Alienware Gaming Gear เซ็ตสุดเด็ดเพื่อเกมเมอร์ที่ชื่นชอบดีไซน์สุดล้ำควรมีไว้เล่นเกม!
ชื่อของ Alienware นอกจากเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหรือพีซีเกมมิ่งประกอบสำเร็จรูปสุดแรงดีไซน์ล้ำแล้ว ก็มี Alienware Gaming Gear ให้เกมเมอร์ที่เลือกซื้อโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ไปเล่นเกมแล้ว ยังมีเกมมิ่งเกียร์ที่เข้าเซ็ตกันได้เอาไปเล่นเกมได้ด้วย และดีไซน์ก็เรียกว่าเข้าเซ็ตกันได้อย่างพรีเมี่ยม คงคอนเซปท์ความเป็น Alienware เอาไว้ครบถ้วนทั้งความพรีเมี่ยมและฟีเจอร์ที่เอื้อเกมเมอร์แบบเต็มที่และไฟ RGB ทำให้จัดโต๊ะคอมได้สวยเท่มีสไตล์อย่างที่เกมเมอร์ต้องชอบอย่างแน่นอน
ซึ่งใครกำลังอยากได้ Alienware Gaming Gear เรียกว่าโชคดีมาก ๆ เพราะตอนนี้เค้าจะแถม ที่วางหูฟังที่พิมพ์ Badge โลโก้ Alienware ไว้ วางใน Gaming Setup ได้เข้าชุดกันดีมาก ได้ความ Alienware แบบเต็มที่ นอกจากนี้ฟีเจอร์และดีไซน์ของเกมมิ่งเกียร์ทั้ง 3 ชิ้นที่ได้รับมารีวิวก็ต้องถือว่าไม่แพ้แบรนด์ผู้ผลิตเกมมิ่งเกียร์ชั้นนำหลายๆ เจ้าอย่างแน่นอน
NBS Verdict
Alienware Gaming Gear ทั้งหูฟัง Alienware 510H 7.1 Gaming Headset, เมาส์ AW610M Wired/Wireless Gaming Mouse และคีย์บอร์ด Alienware AW410K Mechanical Gaming Keyboard ต้องถือว่าเป็นเกมมิ่งเกียร์ดีไซน์สวยได้คอนเซปท์ความอวกาศและยานเอเลี่ยนอย่างเต็มที่ สังเกตจากดีไซน์สี่เหลี่ยมผืนผ้าขอบโค้งเหมือนวงรีเป็นรายละเอียดเล็กน้อยที่ทางค่ายใส่ใจออกแบบมาอย่างปรานีต ในส่วนตรงโซนพอร์ตท้ายเครื่องทำให้ดูเหมือนเป็นชิ้นส่วนจากยานเอเลี่ยนจริงๆ
นอกจากความสวยงามแล้ว ฟีเจอร์ที่ติดตั้งมาให้ในเกมมิ่งเกียร์เซ็ตนี้ก็ให้มาแบบจัดเต็มและตั้งค่าได้ด้วยโปรแกรมตั้งค่าเกมมิ่งเกียร์ Alienware Command Center ซึ่งตั้งค่าฟังก์ชั่นการทำงาน, ปุ่มต่างๆ, ไฟ RGB ฯลฯ ได้ครบถ้วน เรียกว่าโปรแกรมเดียวจบครบพร้อมใช้งานทันที
อย่างไรก็ตาม เรื่องจุดสังเกตเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังมีให้เห็นอยู่บ้างและผู้เขียนขอตั้งข้อสังเกตเผื่อไว้ โดยแยกชิ้นเกมมิ่งเกียร์คือ ตัวหูฟังจะแยกชุดควบคุมออกมาไว้ที่ตัวสายหูฟัง ไม่มีปุ่มปิด, เพิ่ม, ลดเสียงติดไว้เลย แม้จะคุมที่สายอย่างเดียวได้สะดวกยิ่งถ้ามีปุ่มหลักๆ ติดที่ตัวหูฟังเลย น่าจะยิ่งทำให้การใช้งานสะดวกขึ้น
ด้านของคีย์บอร์ดแบบ Full-size ตั้งค่าได้ละเอียดและมีปุ่มหลักๆ อย่าง Windows Lock และ Multimedia key ติดตั้งมาให้และตั้งค่าได้ละเอียดก็ตาม แต่จุดที่น่าสังเกตจะเป็นเรื่องสวิตช์แม้จะเป็น Cherry MX Brown แบบ Tactile แต่สัมผัสตอนพิมพ์กลับรู้สึกว่าแรงดีดคืนนั้นยังอ่อนไปเล็กน้อยผิดกับที่ผู้เขียนเคยใช้งานมาและคีย์แคปที่ค่อนข้างบางถึงบางมากจนรู้สึกว่าตัวแคปไม่แน่นอย่างที่เกมมิ่งคีย์บอร์ดแบรนด์อื่นเป็น จนรู้สึกว่าทาง Alienware ควรใส่ใจส่วนของคีย์แคปให้ดีกว่านี้เป็นพิเศษด้วย
ข้อดีของ Alienware Gaming Gear Set
