หูฟังครอบหูเพื่อเกมเมอร์ตอนนี้มีรุ่นเด็ดๆ ให้เลือกเพียบ! มีราคาตั้งแต่ถูกไปจนตัวแพงเลย!
หูฟังครอบหูหรือเฮดโฟนเป็นหูฟังอีกประเภทที่เกมเมอร์หลายๆ คนเลือกมาใช้เล่นเกมเพราะไดรเวอร์ที่ใหญ่และฟีเจอร์จำลองทิศทางเสียงได้ตั้งแต่ 5.1, 7.1 แชนแนล ซึ่งเกมเมอร์สาย FPS จะได้ประโยชน์จากฟีเจอร์นี้มากทีเดียว จะได้ยินเสียงของศัตรูเวลาปะทะได้ง่ายยิ่งขึ้น และบางรุ่นก็สามารถติดตั้งโปรแกรมเสริมเพื่อให้เล่นเกมได้สนุกและได้เปรียบคู่แข่งยิ่งขึ้นอีกด้วย
อย่างไรตาม หูฟังทรงครอบหูสำหรับเกมเมอร์ปัจจุบันนี้มีให้เลือกหลายรุ่นและแบรนด์เกมมิ่งแต่ละแบรนด์ต่างก็มีฟีเจอร์เด่นๆ เป็นจุดขายของตัวเองให้เกมเมอร์ได้เลือกไปเล่นเกมกัน ซึ่งบางคนอาจจะเลือกเกมมิ่งเฮดโฟนแตกต่างจากเกมมิ่งเกียร์ชิ้นอื่นที่ใช้งานเป็นประจำก็ได้หรือจะใช้เป็นแบรนด์เดียวกันกับเกมมิ่งเกียร์ชิ้นอื่นก็ช่วยให้ตั้งค่าได้สะดวกเพราะใช้แค่ซอฟท์แวร์เดียวจัดการได้ทั้งหมดเลย
6 หูฟังครอบหูสายเกมมิ่งเพื่อเกมเมอร์เล่นเกมเพลินได้ใจ!
ถ้าเกมเมอร์คนไหนที่กำลังหาหูฟังดีๆ เอาไว้เล่นเกมสักตัว ณ ตอนนี้ในช่วงหลักพันต้นๆ จะมีรุ่นดีๆ ให้เลือกกันหลากรุ่นหลายแบรนด์เลย โดยทั้ง 6 รุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำจะมีดังนี้
- Fantech WH01 (1,290 บาท)
- Corsair HS35 (1,390 บาท)
- JBL Quantum 100 (1,590 บาท)
- SteelSeries Arctis 1 (2,290 บาท)
- Lenovo Legion H600 (3,509 บาท)
- Logitech Pro X (3,999 บาท)
1. Fantech WH01 (1,290 บาท)
เริ่มต้นด้วยแบรนด์หูฟังลูกผสมที่เล่นเกมก็ดีฟังเพลงก็ไม่แพ้ใครอย่าง Fantech WH01 ที่ผู้เขียนซื้อมาใช้เล่นเกมกับพีซีของตัวเองอยู่ ซึ่งตัวหูฟังจะเป็นเสียงสเตอริโอแยกทิศทางเสียงของศัตรูได้ชัดเจนระดับหนึ่งและจะเด่นเวลาฟังเพลงเพราะว่าได้มิติเสียงหนักแน่นและมีเบสเยอะกำลังดีอีกด้วย
ด้านสเปคของหูฟังตัวนี้จะดีไซน์เป็นแบบครอบหูและสามารถพับเก็บได้ เชื่อมต่อผ่านสายหูฟัง 3.5 มม. หรือ Bluetooth 5.0 อัตราหน่วงต่ำ (Low Latency) ก็ได้ทำให้เล่นเกมแล้วเสียงไม่เกิดการดีเลย์หรือขาดช่วงโดยเฉพาะตอนเล่นเกมบนสมาร์ทโฟน มีปุ่มควบคุมเพิ่มลดเสียง, เปลี่ยนเพลงหรือเปิดปิดตัวหูฟังติดมาให้ด้านข้างตัว ตัวไดรเวอร์หูฟังมีขนาด 40 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz มีไมโครโฟนในตัวรับเสียงแบบ Omni Directional ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 16 kHz ฝังแบตเตอรี่เอาไว้ในตัวใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 60 ชม. ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพอร์ต USB-C จะชาร์จด้วยปลั๊กหรือ Power Bank ก็ได้ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าหูฟังนี้จะเหมาะกับผู้ใช้ที่เล่นเกมทั้งในพีซีและสมาร์ทโฟนและเน้นความบันเทิงด้วย ไม่ได้โฟกัสเล่นพีซีเกมแบบเต็มที่ก็ซื้อตัวนี้ไปใช้งานได้ แต่ถ้าเป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์เน้นทิศทางเสียงคมเป็นพิเศษก็อาจจะข้ามไปตัวอื่นจะดีกว่า
