ASUS ExpertBook B5 OLED (B5302F) สเปก Intel Core i Gen 11 (Tiger Lake) การันตีด้วยแพลตฟอร์ม Intel EVO เรียกได้ว่าเป็นการแตกย่อยของไลน์ ASUS ExpertBook Series จากที่ผ่านมาทาง ASUS ได้นำเสนอโน๊ตบุ๊คระดับมืออาชีพเน้นใช้งานแบบพกพาไปทำงานนอกสถานที่ ที่เบาสุดๆ เพียง 1.3 กิโลกรัม ทั้งด้วยสเปคประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมและมีแบตเตอรรี่ที่ใช้งานได้อย่างยาวนาน ล่าสุดสำหรับสายทำงานและจริงจังยิ่งกว่า เน้นการทำงานแบบองค์กรที่ต้องการความน่าเชื่อถือพร้อมความปลอดภัยรอบด้าน อย่าง IR Camera / Fingerprint และ TPM 2.0
กับการที่เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ พับหน้าจอทัชสกรีนได้ 360 องศา มีปากกา ความละเอียด Full HD พาเนล OLED รองรับ HDR ที่ขอบเขตสี sRGB 100% จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คประเภท 2-in-1 Notebook ที่ใช้วัสดุเป็นโลหะเกรดสูงอย่างแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่ทั้งเบาและแข็งแรงพรีเมียม ทั้งยังผ่านการทดสอบความทนทาน MIL-STD 810H Military Standard มาตรฐานกองทัพ อีกทั้งพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันทั้ง Wi-Fi 6 AX + Thunderbolt 4 ประกันก็ดีเยี่ยมเพราะเป็นแบบ On-site Service ระยะเวลา 3 ปี (และ Global Warranty 3 ปี) มีประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกด้วย ราคา 32,900 บาท
VDO Review
NBS Verdict
สำหรับ ASUS ExpertBook B5 OLED ถูกออกแบบมาเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานระดับมือาชีพหน้าจอ 13.3″ ซึ่งเป็นประเภท 2-in-1 Notebook ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพพร้อมความบางเบาเพื่อคนทำงานแบบองค์กร ที่สำคัญคือได้ความบางเบาขั้นสุด อีกทั้งได้ความครบถ้วนในทุกๆ ทาง เน้นความทนทาน ปลอดภัย ไว้ใจได้ มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานทั่วไป หรือหนักๆ
ด้วยการเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 อย่าง Core i5-1135G7 การ์ดจออนชิปดีที่สุดอย่าง Iris Xe Graphics และสเปกอื่นๆ จัดเต็ม ส่งผลให้ได้แพลตฟอร์ม Intel EVO ที่การันตีเรื่องความเสถียรภาพ การเชื่อมต่อที่ดีที่สุด และประสบการณ์ใช้งานโดยรวม โดดเด่นเหนือชั้นกว่าเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ทั้งจากฮาร์ดแวร์ภายในระดับ BIOS และภายนอก
อย่างกล้องเว็บแคมจะมีฟีเจอร์ของ Privacy Shield มาให้ รวมไปถึงมี IR Camera และสแกนลายนิ้วอีกด้วย แบตเตอรี่ยาวนานสุดๆ ที่ประมาณ 10 ชั่วโมงขึ้นไปจากการทดสอบจริง สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคาค่าตัว 32,900 บาท สำหรับสเปกตัวท็อปสุด
โดยเน้นเข้ามาบุกตลาดระหว่างองค์กร, ธุรกิจขนาดกลาง หรือคนที่ต้องการความแตกต่าง ชูจุดแข็งเรื่องดีไซน์เครื่องที่ได้ความบางเบา แข็งแรงทนทาน และประสิทธิภาพการทำงานขั้นสูง หรือถ้าคนทั่วไปอยากได้โน๊ตบุ๊คบางเบามาตรฐานสูงก็สามารถหาซื้อมาใช้งานเช่นเดียวกัน
อีกทั้งได้การรับประกัน On-site Serice ซ่อมฟรีถึงบ้าน ระยะ 3 ปี ที่สำคัญเป็นแบบทั่วโลก อีกทั้งมีประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง ASUS Premium Care ด้วย เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจ ที่ต่อยอดความสำเร็จของโน๊ตบุ๊คตระกูลสายธุรกิจระดับมืออาชีพได้เป็นอย่างดีมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ในเรื่องบริการหลังการขาย
ตอบโจทย์องค์กรขนาดใหญ่ หรือว่า SME / SMB ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน ที่ถูกกว่าตลาดสำหรับการเป็น Commercial Notebook ให้แตกต่างจาก ZenBook Seires โดยยังมี ExpertBook รุ่นอื่นๆ อีก ในราคาที่ย่อมเยาว์กว่า รวมไปถึงรุ่นที่สูงกว่าอย่าง ExpertBook B7 / ExpertBook B9
ปิดท้ายด้วยข้อสังเกตเล็กน้อย คือ การแกะอัพเกรดทำได้ไม่ยาก แต่สามารถอัพได้เพียงหน่วยความจำ RAM เท่านั้น ถ้าเทียบแต่สเปก จะเห็นว่ามีราคาที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คในตลาดรุ่นอื่นๆ ประมาณนึง เน้นการควบคุมความร้อนของชิปประมวลผล เลือกที่จะลดความเร็วลงมา เพื่อไม่ให้ร้อนเกินไป แน่นอนว่าตัวงานเองต้องไม่เน้นใช้งานเกี่ยวกับ 3 มิติ เพราะเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นการ์ดจอออนชิป อีกทั้งเพื่อการใช้งานให้สถียรที่สุด
