Logitech PRO Series League of Legends Collection เกมมิ่งเกียร์เซ็ตแจ่มลายพิเศษเพื่อคอ LoL โดยเฉพาะ!
Logitech PRO Series League of Legends Collection เป็นเกมมิ่งเกียร์อีกเซ็ตเพื่อคอเกม League of Legends ต่อจากเซ็ต Logitech League of Legends (LoL) Official K/DA Gear ที่ทาง Logitech จับมือกับทาง Riot Games เปิดตัวมาให้เข้าเซ็ตกับดีว่าทั้ง 4 คนของเกม ซึ่งเซ็ต PRO Series League of Legends Collection จะใช้โทนสีฟ้าตัดกับทองผิดกับ K/DA ที่ใช้สีขาวตัดดำและสีฟ้าแกมน้ำเงิน ซึ่งให้ความสวยงามไปอีกสไตล์
และคำว่า PRO ที่อยู่ในชื่อของเกมมิ่งเกียร์เซ็ตนี้ก็เป็นเซ็ต PRO ของทาง Logitech ทั้งหมด ได้แก่ Logitech G PRO Wireless Mouse, Logitech PRO X Headset, Logitech G PRO Keyboard และแผ่นรองเมาส์ไซซ์ใหญ่ G840 XL Mouse Pad พร้อมสกรีนลาย LoL เอาไว้อย่างสวยงามอีกด้วย เรียกว่าเป็นเกมมิ่งเกียร์ที่แฟนคลับเกม LoL ไม่ควรพลาด
รีวิว Logitech PRO Series League of Legends Collection
- NBS Verdict
- สเปคของ Logitech PRO Series League of Legends Collection
- แกะกล่อง Logitech PRO Series League of Legends Collection
- การควบคุมและตั้งค่าด้วย Logitech G HUB
- ประสบการณ์ใช้งาน, ข้อดีและจุดสังเกตก่อนซื้อมาใช้งาน
- บทสรุป
NBS Verdict
เกมเมอร์ที่ชื่นชอบและเป็นแฟนคลับเกม Leagues of Legends อยู่แล้ว และหาเกมมิ่งเกียร์เป็นเซ็ตให้ได้ธีมเดียวกันในเซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection ได้ความแข็งแรงคุ้มค่ารวมทั้งฟีเจอร์ยังให้มาครบเครื่องด้วย Logitech PRO Series League of Legends Collection เซ็ตนี้น่าจะตอบโจทย์รสนิยมของเกมเมอร์ได้เป็นอย่างดี เพราะได้เกมมิ่งเกียร์กลุ่ม Logitech PRO มาแบบครบเครื่อง ตั้งค่าเกมมิ่งเกียร์ทั้งหมดด้วย Logitech G HUB โปรแกรมเดียวเอาอยู่ทั้งหมดไม่ว่าจะมาโครต่างๆ หรือแม้แต่ไฟ RGB ก็ได้ ไม่ต้องลงโปรแกรมสำหรับเกมมิ่งเกียร์ 2-3 โปรแกรมให้สับสนและเสียเวลาเลย
นอกจากนี้จุดเด่นของเกมมิ่งเกียร์เซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection นี้ เรียกว่าออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าคีย์บอร์ด Logitech G PRO Keyboard ที่ตั้งค่ามาโครของเกมเมอร์ได้, เมาส์ Logitech G PRO Wireless mouse ที่ใช้เล่นเกมแบบไร้สายแล้วตอบสนองเร็วไม่ต่างกับรุ่นต่อสาย USB หรือแม้แต่เฮดโฟน Logitech PRO X Headset พร้อมไมค์ BLUE VO!CE ให้คุณภาพเสียงตอนพูดดียิ่งขึ้นรวมทั้งแยกเสียงได้รอบทิศทาง ทำให้เกมเมอร์สาย FPS