต้นถึงปลายออกมาให้เลือกหลากหลายรุ่นพร้อมอัดฟีเจอร์ล้ำสมัยมาให้อีกเพียบ

หูฟังตัดเสียงรบกวน

5 หูฟังตัดเสียงรบกวนน่าโดน ตัดเสียงคม ฟังเพลงเพลิน

หากจำกันได้ ผู้เขียนเองก็เคยแนะนำหูฟัง True Wireless ไปเมื่อต้นปีที่แล้วพร้อมแนะนำวิธีเลือกหูฟัง True Wireless ด้วย แล้วในปี 2022 นี้จะมีหูฟังตัดเสียงรุ่นไหนน่าซื้อมาฟังเพลงบ้าง? ในบทความนี้ผู้เขียนมีรุ่นน่าสนใจมาแนะนำทั้งหมด 5 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

  1. AUKEY EP-N6 (2,290 บาท)
  2. EDIFIER TWS NB2 PRO (2,490 บาท)
  3. HUAWEI FreeBuds Pro (3,890 บาท)
  4. Beats Studio Buds (5,500 บาท)
  5. Sony WF-1000XM4 (8,990 บาท)
1. AUKEY EP-N6 (2,290 บาท)

aukey

ถ้าพูดถึง AUKEY เชื่อว่าผู้ใช้หลายๆ คนน่าจะคิดถึงปลั๊กชาร์จไวหรือ Power Bank ที่ใส่ฟีเจอร์เด็ดๆ มาให้ผู้ใช้ได้ใช้งานกัน แต่หูฟังตัดเสียงรุ่น AUKEY EP-N6 รุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นรุ่นน่าสนใจที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน โดยหูฟังตัวนี้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตด้วย Bluetooth 5.1 แบบแยกหูซ้ายขวา ส่วนไดรเวอร์หูฟังแบบไดนามิคขนาด 10 มม. ตอบสนองความถี่ที่ 20 Hz – 20 kHz พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน Hybrid Active Noise Cancellation ลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้มากถึง 32 เดซิเบล ไมโครโฟนเป็นแบบ MEMS ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz ใช้งานต่อเนื่องแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 4 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสได้อีก 4 ครั้ง สุทธิ 22 ชั่วโมง ถ้าปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 7 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 35 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C รองรับ Gesture Control กับ Siri, Google Assistant รวมทั้งกันน้ำและฝุ่นระดับ IPX5 ด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากได้หูฟังตัดเสียงรบกวนดีๆ ไว้ใช้สักตัวอาจจะเริ่มจาก AUKEY รุ่นนี้ก่อนเลยก็ได้

สเปคของ AUKEY EP-N6
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.1 แบบแยกหูซ้ายขวา
  • ไดรเวอร์หูฟังแบบไดนามิคขนาด 10 มม. ตอบสนองความถี่ที่ 20 Hz – 20 kHz
  • ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน Hybrid Active Noise Cancellation ลดเสียงรบกวนได้ 32 เดซิเบล
  • ไมโครโฟนเป็นแบบ MEMS ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz
  • ใช้งานแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 4 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสได้อีก 4 ครั้ง สุทธิ 22 ชั่วโมง ปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 7 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 35 ชั่วโมง
  • ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C
  • รองรับ Gesture Control กับ Siri, Google Assistant
  • ราคา 2,290 บาท (AUKEY LazMall)
2. EDIFIER TWS NB2 PRO (2,490 บาท)