จุดเด่น ASUS ExpertBook B5 OLED
- ตัวเครื่องทั้งมดใช้วัสดุแมกนีเซียมอัลลอย (Magnesium Alloy) ซึ่งดีกว่าโลหะทั่วไป
- เป็น 2-in-1 Notebook หน้าจอ 13.3″ แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็ก พกพาไปใช้งานได้สะดวก
- มีความเบาที่ 1.3 กิโลกรัม ซึ่งนับว่าเบามากๆ และบางเพียง 17.9 มิลลิเมตรเท่านั้น
- ดีไซน์พิเศษบานพับ ErgoLift Hinge ช่วยให้ใช้งานดีขึ้น ในหลายๆ ส่วน
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล OLED ขอบเขตสี 100% sRGB
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี Nano Edge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย Core i5-1135G7 + RAM 8GB + SSD 512GB
- รองรับการอัปเกรด RAM แบบ SO-DIM อีก 1 ตัวทันที และรองรับอัปเกรด SSD M.2 อีก 1 ตัว
- ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-810H ทนทานต่อการใช้งาน
- มาพร้อม IR Camera / Fingerprint ใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- ไมโครโฟนมีระบบตัดเสียงรบกวน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการประชุมวิดีโอ
- ฟีเจอร์ NumberPad 2.0 ช่วยการใช้งานแป้นตัวเลข ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ง่าย
- มี Windows 11 Home ใช้งานทันที มีซอฟต์แวร์ MyASUS / Business Manager ช่วยจัดการ
- ระบบคามปลอดภัยระดับองค์กรครบเครื่อง สไตล์ Commercial Notebook
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 10 ชั่วโมง พร้อมมีฟีเจอร์ชาร์จไฟกลับเร็ว
- ยังมีการติดตั้ง USB-A มาให้ใช้งานอยู่ แม้เครื่องจะบางเบาสุดๆ ก็ตาม
- ประกันเป็น On-site Service ทั่วโลกระยะเวลา 3 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรก
- ได้อุปกรณ์บันเดิลมากมาย อาทิ สายแปลง LAN / เมาส์ไร้สาย
- ราคาคุ้มค่า ประสิทธิภาพดี ฟีเจอร์เพียบ ใช้งานจริงได้ เมื่อเทียบแบรนด์อื่นๆ
ข้อสังเกต ASUS ExpertBook B5 OLED
- การแกะอัพเกรดทำได้ไม่ยาก แต่สามารถอัพได้เพียงหน่วยความจำ RAM เท่านั้น
- ถ้าเทียบแต่สเปก จะเห็นว่ามีราคาที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คในตลาดรุ่นอื่นๆ ประมาณนึง
- เน้นการควบคุมความร้อนของชิปประมวลผล เลือกที่จะลดความเร็วลงมา เพื่อไม่ให้ร้อนเกินไป
- ความเร็วของ SSD M.2 น้อยกว่ารุ่นทั่วไป ถ้าได้สเปกที่เร็วกว่านี้น่าจะดีกว่า
Specification
สเปกของ ASUS ExpertBook B5 OLED ขณะที่รีวิวอยู่มีเพียงสเปกเดียว กับราคา บาท ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-1135G7 ซึ่งด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ที่ความเร็ว 2.40 GHz – 4.20 GHz สถาปัตยกรรม Tiger Lake มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 11 nm SuperFin ที่แรงขึ้นมากพร้อมด้วย AI ช่วยทำงานบางอย่างในตัว เพิ่มเติมด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน ส่วนการ์ดจอเป็น Intel Iris Xe Graphics ที่เพียงพอกับใช้งานพื้นฐานแน่นอน รวมไปถึงงาน 3 มิติ หรือเล่นเกมออนไลน์ก็ดีกว่ารุ่นก่อนหน้านั้นทั้งหมด
โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 13.3″แบบด้าน ทัชสกรีนได้ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนล OLED ที่ดีที่สุด แรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB LPDDR4x Bus 4266MHz ซึ่งรองรับกับการใช้งานทั่วไปได้สบาย พร้อมได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.2 ด้วย นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call พร้อมไมค์ 2 ตัว (support noise cancellation) อีกทั้งมี Fingerprint / IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ลิขสิทธิ์
การรับประกันมีระยะ 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน อีกทั้งมีบริการอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น ดูแลตลอด 24 ชั่วโมงเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้อย่างไม่ยุ่งยาก และมีประกันอุบัติเหตุในปีแรกอย่าง ASUS Premium Care ในส่วนของบันเดิลเองก็มีความพิเศษ แน่นอนว่าต้องมีปากกาสไตลัส พร้อมได้ตัวแปลง Micro HDMI to LAN RJ45 มาให้ใช้งานได้ทันที โดดเด่นด้วยอแดปเตอร์ชาร์จไฟ ที่เป็นมาตรฐาน USB-C แบบ USB PD ปิดท้ายด้วยเมาส์ไร้สายอีก 1 ตัว (แต่แอบเสียดายที่เป็นแบบ USB Receiver)