สเปคของ Fantech WH01
- ไดรเวอร์ขนาด 40 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz
- ไมโครโฟนในตัวรับเสียงแบบ Omni Directional ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 16 kHz
- มีปุ่มควบคุมเพิ่มลดเสียง, เปลี่ยนเพลงหรือเปิดปิดตัวหูฟังติดมาให้
- เชื่อมต่อผ่านสายหูฟัง 3.5 มม. หรือ Bluetooth 5.0 อัตราหน่วงต่ำ (Low Latency)
- แบตเตอรี่เอาไว้ในตัวใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 60 ชม. ชาร์จด้วยสาย USB-C
- รองรับ Windows และสมาร์ทโฟน
- ราคา 1,290 บาท (Gadget Villa Shopee)
ข้อดี | ข้อสังเกต |
1. รองรับการเชื่อมต่อทั้งมีและไร้สาย | 1. เหมาะกับผู้ใช้แบบทั่วไป ไม่แนะนำสำหรับฮาร์ดคอร์เกมเมอร์เพราะเสียงเป็นสเตอริโอธรรมดา ไม่ได้แยกทิศทางเหมือนรุ่นเกมมิ่ง |
2. ใช้งานไร้สายต่อเนื่องได้ 60 ชม. |
2. Corsair HS35 (1,390 บาท)
Corsair HS35 รุ่นนี้จะเป็นหูฟังครอบหูเน้นเกมมิ่งเป็นหลัก โดยจุดเด่นคือมันสามารถเอาไปเล่นเกมกับ PC, PS4, PS5, Nintendo Switch, สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตและ Xbox One (แต่ต้องซื้ออแดปเตอร์เฉพาะของ Microsoft มาใช้ด้วย) ได้เลย สามารถถอดไมโครโฟนออกได้เมื่อไม่ใช้งานและมีปุ่มควบคุมตัวหูฟังติดมาให้ด้วย
สเปคของหูฟังตัวนี้ติดตั้งไดรเวอร์ขนาด 50 มม. มาให้และตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz ได้เสียงแบบสเตอริโอ และไมค์เป็น Unidirectional พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนในตัว ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz สามารถถอดเก็บได้ถ้าไม่ต้องการใช้งาน ส่วนการเชื่อมต่อใช้สาย 3.5 มม. เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานได้เลย และหูฟังกับไมค์เซ็ตนี้ได้รับการรับรอง Discord-Certified แล้วว่าเป็นเฮดโฟนที่ปรับแต่งคุณภาพเสียงให้สื่อสารกับเพื่อนตอนเล่นเกมได้ดี ดังนั้นถ้าใครต้องการหาเกมมิ่งเฮดโฟนดีๆ ราคาไม่แพงมากสักตัวเอาไว้เล่นเกมก็ซื้อตัวนี้ได้เลย
สเปคของ Corsair HS35
- ไดรเวอร์ขนาด 50 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz
- ไมโครโฟนแบบถอดเก็บได้รับเสียงแบบ UniDirectional พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz
- มีปุ่มเปิดปิดไมค์และวงล้อปรับเพิ่มลดเสียงติดตั้งมาให้
- เชื่อมต่อผ่านสายหูฟัง 3.5 มม.