รู้ทิศทางของศัตรูได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนแผ่นรองเมาส์ที่เข้าธีมกันกับเกมมิ่งเกียร์เซ็ตนี้ก็ได้ทั้งความสวยงามและลากเมาส์ได้ไหลลื่น เหมาะกับคนที่ชอบลากเมาส์เร็วๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จุดสังเกตสองสามจุดที่ผู้เขียนต้องแนะนำผู้ใช้ที่สนใจเกมมิ่งเกียร์เซ็ตนี้ให้รู้ก่อนซื้อมาใช้ อย่างแรกคือคีย์บอร์ด Logitech G PRO Keyboard ตัวนี้จะต่างกับ Logitech PRO X ที่ใกล้เคียงกัน คือรุ่น League of Legends จะถอดสวิตช์เปลี่ยนแบบ Hot Swap ไม่ได้ ทำให้เกมเมอร์ที่อยากทำ Custom Mechanical Keyboard อาจจะไม่ถูกใจนัก, หูฟัง Logitech PRO X Headset ในเซ็ตนี้จะเป็นเวอร์ชั่นต่อสายอย่างเดียว ไม่ได้เป็นรุ่น Logitech G PRO X Wireless ที่เชื่อมต่อไร้สายด้วย USB Wireless “LIGHTSPEED” ไม่ได้ ต้องต่อสายหูฟัง 3.5 มม. หรือ USB DAC เท่านั้น ซึ่งจุดสังเกตหลักๆ จะมีอยู่เท่านี้ หากใครรับจุดสังเกตนี้ได้ก็สามารถหาซื้อให้เข้าเซ็ตเอามาจัดโต๊ะคอมเกมมิ่งของตัวเองได้เลย
ข้อดีของ Logitech PRO Series League of Legends Collection
- ดีไซน์แบบเซ็ต เหมาะกับเกมเมอร์ที่ชื่นชอบเกม League of Legends และอยากได้เกมมิ่งเกียร์ที่เป็นลวดลายของเกมที่ชอบ ใช้สีสันสวยงามหรูหรา
- คีย์บอร์ดดีไซน์ TKL (Tenkeyless) ไม่เปลืองพื้นที่บนโต๊ะ ตั้งมาโครได้ 12 แบบ กดเรียกด้วยปุ่ม Fn ได้เลย
- มี Multimedia Key สำหรับการดูหนังฟังเพลงครบถ้วน ทั้งเล่น, หยุด, ข้าม, เพิ่มลด, ปิดเสียงก็ได้
- กางขาตั้งได้ 2 ระดับ คือ 4 กับ 8 องศา ช่วยปรับให้เข้ากับองศาการวางมือได้ง่าย พิมพ์ได้สะดวก
- มีปุ่ม Game Mode รูปจอยสติ๊กไว้เปลี่ยนโหมดคีย์บอร์ดระหว่างใช้งานปกติกับเล่นเกมได้
- เมาส์ Logitech G PRO Wireless ใช้งานแบบมีหรือไร้สายได้ ก็ตอบสนองรวดเร็วไม่มีดีเลย์
- ทุกปุ่มบนเมาส์สามารถตั้งค่าได้ตามความถนัดทุกปุ่มด้วยโปรแกรม Logitech G HUB
- ดีไซน์เมาส์เป็นแบบจับถนัดสองมือ (Ambidextrous) ถอดเปลี่ยนปุ่มข้างเมาส์ได้และมีชิ้นส่วนสำหรับเปลี่ยนติดมาให้ครบถ้วน
- หูฟังมีอแดปเตอร์ USB DAC ใช้แปลงจากสายหูฟัง 3.5 มม. เป็น USB ได้ด้วย ช่วยให้เปลี่ยนการเชื่อมต่อได้สะดวก
- หูฟังถอดเปลี่ยนสายและไมค์โครโฟนได้ มีสายแถมไว้เชื่อมต่อทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนอย่างครบถ้วน
ข้อสังเกตของ Logitech PRO Series League of Legends Collection
- คีย์บอร์ด Logitech G PRO Keyboard ไม่ใช่เวอร์ชั่น Hot Swab ถอดเปลี่ยนสวิตช์เหมือนรุ่นต้นแบบไม่ได้
- หูฟัง Logitech G PRO X Headset เป็นเวอร์ชั่นต่อสาย ไม่ได้เป็นรุ่น Wireless
สเปคของ Logitech PRO Series League of Legends Collection
