แอนดรอยทีวีดีๆ ตอนนี้หาซื้อได้ง่าย ได้ดูจอ 4K HDR10+ แล้วนะ!
ถ้าในวันหยุดใครมีหนังที่อยากดูยาวๆ หรือมีคลิปแคสเกมที่อยากดูชิลๆ ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน อย่างไรผู้เขียนก็แนะนำให้มีแอนดรอยทีวีสักเครื่องเอาไว้นั่งดูแบบจอใหญ่สะใจ ไม่ต้องเพ่งในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตให้ปวดตา และถ้าใครมีเครื่องเกมคอนโซลอย่าง PlayStation 4, PlayStation 5, Nintendo Switch ก็หยิบมาต่อทีวีแล้วเล่นเกมได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าต่อแล้วจะใช้ได้ไหมและบางรุ่นก็มีฟีเจอร์เอื้อกับการเล่นเกมเสริมเข้ามาอีกด้วย
ส่วนคำถามว่าทำไมต้องเป็นแอนดรอยทีวี? นั่นเพราะทีวีประเภทนี้จะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android เอาไว้ จึงติดตั้งแอพฯ สตรีมมิ่งยอดนิยมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Amazon Prime Video, Disney+ Hotstar, iQiYi ฯลฯ เอาไว้ดูได้มากมาย รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านทาง Wi-Fi หรือ LAN ก็ได้ และบางรุ่นก็มีฟีเจอร์อย่าง Chromecast รองรับการ Cast คลิปจากสมาร์ทโฟนขึ้นไปยังทีวีได้ด้วย ดังนั้นถ้ามีติดห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนเอาไว้ก็มีประโยชน์อย่างแน่นอน
6 แอนดรอยทีวี 4K HDR น่าซื้อมาติดห้องนั่งเล่น อัพเดทความบันเทิงให้เต็มอิ่ม
ปัจจุบันแอนดรอยทีวีสักเครื่องราคาไม่ได้แพงมากแล้ว หลายๆ รุ่นก็ราคาถูกพร้อมฟีเจอร์ดีๆ เสริมเข้ามาให้มากมาย ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตจากประเทศจีนที่เข้ามาทุ่มตลาดด้วยทีวีฟีเจอร์ล้นแต่ราคาไม่แพงมาก บางแบรนด์อาจจะไม่คุ้นหูนักแต่ก็มีผู้ให้บริการหลังการขายในประเทศไทยทั้งหมด โดยรุ่นที่เลือกมาแนะนำจะมีดังนี้
- Xiaomi Mi TV P1 (8,990 บาท)
- Hisense 43E7G (9,050 บาท)
- COOCAA 50S6G PRO (9,799 บาท)
- TCL 43H6000A (9,990 บาท)
- SKYWORTH 55SUC7500 (17,990 บาท)
- Sony KD-43X75 (18,600 บาท)
1. Xiaomi Mi TV P1 (8,990 บาท)
Xiaomi Mi TV P1 เรียกว่าเป็นสมาร์ททีวีระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่เข้ามาสร้างกระแสฮือฮาในหมู่ผู้ใช้ที่มีสินค้ารอบตัวเป็น Mi Ecosystem และบริษัทในเครืออย่างมาก เนื่องจากฟีเจอร์เด่นของทีวีรุ่นนี้คือ มี MEMC (Motion Estimation, Motion Compensation) เป็นระบบแทรกเฟรมภาพเพิ่มเข้าไปในวิดีโอด้วยชิปในทีวี, ความละเอียดระดับ 4K HDR10+ และ Dolby Vision รวมทั้งขอบเขตสีกว้างระดับ DCI-P3 ทำให้สีสันบนหน้าจอสวยและแม่นยำ ระบบเสียงรองรับ Dolby Audio, DTS-HD มี Chromecast ในตัวสามารถส่งภาพจากหน้าจอมือถือขึ้นไปทีวีได้ทันที และมี Google Assistant ในตัว ทำให้สั่งทีวีคุมอุปกรณ์ Smart Home ชิ้นอื่นๆ ในบ้านได้เพียงแค่นั่งหน้าทีวีเท่านั้น