- รองรับ PC, PS4, PS5, Nintendo Switch, สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตและ Xbox One
- ราคา 1,390 บาท (Corsair Shopee Mall)
ข้อดี | ข้อสังเกต |
1. ใช้งานกับอุปกรณ์ได้หลากหลายแบบ | 1. เชื่อมต่อด้วยสายหูฟัง 3.5 มม. เท่านั้น |
2. ไมโครโฟนมีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนและได้รับ Discord-Certified ด้วย |
3. JBL Quantum 100 (1,590 บาท)
ด้านแบรนด์ที่เด่นเรื่องเสียงเพลงอย่าง JBL ก็มีหูฟังครอบหูสายเกมมิ่งให้เลือกด้วย โดยรุ่นแนะนำเป็น JBL Quantum 100 รุ่นเริ่มต้นเพื่อเกมเมอร์ที่ชอบเสียงเพลงด้วย โดยจุดเด่นของหูฟังตัวนี้คือรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลากหลายแบบและมีฟีเจอร์ JBL QuantumSOUND ให้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ JBL อีกด้วย
สเปคของหูฟังตัวนี้จะใช้ไดรเวอร์ขนาด 40 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz มีปุ่มและวงล้อปรับเพิ่มลดเสียงติดตั้งมาให้และสามารถจำลองเสียง 7.1 แชนแนลได้ ติดตั้งไมโครโฟนมาให้เป็นแบบถอดเก็บได้ถ้าไม่ใช้งาน ส่วนตัวหูฟังสามารถพับเป็นแนวราบวางกับพื้นโต๊ะได้ รองรับการเชื่อมต่อกับ PC, PlayStation, Xbox, Nintendo Switch, สมาร์ทโฟน, macOS ได้ ใช้สายหูฟัง 3.5 มม. ถ้าเชื่อมต่อกับ Windows สามารถใช้ Windows Sonic Spatial Sound ได้ด้วย เรียกว่าเป็นหูฟังเกมมิ่งจากแบรนด์ผู้ผลิตหูฟังเพื่อการฟังเพลงที่น่าสนใจรุ่นหนึ่งและราคาไม่แพงมากด้วย ถ้าใครชื่นชอบแบรนด์นี้ก็สามารถเลือกซื้อไปใช้ได้เลย
สเปคของ JBL Quantum 100
- ไดรเวอร์ขนาด 40 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz จำลองเสียง 7.1 แชนแนล
- ฟีเจอร์ JBL QuantumSOUND ให้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ JBL
- ไมโครโฟนถอดเก็บได้ มีปุ่มเปิดปิดไมค์และวงล้อปรับเพิ่มลดเสียงติดตั้งมาให้
- เชื่อมต่อผ่านสายหูฟัง 3.5 มม.