สำหรับเกมมิ่งเกียร์ทั้ง 4 ชิ้นในเซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection จะมีหูฟัง, เมาส์, คีย์บอร์ด, แผ่นรองเมาส์ขนาดใหญ่ ใช้โทนสีฟ้าออกน้ำเงินแล้วเดินเส้นสีทองให้ความหรูหราสวยงาม โดยสเปคของทั้ง 4 ชิ้นจะอิงกับรุ่นต้นแบบดังนี้
หูฟัง Logitech G PRO X Gaming Headset ลาย League of Legends จะเป็นหูฟังแบบเชื่อมต่อสายหูฟังเข้ากับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน เรียกว่าเป็นรุ่นรองจาก Logitech PRO X Wireless ที่ใช้ USB Wireless “LIGHTSPEED” เชื่อมต่อได้เลย แต่ข้อดีคือ พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. นั้นยังเป็นพอร์ตที่ยังใช้งานเป็นมาตรฐานในปัจจุบัน ทำให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนก็ได้
ตัวไดรเวอร์ PRO-G ของหูฟังมีขนาด 50 มม. ใช้แม่เหล็กนีโอดิเมียม รองรับความถี่ 20 Hz – 20 kHz ให้เสียงที่กระหึ่มคมชัดและแยกทิศทางเสียงชัดเจน มีฟองน้ำ 2 แบบคือแบบหนังหรือผ้า ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้แบบเดียวกับรุ่น Wireless ไมโครโฟนรองรับ BLUE VO!CE จับทิศทางเสียงแบบ Cardioid ให้เสียงคมชัดเช่นเดียวกัน ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz สามารถถอดไมค์, สายเชื่อมต่อได้ทุกชิ้นจนเหลือแต่ตัวเฮดโฟนได้เลย ในกล่องมี USB DAC ที่เป็นซาวน์การ์ดภายนอก, สายเคเบิ้ลหูฟัง 3.5 มม. พร้อมตัวปรับเพิ่มลดหรือปิดเสียงได้กับสายเคเบิ้ลพร้อมปุ่มสำหรับต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ความยาวเส้นละ 1.5 เมตร, สายแยกสัญญาณตัว Y สำหรับแยกแชนแนลสัญญาณไมค์และหูฟังสำหรับต่อคอมพิวเตอร์ได้เลยแถมมาให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7 เป็นต้นไปและตั้งค่าได้ด้วยโปรแกรม Logitech G HUB ด้วย
สเปคของ Logitech G PRO X Gaming Headset
- ไดรเวอร์ PRO-G ของหูฟังมีขนาด 50 มม. แม่เหล็กนีโอดิเมียม รองรับความถี่ 20 Hz – 20 kHz มีฟองน้ำ 2 แบบคือแบบหนังหรือผ้า ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้
- ไมโครโฟนรองรับ BLUE VO!CE จับทิศทางเสียงแบบ Cardioid ตอบสนองความถี่ 100 Hz – 10 kHz
- ในกล่องมี USB DAC ที่เป็นซาวน์การ์ดภายนอก, สายเคเบิ้ลหูฟัง 3.5 มม. พร้อมตัวปรับเพิ่มลดหรือปิดเสียงได้กับสายเคเบิ้ลพร้อมปุ่มสำหรับต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ความยาวเส้นละ 1.5 เมตร, สายแยกสัญญาณตัว Y สำหรับแยกแชนแนลสัญญาณไมค์และหูฟัง
- รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7 เป็นต้นไป ตั้งค่าได้ด้วยโปรแกรม Logitech G HUB
- ราคา 5,990 บาท (JIB)
ด้านเมาส์ Logitech G PRO Wireless League of Legends Edition ในเซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection เป็นเกมมิ่งเมาส์แบบไร้สายดีไซน์จับถนัดสองมือ (Ambidextrous) ทำงานไร้สายรวดเร็วด้วย USB Wireless “LIGHTSPEED” ที่ Logitech ปรับแต่งให้รับส่งสัญญาณได้อย่างรวดเร็วแทบไม่ต่างกับเมาส์แบบมีสายเลย นอกจากนี้ยังใช้เซนเซอร์ HERO 25K ที่ทางบริษัทพัฒนาเอง ทำให้ระยะลากเมาส์เฉียบคมและปรับแต่งปุ่มบนตัวเมาส์ให้เข้ากับการใช้งานของเราได้ด้วย
สเปคของเมาส์ตัวนี้จะมีปุ่มสำหรับกดและตั้งค่าได้ 8 ปุ่ม เซฟโปรไฟล์ของเมาส์ได้ 5 โปรไฟล์ มีไฟ LIGHTSYNC RGB 1 โซน ใช้เซนเซอร์ HERO 25K ปรับแต่งค่า DPI ได้ตั้งแต่ 100 – 25,600 DPI อัตราเร่งสูงสุด 40G ความเร็วสูงสุด 400 IPS และ Polling Rate 1,000 Hz ทำให้ตอบสนองได้รวดเร็ว ใช้งานแบบไร้สายเปิดไฟ RGB ได้ 48 ชั่วโมง ถ้าปิดไฟ RGB ใช้ได้ 60 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่และใช้งานแบบมีสายโดยต่อผ่านสาย Micro USB ตั้งค่าการใช้งานได้ด้วยโปรแกรม Logitech G HUB รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7, macOS 10.11 เป็นต้นไปและ Chrome OS ได้ด้วย ซึ่งถ้าใครอยากได้เมาส์เกมมิ่งไร้สายคุณภาพเยี่ยมแต่ราคาไม่แพงเกินไป แนะนำให้ดูรุ่นนี้เอาไว้ได้เลย
สเปคของ Logitech G PRO Wireless League of Legends Edition
- ดีไซน์เมาส์แบบจับถนัดสองมือ (Ambidextrous) มีปุ่มกดและตั้งค่าได้ 8 ปุ่ม เซฟโปรไฟล์เมาส์ได้ 5 โปรไฟล์พร้อมไฟ LIGHTSYNC RGB 1 โซน
- เซนเซอร์ HERO 25K ปรับแต่งค่า DPI ได้ตั้งแต่ 100 – 25,600 DPI
- อัตราเร่งสูงสุด 40G ความเร็วสูงสุด 400 IPS และ Polling Rate 1,000 Hz
- ใช้งานแบบไร้สายเปิดไฟ RGB ได้ 48 ชั่วโมง ถ้าปิดไฟ RGB ใช้ได้ 60 ชั่วโมง
- ชาร์จแบตเตอรี่และใช้งานแบบมีสายโดยต่อผ่านสาย Micro USB
- รองรับการตั้งค่าด้วยโปรแกรม Logitech G HUB
- รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7, macOS 10.11 เป็นต้นไปและ Chrome OS
- ราคา 3,990 บาท
คีย์บอร์ด Logitech G PRO Keyboard League of Legends Edition จะเป็นคีย์บอร์ดแบบ Tenkeyless พร้อมไฟ LIGHTSYNC RGB และตั้งค่าโปรไฟล์บนคีย์บอร์ดได้ด้วยโปรแกรม Logitech G HUB รองรับการตั้งค่ามาโคร 12 ปุ่มสำหรับการเล่นเกมได้ด้วย ส่วนการเชื่อมต่อจะเป็นสาย Micro USB ความยาว 1.8 เมตร เส้นเดียวเข้าคอมพิวเตอร์แล้วใช้งานได้เลย
สเปคของคีย์บอร์ดตัวนี้จะเป็นคีย์บอร์ด TKL ไซซ์ 75% คีย์แคปแบบ OEM Profile มีขาตั้งปรับองศาได้ 4, 8 องศา เพื่อให้เข้ากับระยะการพิมพ์และเล่นเกมได้ สวิตช์เป็น GX Brown Switch แบบ Tactile ความเร็วในการทำงาน 1ms เท่านั้น รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7, macOS 10.11 เป็นต้นไป แต่จุดแตกต่างจากรุ่น Logitech PRO X คือคีย์บอร์ดตัวนี้ไม่ใช่แบบ Hot Swap ทำให้ถอดเปลี่ยนเป็นสวิตช์แบบที่ต้องการไม่ได้ ต้องใช้แบบ Tactile เท่านั้น แต่ถ้าใครชอบสวิตช์แบบ Tactile เพราะเล่นเกมอยู่แล้ว น่าจะชื่นชอบสัมผัสตอนใช้งานทีเดียว
สเปคของ Logitech G PRO Keyboard League of Legends Edition
- คีย์บอร์ด TKL ไซซ์ 75% คีย์แคปแบบ OEM Profile มีไฟ LIGHTSYNC RGB เปลี่ยนแสงได้
- สวิตช์เป็น GX Brown Switch แบบ Tactile มีขาตั้งปรับองศาได้ 4, 8 องศา
- ความเร็วในการทำงาน 1ms
- ตั้งค่าโปรไฟล์บนคีย์บอร์ดได้ด้วยโปรแกรม Logitech G HUB รองรับการตั้งค่ามาโคร 12 ปุ่ม
- เชื่อมต่อด้วยสาย Micro USB ความยาว 1.8 เมตร
- รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 7, macOS 10.11 เป็นต้นไป
- ราคา 4,290 บาท (JIB)
ด้านแผ่นรองเมาส์ Logitech G840 XL Gaming Mouse Pad League of Legends Edition ในเซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection จะเป็นแผ่นรองเมาส์ขนาดใหญ่เนื้อลื่นแบบ Speed ทำให้ลากเมาส์ได้รวดเร็ว สกรีนลายเกม League of Legends พื้นด้านใต้แผ่นรองเมาส์เป็นยางกันลื่น ขนาดของแผ่นอยู่ที่ 400×900 มม. หนา 3 มม. ทำให้วางเมาส์และคีย์บอร์ดเอาไว้บนแผ่นรองเมาส์เดียวได้เลย และถ้าใครต้องการพกไปไหนมาไหนก็สามารถม้วนใส่กระบอกของ G840 แล้วเอาไปใช้งานได้เช่นกัน
สเปคของ Logitech G840 XL Gaming Mouse Pad League of Legends Edition
- แผ่นรองเมาส์ขนาดใหญ่เนื้อลื่นแบบ Speed สกรีนลายเกม League of Legends
- พื้นด้านใต้แผ่นรองเมาส์เป็นยางกันลื่น
- ขนาดของแผ่นอยู่ที่ 400×900 มม. หนา 3 มม. สามารถวางเมาส์และคีย์บอร์ดไว้ด้วยกันได้เลย
- ราคา 1,690 บาท (JIB)
แกะกล่อง Logitech PRO Series League of Legends Collection
ในกล่องของหูฟัง Logitech G PRO X Gaming Headset ในเซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection ตัวนี้ใช้ดีไซน์ทั้งหมดร่วมกับรุ่น Logitech G PRO X Wireless ที่เคยรีวิวมาก่อนหน้านี้ แต่เปลี่ยนจากการเชื่อมต่อไร้สายมาเป็นสายหูฟัง 3.5 มม. แทน ในกล่องจะมีสายและฟองน้ำแบบหนังที่ติดมากับหูฟังแล้วและแบบผ้าให้เปลี่ยน รวม 2 แบบด้วยกัน ส่วนสายที่แถมมาในกล่องจะมี 2 เส้น คือสายสำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือใช้กับสมาร์ทโฟนความยาวเส้นละ 1.5 เมตร โดยที่ตัวสายจะมีกระดาษรูปหูฟัง, สมาร์ทโฟนหรือ USB DAC เขียนเอาไว้ชัดเจนให้ผู้ใช้เลือกเชื่อมต่อได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีสายเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์แบบแยกแชนแนลไมโครโฟนกับหูฟังเป็นตัว Y ติดมาด้วย ซึ่งข้อดีคือถ้าเราต้อการให้คุณภาพเสียงตอนพูดและได้ยินตอนเล่นเกมออกมาดีที่สุดก็ควรใช้สายนี้ต่อเข้าพีซีด้วย