ทีวีรุ่นนี้จะมีขนาด 43 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10+ พร้อม HLG รองรับ Dolby Vision ส่วน MEMC อยู่ที่ระดับ UHD 60 Hz ติดตั้งลำโพงคู่สเตอริโอ กำลังขับ 10+10 วัตต์ รองรับ Dolby Audio และ DTS-HD ให้คุณภาพเสียงคมชัด ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 10 ในตัว มี ROM 16GB, RAM 2GB สามารถติดตั้งแอพฯ อื่นๆ เพิ่มเติมได้ รองรับ Wi-Fi 5 GHz และ Bluetooth 5.0 ที่ตัวเครื่องมีพอร์ต HDMI x 3 ช่อง รองรับ eARC x 1 ช่อง, USB 2.0 x 2, AV x 1, LAN x 1, Optical audio x 1, ช่องหูฟัง 3.5 มม. x 1, DVB-T2 x 1 จัดเป็นแอนดรอยทีวีรุ่นแรกที่ราคาไม่แพงเกินไปแต่ฟีเจอร์ให้มาเต็มเครื่อง
สเปคของ Xiaomi Mi TV P1
- ทีวีขนาด 43 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10+, HLG รองรับ Dolby Vision มี MEMC ระดับ UHD 60 Hz
- ติดตั้ง Chromecast ไว้ในตัวเพื่อแชร์หน้าจอมือถือขึ้นทีวีได้
- ลำโพงคู่สเตอริโอ กำลังขับ 10+10 วัตต์ รองรับ Dolby Audio และ DTS-HD
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 มี ROM 16GB, RAM 2GB
- มีพอร์ต HDMI x 3 ช่อง รองรับ eARC x 1 ช่อง, USB 2.0 x 2, AV x 1, LAN x 1, Optical audio x 1, ช่องหูฟัง 3.5 มม. x 1, DVB-T2 x 1
- รองรับ Wi-Fi 5 GHz และ Bluetooth 5.0
- ราคา 8,990 บาท (Mi Store)
2. Hisense 43E7G (9,050 บาท)
Hisense ก็เป็นแบรนด์แอนดรอยทีวีที่ได้ทั้งความคุ้มค่าและสเปคเกินตัวอีกแบรนด์ไม่แพ้กับ Xiaomi เลยทีเดียว โดยฟีเจอร์เด่นหลักๆ ของ Hisense 43E7G นอกจากความละเอียดสูง 4K UHD HDR10+ แล้ว ยังมี Ultra Dimming เพิ่มลดแสงจัดในภาพให้เหมาะสม ช่วยให้ภาพบนจอทีวีดูสมจริงยิ่งขึ้นและรองรับ Dolby Vision พร้อม Sport&Game Mode ที่ลดความหน่วงของภาพเคลื่อนไหวเร็วอย่างเกมหรือกีฬาลง ทำให้ภาพคมชัดยิ่งขึ้น และรองรับ Screen Share ที่แชร์ภาพหน้าจอมือถือขึ้นมาหน้าจอคอมได้ด้วย
สเปคของ Hisense 43E7G ตัวนี้มีขนาดจอ 43 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10+ มีฟีเจอร์ Ultra Dimming, Dolby Vision และเทคโนโลยี Precision Color ที่ทาง Hisense พัฒนาเองเพื่อให้สีสันสวยและแม่นยำขึ้น ติดตั้งลำโพง 12+12 วัตต์ รองรับ Dolby Audio, DTS Virtual:X ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 9.0 มาให้ รองรับการติดตั้งแอพฯ สตรีมมิ่งต่างๆ เพิ่มเติม มี Chromecast ในตัว รองรับการแชร์ภาพจากหน้าจอมือถือขึ้นทีวีได้ทันที เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 5 GHz และ Bluetooth 5.0 ได้ มีพอร์ต HDMI x 3, USB x 2, Optical x 1, DVB-T2 x 1, RJ 45 LAN x 1 ด้วย ซึ่งถ้าใครอยากได้แอนดรอยทีวีเอาไว้ต่อเครื่องเกมคอนโซลก็แนะนำให้ดู Hisense รุ่นนี้เอาไว้ได้เลย