- รองรับ PC, PlayStation, Xbox, Nintendo Switch, สมาร์ทโฟน, macOS
- ราคา 1,590 บาท (Mercular)
ข้อดี | ข้อสังเกต |
1. จำลองเสียงแบบ 7.1 แชนแนลได้ มี JBL QuantumSOUND | 1. เชื่อมต่อด้วยสายหูฟัง 3.5 มม. เท่านั้น |
2. รองรับหลากหลายระบบปฏิบัติการ ใช้งานได้หลากหลายเครื่อง |
4. SteelSeries Arctis 1 (2,290 บาท)
SteelSeries Arctis 1 นับเป็นหูฟังเกมมิ่งรุ่นเล็กของ SteelSeries แต่ก็ยังได้ฟีเจอร์เยอะไม่แพ้รุ่นใหญ่เลย ทั้งระบบเสียง Arctis Sound ที่แยกทิศทางศัตรูได้คมชัดเหมือนรุ่นใหญ่, ไมค์แบบตัดเสียงรบกวนเวลาพูดคุยกับเพื่อน, รองรับหลากหลายระบบปฏิบัติการและในตัวหูฟังยังใช้ก้านโลหะแข็งแรงทนทานทำให้ใช้งานได้หลายปีไม่เสียหายง่ายๆ
สเปคของหูฟังตัวนี้ติดตั้งไดรเวอร์ 40 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz แบบเดียวกับ Arctis 7 มีสวิตช์เลื่อนเปิดปิดไมโครโฟนและล้อเพิ่มลดเสียงติดตั้งมาให้ มีไมโครโฟนแบบตัดเสียงรบกวน รับเสียงแบบ Bidirectional ติดตั้งมาให้ ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz และถอดเก็บได้เมื่อไม่ต้องการใช้งาน เชื่อมต่อกับ PC, macOS, PS4, PS5, Xbox, Nintendo Switch และสมาร์ทโฟนได้ด้วยสายหูฟัง 3.5 มม. และในกล่องมีสายเสริมการเชื่อมต่อแถมมาให้ด้วย แต่ข้อสังเกตคือหูฟังตัวนี้จะไม่รองรับการตั้งค่าด้วยโปรแกรม SteelSeries Engine เหมือนกับเกมมิ่งเกียร์ชิ้นอื่นของทางค่าย ยกเว้นตัว Arctis 1 Wireless จะรองรับซอฟท์แวร์ของทาง SteelSeries ด้วย
สเปคของ SteelSeries Arctis 1
- ไดรเวอร์ขนาด 40 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz
- มีระบบเสียง Arctis Sound ที่แยกทิศทางศัตรูได้คมชัด
- ไมโครโฟนแบบตัดเสียงรบกวน รับเสียงแบบ Bidirectional ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz
- เชื่อมต่อผ่านสายหูฟัง 3.5 มม.
- รองรับ PC, macOS, PS4, PS5, Xbox, Nintendo Switch และสมาร์ทโฟน
- ราคา 2,290 บาท (Mercular)
ข้อดี | ข้อสังเกต |
1. ใช้ไดรเวอร์รุ่นเดียวกับรุ่นท็อปของทางค่าย | 1. เชื่อมต่อด้วยสายหูฟัง 3.5 มม. เท่านั้น |
2. รองรับหลากหลายระบบปฏิบัติการ ใช้งานได้หลากหลายเครื่อง | 2. ไม่รองรับ SteelSeries Engine เหมือนเกมมิ่งเกียร์ชิ้นอื่นของทางค่าย |
3. ไมโครโฟนมีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน |
5. Lenovo Legion H600 (3,509 บาท)
นอกจากเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแล้ว Lenovo เองก็มีหูฟังครอบหูแบบเกมมิ่งให้เลือกซื้อไว้เล่นเกมเช่นกัน โดยรุ่นแนะนำเป็นรุ่น Lenovo Legion H600 โดยรุ่นนี้จะเป็นเกมมิ่งเฮดโฟนแบบไร้สาย จะใช้ USB Dongle 2.4 GHz หรือสายหูฟัง 3.5 มม. ก็ได้ จึงรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลายขึ้น
สำหรับหูฟังตัวนี้ติดตั้งไดรเวอร์ขนาด 50 มม. มาให้ ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz มีปุ่มควบคุมตัวหูฟังอย่างเพิ่มลดเสียง, ปุ่ม Power และสวิตช์เลื่อนเพื่อปิดเสียง ไมโครโฟนติดตั้งมาให้แบบถอดไม่ได้แต่ดันก้านขึ้นเพื่อเก็บได้ รับเสียงแบบ Unidirectional ตอบสนองความถี่ 200 Hz – 20 kHz มีแบตเตอรี่ในตัว 1,200 mAh ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 20 ชม. เชื่อมต่อด้วย USB Dongle คลื่น 2.4 GHz และสายหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วย ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ใช้สาย USB-C to A ที่แถมมาในกล่องชาร์จได้เลย ซึ่งถ้าใครเป็นทีม Lenovo อยากได้หูฟังให้เข้ากับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คอย่าง Lenovo Legion ก็เลือกซื้อรุ่นนี้ไปใช้งานได้เลย
