Lenovo Legion Slim 7 จัดว่าเป็นหนึ่ง Lenovo Legion Series สเปก AMD ปี 2021 ที่ได้รับความสนใจไม่แพ้รุ่นอื่นๆ จากการที่ดีไซน์สวยเรียบง่ายแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป กับความเบาเพียง 1.9 กิโลกรัม บาง 15.9 – 18.9 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าบางเบาสุดๆ ในกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน พร้อมมีฟีเจอร์ Gaming ต่างๆ จัดเต็ม สเปกชิปประมวลผล Ryzen 9 5900HX ที่ทรงพลังในราคาที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับสเปกและฟีเจอร์ทั้งหมดแน่นอนว่าเลือกใช้การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q (TGP 100W) ที่มีพลังแรงไว้ใจได้
ติดตั้งแรมเป็น 32GB DDR4 ผสานกับ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB เรียกได้ว่ามาครบเครื่องเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมขนาดหน้าจอ 15.6″ ขอบบางเฉียบ FHD IPS 165Hz มีระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที พร้อมมีซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ช่วยปรับแต่ง รองรับทั้งการทำงานที่ต้องการประสิทธิภาพที่สูง อย่างตัดต่อวีดีโอ หรือเรนเดอร์ 3 มิติ สนนราคา 62,990 บาท ได้ประกัน 3 ปี On-site ซ่อมฟรีถึงบ้าน และบริการอื่นๆ อย่าง Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกันอุบัติเหตุ 2 ปีแรก โดยมีเครื่องสำรองระหว่างซ่อมด้วย
VDO Review
NBS Verdict
สำหรับการมาของ Lenovo Legion Slim 7 รุ่นราคา 62,990 บาท ถือว่าเป็นรุ่นเติมเต็มของไลน์ Legion ปี 2021 ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีรุ่น Legion 5 / Legion 5 Pro และ Legion 7 ซึ่งเป็นสเปก Ryzen + GeForce ทั้งหมด ตอบโจทย์ทั้งการเล่นเกมหลากหลายหรือทำงานประมวลผลหนักๆ รวมไปถึงทำงานนอกสถานที่ และความบันเทิงดูหนังฟังเพลงที่บ้านแล้ว โดดเด่นคือได้ความบางเบาสุดๆ อย่างที่หาได้ยากใน Gaming Notebook ทั่วไป พร้อมแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานและชาร์จไฟกลับได้อย่างรวดเร็ว
บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ สีสัน Shadow Black ที่พรีเมียมหรูรา ได้สเปกอื่นๆ พร้อมใช้งานทันทีไม่ต้องอัพเกรด พิเศษด้วยกล้องเว็บแคมที่ติดตั้งไว้ด้านบนพร้อม Privacy Shutter เรียกได้ว่ายกมาจากซีรีส์ ThinkPad เลยก็ว่าได้ พร้อมกันนั้นยังได้หน้าจอที่ดีเหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลายกับขนาด 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เกรดสูง ที่ Refresh Rate 165Hz ให้ภาพที่สวยงาม ขอบเขตสีกว้าง และได้ความลื่นไหลในทุกๆ การใช้งาน
และปุ่มทิศทางที่ตำแหน่งดีขึ้น ได้ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น ตัวเครื่องอาจจะมีความร้อนสูงไปบ้าง แต่จากเทคโนโลยี Legion Coldfront 3.0 ก็ควบคุมการทำงานให้เสถียรภาพได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ แม้ตัวเครื่องจะบางเยาสุดๆ ซึ่งทำได้เหนือกว่าหลายๆ รุ่น ชอบที่สุดเลยก็คือ การปรับโหมดเพียง Fn + Q เท่านั้น พร้อมมีไฟสถานะแจ้งเตือน โดยถ้าเป็นไฟสีน้ำเงินจะเป็น Quiet / ขาว คือ Auto / แดง Performance พร้อมกันนั้นยังได้ Per-key RGB จากทาง Corsair iCUE ที่ปรับแต่งได้อิสระมากกว่าหลายๆ รุ่น
เทียบสเปกราคากับรุ่นน้องตัวรองที่เน้นความคุ้มค่าอย่าง Lenovo Legion 5 หรือ Legion 5 Pro ก็นับว่ามีราคาที่สูงกว่าชัดเจน แต่ฟีเจอร์หลายๆ อย่างที่ดีกว่า อาทิ ชิปประมวลผล Ryen 9 และความบางเบา ได้ TrueBlock Privacy Shutter ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์เว็บแคม และมีสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint เพิ่มความสะดวกและปลอดภัย นอกจากนี้ระบบเสียงก็ดีเยี่ยมจากลำโพงแบรนด์ Harman Kardon ระบบเสียง Nahimic อีกทั้งมี Windows 11 Home และ Lenovo Vantage มาให้พร้อมใช้งานด้วย
นาทีนี้ใครกำลังจะซื้อ Gaming Notebook ปี 2021 รุ่นนี้ต้องเป็นตัวเลือกแรกๆ แน่นอน กับราคา 60,000 บาทต้นๆ ประกันก็เป็นแบบ 4 ปี On-site Service พร้อมบริการหลังการขายอื่นๆ ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์ ในเรื่องของบริการหลังการขายที่เรามั่นใจได้มากกว่า อย่างไรก็ตามก็จะมีข้อสังเกตในส่วนความร้อนที่แผดขึ้นมาที่ตัวเครื่อง เวลาทำงานหนักๆ จากการที่ตัวเครื่องบางมากๆ ทำให้รบกวนการใช้งานบ้าง รวมไปถึงในส่วนหน้าจอก็เสียดายที่ไม่ใช่ Quad HD เหมือนกับรุ่นรองอย่าง Legion 5 Pro ด้วย