- ดีไซน์คงความ Alienware ให้ความสวยงามเข้าเซ็ตกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คของทางค่าย
- หูฟัง 7.1 แชนแนลให้เสียงที่ดีและแยกมิติเสียงได้ชัดเจนระดับหนึ่งทั้งตอนเล่นเกมและดูหนังฟังเพลง
- ไมค์ของหูฟังดีไซน์ให้ดึงออกและดันเก็บกลับเข้าหูฟังได้ ทำให้เก็บแล้วเรียบร้อยไม่หล่นหายแน่นอน
- หูฟังใช้วิธีสไลด์ตัวครอบหูขึ้นลงแทนการยืดก้าน ทำให้ดีไซน์ภายนอกยังสวยและตัวก้านไม่โดนยืดยาวเกินไปและชิ้นส่วนไม่เสื่อมสภาพในระยะยาว
- ได้ที่ตั้งหูฟังแถมมาเมื่อซื้อเป็น Boxset และแท่นตั้งหูฟังทำได้แข็งแรงดี
- เมาส์เกมมิ่งใช้แบบมีหรือไร้สายก็ได้และมีตัวขยายสัญญาณแถมมาให้ลากเมาส์ได้ไหลลื่นเหมือนต่อสายตามปกติ
- เมาส์มีตัวขยายสัญญาณต่อสายมาวางใกล้เมาส์ให้รับส่งสัญญาณตอนเล่นเกมได้ดีขึ้น
- ดีไซน์เมาส์มีปีกท้ายเมาส์มารับแม่โป้งกับนิ้วก้อย ทำให้มือลอยเหนือพื้นโต๊ะเล็กน้อย ลากเมาส์ตอนเล่นเกมได้เร็วไม่เบียดมือ
- คีย์บอร์ดใช้ Cherry MX Brown เป็น Tactile ทำงานได้ดี กดได้ราว 100 ล้านครั้ง ตั้งค่าปุ่มได้ด้วยโปรแกรม Alienware Command Center
- มีช่อง USB-A Passthrough ติดตั้งมาให้หลังคีย์บอร์ดเอาไว้ต่อเมาส์หรือหูฟังได้โดยไม่ต้องต่อคอมโดยตรง
ข้อสังเกต Alienware Gaming Gear Set
- ชุดควบคุมเสียงของหูฟังอยู่ที่สายอย่างเดียว ไม่มีปุ่มหลักๆ ที่ใช้งานประจำที่ตัวหูฟัง
- คีย์แคปของคีย์บอร์ดจัดว่าบางถึงบางมาก ทำให้สัมผัสตอนพิมพ์งานหรือเล่นเกมรู้สึกไม่แน่นเท่าที่ควร
- Alienware Command Center ยังรองรับเฉพาะเกมมิ่งพีซีหรือโน๊ตบุ๊คของ Alienware เป็นหลัก ยังนำไปติดตั้งในเกมมิ่งพีซีหรือโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ไม่ได้
สเปคและดีไซน์ของ Alienware Gaming Gear Set
สำหรับเกมมิ่งเกียร์ของ Alienware ตอนนี้จะมีโปรโมชั่นซื้อยกเซ็ตจะได้มาเป็นกล่องพร้อมเอาไปเล่นเกมได้เลย ได้ทั้งเมาส์, คีย์บอร์ด, หูฟังครบเครื่องและแถมที่ตั้งหูฟังมาอีกชิ้นหนึ่งด้วย เวลาไม่ได้เล่นเกมแล้วก็สามารถวางหูฟังเก็บได้เลย
Alienware 510H 7.1 Gaming Headset
ดีไซน์ของ Alienware 510H 7.1 Gaming Headset ที่กล่องจะเป็นดีไซน์เรียบๆ เป็นโทนสีขาวดำและสกรีนตัวหูฟังเอไว้ด้านหน้าและด้านหลังเป็นสเปคและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดมาในหูฟัง ส่วนด้านข้างกล่องจะเป็นสเปคเด่นๆ ซึ่งสเปคโดยละเอียดจะเป็นดังนี้
- เฮดโฟนแบบ Full-size รองรับความถี่เสียง 20 – 40,000 Hz จำลองเสียง 7.1 แชนแนล
- เชื่อมต่อด้วยสายหูฟัง 3.5 มม. เข้ากับคอมพิวเตอร์หรือใช้ USB DAC ก็ได้
- ตัวสายที่แถมมามีสลักเลื่อนเพื่อ Mute หรือ Unmute เสียงไมค์ก็ได้
- ไมโครโฟนติดตั้งมากับตัวหูฟังเป็นแบบไมค์ Boom รับเสียงแบบ Uni-directional รองรับความถี่เสียง 100-10,000 Hz มีระบบตัดเสียงรบกวน
- มีหัวแปลงจากช่องหูฟัง 3.5 มม. หัวเดียวแยกเป็นแชนแนลไมค์กับหูฟังแยกเฉพาะด้วย
ส่วนขาตั้งหูฟังที่ได้แถมฟรีเมื่อสั่งซื้อ Alienware Gaming Gear ยกเซ็ต จะใส่มาในกล่องให้ประกอบด้วยตัวเอง ซึ่งต่อได้ง่ายๆ แค่เสียบตัวเสาเข้ากับฐานบนและล่างเท่านั้น ไม่กี่วินาทีก็เสร็จพร้อมวางหูฟังได้เลย และมี Badge ยางโลโก้ Alienware แถมมาให้ด้วย