สเปคของ Lenovo Legion H600
- ไดรเวอร์ขนาด 50 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz
- มีปุ่มควบคุมได้แก่ เพิ่มลดเสียง, ปุ่ม Power และสวิตช์เลื่อนเพื่อปิดเสียง
- ไมโครโฟนพับเก็บได้ รับเสียงแบบ Unidirectional ตอบสนองความถี่ 200 Hz – 20 kHz
- เชื่อมต่อผ่านสายหูฟัง 3.5 มม. หรือ USB Dongle คลื่น 2.4 GHz
- รองรับหลากหลายอุปกรณ์ เช่น PC และเครื่องคอนโซล
- ราคา 3,509 บาท (Lenovo Thailand)
ข้อดี | ข้อสังเกต |
1. ใช้ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 50 มม. | 1. ไมโครโฟนเป็นแบบพับเก็บขึ้นข้างบน ถอดไม่ได้ |
2. เชื่อมต่อได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย |
6. Logitech Pro X (3,999 บาท)
Logitech Pro X รุ่นนี้เป็นหูฟังเกมมิ่งที่มีทั้งรุ่นมีสายลาย League of Legends และแบบไร้สายที่ทางผู้เขียนเคยรีวิวไปทั้งคู่แล้ว ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนค่อนข้างชื่นชอบเฮดโฟนรุ่นนี้เป็นพิเศษและแนะนำสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหูฟังครอบหูสายเกมมิ่งคุณภาพดี ซื้อทีเดียวจบและได้ไมค์เสียงคมกับเทคโนโลยี BLUE VO!CE ไปใช้งาน และตัวโครงยังแข็งแรงเพราะใช้อลูมิเนียมและโฟมหูฟังเป็นเมมโมรี่โฟมนุ่มสบายและใช้งานกับโปรแกรม Immerse ของ Embody ช่วยแยกทิศทางเสียงศัตรูตอนเล่นเกมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ด้านสเปคก็ต้องถือว่าหูฟังครอบหู Pro X ตัวนี้น่าลงทุนซื้อมาใช้งานเพราะใช้ไดรเวอร์ PRO-G ขนาด 50 มม. ตลบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz ตั้ง EQ ได้ รองรับ DTS Headphone:X 2.0 ติดตั้งไมค์รองรับเทคโนโลยี BLUE VO!CE มาให้ รับเสียงแบบ Cardioid ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz ให้เสียงพูดคุยกับเพื่อนชัดเจน ถ้าไม่ใช้งานก็สามารถถอดเก็บได้ เชื่อมต่อกับพีซี, สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วยสายหูฟัง 3.5 มม. หรือต่อเข้ากับ USB DAC เข้ากับพีซีให้คุณภาพเสียงดีขึ้นกว่าเดิมและตั้งค่าทั้งหมดได้ด้วยโปรแกรม Logitech G HUB ได้เลย ซึ่งถ้าใครอยากได้หูฟังครอบหูสายเกมมิ่งดีๆ สักตัวและมีงบประมาณระดับหนึ่งก็แนะนำให้ลงทุนซื้อ Logitech Pro X ตัวนี้มาใช้งานได้เลย
สเปคของ Logitech Pro X
- ไดรเวอร์ PRO-G ขนาด 50 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz ตั้งค่า EQ ได้ รองรับ DTS Headphone:X 2.0
- ไมโครโฟนถอดเก็บได้ รับเสียงแบบ Cardioid ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz รองรับเทคโนโลยี BLUE VO!CE
- เชื่อมต่อผ่านสายหูฟัง 3.5 มม. หรือ USB DAC
- ตั้งค่าการทำงานและ EQ ได้ในโปรแกรม Logitech G HUB
- รองรับหลากหลายอุปกรณ์ เช่น PC, สมาร์ทโฟนและเครื่องคอนโซล
- ราคา 3,999 บาท (Mercular)
ข้อดี | ข้อสังเกต |
1. ใช้โปรแกรม Logitech G HUB ตั้งค่าหูฟังได้ทั้งเสียงหูฟังและไมค์ | 1. ราคาสูงสุดในกลุ่ม |
2. หูฟังรองรับเสียง DTS Headphone:X 2.0 | |
3. ไมโครโฟนเป็น BLUE VO!CE คุณภาพสูง |
สรุปสเปคหูฟังครอบหูสายเกมมิ่งทั้ง 6 รุ่น ตัวเด็ดน่าโดน เล่นเกมเพลิน!