สเปคของ Hisense 43E7G
- ทีวีขนาด 43 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10+ รองรับ Dolby Vision มี Sport&Game Mode
- ติดตั้ง Chromecast ไว้ในตัวเพื่อแชร์หน้าจอมือถือขึ้นทีวีได้
- ลำโพงคู่สเตอริโอ กำลังขับ 12+12 วัตต์ รองรับ Dolby Audio, DTS Virtual:X
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0
- มีพอร์ต HDMI x 3, USB x 2, Optical x 1, DVB-T2 x 1, LAN x 1
- รองรับ Wi-Fi 5 GHz และ Bluetooth 5.0
- ราคา 9,050 บาท (Hisense Shopee Mall)
3. COOCAA 50S6G PRO (9,799 บาท)
เชื่อว่าหลายๆ คนไม่คุ้นหูแบรนด์ COOCAA อย่างแน่นอน แต่จริงๆ แล้วแบรนด์นี้ผลิตแอนดรอยทีวีที่ดี คุณภาพสวนทางกับราคาออกมาเป็นระยะๆ เช่น COOCAA 50S6G ตัวนี้ที่เลือกมาแนะนำ ไม่ว่าจะราคาค่าตัวเท่ากับแอนดรอยทีวีแบรนด์อื่นๆ แต่ขนาดหน้าจอทีวีขยายขึ้นไป 50 นิ้วแล้วและดีไซน์กรอบบางและรองรับการแชร์หน้าจอจากสมาร์ทโฟนขึ้นทีวีได้เหมือนกัน เรียกว่าใครขอคุ้มๆ จ่ายน้อยๆ มาดูแบรนด์นี้เอาไว้ก่อนได้เลย
สเปคของ COOCAA 50S6G จะเป็นแอนดรอยทีวีขนาด 50 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10+ ดีไซน์หน้าจอกรอบบาง ทำให้มีพื้นที่ในการมองเห็นสุดกรอบ ติดตั้งลำโพงกำลังขับ 10+10 วัตต์ รองรับ Dolby Audio ส่วนระบบปฏิบัติการในทีวีเป็น Android 10 มี ROM 32GB, RAM 2GB สามารถติดตั้งแอพฯ สตรีมมิ่งต่างๆ ได้เยอะขึ้น รองรับการแชร์ภาพจากหน้าจอมือถือขึ้นทีวีได้ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 2.4 GHz รองรับ Bluetooth ในตัว มีพอร์ต HDMI x 3, USB x 2, LAN x 1, AV x 1, DVB-T2 x 1 ซึ่งถ้าใครอยากได้ทีวีระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สักตัวขนาดใหญ่ๆ เอาไว้ดูหนังตอนวันหยุดล่ะก็ แนะนำให้ดู COOCAA ตัวนี้ไว้ได้เลย และมีศูนย์บริการในประเทศไทยรองรับแล้วด้วย
สเปคของ COOCAA 50S6G
- ทีวีขนาด 50 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10+ ดีไซน์ขอบบางสุดกรอบ
- รองรับการแชร์หน้าจอมือถือขึ้นทีวีได้
- ลำโพงคู่สเตอริโอ กำลังขับ 10+10 วัตต์ รองรับ Dolby Audio
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 มี ROM 32GB, RAM 2GB
- มีพอร์ต HDMI x 3, USB x 2, LAN x 1, AV x 1, DVB-T2 x 1
- รองรับ Wi-Fi 2.4 GHz และ Bluetooth
- ราคา 9,799 บาท (COOCAA JD Central)
4. TCL 43H6000A (9,990 บาท)