ดีไซน์ของหูฟังจะเป็นโทนขาวดำเป็นหลัก ส่วนด้านหน้าหูฟังจะเป็นกรอบวงรีสีดำติดเอาไว้พร้อมก้านไมโครโฟนแบบซ่อนอีกหนึ่งตัว สามารถดึงออกมาหรือสอดกลับไปก็ได้และตัวไมค์มีระบบตัดเสียงรบกวนในตัว ส่วนหูฟังทั้งสองด้านจะมีโลโก้หน้าเอเลี่ยนของ Alienware แบบเพลทอลูมิเนียมติดเอาไว้ ส่วนด้านหลังจะเรียบๆ ไม่มีปุ่มตั้งค่าหรือเพิ่มลดเสียงติดไว้ที่ตัวหูฟังเลย ยกเว้นเฉพาะช่องหูฟัง 3.5 มม. สำหรับต่อกับสายหูฟังและ USB DAC ที่แถมมาในกล่อง
ตัวพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. จะติดอยู่ที่ตัวหูฟังฝั่งซ้ายมือ ด้านในจะสกรีน L, R แยกฝั่งซ้ายขวาติดไว้ชัดเจนให้เลือกสวมได้อย่างง่ายดายและบิดหูฟังให้วางราบกับพื้นโต๊ะได้แต่จะบิดทางเดียว ถ้าบิดสวนทาง ตัวหูฟังจะบิดออกได้เล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนการสไลด์ปรับระยะหูฟังให้เข้ากับขนาดหัวของผู้ใช้ Alienware 510H ตัวนี้จะไม่ได้เลื่อนตัวก้านบิดให้ยืดหดเข้าออกแต่จะสไลด์ตัวครอบหูขึ้นลงให้เข้ากับขนาดศีรษะของผู้ใช้แทน ทำให้รูปร่างของตัวเฮดโฟนไม่เปลี่ยนแปลงและดูสวยเหมือนเดิม ไม่ต้องยืดก้านให้ดีไซน์ตัวหูฟังเปลี่ยนอีกด้วย ซึ่งดีไซน์แบบนี้โดยส่วนตัวผู้เขียนชื่นชอบเป็นพิเศษ
สำหรับสายที่ติดมาพร้อมกับ Alienware 510H ตัวนี้ จะมี 3 เส้นด้วยกัน คือสาย 3.5 มม. ต่อตรงเข้ากับพีซีหรือโน๊ตบุ๊คที่ช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้โดยตรงแล้วเป็นหัวแบบ Combo รวมทั้งไมค์และหูฟังในตัว แต่ถ้าต่อเข้าพีซีจะมีหัวแปลงแยกเป็นแชนแนลเฉพาะของไมค์และหูฟังอย่างละช่องและมีตัวปรับ Volume เพิ่มลดติดตั้งมาด้วย
USB DAC จะเป็นสาย USB-A กับช่องหูฟัง 3.5 มม. ใช้ต่อระหว่างหูฟังกับพีซีได้เลย ซึ่งถ้าใครเน้นเล่นเกมเป็นหลักผู้เขียนแนะนำให้ต่อ DAC ไปเลยเพราะนอกจากง่าย รับส่งสัญญาณเสียงเป็นดิจิตอลได้เสียง 7.1 แชนแนลแล้ว ที่ตัวก้านควบคุมยังมีตัวสไลด์ Mute, Unmute หูฟังได้ด้วย ทำให้เวลาเล่นเกมที่ต้องใช้ไมค์ไม่ว่าจะ Among Us, Phasmophobia จะสามารถปิดไมค์เมื่อไม่ต้องการใช้งานได้สะดวก
Alienware AW610M Wired/Wireless Gaming Mouse
ด้านเกมมิ่งเมาส์ Alienware AW610M Wired/Wireless Gaming Mouse ตัวนี้ก็จะยึดดีไซน์กล่องเหมือนกันกับหูฟัง Alienware ในเซ็ตเดียวกัน โดยมีภาพของตัวเมาส์และสกรีนสเปคและจุดเด่นเอาไว้ที่รอบตัวกล่องทั้งสเปคและจุดเด่นหลัก ซึ่งสเปคจะเป็นดังนี้
- ดีไซน์เมาส์เป็นแบบจับถนัดมือขวา มีปุ่มกด 7 ปุ่ม ตั้งค่าได้ด้วยโปรแกรม Alienware Command Center เลือกได้ระหว่างสีขาวหรือดำ รองรับการกด 50 ล้านครั้ง
- มีไฟ RGB AlienFX lighting
- ตัวเมาส์อัตราเร่ง 40G ความเร็ว 400 IPS, Polling Rate 1,000 Hz ทั้งแบบมีสายและไร้สาย
- ในกล่องแถมสายเชื่อมต่อเมาส์มาให้ยาว 2 เมตร มีตัวรับสัญญาณแถมมาด้วย
- ค่า DPI สูงสุด 16,000 DPI ตั้งค่าได้
- บันทึกโปรไฟล์ออนบอร์ดในเมาส์ได้ 5 โปรไฟล์
- รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10 หรือใหม่กว่า
- แบตเตอรี่ฝังในตัว ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 350 ชั่วโมง
ดีไซน์ของเมาส์เกมมิ่งตัวนี้ จะเป็นแบบจับถนัดขวาและเป็น Ergonomic Design ที่ Alienware วิจัยและออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งสังเกตว่าตัวเมาส์จะหลังค่อนข้างโค้งทำให้คนที่จับแบบ Palm, Claw Grip จับได้ดี แต่น้ำหนักค่อนข้างมากทำให้คนจับแบบ Fingertip Grip จับแล้วเมื่อยนิ้วเร็วสักหน่อย แต่จากที่จับใช้ทำงานและเล่นเกมต้องถือว่าดีไซน์ Ergonomic ของ Alienware ทำให้จับเมาส์ใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมงได้สบายๆ แน่นอน
ด้านปุ่มและพอร์ตเชื่อมต่อนอกจากปุ่มปกติแล้ว ด้านหน้าเมาส์จะเป็นพอร์ต Micro USB ที่เมาส์เกมมิ่งหลายๆ รุ่นนิยมใช้งานกันในปัจจุบัน ส่วนด้านหลังที่ใกล้สันมือนอกจากโลโก้ Alienware ที่เป็นไฟ RGB “AlienFX lighting” ทางบริษัทก็ดีไซน์ให้ตัวท้ายเมาส์โค้งรับมือแล้วยังมีปีกข้างสองฝั่งยื่นออกมารับส่วนของแม่โป้งและนิ้วก้อยให้มือไม่ติดกับพื้นโต๊ะหรือแผ่นรองเมาส์ ข้อดีคือเวลาจับแล้วลากเมาส์แล้วทั้งมือจะลอยอยู่เหนือพื้นโต๊ะเล็กน้อย ช่วยให้ตอนเล่นเกม FPS ลากเมาส์ยาวๆ แล้วเมาส์ไม่เบียดเข้ามือแล้วลากเป้าไม่ทัน ซึ่งดีไซน์ถึงจะแปลกตาไปบ้างแต่ถือว่าใช้งานได้จริงและผู้เขียนชอบเป็นอย่างมาก
ด้านใต้ตัวเมาส์เมื่อตั้งเมาส์ขึ้นจะเห็นว่าตัวเมาส์ดีไซน์พื้นใต้เมาส์เป็นทรงหัวลูกธนูและติดแผ่นใต้เมาส์ (Glide) เอาไว้ 2 เป็นทรงตัว V สองชิ้นเท่านั้นแต่ก็เพียงพอทำให้ลากเมาส์ได้ลื่น มีสวิตช์ทั้งหมด 2 จุด ถ้าไล่จากด้านบนจะเป็นสวิตช์สลับโหมดใช้งาน, เซนเซอร์เมาส์, สวิตช์เปิดปิดเมาส์และ USB Wireless Dongle สกรีนคำว่า G610M ที่เป็นเลขรุ่นเมาส์ เวลาต้องการเก็บก็สอดแล้วกดเข้าไปจะล็อคแบบสปริงและกดเข้าไปอีกครั้งตัว Dongle ก็จะยื่นออกมา เป็นการดีไซน์เก็บตัว USB Wireless ได้ดีมาก
ส่วนการเชื่อมต่อจะมีสายและตัวขยายสัญญาณแถมมาให้ในกล่องเหมือนเมาส์เกมมิ่งไร้สายแบรนด์คู่แข่งหลายๆ แบรนด์ ซึ่งเราสามารถเอา USB-A ต่อคอมพิวเตอร์แล้วเอา Micro USB ต่อเมาส์เล่นแบบมีสายและชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมๆ กันก็ได้ หรือต่อไร้สายแบบในภาพตัวอย่างคือเอาตัวขยายสัญญาณฝั่ง USB-A ต่อ Dongle ส่วนอีกฝั่งก็ต่อ Micro USB แล้ววางไว้หน้าเมาส์เพื่อขยายสัญญาณได้เลย ทำให้เวลาเล่นเกมแล้วเมาส์รับส่งสัญญาณได้ไหลลื่นไม่มีดีเลย์ให้ลากเมาส์ช้าลงหรือหน่วงอย่างแน่นอน ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนก็ใช้เมาส์เกมมิ่งไร้สายประเภทนี้มาร่วมปีแล้วและชื่นชอบเมาส์ประเภทนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าใครสนใจจะซื้อ Alienware Gaming Gear เซ็ตนี้ไปใช้งานก็สามารถนำไปทำงานและเล่นเกมได้อย่างมีความสุขแน่นอน
Alienware AW410K Mechanical Gaming Keyboard