edifier tws nb2pro 01

หลังจากผลิตลำโพงคอมพิวเตอร์คุณภาพดีออกมาอย่างต่อเนื่องแล้ว EDIFIER ก็เปิดตัวหูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่น EDIFIER TWS NB2 PRO ที่ดีไซน์ดูสวยล้ำสมัยและรองรับ Game Mode ทำให้ดูหนังหรือเล่นเกมได้แล้วภาพกับเสียงไม่มีดีเลย์ ปรับตั้งค่าหูฟังได้ด้วยแอพฯ Edifier Connect ที่มีให้โหลดไปใช้งานทั้งใน iOS, Android ส่วนการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตใช้เป็น Bluetooth 5.0 กันน้ำและฝุ่นระดับ IP54 ส่วนหูฟังติดตั้งไดรเวอร์ 10 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz มีโหมด Statial Sound ไมค์คู่พร้อมใช้ตัดเสียงรบกวน ENC และมี In-Ear Detection ถ้าถอดหูฟังออกแล้วเพลงจะหยุดเล่นอัตโนมัติ สามารถใช้ฟังเพลงแบบเปิดฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนได้ 7 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสได้รวมทั้งสิน 25 ชั่วโมง ถ้าปิดระบบตัดเสียงรบกวนใช้ได้ 9 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสได้รวมทั้งสิ้น 32 ชั่วโมง มีฟีเจอร์ชาร์จไว 15 นาทีฟังเพลงได้ 2 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C ซึ่งถ้าใครเคยใช้ลำโพงของ Edifier แล้วมั่นใจคุณภาพเสียงของหูฟังตัวนี้ก็แนะนำให้ซื้อหูฟังนี้ไปใช้งานได้เลย

สเปคของ Edifier TWS NB2 Pro
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 มี Game Mode, ANC แบบ ENC
  • ไดรเวอร์หูฟังแบบไดนามิคขนาด 10 มม. ตอบสนองความถี่ที่ 20 Hz – 20 kHz
  • ไมโครโฟนคู่พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ANC แบบ ENC
  • ใช้งานแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 7 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสได้สุทธิ 25 ชั่วโมง ปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 9 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 32 ชั่วโมง
  • ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C
  • ตั้งค่าได้ด้วยแอพฯ Edifier Connect
  • ราคา 2,490 บาท (425Degree)
3. HUAWEI FreeBuds Pro (3,890 บาท)

huawei freebuds pro device switch 1

HUAWEI FreeBuds Pro รุ่นนี้แม้จะเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนที่เปิดตัวมาสักพักแล้ว แต่จากสเปคและฟีเจอร์ที่ HUAWEI ใส่มาให้ใช้งานต้องถือว่ายังจัดเต็มไม่แพ้กับหูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่นใหม่ๆ เลย เพราะทาง HUAWEI ติดตั้ง Bone Sensor ทำงานคู่กับไมโครโฟนอีก 3 ตัว มีโหมดตรวจจับเสียงภายนอกเพื่อตัดเสียงรบกวน เป็น ANC แบบไดนามิคและรองรับการเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกันและกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 ควบคุมและตั้งค่าโดยแอพฯ HUAWEI AI Life รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS

ตัว HUAWEI FreeBuds Pro รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.2 ไดรเวอร์มีขนาด 11 มม. แบบไดนามิคพร้อมไมโครโฟนที่ HUAWEI ปรับแต่งมาพร้อมใช้ถ่าย Vlog ได้สบายๆ รองรับ Gesture Control เพื่อควบคุมเวลาฟังเพลงหรือเปิดปิดระบบตัดเสียงรบกวน สามารถใช้ฟังเพลงต่อเนื่องได้ 4 ชั่วโมงเมื่อเปิดฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ถ้าปิดใช้งานได้นาน 7 ชั่วโมง นำกลับไปชาร์จในเคสแล้วใช้งานได้นานสุด 30 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่คืนให้หูฟังด้วยสาย USB-C หรือระบบชาร์จไร้สายก็ได้ จัดเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนที่ให้ฟีเจอร์มาครบเครื่องน่าใช้อีกรุ่นหนึ่ง

สเปคของ HUAWEI FreeBuds Pro
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.2 ติดตั้ง Bone Sensor ทำงานคู่กับไมโครโฟนอีก 3 ตัว
  • ไดรเวอร์หูฟังแบบไดนามิคขนาด 11 มม. 
  • ไมโครโฟนคู่ ปรับแต่งมาพร้อมใช้ถ่าย Vlog ได้
  • ใช้งานแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 4 ชั่วโมง ปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 7 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 30 ชั่วโมง
  • ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C หรือชาร์จไร้สาย
  • ตั้งค่าได้ด้วยแอพฯ HUAWEI AI Life
  • ราคา 3,890 บาท (Jaymart LazMall)
4. Beats Studio Buds (5,500 บาท)

 