ชื่อของ TCL นั้นน่าจะคุ้นหูคนไทยบางกลุ่มขึ้นมาบ้างแล้วด้วยชื่อชั้นความแข็งแรงทนทาน ใช้งานหลายปีไม่พังง่าย และ TCL 43H6000A รุ่นนี้ก็เป็นรุ่นคุณภาพสำหรับคนหาแอนดรอยทีวีไว้ดูหนังสักตัว โดยฟีเจอร์เด่นคือ Rich Color Expansion ที่ TCL พัฒนาเองเพื่อให้สีสันบนหน้าจอสวยเข้มสมจริงยิ่งขึ้นและมี Micro Dimming แยกโซนแล้วปรับความสว่างหน้าจอแยกโซนกันให้ความสว่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในห้อง รองรับการแชร์หน้าจอมือถือขึ้นทีวีด้วย MagiConnect ที่ทาง TCL พัฒนาเองและ Chromecast และรองรับ AI-IN เมื่อเชื่อมต่อทีวีเข้ากับอินเตอร์เน็ตของที่บ้านผ่าน Google Home แล้วเราสามารถสั่งอุปกรณ์สมาร์ทโฮมทุกชิ้นในบ้านผ่านทีวีได้เลย
สเปคทีวีตัวนี้เป็นจอขนาด 43 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10 ดีไซน์กรอบบาง ติดตั้งลำโพง 9.5+9.5 วัตต์มาให้ รองรับ Dolby Audio ให้คุณภาพเสียงดียิ่งขึ้น ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 9.0 มาให้ มี Google Assistant ในตัว รองรับ Wi-Fi, Bluetooth มีพอร์ต HDMI x 2, USB x 1, AV x 1, DVB-T2 x 1, ช่องหูฟัง 3.5 มม. x 1, S/PDIF x 1, LAN x 1 มาแบบครบเครื่อง จัดเป็นแบรนด์ทีวีที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน สเปคมาครบๆ แนะนำให้ดูตัวนี้เอาไว้ได้เลย
สเปคของ TCL 43H6000A
- ทีวีขนาด 43 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10 ดีไซน์ขอบบางสุดกรอบ
- รองรับการแชร์หน้าจอมือถือขึ้นทีวีได้ด้วย MagiConnect, Chromecast
- ลำโพงคู่สเตอริโอ กำลังขับ 9.5+9.5 วัตต์ รองรับ Dolby Audio
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0
- มีพอร์ต HDMI x 2, USB x 1, AV x 1, DVB-T2 x 1, ช่องหูฟัง 3.5 มม. x 1, S/PDIF x 1, LAN x 1
- รองรับ Wi-Fi และ Bluetooth
- ราคา 9,990 บาท (Siamnano Shopee)
5. SKYWORTH 55SUC7500 (17,990 บาท)
SKYWORTH 55SUC7500 นั้นเป็นอีกแบรนด์ที่หลายๆ คนอาจจะเห็นผ่านสื่อและเว็บไซต์ต่างๆ เป็นระยะๆ ว่าเป็นทีวีที่เป็น Android 10 รุ่นแรกๆ ของประเทศไทย ดีไซน์ขอบหน้าจอบางและใส่ชุดคำสั่งบีบอัดแบนด์วิธวิดีโอ AV1 มาให้พร้อมชิป Chameleon Extreme 2.0 ให้สีสันบนหน้าจอสมจริงยิ่งขึ้น มี Google Assistant สั่งการทำงานทีวีได้ทั้งเครื่องรวมทั้งรองรับการสั่งอุปกรณ์สมาร์ทโฮมในบ้านผ่านทีวีได้และมี Game Mode ให้ภาพไหลลื่นขึ้น มี Chromecast รับการแชร์ภาพจากหน้าจอจากสมาร์ทโฟนได้ด้วย
สเปคของ SKYWORTH รุ่นนี้มีขนาดหน้าจอ 55 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10 ดีไซน์กรอบบางพิเศษ มีลำโพงรองรับ Dolby Audio และ DTS Trusuround ให้คุณภาพเสียงดีและหนักแน่นพร้อมปรับเพิ่มลดความดังเสียงโดยอัตโนมัติ ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 10 มาให้มี ROM 32GB, RAM 2GB สามารถติดตั้งแอพฯ สำหรับดูรายการสตรีมมิ่งได้เยอะขึ้น มีพอร์ต HDMI 2.0 x 3, USB 2.0 x 3, S/PDIF x 1, AV x 1, LAN x 1 เชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4 GHz และ Bluetooth 5.0 ได้ด้วย ซึ่งถึงราคาจะสูงขึ้นมาบ้างแต่คุณภาพและฟีเจอร์ที่ใส่มาให้เรียกว่าน่าสนใจทีเดียว