Alienware AW410K Mechanical Gaming Keyboard เป็น Alienware Gaming Gear อีกชิ้นในเซ็ตเกมมิ่งเกียร์เซ็ตนี้ เป็น Mechanical Keyboard แบบ Full-size มีปุ่มมาครบถ้วนพร้อมใช้ทำงานและเล่นเกมได้ทั้งหมดและมีไฟ RGB ตั้งค่าสีสันทั้งหมดใน Alienware Command Center ได้ด้วย โดยหน้ากล่องด้านหน้าและหลังจะสกรีนภาพคีย์บอร์ดตัวนี้เอาไว้ และเขียนสเปคกับจุดเด่นเอาไว้ด้านหลังและข้างกล่อง ส่วนสเปคโดยละเอียดเป็นดังนี้
- Mechanical Keyboard แบบ Full-size มีไฟ RGB 16.8 ล้านสี มีขาตั้งยกระดับความสูงคีย์บอร์ดได้ 2 ระดับ
- สวิตช์ Cherry MX Brown แบบ Tactile กดได้สูงสุด 100 ล้านครั้ง
- รองรับ Anti-ghosting, N-Key rollover ทำให้กดปุ่มบนคีย์บอร์ดได้หลายปุ่มพร้อมกัน
- ติดตั้ง Hot Keys มาให้ มีปุ่มหลักๆ คือ Mute, Play/Pause, Stop, Backward, Skip Forward/Backward
- เชื่อมต่อด้วย USB-A x 2 เส้น แบ่งเป็นสายสำหรับคีย์บอร์ดและสายเพื่อใช้ USB-A 2.0 Passthrough อีกเส้นหนึ่ง
- มีช่อง USB-A Passthrough ติดตั้งไว้ด้านหลังคีย์บอร์ด ใช้โอนไฟล์หรือต่อเมาส์ได้
สำหรับหน้าตาของ Alienware AW410K Mechanical Gaming Keyboard ตัวนี้ จัดว่าเป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดที่ยังคงดีไซน์ของ Alienware Gaming Gear เอาไว้ได้อย่างชัดเจน โดยขอบด้านหน้าคีย์บอร์ดจะมีดีไซน์วงโค้งและสลักคำว่า Alienware ติดเอาไว้ ส่วนขอบข้างซ้ายขวาของตัวคีย์บอร์ดจะออกแบบให้มีสันโค้งไม่เรียบตรงลงมาเหมือนกับคีย์บอร์ดแบรนด์อื่นๆ ทำให้ดีไซน์ดูมีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น
ส่วนขอบด้านหลังคีย์บอร์ดจะมีช่อง USB-A Passthrough ใช้โอนไฟล์เข้าออกคอมพิวเตอร์หรือจะเอาไว้ต่อหูฟัง, เมาส์ของ Alienware Gaming Gear ชิ้นอื่นก็ได้ ช่วยให้เราไม่ต้องเอื้อมไปด้านหลังคอมพิวเตอร์ให้ลำบากหรือเสียเวลา นอกจากนี้ยังมีไฟ RGB ปรับเปลี่ยนสีได้ตามชอบ รวมทั้งไฟยังลอดตัวอักษรขึ้นมาด้วย
ด้านดีไซน์ทรงปุ่มของคีย์บอร์ดจะเป็นแบบ Float Switch Mechanical Keyboard กล่าวคือคีย์บอร์ดทรงนี้จะเห็นตัวโครงครึ่งบนของสวิตช์ (Top Housing) อยู่เหนือตัวโครงคีย์บอร์ดเลยไม่มีกรอบบนของคีย์บอร์ดมาครอบทับเอาไว้เหมือนกับหลายๆ รุ่น วิธีดูง่ายๆ คือถ้ามองด้านข้างคีย์บอร์ดจะเห็นตัวสวิตช์ชัดเจน โดยข้อดีคือโครง Float Switch แบบนี้จะถอดคีย์แคปทำความสะอาดได้ง่ายและฝุ่นไม่ลงไปจนถึงเลเยอร์ด้านในคีย์บอร์ดให้เก็บสะสมฝุ่น ทำความสะอาดได้ง่ายและดูเท่ออกดิบนิดๆ ด้วย แต่ก็ควรหมั่นรักษาความสะอาดเป็นระยะๆ เนื่องจากผู้เขียนเองก็เคยใช้คีย์บอร์ดโครงแบบนี้มาก่อน ถ้าไม่ทำความสะอาดให้ดีอาจจะมีคราบติดที่ตัวคีย์บอร์ดได้
ส่วนปุ่ม Hot Keys ที่ทางผู้ผลิต Mapping มาให้จะต้องกด Fn ค้างก่อนกดใช้งาน โดยปุ่มหลักๆ ที่ Alienware Mapping มาโดยหลักๆ มี Esc เป็น Fn Lock, F1 เป็น Windows Lock, F5-F6 เพิ่มลดแสงไฟ RGB และ F9-F12 เป็น Multimedia Hot Keys เอาไว้คุมการเล่นเพลงหรือคลิปที่เรากำลังดูอยู่ ส่วนปุ่มเพิ่มลดและปิดเสียงจะแยกเป็น 3 ปุ่มเฉพาะที่มุมบนขวามือของคีย์บอร์ดเลย ซึ่งการแยกปุ่มแบบนี้ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าเป็นการ Mapping ที่น่าสนใจเช่นกัน เพราะนอกจากมีการตั้งค่ามาโครและอื่นๆ ในโปรแกรม Alienware Command Center แล้ว ยังเอาไว้คุมเสียงลำโพงได้สะดวกอีกด้วย