ASUS ExpertBook B5 Flip OLED (B5302F) ราคา 32,900 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : Intel Core i5-1135G7 (4C/8T : 2.40 – 4.20 GHz)
-
GPU : Intel Iris Xe Graphics
-
RAM : 8GB LPDDR4X 4266 MHz
-
DISPLAY: 13.3″ Full HD IPS 60Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
-
OS : Windows 11 Home (64 Bit)
- Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year Perfect Warranty
สเปกอื่นๆ ราคาเริ่ม 29,900 บาท สำหรับรุ่น Notebook ปกติ ดูข้อมูลเพิ่มทั้งหมด
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ ASUS ExpertBook B5 OLED เหนือชั้นด้วยหน้าจอระดับมืออาชีพจากเทคโนโลยี OLED หน้าจอยังได้รับรองตามมาตรฐาน PANTONE Validated สำหรับความเป็นที่สุดในเรื่องความแม่นยำของสี พร้อมรองรับ HDR ที่จัดเต็มไปด้วยสเปกและฟีเจอร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 (Tiger Lake) ที่จะเน้นความแรงลื่น สเปกใหม่สุดๆ ตัวเครื่องดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ แบบปกติทั่วไป หรือแม้แต่ประเภท 2-in-1 Notebook ด้วยกัน เนื่องด้วยมีขอบจอที่บางมากแบบ Nano Edge ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา
น้ำหนักเบาสุดๆ เพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเท่ากันที่ 17.9 มิลลิเมตรเท่านั้น เรียกได้ว่ามิติตัวเครื่องมีความกระทัดรัดเหมาะต่อการพกพา ด้วยดีไซน์ของขอบจอที่บางเฉียบ ที่สำคัญบานพับระหว่างจอภาพและด้วยฟีเจอร์ ErgoLift ทำหน้าที่เสมือนฐานรองรับ ทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 5 องศากับระนาบทำให้การพิมพ์ง่ายและสบายยิ่งขึ้น ช่วยลดอาการปวดข้อมือ ปวดตามลำตัว และคอ ที่เกิดจากการพิมพ์เป็นระยะเวลานานไปได้เลย นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความใส่ใจที่เน้นว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นการใช้งานระดับมืออาชีพ แน่นอนว่ากางหน้าจอได้ 360 องศาอยู่แล้ว พร้อมความทนทานที่ 50,000 ครั้ง
ตัวเครื่องส่วนของตัวเครื่องด้านในใช้วัสดุที่ดีเยี่ยมอย่างแมกนีเซียมอัลลอย (Magnesium Alloy) ซึ่งดีกว่าโลหะทั่วไป ส่วนฝาหลังและใต้ตัวเครื่องได้เลือกใช้เป็นอลูมิเนียม ทำให้มีทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบาในการใช้งาน ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางบนคีย์บอร์ดจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป ที่สำคัญผิวสัมผัสยังเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างยาก ตรงนี้มีความเหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นใกล้เคียงกันแบบรู้สึกได้ทันที พร้อมใช้สีสันสีดำที่ไปในทางโทนน้ำเงินเล็กน้อยอย่าง Star Black พื้นผิวไม่เรียบ ให้ความรู้สึกเป็นหมู่ดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืน ส่วนด้านข้างตัวเครื่องนอกจากมีปุ่ม Power แล้วจะมีปุ่ม Volume ด้วย
อีกทั้งเรื่องความทนทานยังมีความโดดเด่นด้วยเกรดมาตรฐานที่ใช้ในกองทัพสหรัฐอเมริกา MIL–STD 810H US Military Standard และผ่านการทดสอบความแข็งแรงตามมาตรฐานของ ASUS เพื่อความมั่นใจเต็มเปี่ยมในทุกสภาพแวดล้อม อาทิ ตกกระแทก สั่นสะเทือน อุณหภูมิสูงต่ำ ฝุ่นและละอองน้ำ สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานจริงจัง เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน ผ่านกระบวนการขึ้นรูปด้วยเครื่องจักร CNC ที่ประณีตและสวยงามในหนึ่งเดียว พร้อมด้านในใส่อุปกรณ์รองรับการกระแทกอีกชั้นด้วย เรียกได้ว่ามีความเชื่อมั่นที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในตลาดแน่นอน
ASUS ExpertBook B5 OLED เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่ครบเครื่องในทุกๆ ด้าน มีสเปกที่ดี แรงลื่น จัดเต็มด้วยฟีเจอร์ต่างๆ รวมถึงใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียดจริงๆ ตอบโจทย์คนที่จริงจังด้านการทำงานระดับมืออาชีพ ด้วยความพิเศษอย่างไฟ LED สีส้มที่ฝาหลัง แสดงสถานะว่าห้ามรบกวนเพราะกำลังประชุม VDO Conference อยู่ (เลือกเปิดปิดได้) นับได้ว่าเป็น 2-in-1 Notebook พร้อมมีปากกาสไตลัสในตัว ตอบโจทย์การใช้งานได้รอบด้าน ตอบสนองการพกพาไปใช้งานทุกที่ทุกเวลาอย่างที่สุด สามารถใส่ในกระเป๋าถือ หรือกระเป๋าเป้สะพายหลังได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เดินทางอยู่ตลอดเวลา