สเปคของ SKYWORTH 55SUC7500
- ทีวีขนาด 43 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10 ดีไซน์ขอบบางสุดกรอบ
- มี Chromecast รองรับการแชร์จอมือถือขึ้นทีวี, มีชุดคำสั่ง AV1 บีบอัดไฟล์หนัง
- ลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับ Dolby Audio และ DTS Trusurround
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 มี ROM 32GB, RAM 2GB
- มีพอร์ต HDMI 2.0 x 3, USB 2.0 x 3, S/PDIF x 1, AV x 1, LAN x 1
- รองรับ Wi-Fi 2.4 GHz และ Bluetooth 5.0
- ราคา 17,990 บาท (SKYWORTH Shopee Mall)
6. Sony KD-43X75 (18,600 บาท)
ขึ้นชื่อว่า Sony แล้ว เรื่องความบันเทิงไม่ว่าจะเครื่องเล่นเกมคอนโซลหรือทีวีเรียกว่าไว้ใจได้แน่นอน ซึ่งแอนดรอยทีวีรุ่นที่เลือกมาแนะนำจะเป็นรุ่น Sony KD-43X75 ที่ราคาพอเข้าถึงได้ไม่ยาก แต่มีฟีเจอร์น่าสนใจอย่างชิป 4K Processor X1 ช่วยจัดการภาพบนหน้าจอให้สวยงาม มีฟีเจอร์ Motionflow XR 200 ติดตั้งมาให้พร้อมชิป 4K X-Reality PRO เพิ่มความสวยงามคมชัดกว่าเดิมและมี Chromecast ในตัว รองรับการแชร์ภาพหน้าจอจากมือถือขึ้นทีวีได้ทันที
สเปคทีวีรุ่นนี้ของ Sony มีขนาด 43 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10, HLG ติดตั้งลำโพง Full-range แบบ 10+10 วัตต์มาให้ รองรับ Dolby Audio ด้วย ช่วยให้ได้อรรถรสเวลาดูหนังหรือเล่นเกมยิ่งขึ้น ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android มาให้ มี ROM 16GB ไว้ติดตั้งแอพฯ สตรีมมิ่งที่ต้องการเพิ่มเติมได้ รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 GHz และ Bluetooth 4.2 ด้วย รอบตัวมีพอร์ต HDMI x 3 มีช่อง ARC, USB x 2, Composite x 1, S/PDIF x 1, LAN x 1, ช่องหูฟัง 3.5 มม. x 1 จัดเป็นแอนดรอยทีวีรุ่นที่ดีไม่แพงเกินไปสำหรับคนที่ไว้ใจเชื่อถือชื่อชั้น Sony มากรุ่นหนึ่ง
สเปคของ Sony KD-43X75
- ทีวีขนาด 43 นิ้ว ความละเอียด 4K UHD HDR10, HLG มีชิป 4K Processor X1, Motionflow XR 200, 4K X-Reality PRO
- มี Chromecast รองรับการแชร์จอมือถือขึ้นทีวี
- ลำโพงคู่สเตอริโอ 10+10 วัตต์ รองรับ Dolby Audio
- ระบบปฏิบัติการ Android มี ROM 16GB
- มีพอร์ต HDMI x 3 มีช่อง ARC, USB x 2, Composite x 1, S/PDIF x 1, LAN x 1, ช่องหูฟัง 3.5 มม. x 1
- รองรับ Wi-Fi 5 GHz และ Bluetooth 4.2
- ราคา 18,600 บาท (LCD TV Thailand Shopee)
สรุปสเปคแอนดรอยทีวี 6 รุ่นสุดคุ้มน่าจัด มีตัวไหนน่าโดนบ้าง?