ส่วนด้านใต้คีย์บอร์ดจะเป็นดีไซน์เรียบๆ ไม่มีลวดลายอะไรเป็นพิเศษ ส่วนด้านหน้าใกล้ผู้ใช้ (ขอบล่างในภาพ) มีตัวกันลื่นติดมาให้ 3 ชิ้น และมีขาตั้งปรับระดับความสูงของคีย์บอร์ดติดมาให้ สามารถกางขาตั้งได้ 2 ระดับ ทำให้ปรับระยะยกตัวคีย์บอร์ดให้สูงขึ้นให้เข้ากับการวางมือเพื่อเล่นเกมหรือพิมพ์งานได้ดีขึ้นอีกด้วย
ด้านตัวคีย์แคปจะเป็น OEM Profile ซึ่งเป็นดีไซน์ทรงยอดนิยมสำหรับคีย์บอร์ดเกมมิ่งแบรนด์ต่างๆ รวมถึง Alienware Gaming Gear ด้วย ข้อดีคือใช้เล่นเกมและพิมพ์งานได้ดีระดับหนึ่งไม่แพ้กับ Cherry Profile เลย ซึ่งถ้าใครยังต้อง Work From Home แล้วอยากซื้อเกมมิ่งเกียร์สักเซ็ตมาใช้ทั้งทำงานและเล่นเกม Alienware Gaming Gear เซ็ตนี้นับว่าทำหน้าที่ได้ดีทั้งคู่
Alienware Command Center
สำหรับซอฟท์แวร์ Alienware Command Center นั้นเป็นซอฟท์แวร์เฉพาะที่ทาง Dell ปรับแต่งมาเพื่อใช้กับ Alienware Gaming Gear โดยเฉพาะ ซึ่งถ้าใครใช้พีซีหรือเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Alienware ก็สามารถใช้ปรับแต่งเกมมิ่งเกียร์ทั้ง 3 ชิ้นนี้ได้สบายๆ รวมทั้งมอนิเตอร์รายละเอียดส่วนต่างๆ ของตัวเครื่องได้ด้วย
เมื่อเปิดมาหน้าแรกของโปรแกรม ที่หน้า HOME จะรวมรายละเอียดต่างๆ เอาไว้ทั้ง Theme ของตัวเครื่องที่เซ็ตเป็นค่ามาตรฐานหรือแบบที่ผู้ใช้เซ็ตเอาไว้เอง และแถบด้านข้างจะเป็น Games ที่ติดตั้งเอาไว้ในเครื่อง ซึ่งเราอาจจะกดเปิดเกมที่เล่นเป็นประจำจากตรงนี้เลยก็ได้
ด้านแท็บ LIBRARY นั้นจะรวมโปรแกรมกับเกมที่รองรับการทำงานกับ Alienware Command Center เอาไว้ทั้งหมดให้ผู้ใช้เลือกเปิดใช้งานได้สะดวก ซึ่งตัวโปรแกรมจะสั่งสแกนโดยอัตโนมัติหรือจะกดที่มุมขวาบนที่คำว่า Manual เพื่อให้โปรแกรมสแกนซอฟท์แวร์และเกมทั้งหมดอีกครั้งเพื่อเติมเข้า LIBRARY นี้ก็ได้
ด้านแท็บ FX ก็นับเป็นไฮไลต์ของ Alienware Command Center นี้ก็ได้เช่นกัน เพราะผู้ใช้สามารถปรับธีมสีสันของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค Alienware และเกมมิ่งเกียร์จากหน้านี้ได้เลย ซึ่งขอยกตัวอย่างเป็นการปรับแต่งสีสันของ Alienware เครื่องนี้ คือซอฟท์แวร์จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือตัวเครื่องและคีย์บอร์ดนั่นเอง โดยเราสามารถเลือกปรับสีสันของโลโก้ด้านหลังเครื่องรวมทั้งปุ่ม Power ที่เป็นโลโก้ Alienware ได้ รวมทั้งกรอบวงรีด้านหลังเครื่องที่ทาง Alienware เรียกพาร์ทชิ้นนี้ว่า Tron ได้ตามสะดวก นอกจากนี้ถ้าสลับไปปรับแต่งสีคีย์บอร์ดก็สามารถเลือกสีสันปุ่มบนคีย์บอร์ดเป็นสีต่างๆ ได้ ตัวอย่างเช่นเ็ซ็ตปุ่ม WASD ที่เกมเมอร์กดเป็นประจำก็เปลี่ยนสีให้ดูสะดุดตายิ่งขึ้นก็ได้เช่นกัน