MJ503

Beats Studio Buds รุ่นนี้ถือเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนในเครือ Apple สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง iPhone และสมาร์ทโฟน Android โดยผู้เขียนได้ทดลองฟังเพลงด้วยหูฟังนี้มาก่อนหน้าแล้ว พบว่าเสียงของ True Wireless ตัวนี้มิติเสียงถือว่าดีกว่า Beats รุ่นก่อนๆ ในอดีตและไม่มีอาการเบสบวมแล้วและสเตจถือว่ากว้างกำลังดีอีกด้วย ด้านหูฟังตัวนี้เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth Class 1 ติดตั้งไดอะแฟรมคู่เพื่อให้เสียงเพลงมีมิติและได้เสียงเคลียร์ฟังชัดกับไมค์แบบ Beamforming คู่ ช่วยตัดเสียงรบกวนแบบ ANC หรือจะกดเพื่อเปิดให้เสียงภายนอกเข้าก็ได้ และข้อดีคือไมค์ของ Beats Studio Buds รุ่นนี้จะได้คุณภาพเสียงดีฟังชัดเจน ทำให้เวลาโทรติดต่องานก็สามารถพูดคุยกับคู่สนทนาปลายสายได้ชัดเจน ด้านการใช้งานสามารถฟังเพลงต่อเนื่องแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 5 ชั่วโมง ถ้าปิดใช้ได้ 8 ชั่วโมง วนชาร์จในเคสแล้วใช้งานได้นานสุด 24 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไว 5 นาทีฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่คืนให้ตัวหูฟังด้วยสาย USB-C และยังกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 อีกด้วย 

สเปคของ Beats Studio buds
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth Class 1 ติดตั้งไมโครโฟน Beamforming ไว้ตัดเสียงรบกวน
  • ไดรเวอร์หูฟังแบบไดอะแฟรมคู่ ให้คุณภาพเสียงดีขึ้น
  • ไมโครโฟนคู่ พูดคุยเสียงฟังชัดเจนแบบ Beamforming
  • ใช้งานแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 5 ชั่วโมง ปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 8 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 24 ชั่วโมง ชาร์จไว 5 นาทีฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง
  • ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C 
  • ราคา 5,500 บาท (Wemall Lazmall)
5. Sony WF-1000XM4 (8,990 บาท)

sony

Sony WF-1000XM4 รุ่นนี้จะเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนภาคต่อของรุ่น WF-1000XM3 ที่ Sony เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ โดยทาง Sony จัดการลดขนาดของเคสชาร์จให้เล็กลงเล็กน้อยให้พกพาได้สะดวกแล้วใส่ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนมาให้แบบจัดเต็มเช่นเดิม ดดยฟีเจอร์เด่นของ WF-1000XM4 ได้แก่ระบบตัดเสียงรบกวน Digital ANC ที่ใช้ชิป Integrated Processor V1 เข้ามาช่วยตัดเสียงและปรับเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและมี Bone-conduction ตรวจจับการสั่นสะเทือนจากเสียงของเราเพื่อตัดเสียงภายนอกและให้เน้นให้เสียงพูดของเราฟังชัดเจน, มี DSEE Extreme ช่วยยกระดับเสียงเพลงให้คุณภาพเสียงดียิ่งขึ้น, ฟีเจอร์ Speak-to-Chat เมื่อคุยกับคู่สนทนาแล้วหูฟังจะหยุดเล่นเพลงชั่วคราวแล้วกลับมาเล่นเพลงต่อโดยอัตโนมัติและตั้งค่าการทำงานได้ด้วยแอพฯ Sony | Headphone Connect รองรับทั้ง Android และ iOS และกันน้ำกับฝุ่นระดับ IPX4 อีกด้วย

สเปคของหูฟังตัวนี้จะรองรับการเชื่อมต่อกับมือถือหรือแท็บเล็ตด้วย Bluetooth 5.2 โดยเชื่อมต่อแยกหูซ้ายขวา รองรับ Google Fast Pair เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Android และพีซีระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้อย่างรวดเร็ว ใช้ไดรเวอร์ขนาด 6 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz  รองรับ Google Assistant และ Alexa สามารถฟังเพลงต่อเนื่องแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 8 ชั่วโมง ถ้าปิดจะใช้ได้ 12 ชั่วโมง รวมวนชาร์จในเคสจะใช้งานได้ 24 ชั่วโมง รองรับชาร์จไว 5 นาทีใช้งานได้ 60 นาที สามารถชาร์จแบตเตอรี่คืนให้ตัวหูฟังได้ด้วยสาย USB-C หรือชาร์จไร้สายก็ได้ จัดว่าเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวนคุณภาพสูงที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับคนที่ต้องการคุณภาพเสียงแบบจัดเต็ม