Keyboard / Touchpad
ตัวแป้นคีย์บอร์ด ASUS ExpertBook B5 OLED นั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำด้านที่สกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ในส่วนการสัมผัสให้การสัมผัสที่กำลังดี คีย์บอร์ดมีระยะห่างกำลังดีที่ 1.5 มิลลิเมตร แป้นคีย์บอร์ดให้สัมผัสปลายนิ้วที่นุ่มนวลพร้อมกับระยะกดที่เหมาะสม มีไฟส่องสว่าง Backlit สีขาว ที่สามารถปิดหรือเปิดได้ ปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่ขอบตัวเครื่องด้านข้าง อีกทั้งแป้นพิมพ์ที่กันน้ำหกสามารถปกป้องตัวเองจากอุบัติเหตุเล็กน้อย
ตัวทัชแพดมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ดีไซน์ออกมาแบบไม่มีปุ่มแยกเป็นชิ้นเดียวทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจในประสบการณ์ใช้งานที่ดี พร้อมการสัมผัสเลื่อนนิ้วไปมาจะที่ลื่นไหลไม่ติดขัด ส่วนตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชตอบสนองได้ดีสมควร เรียกได้ว่าใช้งานได้เยี่ยมยอดกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบชัดเจน และด้วยฟีเจอร์ ErgoLift แป้นพิมพ์จะยกตัวเพื่อทำมุมที่เหมาะสมกับการพิมพ์โดยอัตโนมัติทันทีที่เราเปิดฝาหน้าจอ
รวมไปถึงมีฟีเจอร์ NumberPad 2.0 ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการแตะไอคอนตรงมุมขวาบนของทัชแพดค้างไว้ 1 วินาที เส้นไฟสำหรับแบ่งพื้นที่ของแต่ละปุ่มก็จะปรากฏขึ้นมาให้ใช้งานเป็น Numpad ได้ทันที ซึ่งแม้ว่าจะมีปุ่มขึ้นมาแล้ว ผู้ใช้ก็ยังสามารถใช้ทัชแพดในการเลื่อนเคอร์เซอร์ได้อยู่ แต่หากมีการจิ้มลงบนพื้นที่ของแต่ละปุ่มเพื่อคลิกซ้าย ก็จะเปรียบเสมือนการกดปุ่มตัวเลขด้วย (ลดแสงไฟได้ด้วยโลโก้มุมขวาบน) จัดได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ ปิดท้ายด้วยฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ไว้ใช้งานร่วมกับ Windwos Hello เพื่อเข้าใช้งาน Windows 11 Home อีกด้วย
Screen / Speaker
หน้าจอ ASUS ExpertBook B5 OLED ซึ่งรุ่นนี้เป็นขนาด 13.3″ เป็นพื้นผิวแบบด้านช่วยลดแสงสะท้อนได้ดี พร้อมขอบบางทั้ง 4 ด้าน ให้ความละเอียด Full HD ที่สัดส่วน 16:9 พาเนล OLED ที่แต่ละพิกเซลสามารถเปล่งแสงเองได้ ที่ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา ที่ให้ภาพคมชัด สวยงามทุกมุมมอง เมื่อประกอบกับขอบจอที่บางเฉียบ ทำให้ไม่ว่าจะการใช้งานทั่วไป การเปิดหน้าเว็บ การชมภาพยนตร์ ซีรีส์ รวมถึงการเล่นเกมดูเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น ส่วนขอบจอด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า รวมถึงยังมีหลอดไฟ LED สำหรับแสดงสถานะว่ากล้องทำงานอยู่
รวมไปถึงยังรองรับการแสดงผล HDR ที่ดีกว่าหน้าจอแบบเดิมๆ ที่ได้การรับรองคุณภาพโดย Pantone Validated ซึ่งเป็นระบบสีที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก เป็นมาตรฐานที่ใช้อย่างแพร่หลายทั้งด้านงานออกแบบ, สถาปัตยกรรมและอีกมากมาย ได้ความสบายตา หลับสบาย ด้วยจอถนอมสายตา ที่ช่วยตัดแสงสีฟ้าถึง 70% จอ OLED ผ่านการรับรองคุณสมบัติเพื่อการถนอมสายตา จากสถาบันชั้นนำ TÜV Rheinland-certified รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS Vivobook รุ่นนี้นั้นใส่ใจในเทคโนโลยีด้านการแสดงผลจริงๆ
โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ Webcam Shield เพียงเลื่อนเว็บแคมเก็บเข้าที่ เพื่อหยุดการทำงานของเว็บแคมได้แล้ว อีกทั้งแม้ขอบหน้าจอจะบางแต่ก็ยังติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนแบบ 2 ตัว มีระบบตัดเสียงรบกวน เทคโนโลยี ASUS AI Noise-Canceling Audio เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการประชุมแบบวิดีโอ (Video Conference) เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมด้วย IR Camera ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ด้วย ส่งผลให้เราสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย ไม่ต้องกรอกรหัสแบบเดิมๆ อีกต่อไป รวมถึงมีความปลอดภัยด้วย เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง
ทดสอบหน้าจอด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ซึ่งผลการทดสอบให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 100%, AdobeRGB 99%, P3 9/% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีเยี่ยมเหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั้งหมดในตลาด โดยให้ความแม่นยำและเที่ยงตรง ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 400 nit ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ สู้แสงกลางแจ้งได้แบบเหนือชั้น รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องมุมซ้ายบนเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 500 nit แต่สำหรับช่องหลายช่องจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 1 – 3 % ที่ถือว่าน้อยมาก ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ และค่า Delta-E อยู่ที่ 0.84 เท่านั้น ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว สามารถทำได้ดีระดับสตูดิโอ
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกแบบ 2W x 2 ตัวให้เสียงที่ดีกว่ารุ่นบางเบาทั่วไปในระดับหนึ่ง ที่ถึงแม้จะมีความบางความเบาของตัวเครื่องอย่างที่สุด แต่ก็ได้คุณภาพทั้งเสียงเบสที่มีน้ำหนัก ไม่ใช่ใส่แต่เสียงกลาง เสียงแหลมออกมาอย่างเดียว โดยตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ทำให้เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควร แยกรายละเอียดได้ซ้ายขวาได้ดี โดยรวมถือในส่วนของลำโพงถือว่าทำออกได้ดีทั้งในคุณภาพเสียงที่ได้และเสียงดังฟังชัดเพียงพอจะออกไปในนอกสถานที่ได้แบบสบายๆ
Connector / Thin And Weight
ในส่วนของรอบๆ ตัวเครื่อง ASUS ExpertBook B5 OLED ติดตั้งพอร์ตถือว่าให้มาพอตัว ด้วยการติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้จำนวน 2 พอร์ตด้วยสำหรับการรองรับอุปกรณ์ใหม่ๆ และการเชื่อมต่อกับอแดปเตอร์ที่เป็น USB-C โดยสนับสนุนการใช้งานแบบ Full Function ทั้งโอนถ่ายข้อมูลสูงสุด 40Gbps / ต่อหน้าจอแยก DisplayPort ที่ 4K/8K / ชาร์จไฟ Power Delivery รวมไปถึงยังมีพอร์ต USB 3.2 Type-A และ HDMI แม้ตัวเครื่องจะบางเฉียบ แน่นอนว่ายังมี ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรก็ยังมีอยู่เช่นเดิม พร้อมพอร์ต micro HDMI ที่ใช้งานร่วมกับอแดปเตอร์เพื่อใช้งาน LAN RJ45 ด้วย
น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.3 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็กจ่ายไฟที่ 65W หัวแบบ USB-C กะทัดรัด ชาร์จอุปกรณ์ได้หลากหลาย มีเทคโนโลยีการชาร์จเร็วสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-60% ได้ภายในเวลาเพียง 39 นาที ผ่านการชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ USB-C ขนาด 65Watt ที่ให้มา หรือจะซื้อของแบรนด์อื่นๆ ที่ได้มาตรฐาน มาใช้งานร่วมกันก็ได้ แน่นอนว่าชาร์จผ่าน Power Bank ที่เป็นมาตรฐาน PD ได้เช่นกัน ซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ 1.6 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 13.3″ ที่พับหน้าจอไปมาได้ จะมีน้ำหนักอยู่เกือบๆ 2 กิโลกรัม
Multi-Mode
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ASUS ExpertBook B5 OLED ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี พร้อมปากกา ASUS Active Pen ที่รองรับแรงกดถึง 4096 ระดับ (10 – 30 กรัม) และด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู YouTube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
สำหรับ ASUS ExpertBook B5 OLED วางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง แข็งแรงสามารถหมุนเปิดปิดได้สูงสุด 50,000 ครั้ง อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน รวมไปถึง 2-in-1 Notebook รุ่นนี้ยังมีที่เก็บปากกา ASUS Active Pen แบบพิเศษที่เป็นลักษณะแม่เหล็กที่ขอบตัวเครื่องด้านบน (ตัวปากกาจะเป็นทรงแท่งกลมแต่จะมีด้านนึงแบน) ช่วยทำให้เวลาเราถือใช้งานไปไหนมาไหนตัวปากกาก็จะติดไปด้วย แต่ยังไงก็ต้องเรื่องระวังหลุดหายด้วย
Inside / Upgrade
การแกะเครื่องนั้นสามารถทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่นหนาทีเดียวจากการที่ฝาหลังเป็นโลหะแข็งแรงทนทาน ให้ความยืดหยุ่นพอสมควร อาศัยไขควงรูปดาวขนาดเล็กก็สามารถไขได้แล้ว ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว เราสามารถใช้มือค่อยๆ แกะออกที่ละส่วนได้เลย เมื่อเปิดถึงภายในเครื่องแล้วจะเห็นการวางรูปแบบของฮาร์ดแวร์เครื่องนี้ทำได้ดูดีสมกับเป็นโน๊ตบุ๊คระดับมืออาชีพ โดยตามภาพจะเป็นสเปกที่มีแบตเตอรี่ความจุ 4-Cell 66Wh ที่จะเห็นว่าค่อนข้างเต็มพื้นที่ฮาร์ดแวร์ภายในเลยทีเดียว