ส่วนสุดท้ายอย่าง FUSION จะเป็นหน้าต่างเช็คการทำงานของตัวเครื่องว่ามีความผิดปกติหรือไม่ โดยแยกเป็นส่วนหลักๆ คือ CPU ที่แสดงความเร็วเป็น GHz และค่า Voltage และอุณหภูมิตอนทำงาน, แสดงชื่อการ์ดจอว่าอุณหภูมิและความเร็ว ณ ปัจจุบันนี้ทำงานตามปกติหรือไม่รวมทั้งความเร็วของ DRAM ในเครื่อง และผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งและมอนิเตอร์การทำงานโดยละเอียดอีกด้วย
ต้องถือว่า Alienware Command Center นั้นเป็นซอฟท์แวร์ที่ดีและน่าใช้งานเช่นกัน ซึ่งซอฟท์แวร์นี้ทาง Dell ได้ทำเป็น Exclusive Feature สำหรับแฟนคลับ Alienware โดยเฉพาะ แต่ถ้าผู้ใช้คนไหนใช้ Alienware Gaming Notebook อยู่ก็สามารถใช้งานโปรแกรมนี้ร่วมกับ Alienware Gaming Gear ได้อย่างเต็มที่และปรับแต่งได้เต็มอรรถรสอย่างแน่นอน
User Experience
เนื่องจากเป็นเกมมิ่งเกียร์สำหรับเกมเมอร์ที่ชื่นชอบอารยธรรม Alienware ดังนั้นนอกจากสเปคที่ดี ทำงานได้ดีเล่นเกมได้ลื่นไหลแล้วก็ยังจัดโต๊ะคอมได้สวยงาม ยิ่งถ้าจับคู่กับ Alienware m15 รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวหรือจะเป็น Alienware Desktop สวยๆ สักเครื่องให้เข้าเซ็ตกันตอนเล่นเกมยิ่งสวยงามขึ้นไปอีก เพราะว่าธีมการออกแบบที่ล้ำและดูอวกาศแต่ก็สวยหรูและเข้าหลักสรีระศาสตร์ด้วย เลยทำให้เล่นเกมและทำงานต่อเนื่องหลายชั่วโมงได้สบายๆ
จากประสบการณ์การใช้งานของผู้เขียน ถ้าแยกตามเกมมิ่งเกียร์แต่ละชิ้นโดยไม่เกี่ยวกับโปรแกรม Alienware Command Center เริ่มจากคีย์บอร์ด Alienware AW410K Mechanical Gaming Keyboard ที่ใช้สวิตช์ Cherry MX Brown นั้นสามารถตอบสนองทั้งตอนพิมพ์งานและเล่นเกมได้ดีทีเดียว กล่าวคือกดแล้วตอบสนองทันใจและรัวหลายปุ่มได้ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ถ้าใครชอบสัมผัสตอนพิมพ์งานของสวิตช์แบบ Tactile ที่มีสองจังหวะคล้าย Cherry MX Blue แต่ไม่ชอบเสียงกระเดื่องที่รบกวนผู้ใช้คนอื่นก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า Cherry MX Brown นั้นจะมีลูก Bump ระดับหนึ่งแต่ไม่ชัดเจนและหนักเท่าแบบ Gateron แต่ออกนุ่มกระเดียดไปทาง Linear เล็กน้อยมากกว่า ซึ่งในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้แต่ละคน
อย่างไรก็ตาม จุดเดียวที่ผู้เขียนคิดว่าถ้า Alienware นำไปปรับปรุงเพิ่มเติมอีกสักหน่อยจะช่วยให้ Alienware AW410K ตัวนี้น่าใช้ขึ้นมาก คือเลือก Keycaps ให้หนาขึ้นอีกสักนิดก็ยังดีเพราะจากที่ผู้เขียนใช้และลองถอดแคปออกมาดูแล้วต้องถือว่าตัวแคปค่อนข้างบางจนบางทีผู้เขียนรู้สึกว่าถ้าทำให้แคปหนาขึ้นอีกสักนิดจะทำให้ตอนพิมพ์งานได้เสียงที่แน่นได้อารมณ์ยิ่งขึ้น ส่วนนอกจากนั้นผู้เขียนถือว่าทางบริษัททำคีย์บอร์ดใน Alienware Gaming Gear เซ็ตนี้ได้ดีแล้ว
ด้านตัว Alienware AW610M Wired/Wireless Gaming Mouse รุ่นนี้ผู้เขียนชื่นชอบเป็นส่วนตัว เนื่องจากตัวเมาส์นอกจากตั้งค่าได้ละเอียดดีแล้ว ยังได้เรื่องดีไซน์ที่เหมาะกับผู้ใช้ที่เน้น Palm, Claw Grip ได้ดี และดีไซน์หลังเมาส์จะโก่งขึ้นเล็กน้อยให้จับได้เต็มมือเหมาะกับคนมือใหญ่มากและท้ายเมาส์ที่ดีไซน์เป็นปีกสองฝั่งรองนิ้วโป้งกับนิ้วก้อยที่แตะพื้นโต๊ะอยู่เสมอช่วยให้เกมเมอร์สาย FPS ที่ลากเมาส์ไปมาเร็วๆ นิ้วไม่ติดพื้นโต๊ะและลากเป้าได้สะดวกขึ้น