จะเห็นว่าแอนดรอยทีวีในปัจจุบันนี้ราคาไม่แพงมากและหาซื้อได้ง่าย ถ้ามีติดห้องนั่งเล่นเอาไว้ก็ช่วยให้ดูหนังฟังเพลงได้อรรถรสยิ่งขึ้นหรือจะต่อเครื่องเล่นเกมคอนโซลไว้เล่นเกมก็ได้ ถ้าสรุปสเปคจะเป็นดังนี้
สเปคแอนดรอยทีวี | ขนาด, ความละเอียดหน้าจอและฟีเจอร์ | ลำโพง | ระบบปฏิบัติการ | การเชื่อมต่อ | ราคา |
Xiaomi Mi TV P1 | 43″ 4K UHD HDR10+ HLG Chromecast |
10+10 วัตต์ Dolby Audio DTS-HD |
Android 10 ROM 16GB RAM 2GB |
HDMI x 3 (eARC x 1) USB 2.0 x 2 AV x 1 LAN x 1 Optical audio x 1 ช่องหูฟัง 3.5 มม. x 1 DVB-T2 x 1 Wi-Fi 5 GHz Bluetooth 5.0 |
8,990 บาท |
Hisense 43E7G | 43″ 4K UHD HDR10+ Dolby Vision Sport&Game Mode Chromecast |
12+12 วัตต์ Dolby Audio DTS Virtual:X |
Android 9.0 | HDMI x 3 USB x 2 Optical x 1 DVB-T2 x 1 LAN x 1 Wi-Fi 5 GHz Bluetooth 5.0 |
9,050 บาท |
COOCAA 50S6G PRO | 50″ 4K UHD HDR10+ รองรับการแชร์ จอมือถือขึ้นทีวี |
10+10 วัตต์ Dolby Audio |
Android 10 ROM 32GB RAM 2GB |
HDMI x 3 USB x 2 LAN x 1 AV x 1 DVB-T2 x 1 Wi-Fi 2.4 GHz Bluetooth |
9,799 บาท |
TCL 43H6000A | 43″ 4K UHD HDR10 MagiConnect Chromecast |
9.5+9.5 วัตต์ Dolby Audio |
Android 9.0 | HDMI x 2 USB x 1 AV x 1 DVB-T2 x 1 ช่องหูฟัง 3.5 มม. x 1 S/PDIF x 1 LAN x 1 Wi-Fi Bluetooth |
9,990 บาท |
SKYWORTH 55SUC7500 | 43″ 4K UHD HDR10 Chromecast ชุดคำสั่ง AV1 |
ลำโพงสเตอริโอ Dolby Audio DTS Trusurround |
Android 10 ROM 32GB RAM 2GB |
HDMI 2.0 x 3 USB 2.0 x 3 S/PDIF x 1 AV x 1 LAN x 1 Wi-Fi 2.4 GHz Bluetooth 5.0 |
17,990 บาท |
Sony KD-43X75 |
43″ 4K UHD HDR10+ HLG 4K Processor X1 Motionflow XR 200 4K X-Reality PRO Chromecast |
10+10 วัตต์ Dolby Audio |
Android 10 ROM 16GB |
HDMI x 3 (มีช่อง ARC) USB x 2 Composite x 1 S/PDIF x 1 LAN x 1 ช่องหูฟัง 3.5 มม. x 1 Wi-Fi 5 GHz Bluetooth 4.2 |
18,600 บาท |
สำหรับคนที่คิดจะซื้อแอนดรอยทีวีเครื่องใหม่มาใช้ที่บ้านนั้น จากที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำจะเป็นทีวีรุ่นเริ่มต้นที่ราคาไม่แพงมาก และเป็นรุ่นเริ่มต้นที่น่าจะตอบโจทย์การใช้งานของใครหลายๆ คนได้แล้ว แต่ทีวีกับพีซีจะมีสิ่งที่เหมือนกันคือ ถ้าเราลงทุนกับมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีฟีเจอร์น่าสนใจเพิ่มขึ้น บางรุ่นก็เป็นทีวีที่รองรับระบบระบบเสียงคุณภาพสูง, มีช่อง eARC HDMI ช่วยให้เล่นเกมคอนโซลแล้วภาพลื่นนวลตายิ่งกว่าเดิม ฯลฯ ซึ่งทีวีบางตัวราคาอาจจะเหยียบหลักครึ่งแสนหรือหลักแสนเลยก็ได้ ซึ่งในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับโจทย์ของแต่ละคนเช่นกัน