สำหรับหูฟังครอบหูทั้ง 6 รุ่นที่เลือกมาแนะนำ จะมีตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นราคาเป็นมิตรไปจนถึงรุ่นสำหรับฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ให้เลือกซื้อด้วย โดยสรุปสเปคแล้วจะเป็นดังนี้
สเปคหูฟังครอบหู | ไดรเวอร์ | ไมโครโฟน | การเชื่อมต่อ | ระบบปฏิบัติการ | ราคา |
Fantech WH01 | 40 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz |
Omni Directional ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 16 kHz |
สายหูฟัง 3.5 มม. Bluetooth 5.0 |
Windows สมาร์ทโฟน |
1,290 บาท |
Corsair HS35 | 50 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz |
UniDirectional ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz |
สายหูฟัง 3.5 มม. | PC PS4, PS5 Nintendo Switch Xbox One สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต |
1,390 บาท |
JBL Quantum 100 | 40 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz จำลองเสียง 7.1 แชนแนล JBL QuantumSOUND |
ไมค์แบบถอดเก็บได้ มีปุ่มเปิดปิดไมค์และวงล้อเพิ่มลดเสียง |
สายหูฟัง 3.5 มม. | PC PlayStation Xbox Nintendo Switch สมาร์ทโฟน macOS |
1,590 บาท |
SteelSeries Arctis 1 | 40 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz Arctis Sound |
Bidirectional ตัดเสียงรบกวน ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz |
สายหูฟัง 3.5 มม. | PC PlayStation Xbox Nintendo Switch สมาร์ทโฟน macOS |
2,290 บาท |
Lenovo Legion H600 | 50 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz |
Unidirectional ตัดเสียงรบกวน ตอบสนองความถี่ 200 Hz – 20 kHz |
สายหูฟัง 3.5 มม. USB Dongle คลื่น 2.4 GHz |
PC เครื่องคอนโซล |
3,509 บาท |
Logitech Pro X | PRO-G ขนาด 50 มม. ตอบสนองความถี่ 20 Hz – 20 kHz DTS Headphone:X 2.0 |
Cardioid ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz BLUE VO!CE |
สายหูฟัง 3.5 มม. USB DAC |
PC เครื่องคอนโซล ตั้งค่าด้วย Logitech G HUB |
3,999 บาท |
สำหรับหูฟังครอบหูในตอนนี้ จะเห็นว่าแค่ราคาพันต้นๆ ก็ได้ของดีมาใช้งานแล้วและรองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบสายและ Bluetooth เลย และถ้าเพิ่มเงินมาอีกนิดหน่อยก็จะมีรุ่นเกมมิ่งให้เกมเมอร์ซื้อไปต่อคอมหรือเครื่องคอนโซลที่บ้านได้ด้วย แต่สังเกตว่าหลายๆ รุ่นจะไม่รองรับการใช้ซอฟท์แวร์ปรับตั้งค่าตัวหูฟังเหมือนกับตัว Logitech ดังนั้นก่อนจะซื้อผู้เขียนแนะนำให้ดูรูปแบบการใช้งานของตัวเองก่อน ว่าต้องการใช้แบบง่ายๆ ต่อเครื่องแล้วลุยเลยหรือชอบตั้งค่าให้ถูกจริตของตัวเองมากกว่า ซึ่งถ้าเลือกและตัดสินใจได้แล้วค่อยซื้อก็ไม่สายเช่นกัน