ส่วนการใช้งานสามารถเล่นได้ทั้งแบบมีหรือไร้สายก็ได้ แต่โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบเล่นแบบไร้สายเป็นหลักเพราะไม่ชอบอาการสายเมาส์รั้งตัวเมาส์ในหลายๆ จังหวะ ซึ่งตัว USB Wireless Dongle กับตัวขยายสัญญาณเมื่อต่อสายแล้วเอามาวางใกล้ๆ เมาส์แล้วสามารถตอบสนองได้เร็วทันใจเหมือนใช้เมาส์สายไม่มีผิด เรียกว่าไม่แพ้กับ Wireless Gaming Mouse ของแบรนด์คู่แข่งอย่างแน่นอน
ด้านค่า DPI สูงสุด 16,000 DPI ต้องถือว่าสูงในระดับที่เกมมิ่งเมาส์ไร้สายหลายๆ ตัวทำได้ แม้จะไม่ถึงระดับ 25,600 DPI อย่างที่เกมมิ่งเมาส์บางแบรนด์ทำได้แต่ก็ถือว่าสูงเพียงพอสำหรับเกมเมอร์แล้ว เพราะเชื่อว่าหลายๆ คนเน้นปรับ DPI, Polling Rate ให้อยู่ในระดับที่ใช้เป็นประจำแล้วเน้นเซนเซอร์ที่ตอบสนองได้คมมากกว่า ซึ่งเมาส์ Alienware AW610M ตัวนี้ถือว่าทำได้ดีทีเดียว ส่วนถ้าใครอยากเอาติดตัวไปทำงานก็เอาตัว USB Dongle เก็บกับเมาส์ใส่กระเป๋าไปได้เลย และข้อดีคือตัวเมาส์นั้นจัดการพลังงานได้ดีทำให้ใช้ทำงานได้ทั้งวันไม่ต้องชาร์จก็ได้
สุดท้ายเกมมิ่งเฮดโฟน Alienware 510H 7.1 Gaming Headset นี้ ผู้เขียนถือว่าเป็นเฮดโฟนที่เอามาฟังเพลงได้ดีระดับหนึ่งทีเดียว เพราะว่าโทนเสียงของเฮดโฟนตัวนี้จะออกไปทางสเตจเสียงกว้างระดับหนึ่งและออกใสหน่อยแต่เบสมาหนักใช้ได้เลยทีเดียว ทำให้ฟังเพลงร็อคหรือ EDM ได้สนุกระดับหนึ่ง ส่วนเสียงไมโครโฟนนั้นสามารถใช้พูดคุยกับเพื่อนๆ ใน Discord และตอนเล่นเกมได้ชัดเจนทีเดียวไม่ว่าจะใช้แบบสายแจ็ค 3.5 มม. หรือเป็น USB DAC ก็ทำได้ดี
ส่วนจุดน่าสนใจ นอกจากการเล่นเกมที่หูฟังนี้สามารถจำลองเสียง 7.1 แชนแนลได้ชัดเจน แยกทิศทางตอนศัตรูเข้าออกได้ง่ายแล้ว ตอนฟังเพลงตัวหูฟังก็จะพยายามจำลองเสียงให้ได้ทิศทางแบบ 7.1 แชนแนลด้วย ทำให้อรรถรสตอนฟังเพลงได้ความแตกต่างไประดับหนึ่งแต่อย่างไรก็ถือเป็นเฮดโฟนที่ใช้งานได้ดีทั้งฟังเพลงและเล่นเกมแน่นอนและเหมาะกับผู้ใช้เน้นความง่ายใช้ USB DAC เส้นเดียวต่อคอมพิวเตอร์ก็ใช้งานได้ทันทีเป็นอย่างมาก
สรุป
Alienware Gaming Gear เซ็ตนี้ ต้องถือว่าเป็นเกมมิ่งเกียร์เซ็ตที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากหน้าตาสวยงามเข้าธีมกับเกมมิ่งพีซีหรือโน๊ตบุ๊คของ Alienware ที่ดีไซน์ออกล้ำยุคอีกด้วย ด้านสเปคหน้ากระดาษและประสิทธิภาพตอนใช้งานจริงก็ถือว่าน่าประทับใจไม่น้อย นับว่าไม่แพ้แบรนด์ผู้ผลิตเกมมิ่งเกียร์แบรนด์หลักๆ อย่างแน่นอน
ยิ่งถ้าใครชอบแบรนด์ Alienware เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในตอนนี้ทางแบรนด์ก็จัดเซ็ตเกมมิ่งเกียร์ให้ผู้ใช้ได้เลือกซื้อแบบยกเซ็ตแล้วได้เป็นกล่องเอาไปเล่นเกมได้เลยและยังได้ของสมนาคุณทั้งที่วางหูฟังและ Alienware badge สุดเท่ให้วางประดับห้องได้อีกด้วย นับเป็นโอกาสที่ดีที่จะซื้อ Alienware Gaming Gear เซ็ตนี้มาเล่นเกมเป็นอย่างมาก