สเปคของ Sony WF-1000XM4
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.2 แบบแยกหูซ้ายขวา รองรับ Google Fast Pair
  • ไดรเวอร์หูฟังขนาด 6 มม. ตอบสนองความถี่ที่ 20 Hz – 20 kHz มี DSEE Extreme
  • ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน Digital ANC ใช้ชิป Integrated Processor V1 เข้ามาช่วยตัดเสียงและปรับเสียงให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและมี Bone-conduction
  • ไมโครโฟนมีฟีเจอร์ Speak-to-Chat หยุดเล่นเพลงชั่วคราวเมื่อคุยกับคู่สนทนาและเล่นเพลงต่อเมื่อคุยเสร็จ
  • ใช้งานแบบเปิดระบบตัดเสียงรบกวนได้ 8 ชั่วโมง ปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะเพิ่มเป็น 12 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสได้ 24 ชั่วโมง รองรับชาร์จไว 5 นาทีใช้งานได้ 60 นาที
  • ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยสาย USB-C หรือชาร์จไร้สาย
  • รองรับ Gesture Control กับ Google Assistant, Alexa
  • ราคา 8,990 บาท (Sony Thailand)

สรุปสเปค 5 หูฟังตัดเสียงรบกวนตัวเด็ด ฟังเพลงเพลินได้ใจไม่มีใครรบกวน

สายฟังเพลงที่กำลังมองหาหูฟังตัดเสียงรบกวนตัวใหม่หรือจะอัพเกรดจากตัวเดิมมาเป็นรุ่นสเปคเด็ด ตัดเสียงเทพสำหรับปี 2022 นี้ ต้องถือว่ามีตัวเลือกให้เลือกมากมายทีเดียว โดยรุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำทั้ง 5 รุ่นถ้าสรุปสเปคแล้วจะเป็นดังนี้

สเปคหูฟังตัดเสียงรบกวน การเชื่อมต่อ ไดรเวอร์ ไมค์และการตัดเสียง แบตเตอรี่และการชาร์จ ราคา
AUKEY
EP-N6
Bluetooth 5.1
แยกการเชื่อมต่อหูซ้าย, ขวา
ไดนามิค
10 มม.

ตอบสนองความถี่
20 Hz – 20 kHz
MEMS
100 Hz – 10 kHz

Hybrid Active Noise Cancellation
เปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้
4 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 22 ชม.

ปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้ 7 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 35 ชม.

ชาร์จด้วย
USB-C
2,290 บาท
Edifier TWS NB2 Pro Bluetooth 5.0

ดีเลย์ต่ำ มี Game Mode
ไดนามิค
10 มม.

ตอบสนองความถี่
20 Hz – 20 kHz
ไมโครโฟนคู่

มี ANC
แบบ ENC
เปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้
7 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 25 ชม.

ปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้ 9 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 32 ชม.

ชาร์จด้วย
USB-C
2,490 บาท
HUAWEI FreeBuds Pro Bluetooth 5.2 ไดนามิค
11 มม.
ไมค์คู่ ปรับแต่งมาเพื่อถ่าย Vlog

ติดไมค์ 3 ตัวเพื่อตัดเสียงรบกวนและมี Bone Sensor
เปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้
4 ชม.

ปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้ 7 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 30 ชม.

ชาร์จด้วย
USB-C หรือชาร์จไร้สาย
3,890 บาท
Beats Studio Buds Bluetooth Class 1 ไดอะแฟรมคู่ ให้คุณภาพเสียงดีขึ้น ไมค์ Beamforming คู่ ใช้สนทนาและตัดเสียงรบกวนได้ในตัว เปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้
5 ชม.

ปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้ 8 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 24 ชม.