จุดเด่น Lenovo Legion Slim 7
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามพรีเมียม งานประกอบแน่นวัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง
- ตัวเครื่องเล็กกระชับ แม้จะเป็นหน้าจอ 15.6″ แต่มิติเล็กพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 14″
- ตัวเครื่องมีความบางและเบาที่ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น และบางสุดๆ ที่ 15.9 – 18.9 มิลลิเมตร
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Ryzen 9 5900HX และการ์ดจอ RTX 3060 Max-Q
- ได้แรมขนาด 32GB และ SSD M.2 NVMe PCIe ความเร็วแรงระดับสูง
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้ง แนวออฟไลน์ AAA และออนไลน์ยอมนิยม
- ฟีเจอร์ Lenovo Legion AI Engine ที่กระจายพลังงานของ CPU / GPU แบบไดนามิก
- หน้าจอคุณภาพสูงมาก พาเนล IPS ความละเอียด Full HD รองรับ Refresh Rate 165Hz
- คีย์บอร์ดมีไฟเป็น Per-fey RGB จาก Corsair iCUE รองรับ Anti-Ghosting 100%
- ฟีเจอร์ TrueBlock Privacy Shutter ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์เว็บแคม
- มีสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ที่ปุ่ม Power เพิ่มความสะดวกและปลอดภัย
- มีซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องอัพจาก Windows 10
- มีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบถ้วน แม้ตัวเครื่องจะบางเบาสุดๆ โดย USB-C รองรับการชาร์ไฟ PD
- ลำโพงคุณภาพเสียงดีจาก Harman Kardon ระบบเสียง Nahimic น่าประทับใจ
- ความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อใช้งานหนักๆ จัดว่ามีอุณหภูมิที่ควบคุมได้ดีจาก Legion Coldfront 3.0
- ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน และประกันอุบัติเหตุ 2 ปี พร้อมบริการหลังการขายอื่นๆ
ข้อสังเกต Lenovo Legion Slim 7
- ราคาต่อสเปกสูงกว่า Lenovo Legion 5 Pro แต่ก็ได้ความบางเบาที่เหนือชั้นกว่า
- ถ้าได้สเปกหน้าจอเป็น QHD ที่ 165Hz จะดีมากๆ แต่เข้าใจว่าเป็นการต่อยอดมาจาก Legion 5
- ตัวเครื่องที่แป้นคีย์บอร์ดอุณหภูมิค่อนข้างสูงเมื่อใช้งานหนักๆ ต่อเนื่อง แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
- แม้ตัวเครื่องบางเบา แต่อแดปเตอร์มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เพราะจ่ายไฟถึง 230Watt
Specification
Lenovo Legion Slim 7 รุ่นที่นำมารีวิวทดสอบเป็นสเปกชิปประมวลผลตัวท็อป AMD Ryzen 9 5900HX ความเร็ว 3.30 – 4.6 GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด (16 MB L3 Cache) สถาปัตยกรรม Zen 3 (Cezanne) ล้ำด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นร้อนน้อยลง พร้อมการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q (6GB GDDR6) ที่ให้ความแรงลื่นทั้งในการทำงานหรือเล่นเกมเหนือชั้นกว่า RTX 2060 Max-Q รุ่นก่อนหน้า
ได้ที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 3 ความจุ 1TB รองรับการอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 ได้ภายหลังอีก 1 ตัว กรณีที่อยากได้ความจุข้อมูลเพิ่มเติม ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz ทำงาน Dual Channel แบ่งเป็นแบบ SO-DIM 16GB หนึ่งแถว และออนบอร์ดมาเลย 16GB ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 11 Home พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก แน่นอนว่าสเปกแบบนี้ใช้งานทั่วไปพื้นฐานลื่นไหลแน่นอน รวมไปถึงเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ ก็ดีเยี่ยมมากๆ
พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) + PrivacyShutter และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน โดดเด่นด้วย SD Card Reader พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi Killer AX1650 เสา 2×2 ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน รวมไปถึงมีประกันอุบัติเหตุแบบเคลม 100% ในช่วง 2 ปีแรก และมีเครื่องสำรองระหว่างใช้งาน อีกทั้งมี Call Center 24/7 ด้วย กับราคาที่ 62,990 บาท
Lenovo Legion Slim 7 15ACH6-82K8005MTA ราคา 62,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 9 5900HX (8C/16T : 3.30 – 4.60GHz)
-
GPU : AMD Radeon 8 + NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q
-
RAM : 32GB DDR4 3200 MHz
-
DISPLAY: 15.6″ Full HD IPD 165Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
-
OS : Windows 11 Home (64 Bit)
- Warranty : 4 Years On-site Service + 2 Years ADP
*** 4 Years Support Onsite Service + 2 YEARS Accidental Damage Protection (บริการซ่อม ถึงบ้าน ฟรี 3 ปี + ประกันอุบัติเหตุ 2 ปี) เคลมศูนย์ Lenovo ไทยแลนด์
Hardware / Design
Lenovo Legion Slim 7 ต้องบอกเลยว่าเป็นรุ่นบนของ Lenovo Legion 5 / 5 Pro ที่ให้ความสำคัญเรื่องของความบางที่ 15.9 – 18.9 มิลลิเมตร เบาเพียง 1.9 กิโกลรัม และวัสดุที่ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ช่วงปลายปี 2021 ที่มาพร้อมความแตกต่างจากดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แนวทำงานที่พกพาไปใช้งานได้ทุกที หรือเล่นเกมที่บ้านก็มีความลงตัว กับสีสันที่ดูดุดันจริงจังอย่าง Shadow Black ซึ่งให้ความเป็นมืออาชีพ โดดเด่นด้วยโลโก้ Legion ที่สลักด้วยเลเซอร์ พร้อมแผ่นโลโก้ Lenovo
กับหน้าจอขนาดมาตรฐาน 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนลเป็น IPS เกรดสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ให้ทั้งความลื่นไหลตามมาตรฐานและคุณภาพดีสีสันสวยงามสมจริง เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำงานมืออาชีพและความบันเทิงอื่นๆ รวมถึงเล่นเกมที่ลื่นไหล ที่สำคัญยังมีดีไซน์ขอบจอที่บางเฉียบ ส่งผลให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นแบบรู้สึกได้ นอกจากนี้ยังมีบานพับแบบ Zero-Bump ที่กางได้ถึง 180 องศา ซึ่งแม้ว่าจะขอบบางเฉียบ ก็ยังติดตั้งเว็บแคมด้านบนมาพร้อมชัตเตอร์ความเป็นส่วนตัวที่เป็นเอกลักษณ์
ส่งผลให้ดีไซน์รวมๆ ของตัวเครื่องมีมิติที่เล็กกระชับกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ มาตรฐานในยุคก่อนๆ ซึ่งเป็นจุดที่สมดุลทั้งในแง่ของประสิทธิภาพในการเล่นเกม และความสามารถในการพกพาได้อย่างลงตัว กับ Gaming Notebook ราคาระดับสูงที่ไม่ได้เน้นสเปกภายในอย่างเดียว แต่อยากได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีด้วย จากหน้าจอคุณภาพสูงและละเอียด Full HD ตามมาตรฐานของ Lenovo Legion ซึ่งเชื่อได้เลยว่าน่าจะถูกใจหลายๆ คน แต่ก็แอบเสียดายที่ไม่ใช่จอ QHD อย่าง Legion 7
ในส่วนของดีไซน์ที่ชอบมากๆ คือ อยากได้โน๊ตบุ๊คเอาไปเล่นเกม แต่ไม่อยากได้ดีไซน์ Gaming ที่ดูจริงจังอย่างสีแดงฉูดฉาดมากเกินไป เพราะเครื่องเดียวกันนั้นต้องพกพาไปใช้งานด้วย ด้วยความที่สเปกเองก็แรงลื่นเอาไปทำงานหนักๆ อย่างโปรเซสไฟล์ภาพถ่ายหรือตัดต่อวีดีโอก็ได้แบบสบายๆ โดยวัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องทั้งหมดนั้นจะเป็นแมกนีเซียมน้ำหนักเบาและอลูมิเนียมเกรดการบินและอวกาศ ให้สัมผัสที่ดีอีกทั้งยังทนทานไม่เป็นรอยง่ายๆ งานประกอบรวมก็มีคุณภาพมาตรฐานที่สูงไว้ใจได้
โดดเด่นด้วยการอัพเกรดระบบควบคุมอุณหภูมิและระบายความร้อน Lenovo Legion Coldfront 3.0ให้ระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น ผ่านใบพัดโพลีเมอร์คริสตัลเหลวที่เร่งความแรงได้ พร้อมท่อนำความร้อนแบบติดตั้งไว้ครอบคลุม ทำให้ระบายความร้อนได้รวดเร็วมากขึ้น เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ด้วยพัดลม 2 ตัว ฮีท์ไปป์ขนาดใหญ่ 3 เส้นพร้อมแผ่นโลหะที่ Cover ทั้ง CPU / GPU แบบเต็มพื้นที่ ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อน 4 ทิศทาง ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไป โดยยังให้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมอยู่ โดยเราสามารถควบคุมความเร็วพัดลมและแรงดันไฟฟ้าด้วย Q Control 4.0
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุของ Lenovo Legion Slim 7 รุ่นใหม่นั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Lenovo โน๊ตบุ๊คระดับสูงที่ทุกๆ คนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้าก็ถือว่ายังคงรูปแบบเดิมเอาไว้ ให้ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมในดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความเข้มและดุดันเอาไว้ ด้วยโลโก้ที่ดูน้อยแต่มาก รวมไปถึงการเลือกใช้ไฟคีย์บอร์ดเป็นไฟ Per-key RGB พร้อมพรีเซ็ตต่างๆ ซึ่งดีกว่ารุ่น Legion 5 โดยเราสามารถเลือกปรับเป็นสีขาวสีเดียวแบบเดิมก็ได้ ทั้งหมดนี้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ด Lenovo Legion TrueStrike ของ Lenovo Legion Slim 7 ตัวปุ่มสีเทาตัดกับเครื่องสีดำ แม่นยำ นุ่มนวล หนักแน่น ตอบสนองได้ยอดเยี่ยม พร้อมไฟ RGB แบบ Per-key จาก Corsair iCUE RGB ที่ปรับแต่งไฟแต่ละปุ่มได้อิสระ หรือจะเลือกปรับโหมดไปมาก็มีความหลากหลาย รองรับ Anti-ghosting 100% และตอบสนองได้รวดเร็วใน 1ms กับมาตรฐานคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size พร้อมมี Numpad อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังเด้งตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด
อีกทั้งสามารถเลือกปรับโหมดได้เองระหว่างโหมดการรักษาอุณหภูมิ Quiet, Auto และ Performance ด้วยกรกดปุ่ม Fn + Q นอกจากนี้ยังสามารถเร่งความแรงได้ด้วยการเปิด Dual Burn เพื่อดัน CPU และ GPU ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไปพร้อมๆ กัน (เมื่อกดปุ่ม Fn ไฟที่เป็น Hotkey ต่างๆ จะติดขึ้น และปิดไฟ RGB ส่วนอื่นๆ ลงไปด้วย) นอกเหนือจากนี้ปุ่ม Power ยังมีฟีเจอร์อย่างสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ไว้ให้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อที่จะเข้าใช้งานตัวเครื่องเพื่อความปลอดภัยแบบไม่ต้องใส่รหัสไปมาทุกครั้งอีกด้วย
ในส่วนของทัชแพดนั้นได้รับการออกแบบมาใหม่ที่ดูแล้วเรียบง่ายกับขนาดที่ใหญ่โตเมื่อเทียบกับตัวเครื่องโดยรวม ลักษณะเป็นแบบซ่อนปุ่มคลิ๊กซ้ายขวา ดูแล้วมีความสวยงามไม่น้อยเลยสำหรับการดีไซน์ออกแบบ ให้ความแม่นยำมากๆ ใช้งานเมาส์กรณีที่ไม่เล่นเกมได้แบบสบายๆ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญเรายังสามารถปิดทัชแพดและปุ่ม Windows แบบอัตโนมัติเมื่อเราเข้าสู่การเล่นเกม ผ่านทางฟีเจอร์นี้ในซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ที่ติดตั้งมาในเครื่องตั้งแต่เปิดเครื่องในครั้งแรกแล้ว
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Lenovo Legion Slim 7 ได้ขอบหน้าจอที่บางเฉียบทั้ง 3 ด้าน พร้อมกางได้ 180 องศา เป็นแบบพื้นผิวด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 15.6″ บนความละเอียดในระดับ Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญพาเนลยังเป็น IPS คุณภาพสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz ให้ความลื่นไหลในทุกๆ การใช้งาน แม้จะนำไปใช้งานเล่นอินเตอร์เน็ตก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอด ให้การแสดงผลที่สมจริงมุมมองกว้างกว่าพวกโน๊ตบุ๊คที่เป็นพาเนล IPS เกรดทั่วไป เหมาะการใช้งานทุกประเภทแน่นอน พร้อมรองรับความบันเทิงหรืองานระดับมืออาชีพ ที่ให้ความสำคัญเรื่องของสีสันที่เที่ยงตรง
เมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube รวมไปถึงชมภาพยนตร์ผ่าน Streming ต่างๆ ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี เรียกได้ว่า Lenovo Legion Slim 7 ยังคงรักษามาตรฐานของ Gaming Notebook เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่สำคัญยังมาพร้อมฟีเจอร์ TrueBlock Privacy Shutter ม่านชัตเตอร์ปิดเลนส์กล้องที่เป็นเอกลักษณ์ของโน๊ตบุ๊ต Lenovo ในทุกๆ รุ่น ทำให้เรามั่นใจว่ากล้องจะเห็นในเวลาที่เราต้องการใช้งานเท่านั้น การใช้งานก็ง่ายมากๆ ด้วยการใช้นิ้วเลื่อนเปิดหรือปิดการใช้งานเท่านั้น
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ด้วย Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 93%, AdobeRGB ที่ 71%, DCI-P3 ที่ 72% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันในเกณฑ์ที่ดีมาก กับความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 300 nit ซึ่งจัดได้อยู่ในระดับดีกว่ามาตรฐานโน๊ตบุ๊คทั่วไป เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก ใครที่จริงจังด้านสีสันถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่ดีที่สุดรุ่นนึง
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องขวาแถวกลางของหน้าจอมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องกลางล่างที่ลดลงไปที่ระดับ 9% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ โดยมีค่าคลาดสี Delta-E อยู่ที่ 2.05 เท่านั้น ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 4.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมากระดับงานมืออาชีพสาย Content Creator แน่นอน เผื่อว่าถ้าใครจะนำไปเล่นเกมได้ ทำงานก็ดีด้วย
Lenovo Legion Slim 7 ระบบเสียงและการออกแบบลำโพงที่เป็นจุดเด่นอย่างแท้จริง ด้วยลำโพงขนาดใหญ่จากแบรนด์ Harman Kardon แบบ 2 x 2W แยกซ้ายขวาที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้าจำนวน 2 ตัว ซึ่งได้คุณภาพเสียงที่ดี พร้อมระบบเสียง Nahimoc 3 ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง ในส่วนความบันเทิงด้านเสียงก็ถือว่าทำได้น่าสนใจมากๆ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อหูฟังหรือลำโพง Bluetooth 2 อุปกรณ์พร้อมๆ กัน
Connector / Thin And Weight
Lenovo Legion Slim 7 เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ดีไซน์บางเบา โดยมีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันที่สุดรุ่นนึง ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.2 Type-A ซึ่งนอกจากใช้งานโอนไฟล์ไปมาได้แล้ว ยังรองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ได้ 1 พอร์ต , 2 x USB 3.2 Type-C สนับสนุนการโอนไฟล์, การชาร์จไฟเข้า, การต่อหน้าจอภายนอก นอกนี้ยังมี HDMI, Headset และ SD Card Reader เรียกได้ว่ามีการจัดว่าอย่างลงตัว เหมาะสมกับการใช้งานจริง
พร้อมใส่สัญลักษณ์ตามพอร์ตต่างๆ เอาไว้ โดดเด่นที่ด้านหลังจะมีไฟสีขาวเปล่งออกมาด้วย เพิ่มความหรูหราพรีเมียม เหมือนกับ Lenovo Legion 7 รุ่นพี่ อีกทั้งมีปุ่ม Restore Windows มาให้เหมือนเดิม ตามสไตล์ของ Lenovo โน๊ตบุ๊คเกือบทุกรุ่น พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.1 และ Killer AX1650 11AX (เสาเป็นแบบ 2×2) ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีความสเถียร กว่าการเชื่อมต่อแบบรุ่นก่อนหน้า พร้อมการตั้งค่าเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไป ถือได้ว่ามีมิติที่ค่อนข้างใหญ่แต่ได้ความแบน (สามารถวางแนวตั้งหรือแนวนอนได้) สมกับการจ่ายไฟที่ 230Watt หัวชาร์จเป็นแบบ Bolck B ซึ่งเป็นมาตรฐานของ Lenovo ตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คที่สเปกแรงก็ต้องใช้กำลังไฟที่สูงด้วย ส่วนของการพกพาทำได้น่าพอใจมากๆ ด้วยน้ำหนัก 1.9 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็จัดว่ามีความหนักขึ้นมาบ้าง โดยอยู่ที่ประมาณ 2.8 กิโลกรัม แต่ก็ถือว่าพอพกพาไปไหนมาไหนได้แบบสบายๆ
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง Lenovo Legion Slim 7 นั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางอย่างลงตัว งานประกอบก็เรียบร้อยมากๆ สมกับเป็นแบรนด์ Lenovo ที่ใส่ใจทั้งดีไซน์ภายนอกและตัวเครื่องภายใน โดยตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 4800 mAh ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านล่าง ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดได้ทันทีอย่างแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 2280
สำหรับในส่วนของหน่วยความแรมมีงานประกอบที่เรียบร้อย เหมือนกับ Lenovo Legion หลายๆ รุ่น โดยเราสามารถถอดฝาครอบได้ด้วยการงัด ซึ่งติดตั้งเป็นแรม SO-DIM 16GB x 1 แถว และออนบอร์ดมาแล้ว 16GB รวมเป็น 32GB ทำงานแบบ Dual Channel อีกทั้งในส่วนของ SSD M.2 ความจุ 1TB ก็มีการติดตั้งฟอยล์ทองแดงมาด้วย เพื่อให้ใน 2 ส่วนนี้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งตรงนี้บอกได้เลยว่าเป็นความใส่ใจที่พิเศษของ Lenovo อย่างที่หาใน Gaming Notebook ไม่ได้
ระบบระบายความร้อน Legion Coldfront 3.0 นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และผ่านใบพัดโพลีเมอร์คริสตัลเหลว พร้อม Cover ด้วยโลหะปกคลุมทั้งหมด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไปอีกด้วย เรียกได้อัพเกรดไปจากรุ่นก่อน แต่จะดีขึ้นหรือเปล่านั้นไปติดตามกันต่อดู
Performance / Software
ทดสอบ Lenovo Legion Slim 7 เป็นสเปกขายจริง มาพร้อมกับชิปประมวลผลตัวแรงระดับบนสุดในตลาดของ Gaming Notebook ของ AMD อย่าง Ryzen 9 5900HX เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่า Ryzen 4000H รุ่นก่อนหน้า ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 ที่พัฒนาไปในหลายๆ ส่วน โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 3.30 – 4.60 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 16MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 45W + จนไปถึง 54W ทีเดียว
ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ มากยิ่งขึ้นไปอีก แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังรวมไปถึงเล่นเกมเป็นหลัก ก็รองรับได้อย่างสบายๆ และดีที่สุดแน่นอน เรียกได้ว่าแรงกว่าชิปประมวลผลที่เป็น AMD Ryzen 5000H อย่าง Ryzen 9 4900H แน่นอน พร้อมได้แรมขนาด 32GB DDR4 Bus 3200MHz (16GB x 2) ใช้งานได้ทันที จัดเต็มอย่างที่เราไม่จำเป็นต้องอัปเกรดภายหลังเลย
ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon 8 มีความเร็วในการทำงานที่ 2100MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเป็นหลัก กับหน้าจอความละเอียดสูงให้ความลื่นไหลเป็นอย่างดี ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ
โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q (6GB GDDR6) สถาปัตยกรรม Ampere โดยเป็น RTX เจนที่ 2 พร้อมค่า TGP 100W ที่ต้องบอกว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เทียบเคียงอย่าง GeForce RTX 2070 Super ได้ดีกว่า ซึ่งไม่ใช่แค่แรงแต่ยังร้อนน้อยกว่า เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook ทุกประเภท ทั้งตัวหนาหนักและบางเบา รองรับ Ray Tracing ช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงแสงเงาให้แม้แต่เกมระดับ AAA ก็ยังสามารถปรับกราฟิกได้ถึง Ultra ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น ที่ความละเอียด Full HD แบบสบายๆ
พร้อมได้เทคโนโลยี Advanced Optimus ช่วยสลับการใช้งานกราฟิกให้เป็นแบบรวม (เมื่อใช้งานทั่วไป) หรือแยก (เมื่อใช้งานหนัก เช่น เล่นเกม) ตามความเหมาะสมของการใช้งานเครื่อง เพื่อประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ และมีเทคโนโลยี Max-Q Dynamic Boost ช่วยปรับการใช้พลังงานระหว่างซีพียูและจีพียูแบบอัตโนมัติ ตามรูปแบบการใช้งานของเครื่อง อาทิ ปรับการใช้พลังงานไปที่จีพียู เมื่อเล่นเกมหรือใช้ทำงานหนัก โดยการปรับใช้พลังงานระหว่างซีพียู และจีพียูให้เหมาะสมนี้ จะส่งผลให้เฟรมเรตสูงขึ้น รวมถึงประสิทธิภาพการเล่นเกมก็เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 10%
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ เป็นที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าพอตัว รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก สมกับเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HX จริงๆ กับรุ่นท็อปสุดในตลาด Gaming Notebook จากความแรงที่ได้ในราคาสมน้ำสมเนื้อ
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าประทับใจมากๆ บนขนาดความจุ 1TBB แบบ M.2 2280 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนที่เป็น SATA 3 หรือ SSD M.2 SATA 3แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด
เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ รองรับทุกๆ การใช้งานพื้นฐานหรือหนักๆ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3476 MB/s และเขียนที่ 3273 MB/s ความเร็วถือว่าทำได้ดีเยี่ยมยอด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ราคาคุ้มค่า ที่ได้ SSD ระดับสูง อันนี้เป็นจุดเด่นที่ชัดเจนทีเดียว เหนือชั้นกว่ารุ่นอื่นๆ ในราคาที่ใกล้เคียงกัน
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6739 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000 มีการ์ดจอแยกอย่าง RTX 30 Series ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่า Desktop สบายๆ ทำให้เชื่อมั่นได้เลยส่วนของงานที่เน้นการประมวลผล เราจะได้ประสิทธิภาพความแรงแน่นอน
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 8485 ที่นับว่าเป็นเกณฑ์ที่สูงมากจริงๆ ซึ่งเน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน จัดว่าเป็น Gmaing Notebook อีกรุ่นที่มีคะแนนสูงมาก
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Far Cry 6 / Resident Evil Village / GTA V / Scum ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด (ถ้าอยากให้เฟรมเรทสูงกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้เลย) ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แม้การทดสอบจะไม่ได้เปิด DLSS / Ray Tracing ที่ RTX Series รองรับ ก็ให้ภาพสวยงามไม่แพ้กัน แถมไม่กินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย ส่งผลให้ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 70 – 100 ขึ้นไป
กมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยก็สูงเพียงพอแล้วที่หน้าจอ 165Hz ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ก็อย่าลืมปรับโหมด Q-Control เป็น Performance ฮาร์ดแวร์เองจะได้ Overclock ด้วย
Lenovo Legion Slim 7 แน่นอนว่ามาพร้อมซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage มีในส่วนเรื่องเช็คการทำงานของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง อีกทั้งตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย นับได้ว่า Lenovo Vantage เป็นซอฟต์แวร์ Ultility ติดเครื่องที่ดีและใช้งานจริงได้ รวมไปถึงยังสามารถปรับไฟ RGB ได้ผ่านทาง Corsair iCUE ได้ต่างหาก ส่วนระบบเสียงก็ปรับผ่านทาง Nahimic
Battery / Heat / Noise
Lenovo Legion 7 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 4800 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยก็จริง แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียวเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บได้ยาวนานเกือบ 8 ชั่วโมงทีเดียว ซึ่งหากดูตามภาพกราฟอัตราการลดของแบตแล้วนั้น จะเห็นได้ว่าทำเวลาได้ดีเยี่ยมมากๆ อีกทั้งสามารถชาร์จพลังกลับมาตั้งแต่ 0% – 50% ได้ในระยะเวลาไม่ถึง 30 นาทีด้วย ด้วยอแดปเตอร์หลักขนาด 230W หรือใครจะเลือกชาร์จไฟผ่านทางมาตรฐาน USB-C ที่เป็น PD (power delivery ) ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่แนะนำว่า Watt ก็ควรสูงหน่อยที่ 100W
ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวม Lenovo Legion Slim 7 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับการ์ดจอแยกพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมิที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัวพร้อมฮีตไปป์ 3 เส้นเป่าออกด้านหลังด้านข้าง 4 ทิศทาง และเทคโนโลยี Lenovo Legion Coldfront 3.0 ช่วยจัดการได้อย่างเยี่ยมยอด
อุณหภูมิภายในของชิปประมวลผลได้ทดสอบผ่านทางโปรแกรม Hardware Monitor โดยมีความร้อนสูงสุดคือ 95 องศาเซลเซียส ซึ่งนับว่าค่อนข้างสูง ส่วนการ์ดจอแยกร้อนที่สุดที่ 82 องศาเซลเซียสเท่านั้น ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนขเครื่องนี้มีอุณหภูมิที่เย็นเฉียบมากๆ ซึ่งส่งผลให้ตัวเครื่องไม่เสียหายหรือเล่นเกมใช้งานมีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ที่จัดการความร้อนได้ดีเยี่ยมทีเดียว
ทั้งนี้ในการใช้งานทั่วไปตามปกตินั้น (เช่นท่องเว็บ, พิมพ์งาน ฯลฯ) เราจะแทบไม่ได้ยินเสียงของระบบระบายความร้อนเลยแม้แต่น้อย ทำงานได้ค่อนข้างเบาและเงียบทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้การทำงานทั้งจาก CPU และ GPU (เช่นการเล่นเกม) เรื่องของเสียงพัดลมนั้นจะไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไปนัก แม้ว่าจะใช้งานหนักๆ ก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถมีฟีเจอร์ Lenovo Legion AI Engine ที่กระจายพลังงานของ CPU / GPU แบบไดนามิก ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
Conclusion / Award
Lenovo Legion Slim 7 เป็น Gaming Notebook ปี 2021 หน้าจอ 15.6″ ที่เน้นความบางเบาอย่างที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ก็ยังได้สเปกที่แรงสุดๆ จากชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HX พ่วงมากับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q (TGP 100W) เรียกได้ว่าเข้าคู่กันเป็นอย่างดี ทั้งประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมและการเล่นเกมที่ลื่นไหล โดยแบตยาวนานในเครื่องเดียว นานสุดที่เกือบๆ ค ชั่วโมง โดยเครื่องเบาสุดๆ ที่ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น และบางเพียง 15.9 – 18.9 มิลลิเมตร ได้แรมขนาด 32GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe ความจุ 1TB
โดย Lenovo Legion Slim 7 รองรับการเชื่อมต่อ USB-C Full Function / Wi-Fi 6 AX Killer มีเทคโนโลยี Rapid Charge Pro ชาร์จไฟกลับเข้าเครื่องไวมากๆ และเทคโนโลยี Lenovo Legion Coldfront 3.0 ที่ช่วยควบคุมความอุณหภูมิ ที่สำคัญคือ ได้คีย์บอร์ด Lenovo Legion TrueStrike แม่นยำ นุ่มนวล หนักแน่น พร้อม Per-key RGB รองรับ Anti-ghosting 100% และตอบสนองได้รวดเร็วใน 1ms ทนทานมากขึ้นด้วยการเคลือบสารให้คุณสมบัติต้านทานการเสียดสีและการสึกกร่อน อย่างที่ไม่มีใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ
และด้วยเทคโนโลยี Advanced Optimus และ Hybrid Mode อีกทั้งสามารถเลือกปรับโหมดได้เองระหว่างโหมดการรักษาอุณหภูมิอย่าง Q Control 4.0 ที่เลือกปรับ Quiet, Auto และ Performance นอกจากนี้ยังสามารถเร่งความแรงได้ด้วยการเปิด Dual Burn เพื่อดัน CPU และ GPU ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไปพร้อมๆ กัน สมกับเป็น Gaming Notebook มีความเป็น Legion ที่ไม่ใช่แค่สวยงามดุดันแต่เน้นประสิทธิภาพด้วย ทำให้ไม่ว่าเราจะใช้งานมืออาชีพ อย่างทำงานตัดต่อวีดีโอโปรเซสไฟล์ภาพก็สบายๆ
แม้ดีไซน์หลักจะยังเป็นรูปแบบเดิมแบบใกล้เคียง Legion 5 / Legion 5 Pro / Legion 7 ก็จริง (แต่ไปในทิศทาง Legion 5 มากกว่าเพราะเป็นจอ 15.6″ เหมือนกัน) แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นดีไซน์ที่ลงตัวที่สุด เพราะทำให้ตัวเครื่องมีช่องระบายความร้อนได้ทั้ง 4 ทิศทาง พอร์ตเชื่อมต่อที่มากกว่าและสามารถใช้ประโยชน์เครื่องจากด้านหลังได้เต็มที่ รวมไปถึงจอภาพที่สามารถกางได้ 180 องศา โดยใน Lenovo Legion Slim 7 ยังได้อัพเกรดขึ้นมาหลายๆ ส่วนดีไซน์เน้นเรียบๆ ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง พร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม เทียบกับประสบการณ์โดยรวมถือว่าน่าซื้อ
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Lenovo Legion Slim 7 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Lenovo Legion โน๊ตบุ๊คสาย Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งรุ่นนี้ก็เป็นรุ่นระดับบน จุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo Legion Slim 7 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามเรียบหรูดูเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกมและทำงานในเครื่องเดียวกัน อีกทั้งยังพกพาไปทำงานได้ลงตัว รวมไปถึงตัวเครื่องก็เล็กบางเบาในระดับนึง ได้ไฟคีย์บอร์ดเป็น RGB แบบ Per-key พร้อมปรับหลายๆ ส่วนให้ดีขึ้น ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนจับตามองทีเดียว
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Ryzen 9 5900HX ที่แรงลื่นทรงพลังทีสุดในหมู่ AMD และการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q รุ่นเด่น มาพร้อมกับแรมขนาด 32GB แบบ DDR4 รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูง 1TB พร้อมมี Lenovo Legion AI Engine ช่วยการทำงาน อีกทั้งได้หน้าจอ IPS คุณภาพสูงที่ดีเยี่ยม 165Hz ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาอยู่ในระดับที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 1.9 กิโลกรัม และเพียง 15.9 – 18.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติ ถือว่ามีการพัฒนาต่อยอดไปในทุกส่วน เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ แบตใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 8 ชั่วโมงก็ถือว่าใช้งานแบตได้นานมากแล้ว พอร์ตการชาร์จก็ยังเป็นมาตรฐาน USB-PD ทำให้เราสามารถใช้อแดปเตอร์ชาร์จไฟอื่นๆ หรือ Power Bank ชาร์จไฟกลับเข้าเครื่อง ที่สะดวกต่อทุกอุปกรณ์