เรื่องระบายความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 1 เส้น วางพาดชิปประมวลผล ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 1 ตัว โดยลมร้อนเป่าออกทางด้านข้างตัวเครื่อง นอกจากนั้นแรมที่ติดตั้งมาขนาด 8GB จะเป็นแบบฝังบอร์ด พร้อมสามารถอัปเกรดได้ภายหลังอีก 1 แถว โดยจะเห็นถึง SSD M.2 NVMe PCIe จำนวน 2 สล็อต โดยเครื่องที่นำมารีวิวนั้นจะใส่เต็มมาแล้ว 1 สล็อต และว่างอยู่ 1 สล็อตทำให้สามารถอัพเกรด SSD ได้ภายหลังอีก 1 ตัวทันทีนั่นเอง รายละเอียดอื่นๆ เราจะเห็นถึงเสาสัญญาณ Wi-Fi แบบ 2 เสาที่ขอบด้านเครื่องด้านหน้าอีกด้วย
Performance / Software
ASUS ExpertBook B5 OLED เมื่อตรวจสอบข้อมูลของชิปประมวลผลด้วยโปรแกรม CPU-Z ก็พบว่าข้อมูลขึ้นมาครบถ้วนเลยครับ โดยเลือกใช้ชิป Intel Core i5-1135G7 ที่มี 4 คอร์ 8 เธรดสำหรับการประมวลผล ความเร็วที่ 2.40 – 4.20 GHz มีค่า TDP ในการปลดปล่อยความร้อนสูงสุดแค่ 12W –-28W เท่านั้น ซึ่งจัดว่าต่ำมากสำหรับชิป Core i5 ในโน๊ตบุ๊ค ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมไม่ร้อนจนเกินไป ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ระดับ 10 นาโนเมตร อย่าง Tiger Lake เทคโนโลยีสุดล้ำ SuperFin Willow Cove
ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมได้ขนาด 8GB แบบฝังบอร์ด เป็นมาตรฐาน LPDDR4X 4266 MHz ตามเทคโนโลยีของ Intel Core i Gen 11 ที่ผ่านการปรับแต่งให้เหนือชั้น พร้อมให้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 11 แบบลื่นไหลอย่างที่สุด ในทุกๆ การทำงาน
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Iris Xe Graphics ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K ได้แบบไม่มีปัญหา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มพลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ มองหาความบันเทิง หรือการเล่นเกมเปี่ยมอรรถรส ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกเลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกม 3 มิติ พอได้บ้าง เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอสมควร รวมไปถึงตัวการ์ดจอออนชิปเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอที่อัพเกรดใหม่ที่เน้นการทำงาน 3 มิติที่ดียิ่งขึ้น
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD M.2 ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2214 MB/s และเขียนที่ 1379 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับแล้ว แต่ถ้าได้เป็น SSD M.2 NVMe PCIe ระดับสูงน่าจะดีกว่า
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,445 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 + Iris Xe Graphics ทำให้รองรับการใช้งานที่หลากหลายและเปิดโปรแกรมได้มากมายอีกด้วย จากการที่ติดตั้งแรมมาขนาด 8GB
ทดสอบเกมได้คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 2 เกมออนไลน์ เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย สำหรับเกมออนไลน์ ยอดนิยม 2 แนวอย่าง DOTA 2 ปรับ Low / PUBG ปรับ Very Low ที่ความละเอียด Full HD
เริ่มจาก DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับ Low ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอันเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 45 แต่ฉากที่ยูนิตเยอะๆ กันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 22 และในส่วนของเกม PUBG ที่ปรับ Very Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 16 ซึ่งต่ำสุดอยู่ที่ 10 เฟรมเรท ก็ทำประสิทธิภาพออกมาได้แบบที่ไม่ควรนำไปเล่นเกมอะไรมากมาย แต่ถ้าเป็นเกมเก่าๆ 2 มิติก็ถือว่าพอได้ อย่างไรก็ตามด้วยตัวเครื่องที่บางเบาสุดๆ ทำให้เป็นข้อจำกัดชัดเจนในการเล่นเกม
นอกจากนี้ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง MyASUS (โดยเปิดเครื่องมาเจอเลยพร้อมมี Hotkey ให้กดใช้งาน) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน
รวมไปถึงโหมดพัดลมและโปรไฟล์สีการแสดงผล นอกจากนี้ยังพิเศษด้วย ฟังก์ชั่น “Link to MyASUS” เป็นฟังก์ชันในซอฟต์แวร์ MyASUS เวอร์ชันล่าสุด โดยสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับ ASUS ExpertBook B5 OLED ได้อย่างไร้รอยต่อ สามารถถ่ายโอนไฟล์ URL การแจ้งเตือน อ่าน รับ และส่งข้อความบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งหมดได้บนโน๊ตบุ๊คได้เลย