ชาร์จไว 5 นาทีฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง

ชาร์จด้วย
USB-C
5,500 บาท
Sony
WF-1000XM4
Bluetooth 5.2

Google
Fast Pair
ไดรเวอร์ 6 มม.

ตอบสนองความถี่
20 Hz – 20 kHz มี DSEE Extreme
ไมค์พร้อมฟีเจอร์ Speak-to-Chat

Digital ANC ใช้ชิป Integrated Processor V1

Bone-conduction sensor
เปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้
8 ชม.

ปิดตัดเสียงรบกวน
ฟังเพลงได้ 12 ชม. รวมชาร์จในเคสได้ 24 ชม.

ชาร์จไว 5 นาทีฟังเพลงได้ 60 นาที

ชาร์จด้วย
USB-C หรือชาร์จไร้สาย
8,990 บาท

จะเห็นว่าหูฟัง True Wireless พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนนั้นมีให้เลือกตั้งแต่หลักพันต้นๆ ไปจนหลักพันปลายและแต่ละรุ่นก็จะมีฟีเจอร์เด่นแตกต่างกันไป ถ้าใครต้องการเปลี่ยนหูฟังใหม่เอามาฟังเพลงตอนทำงานหรือระหว่างเดินทางก็เลือกจากทั้ง  5 รุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำเลยก็ได้ หรือจะดูเป็นแนวทางแล้วไปลองเลือกที่ร้านขายหูฟังโดยเฉพาะแล้วทดลองฟังเพลงก่อนว่าหูฟังรุ่นที่เราสนใจเป็นแนวเสียงแบบที่เราชอบหรือไม่ค่อยตัดสินใจซื้อก็ได้เช่นกัน


บทความที่เกี่ยวข้อง

tws 2 cover

tws cover

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Buyer's Guide

หลายปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะแบรนด์นาฬิกาหรือสมาร์ทโฟนก็หันมาสร้าง Smart Watch กันอย่างต่อเนื่องจนหลายๆ คนคิดว่าจะซื้อ Smart Watch รุ่นไหนดี 2024 นี้ก็มีตัวเลือกจากแบรนด์ต่างๆ มากมาย ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีเอกลักษณ์ส่วนตัวแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะใช้งาน Google Wear OS ทำให้นาฬิกาเป็นส่วนเสริมของสมาร์ทโฟนให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น ใช้จ่ายเงิน, ดูแผนที่ระหว่างเดินทางไปไหนมาไหนได้ง่าย ไปจนกลุ่มคนที่รักการออกกำลังกายและใช้ชีวิต Extreme ดำน้ำเดินป่าก็มี Smart Watch...

Buyer's Guide

หัวชาร์จ Type C ให้ดีแนะนำตัวชาร์จไฟแรงๆ สัก 65 วัตต์ขึ้นไป ชาร์จมือถือพร้อมโน๊ตบุ๊คได้สบายๆ เลยนะ! หัวชาร์จ Type C เป็นแก็ดเจ็ดสำคัญอีกชิ้นในกระเป๋าของผู้ใช้ส่วนใหญ่ยุคนี้ เพราะนอกจากสมาร์ทโฟนแล้วโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ก็มีพอร์ต USB-C แบบรองรับการชาร์จ Power Delivery ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ใช้ชาร์จไฟให้เครื่องได้เท่าที่ต้องการถ้ามีช่องเสียบปลั๊กอยู่ ไม่ว่าจะหยิบไปนั่งทำงานร้านกาแฟแล้วแบตฯ เริ่มน้อยหรืออยากจะปรับเครื่องเข้าโหมด Performance,...

รีวิว Huawei

บอกลาแสงจ้าด้วยหน้าจอ PaperMatte Display บน HUAWEI MatePad 11.5 PaperMatte Edition ได้รับ 3 การรับรองสถาบันชั้นนำจาก SGS Low Visual Fatigue Premium Performance Certification, TUV Rheinland Low Blue Light...

IT NEWS

ชาว PC เตรียมพบกับประสบการณ์ VR สุดล้ำจาก Sony PlayStation VR2 ได้ภายในปี 2024 Sony Interactive Entertainment (SIE) ประกาศเตรียมรองรับ PlayStation VR2 (PS VR2) อุปกรณ์ VR สุดล้ำสำหรับ PlayStation 5...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก