หูฟังออกกำลังกาย 7 รุ่น เพิ่มความสนุกให้กับการวิ่ง ฟิตเนส หรือ Workout แบตอึด กันน้ำกันฝุ่น เสียงดี รับสายได้ เป็นทุกอย่างให้แล้ว
หูฟังออกกำลังกาย กลายเป็นอุปกรณ์ยอดฮิตติดชาร์ท สำหรับคนที่ชอบกิจกรรมแบบ Outdoor รวมถึงการวิ่งออกกำลัง เพื่อช่วยให้ไม่เบื่อ หรือต้องการความเป็นส่วนตัว โดยบางคนอาจชอบฟังเพลง หรือดนตรีที่ช่วยปลุกเร้าให้รู้สึกอยากวิ่ง หรือบางคนชอบก็ใช้ในการฟัง Podcast และแน่นอนว่า การฟังเพลงของหลายๆ คน ทำให้มีจังหวะในการออกกำลัง เดิน วิ่งหรือแม้กระทั่งการทำงานอีกด้วย ซึ่งมีส่วนในเรื่องของการเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการคาร์ดิโอ หรือแค่การวิ่งเหยาะๆ ในช่วงเช้าหรือเย็นก็ตาม รวมไปถึงเพลงที่กระตุ้นการ Workout ได้ดียิ่งขึ้น บางเพลงถึงกับแนะนำเอาไว้สำหรับ Heart rate แต่ละโซนอีกด้วย แต่หลายคนก็ใช้เพื่อการสนทนา เพื่อไม่ให้พลาดสายสำคัญ แม้ว่าจะอยู่ในช่วง Workout ก็ตาม หูฟังไร้สายจึงกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
แต่หูฟังที่ใช้ในการออกกำลังเหล่านี้ ก็มีก็มีให้เลือกหลายรูปแบบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น In-ear, True Wireless หรือจะเป็น Headset แต่ปัจจัยสำคัญนั่นคือ การเชื่อมต่อ เพราะหูฟังที่เหมาะกับการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องแบบนี้ การไม่ใช้สายต่อพ่วงเลย หรือเป็นแบบไร้สาย ดูจะเหมาะสมและสะดวกมากที่สุด และที่ได้รับความนิยมอย่างมากนั่นคือ การเชื่อมต่อด้วยสัญญาณบลูทูธ เพราะเชื่อมต่อง่าย ให้ระยะในการเชื่อมต่อได้ไกล และยังใช้งานได้นาน กินพลังงานน้อย ทำให้หูฟังในท้องตลาดส่วนใหญ่ เป็นรูปแบบของ Bluetooth ซึ่งมีทั้ง 4.0, 5.0 และ 5.2 ในปัจจุบัน
สิ่งที่ใช้ในการเลือกหูฟังออกกำลังกาย
รูปแบบที่ถนัด: เพราะคุณจะต้องใช้งานไปพร้อมๆ กับการเคลื่อนไหว รวมถึงชนิดกีฬาที่คุณเล่น ต้องใช้สะดวกมากที่สุด หูฟังออกกำลังกาย จะเป็นแบบ In-ear, Headset, Ear, True Wireless, หรือจะเป็นแบบคล้องคอ หรือมีขอเกี่ยวหู เป็นต้น แต่ละแบบมีดีต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้และความถนัด
ต้องกันน้ำได้ดีในระดับหนึ่ง: วัตถุประสงค์หลักของการกันน้ำ อยู่ที่การกันเหงื่อเป็นสำคัญ เพราะโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีอยู่ตลอดเวลา หูฟังควรต้องมีความทนทานในระดับหนึ่ง กันน้ำ กันเหงื่อ อย่างเช่น การล้างหน้า การสาดน้ำ เพื่อลดความร้อน หรือบางคนก็ใช้ในการวิ่งเทรล และวิ่งมาราธอน ซึ่งอาจจะเจอช่วงฟ้าฝนไม่เป็นใจสาดมาบ้าง ก็ไม่ต้องกังวลมากนัก แต่หูฟังบางค่ายก็ออกแบบมาเพื่อการว่ายน้ำได้อีกด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ราคาก็สูงขึ้นไม่น้อย
น้ำหนักเบา สวมใส่ง่าย พกพาสะดวก: ขนาดและน้ำหนัก ก็เป็นสิ่งสำคัญ แม้คุณจะใช้ในการเล่นกีฬาหรือออกกำลังวันละ 1-2 ชั่วโมง แต่อย่าลืมว่า คุณก็จะต้องสวมเอาไว้ตลอดเวลา ควรจะเป็นวัสดุที่เบา ไม่ระคายเคือง ไม่เจ็บหูหรือหนีบศีรษะเกินไป หรือพกพาไม่สะดวก เพราะบางคนก็ไม่ได้ออกกำลังแถวบ้าน ต้องเดินทางไปสนามกีฬา หรือสวนสาธารณะตามสะดวก การที่พกไปยาก คล้องคอไม่สบาย หรือหนักเกินไป ก็คงไม่เหมาะนัก
แบตอึดใช้งานได้นาน: แต่ก็ไม่ได้หมายความถึงจะใช้กันแบบข้ามวันข้ามคืน เพราะหูฟังออกกำลังกายเหล่านี้ มีขนาดเล็ก และต้องสวมสบาย แบตใหญ่ก็คงไม่สะดวก แต่อย่างน้อย ให้การเชื่อมต่อและเล่นต่อเนื่องได้นานพอ ต่อการออกกำลังกายในแต่ละวัน อย่างไรก็ดีหูฟังในกลุ่ม True Wireless หลายรุ่น ก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง และมีการชาร์จที่เร็วอีกด้วย
เชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน หรือเครื่องเล่นที่ใช้อยู่ได้ง่าย: เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพราะถ้าจะพกหูฟังไปออกกำลังกายทั้งที ต้องมานั่ง Pair กันใหม่ทุกรอบ ก็คงจะน่าเบื่อ ต้องขอบคุณเทคโนโลยี Bluetooth เวอร์ชั่นใหม่ๆ ที่ทำให้การเชื่อมต่อรวดเร็ว และง่ายดายยิ่งขึ้น แต่เชื่อมต่อเพียงครั้งเดียวในครั้งแรก ครั้งต่อไปเปิดบลูทูธที่มือถือ และหูฟัง ก็เชื่อมต่อกันได้อัตโนมัติแล้ว
หูฟังออกกำลังกาย ไร้สาย 7 รุ่น
- Plantronics Blackbeat Fit 3200
- AFTERSHOKZ OpenMove
- JBL Endurance Dive
- SONY WF-SP800N
- SoundMAGIC ST80
- EDIFIER NEOBUDS PRO
- Beats Powerbeats High Performance
1.Plantronics Blackbeat Fit 3200
Plantronics Backbeat Fit 3200 หูฟังออกกำลังกายไร้สายในแบบ True Wireless กระทัดรัด กันน้ำ กันฝุ่นได้ดี สวมใส่สบาย ซึ่งค่ายนี้ เป็นผู้ชำนาญด้านหูฟังมายาวนาน ในรุ่น Backbeat นี้ ก็ถือเป็นเรือธงอีกรุ่นหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมมายาวนาน จุดเด่นอยู่ที่ความทนทานระดับ IP57 พอจะกันละอองน้ำ และใช้ในพื้นที่ฝุ่นละออง เช่นการวิ่งสตรีทรันได้สบาย ออกแบบมาเป็นพิเศษในสไตล์แบบ In-ear ซึ่งมีที่คล้องหู และซิลิโคนที่นุ่มนวล ทำให้สวมใส่สบาย เสียงเบสค่อนข้างลึกและแน่น ให้ความดังของเสียงได้ดีในระดับหนึ่ง แต่จะที่น่าสนใจก็คือ ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีทีเดียว และยังปรับ Preset ของ Equalizer ได้อีกด้วย การเชื่อมต่อเป็นแบบ Bluetooth 5.0 วัสดุมีความพรีเมียม พกพาสะดวก ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมง พร้อมกับระบบค้นหาหูฟัง เมื่อหล่นสูญหาย และยังรับสายขณะที่ออกกำลังกายได้อีกด้วย การชาร์จเป็นแบบใช้ร่วมกับกล่องเก็บและชาร์จไฟได้ในตัว สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 5,990 บาท
จุดเด่น
- เป็นแบบคล้องหู แต่แยกชิ้นซ้าย-ขวา ใช้สะดวก
- ขนาดกระทัดรัด พกพาง่าย
- ใช้งานได้นานถึง 8 ชั่วโมง
- ควบคุมการทำงานผ่านหูฟังได้เลย
ข้อสังเกต
- เป็นแบบ Earbud ขึ้นอยู่กับความเคยชินของผู้ใช้
Plantronics Blackbeat Fit 3200 | |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
ความทนทาน | IP57 |
ย่านความถี่ | 20-20000Hz |
รูปแบบ | True Wireless |
ระยะเวลาการใช้งาน | 8 ชั่วโมงต่อเนื่อง |
ราคา | 5,500 บาท |
2.AFTERSHOKZ OpenMove
AFTERSHOKZ หูฟังไร้สายที่เหมาะกับการออกกำลังกาย โดยมีรูปแบบการทำงานแบบ Bone Conduction สำหรับผู้ที่จะเริ่มต้นกับการออกกำลังกาย แต่ไม่ชอบการใช้ In-ear หรือการใส่เข้าไปในหู เพื่อลดความรำคาญ เมื่อมีเหงื่อออกมากๆ โดยหูฟังรุ่นนี้ ข้อดีคือ คุณจะได้ยินเสียงรอบข้างไปพร้อมๆ กัน จึงเหมาะกับการเดินสตรีทในเมืองหรืออยากจะพูดคุยกับคนรอบข้างได้ด้วย เมื่อไปออกกำลังพร้อมกับเพื่อนๆ ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา มีปุ่มแบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมการทำงาน เปลี่ยนเพลง เพิ่ม-ลดเสียง รับสาย วางสาย มีไมโครโฟนมาในตัว ให้การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 ความทนทานอยู่ในระดับ IP55 กันละอองน้ำกันฝุ่นในชีวิตประจำวันได้ดี โครงสร้างจะเป็นแบบคล้องกับใบหู และคล้องด้านหลังคอ แต่ไม่รู้สึกรำคาญขณะวิ่ง สนนราคาประมาณ 2,990 บาท
จุดเด่น
- ได้ยินเสียงรอบข้างได้ถนัดกว่า
- คล้องกับใบหู เคลื่อนไหวได้สะดวก ไม่ต้องกลัวหลุด
- ใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- เป็นระบบการเสียงแบบสั่นสะเทือน ขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ใช้แต่ละคน
AFTERSHOKZ OpenMove | |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
ความทนทาน | IP55 |
ย่านความถี่ | 20-20000Hz |
รูปแบบ | Bone Conduction |
ระยะเวลาการใช้งาน | 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง |
ราคา | 2,990 บาท |
3.JBL Endurance Dive
JBL รุ่นนี้เป็นหูฟังออกกำลังกายในสไตล์ของ Sport เพื่อการออกกำลังที่เข้มข้นขึ้น เพราะนอกจากเป็นแบบคล้องหู ที่ดูแน่นหนามากขึ้นแล้ว ยังให้สีสันที่ดูสปอร์ต วัสดุส่วนใหญ่เป็นแบบซิลิโคนที่นุ่มนวล และให้ความทนทานในระดับ IPX7 การทนต่อแรงน้ำได้ดีขึ้น จึงทำให้ใช้เล่นกีฬาทางน้ำ เช่น ว่ายน้ำ เจ๊ตสกีหรือพายเรือคายักได้ มาพร้อมฟีเจอร์ TwistLock และ FlexSoft ซึ่งช่วยให้การจับยึดกับใบหูแน่นหนา และมีน้ำหนักเบา การควบคุมเสียง Play-Pause ทำผ่านตัวหูฟังได้ง่าย ด้วยการสัมผัสเท่านั้น โดยพื้นฐานจะยังเป็นแบบ Ear-plug เสียบเข้าไปในหู ใครที่ชอบสไตล์แบบนี้ก็ดูน่าสนใจ เคาะราคาอยูที่ 3,390 บาท
จุดเด่น
- สีสันสดใสมีให้เลือก
- เป็นแบบ In-ear มีความกระชับ
- ความทนทานระดับ IPX7
- มาพร้อมตัวล็อคคล้องหู
ข้อสังเกต
- มีเป็นสายคล้อง อาจไม่ได้เหมาะกับกีฬาบางประเภท
JBL Endurance Dive | |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 4.2 |
ความทนทาน | IPX7 |
ย่านความถี่ | 20-20000Hz |
รูปแบบ | Ear hook |
ระยะเวลาการใช้งาน | 7 ชั่วโมงต่อเนื่อง |
ราคา | 3,390 บาท |
4.SONY WF-SP800N
หูฟังไร้สายในแบบ Earbud ที่มีทั้งความกระทัดรัด ความทนทาน และใช้งานได้ค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียว ดีไซน์ได้ล้ำสมัย จุดสัมผัสเป็นวัสดุเนื้อนิ่ม มีตัวล็อคให้เข้ากับโครงสร้างด้านในหู ที่เรียกว่า ARC 2 ทำให้คนที่เล่นกีฬาที่หนักหน่วงขึ้น เช่น การฟิตเนส ยกน้ำหนัก หรือการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ด้านในที่เป็น Earbud เป็นยางซิลิโคน มีให้เลือกถึง 5 ขนาด เพื่อความกระชับ และลดเสียงรบกวนได้ดี โดยทาง Sony เคลมการใช้งานได้ที่ 9 ชั่วโมงสำหรับหูฟังที่ชาร์จไฟเต็ม ยังไม่รวมแบตจากกล่องชาร์จจะช่วยให้ใช้งานต่อได้ มีเบสที่แน่น และ Sound stage กว้าง รับสายได้ในนิ้วเดียว และฟีเจอร์ที่ใช้การแตะเบาๆ ที่หูฟัง เพื่อฟังเสียงรอบข้าง โดยไม่ต้องถอดสายออกได้อีกด้วย SONY WF-SP800N สนนราคาอยู่ที่ 5,990 บาท
จุดเด่น
- มีจุกยาง Ear tip มาให้ถึง 5 ขนาด
- สวมกระชับ เพราะมีตัวล็อคกับด้านในใบหู
- ใช้งานได้นานถึง 9 ชั่วโมง
- Sound stage ที่กว้าง
- แตะหูฟังเพื่อคอนโทรล
ข้อสังเกต
- เป็นแบบ IP55 กันฝุ่นและละอองน้ำในเบื้องต้น
SONY WF-SP800N | |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
ความทนทาน | IP55 |
ย่านความถี่ | 4-40000Hz |
รูปแบบ | Earbud |
ระยะเวลาการใช้งาน | 9 ชั่วโมงต่อเนื่อง |
ราคา | 5,990 บาท |
5.SoundMAGIC ST80
หูฟังออกกำลังกาย SoundMAGIC ในสไตล์สปอร์ต เล่นกีฬาก็ได้ ใช้ในชีวิตประจำวันก็ดี มาในรูปลักษณ์ทันสมัย และมาในแบบ Ear hook ที่ดูสนุกสนาน เพราะคุณสามารถปรับเลื่อนระดับการหมุน สูง-ต่ำของตัวเกี่ยวนี้ได้เอง แต่จุดเด่นคือ การใช้งานได้ทั้งแบบไร้สาย ในช่วงเวลาที่ต้องการความคล่องตัว เร่งรีบ หรือใช้สายต่อเข้ากับ ซิลิโคน Ear tip ที่มีให้เลือกทั้งแบบ Sport ที่ต้องเคลื่อนไหว และแบบพื้นฐาน ใช้ในชีวิตประจำวัน โครงสร้างหลักเป็นอะลูมิเนียมอัลลอย ความทนทานอยู่ในระดับ IPX6 ควบคุมการทำงานผ่านสาย ไม่ว่าจะลด-เพิ่มเสียง หรือการรับสาย เป็นต้น ใช้งานได้นาน 16 ชั่วโมง ด้วยแบต 200mAh ราคาอยู่ที่ 2,990 บาท
จุดเด่น
- ดีไซน์ทันสมัย ใช้ได้ทั้งการทำงานและออกกำลัง
- การควบคุมผ่านทางตัวสายเป็นหลัก
- ได้มาตรฐาน IPX6 มีความทนทาน
- ให้ย่านเสียงที่กว้าง
ข้อสังเกต
- ขนาดค่อนข้างใหญ่ และชิ้นส่วนที่เป็นข้อต่อมากขึ้น
SoundMAGIC ST80 | |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
ความทนทาน | IPX6 |
ย่านความถี่ | 15-22000Hz |
รูปแบบ | Ear hook |
ระยะเวลาการใช้งาน | 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง |
ราคา | 2,990 บาท |
6.EDIFIER NEOBUDS PRO
EDIFIER รุ่นนี้ เหมาะสำหรับคนที่ออกกำลังเบาๆ วิ่งใกล้บ้าน หรืออยู่บนเครื่องเล่นในยิม และอยากได้หูฟังที่พกพาสะดวก ใส่แล้วไม่เกะกะ ทนเหงื่อทนฝุ่นได้ดี หูฟังรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้ ด้วยการเป็นหูฟังแบบ In-Ear ควบคุมการทำงานด้วยการสัมผัส จะเล่นเกมหรือดูหนังบนมือถือ ก็ให้เสียงได้จัดจ้าน ให้จุกหูฟังซิลิโคน 7 ขนาด เป็นแบบป้องกันแบคทีเรีย อีกทั้งได้การรับรอง Hi-Res Audio Certificated เรื่องของเสียงที่มีรายละเอียด เหมาะทั้งการฟังและสนทนา พร้อมโหมด Active Noise Cancelling ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ ให้ไดรเวอร์ 2 รูปแบบ เพื่อความบันเทิงในการใช้งานต่างๆ พร้อมกันนี้ยังมีแอพพลิเคชั่น ในการจัดการหูฟัง ปรับแต่งเสียงและลูกเล่นได้สะดวกอีกด้วย ตัวหูฟังรองรับการชาร์จเร็ว และใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 3,990 บาท
จุดเด่น
- เป็นแบบ In-ear พกพาสะดวก
- ให้คุณภาพเสียงที่ดีในด้านความบันเทิง
- มีโหมด ANC ตัดเสียงรบกวน
- มีกล่องชาร์จ เพิ่มระยะการใช้งานได้นานขึ้น
ข้อสังเกต
- มาตรฐาน IP54 กันฝุ่นและละอองน้ำในเบื้องต้นเท่านั้น
EDIFIER NEOBUDS PRO | |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
ความทนทาน | IP54 |
ย่านความถี่ | 20-40000Hz |
รูปแบบ | In-Ear |
ระยะเวลาการใช้งาน | 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง |
ราคา | 3,990 บาท |
7.Beats Powerbeats High Performance
Beats Powerbeats หูฟังไร้สายแนวสปอร์ตแบบ ที่มี Ear hook แขวนกับใบหู และชุดหูฟังแบบ In-ear ทนต่อเหงื่อ น้ำ และฝุ่นจากการออกกำลังกายที่หนักหน่วงได้ดี เหมาะกับกีฬาในหลายประเภท โดยรุ่นนี้ จัดเป็นตัวเกือบท็อปของ Beast Powerbeats และเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 15 ชั่วโมงด้วยกัน รองรับการสั่งงานด้วยเสียง ชาร์จไว ความโดดเด่นเป็นเรื่องของเสียงเบสที่แน่น และนุ่มนวล ควบคุมการทำงานผ่านตัวหูฟังได้ รับสาย เพิ่ม-ลดเสียง มาพร้อมจุกซิลิโคน 4 ขนาด และเคสสำหรับชาร์จไฟในตัว ใครที่เป็นชาวอีสปอร์ต ก็ยังนำมาใช้เป็นหูฟังเล่นเกม ได้เสียงเอฟเฟกต์หนักๆ พร้อมกับการสนทนากับเพื่อนร่วมทีมได้ในตัว สนนราคาอยู่ที่ 4,990 บาท
จุดเด่น
- น้ำหนักเบา
- ใช้งานได้นาน แบตอึด
- มี Ear hook คล้องหูได้แน่น ไม่หลุดง่าย
ข้อสังเกต
- เป็นแบบสายคล้องอาจไม่เหมาะกับกีฬาบางชนิด
Beats Powerbeats High Performance | |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
ความทนทาน | IPX4 |
ย่านความถี่ | 20-20000Hz |
รูปแบบ | In-Ear |
ระยะเวลาการใช้งาน | 15 ชั่วโมงต่อเนื่อง |
ราคา | 4,990 บาท |
Conclusion
Plantronics Blackbeat Fit 3200 | AFTERSHOKZ OpenMove | JBL Endurance Dive | SONY WF-SP800N | SoundMAGIC ST80 | EDIFIER NEOBUDS PRO | Beats Powerbeats High Performance | |
การเชื่อมต่อ | BT 5.0 | BT 5.0 | BT 4.2 | BT 5.0 | BT 5.0 | BT 5.0 | BT 5.0 |
ความทนทาน | IP57 | IP55 | IPX7 | IP55 | IPX6 | IP54 | IPX4 |
ย่านความถี่ | 20-20000Hz | 20-20000Hz | 20-20000Hz | 4-40000Hz | 15-22000Hz | 20-40000Hz | 20-20000Hz |
รูปแบบ | True Wireless | Bone Conduction | Ear hook | Earbud | Ear hook | In-Ear | In-Ear |
เวลาการใช้ | 8 ชั่วโมง | 6 ชั่วโมง | 7 ชั่วโมง | 9 ชั่วโมง | 6 ชั่วโมง | 6 ชั่วโมง | 15 ชั่วโมง |
ราคา | 5,500 บาท | 2,990 บาท | 3,390 บาท | 5,990 บาท | 2,990 บาท | 3,990 บาท | 4,990 บาท |
สำหรับคนที่ชอบการออกกำลัง การเลือกหูฟังออกกำลังกาย ที่เหมาะสมและสะดวกในการใช้งาน ก็มีส่วนช่วยเพิ่มขีดความสามารถ รวมถึงการเผาผลาญพลังงานได้อย่างเพลิดเพลินใจในแต่ละครั้งได้ไม่น้อย ซึ่งตัวเลือกก็มีให้เห็นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบคล้องหู In-Ear หรือจะเป็นแนวอื่นๆ แต่สิ่งที่อยากให้เน้นคือ เรื่องของความกระชับ น้ำหนักที่พอดี และใช้งานได้นาน เพราะคุณจะไม่ต้องเสียอารมณ์ในระหว่าง Workout หรือเวลาที่วิ่ง การตัดเสียงรบกวนได้ก็ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย กับการรับรู้สิ่งแวดล้อมรอบข้างไปพร้อมๆ กัน รวมถึงความทนทานต่อน้ำ ฝน ฝุ่น ก็ถือเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนเรื่องของรูปลักษณ์และสไตล์ ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคุณเป็นหลัก เอาเป็นว่าเลือกมาสักรุ่น แล้วไปออกกำลังกันดีกว่าครับ