โดดเด่นด้วย Trusted Platform Module 2.0 (TPM 2.0) เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดด้วยการเข้ารหัสข้อมูลต่างๆ ก่อนบันทึกลงพื้นที่จัดเก็บของเครื่อง ผ่านการใช้งาน ASUS Business Manager ชุดโปรแกรมอรรถประโยชน์ เพื่อการบำรุงรักษาตัวเครื่อง และซอฟต์แวร์ภายในได้อย่างมี ประสิทธิภาพ สามารถบริหารจัดการตัวเครื่องแบบรวมศูนย์ รวมทั้งสนับสนุนการควบคุมจากระยะไกล อีกทั้งยังสามารถควบคุมพอร์ต USB แบบเบ็ดเสร็จ โดยการตั้งค่าหรือล็อกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ USB เพื่อความปลอดภัยเมื่อเชื่อมต่อกับตัวเครื่องอย่างที่ทำไม่ได้ในรุ่นทั่วๆ ไปนั่นเอง
Battery / Heat / Noise
ทดสอบการใช้งานแบตเตอรี่ ASUS ExpertBook B5 OLED ซึ่งเป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น ที่ 4-Cell 66Wh (4335 mAh) สามารถใช้งานจริงต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 10 ชั่วโมงทีเดียว ผ่านการทดสอบดู Youtube ทาง Microsoft Edge และในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะเปลี่ยนแปลงตามการใช้งานของแต่ละคน โดยอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร แน่นอนว่าในการทดสอบครั้งนี้ก็ได้ปรับเป็น Power Saver Mode
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าชิปประมวลผลจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียส นับว่าระบบระบายความร้อนของเครื่องนี้ทำออกมาได้ดีแล้วล่ะ เทียบกับโน๊ตบุ๊คสายทำงานสเปกแรงๆ หลายๆ รุ่น นับว่าพัดลมตัวเดียวถือว่าน่าประทับใจในระดับนึงเพราะร้อนไม่เกิน 96 องศาเซลเซียส (เพราะถ้าเกินระบบจะลดความเร็วชิปประมวลผลลงมา) ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 ที่ 10 นาโนเมตร ที่ดีขึ้นกว่า Gen ก่อนๆ โดยรวมแล้วก็สามารถใช้งานแบบไร้กังวล ประสิทธิภาพดีไม่มีอาการหน่วงเลย
Conclusion / Award
ASUS ExpertBook B5 OLED มีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับ 2-in-1 Notebook ยุคใหม่ สายทำงานระดับมืออาชีพหน้าจอ 13.3″ สเปก Core Gen 11 แพลตฟอร์ต Intel EVO จัดเต็มอีกหนึ่งรุ่นในทุกๆ มิติ โดยเป็นการต่อยอดความสำเร็จตระกูล ASUS กลุ่มเน้นใช้งานองค์กรหรือภาคธุรกิจ ได้เป็นอย่างดีมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน สมกับเป็นโน๊ตบุ๊ค Commercial ประเภท 2-in-1 พับหน้าจอได้ 360 องศา ของทาง ASUS บางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง รวมถึงหน้าจอก็มีดีไซน์ที่บางเฉียบเป็นพาเนล OLED คุณภาพสูง ที่ความละเอียด Full HD แบบจอด้านเรียบเนียนตา รองรับทัชกรีนเต็มรูปแบบ
การออกแบบดีไซน์ของ ASUS ExpertBook B5 OLED ที่ดูแล้วเรียบหรูและใช้วัสดุคุณภาพดีตลอดทั้งตัวเครื่อง งานประกอบก็เรียบร้อย มิติตัวเครื่องก็เล็กกระชับบางเบา พกพาสะดวก แบตใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 10 ชั่วโมง โดดเด่นด้วย ErgoLift ที่ยกตัวเครื่อง เน้นภาพลักษณ์ที่ดูภูมิฐาน แต่ว่าได้ประสิทธิภาพขั้นสูง รองรับทุกๆ การใช้งาน (ที่ไม่ใช่งาน 3 มิติ) โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ NumberPad 2.0 ที่เปลี่ยนทัชแพดเป็นแป้นตัวเลขได้อีกด้วย ซึ่งถ้าใครใช้งานบ่อยๆ อย่างงานสาย Finance น่าจะชื่นชอบกัน เน้นการพกพาไปใช้งานนนอกสถานที่เป็นหลัก แบบแทบไม่ต้องพกพาอแดปเตอร์เลย หรือจะชาร์จไฟจริงๆ ก็รองรับเป็น USB PD ซึ่งตัวอแดปเตอร์ติดเครื่องเองก็ชาร์จไฟได้ทั้ง มือถือ และ Gadget อื่นๆ ได้ทั้งหมด
พร้อมติดตั้งกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัวแบบ 2 ตัว ที่มีฟีเจอร์การลดเสียงรบกวน ซึ่งน่าจะตอบโจทย์คนใช้งาน VDO Call ตามบริษัทองค์กรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมีกล้องอินฟราเรด IR Camera และ Fingerprint ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Windows Hello เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้นมากกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ชัดเจน ในเรื่องของความสะดวกและปลอดภัย อีกทั้งความทนทานก็จัดเต็มเพราะตัวเครื่องด้วยเกรดมาตรฐานที่ใช้ในกองทัพสหรัฐอเมริกา เพื่อความมั่นใจเต็มเปี่ยมในทุกสภาพแวดล้อม อย่างที่โน๊ตบุ๊คที่เน้นการพกพาบางเบาควรจะมีทุกรุ่น ส่วนเรื่องของความปลอดภัยอื่นๆ แบบใช้งานในองค์กรก็ครบเครื่องครบครัน ตามสไตล์โน๊ตบุ๊คระดับมืออาชีพเน้นใช้งานในองค์กร
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Webcam Shield เพียงเลื่อนเว็บแคมเก็บเข้าที่ เพื่อหยุดการทำงานของเว็บแคม และ Trusted Platform Module 2.0 (TPM 2.0) เก็บรหัสผ่านและการเข้ารหัสเพื่อเพิ่มความปลอดภัยสูงสุด รวมถึงตั้งค่าควบคุมพอร์ตต่างๆ ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้อีกด้วย การรับประกันก็เหนือชั้นกว่าตามมาตรฐานของ ASUS ทั่วไปอีกด้วย เพราะได้การรับประกันเป็นแบบ On-site Serice ซ่อมฟรีถึงบ้าน ยาวนานถึง 3 ปี ที่สำคัญเป็นแบบทั่วโลก รวมไปถึงในปีแรกแค่เราลงทะเบียนก็จะได้ประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง ASUS Premium Care แล้ว (ต้องซื้อและเปิดใช้งานภายใน 90 วันนับจากวันที่ซื้อผลิตภัณฑ์)
ทั้งหมดนี้ถือว่าได้มีจุดเด่นที่ชัดเจน ทำให้เราได้ตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้นจริงๆ โดย ASUS ExpertBook B5 OLED เน้นเข้ามาบุกตลาดระหว่างองค์กร, ธุรกิจขนาดกลาง และกลุ่มครีเอเตอร์มืออาชีพ ชูจุดแข็งเรื่องดีไซน์เครื่อง ความบางเบา และประสิทธิภาพการทำงานขั้นสูง หรือถ้าคนทั่วไปอยากได้โน๊ตบุ๊คบางเบามาตรฐานสูงก็สามารถหาซื้อมาใช้งานเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมี ASUS ExpertBook รุ่นอื่นๆ อีก ทั้งขนาดหน้าจอ 13.3″ / 14″ / 15.6″ ที่ราคาถูกกว่า ใครสนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ExpertBook B5 OLED (B5302F) ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Mobility
ปัจจัยสำคัญของด้านของพกพา เพราะเบาสุดที่ 1.3 กิโลกรัม อีกทั้งมีขนาดมิติตัวเครื่องที่เล็กกะทัดรัดมากๆ แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่า 10 ชั่วโมง อีกทั้งชาร์จไฟผ่านทาง USB-PD ได้ และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ครอบคลุม ซึ่งตอบโจทย์ทั้งสามด้านได้อย่างครบถ้วนครับ กับตัวเครื่องบางเบา ทำให้เป็นโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ที่เหมาะมาก ๆ สำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ มีความแข็งแกร่งอีกด้วย จากการใช้วัสดุที่ผ่านการทดสอบความทนทานตามมาตรฐานระดับกองทัพ เพื่อความมั่นใจเต็มเปี่ยมในทุกสภาพแวดล้อม สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานจริงจัง ดังนั้นจึงหายห่วงเรื่องความทนทานได้เลย
Best Design
ดีไซน์โดยรวมมีความโดดเด่นเรื่องสีสัน Star Black สีดำพื้นผิวแบบด้านมีพื้นผิวไม่เรียบ ให้ความรู้สึกดวงดาวเต็มท้องฟ้าในยามค่ำคืน รวมถึงหน้าจอขอบบางแบบ NanoEdge ที่ทำให้สามารถใช้งานจอขนาด 13.3″ ภายในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ใช้จอขนาดเดียวกัน ให้มิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ไปจนถึงบานพับ ErgoLift ที่ช่วยเสริมประสบการณ์การใช้งานได้เป็นอย่างดี เพิ่มสีสันให้กับรายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบโค้งมน ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนเน้นทำงานระดับมือาชีพหรือองค์กร และที่สุดก็คือวัสดุที่เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจนอย่าง “แมกนีเซียมอัลลอย” (Magnesium Alloy)
Best Performance
จัดเต็มด้วยฟีเจอร์จริงๆ ระดับสูงที่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาราคา 32,900 บาท ที่แรงลื่นน่าใช้งาน ที่มาพร้อมสเปคอย่างชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake รวมถึงมีแรม 8GB LPDDR4x Bus 4266MHz และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ซึ่งมี IR Camera , Fingerprint และฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่นๆ ระดับมืออาชีพ ซึ่งหาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊คตามท้องตลาดทั่วไปแน่นอน ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม เป็นโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่น่าสนใจที่สุดรุ่นนึง เหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นหลากหลาย ดีไซน์ก็พรีเมียม เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คบางเบาแบบนี้