ด้านของ USB DAC นั้น ด้านหนึ่งจะเป็นหัว USB สำหรับต่อเข้าคอมพิวเตอร์ ให้รับและแปลงสัญญาณเสียงแบบดิจิทัลในคอมพิวเตอร์ออกมาเป็นอนาล็อกแล้วไปขับไดรเวอร์ PRO-G ของหูฟังได้เลย และมีไมโครโฟนแบบถอดได้แถมมาให้อีก 1 อัน รองรับ BLUE VO!CE ของทาง Logitech ด้วย ถ้าไม่ต้องการใช้งานก็สามารถถอดเก็บได้
ด้านจุดแตกต่างของ Logitech G PRO X Gaming Headset ในเซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection เมื่อเทียบกับรุ่น Wireless คือตัวหูฟังจะเปลี่ยนจากพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้เฮดโฟนเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และตัดชุดควบคุมทั้งตัวสวิตช์เลื่อนเปิดปิด, ปุ่มกดเปิดปิดไมค์, วงล้อปรับเพิ่มลดเสียงและไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ออกทั้งหมดแต่มีช่องต่อไมโครโฟนอยู่ ดังนั้นตอนปรับเพิ่มลดเสียงหรือปิดไมค์ต้องใช้ Multimedia key ของคีย์บอร์ด Logitech G PRO Keyboard แทน ซึ่งในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับความถนัดว่าตอนเล่นเกม, ทำงานของแต่ละคนถนัดแบบไหน
ส่วนดีไซน์ที่ต่างจากรุ่นมาตรฐานที่ขายอยู่ตามปกติ คือวงอลูมิเนียมด้านข้างหูฟังฝั่งซ้ายจะเปลี่ยนจาก G ของ Logitech Gaming เป็นโลโก้ตัว L ของ League of Legends ส่วน G ของ Logitech Gaming จะติดอยู่ฝั่งขวาเหมือนเดิม ตัวพื้นสีของแผ่นเป็นวงกลมสีฟ้าอมน้ำเงินส่วนตัวอักษรกับเส้นตัดกรอบใช้สีทอง ซึ่งเป็นโทนสีหลักของเกมมิ่งเกียร์ซีรี่ส์นี้
เมาส์ Logitech G PRO Wireless ในเซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection ก็ใช้สีฟ้าเดินเส้นสีทองเป็นลวดลายทั่วทั้งตัวเมาส์ตามธีมของเซ็ต ตัวกล่องสกรีนอาร์ตเวิร์คของเกม Leagues of Legends ไว้ที่ฝาหน้าและฝั่งขวามือ ส่วนด้านซ้ายและหลังจะเป็นสเปคและจุดเด่นของเมาส์ตัวนี้เหมือนรุ่นมาตรฐานส่วนในกล่อง นอกจากตัวเมาส์ก็จะมี USB Wireless “LIGHTSPEED”, ตัวปุ่มคลิกด้านข้างเมาส์ทั้งสองฝั่ง, สาย Micro USB สำหรับเชื่อมต่อและชาร์จแบตเตอรี่ให้เมาส์แถมมาให้พร้อมใช้งานและตั้งค่าในโปรแกรม Logitech G HUB ได้ด้วย
สุดท้ายคีย์บอร์ด Logitech G PRO Keyboard ในเซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection จะเป็นดีไซน์ TKL ขนาด 75% ที่ตัดชุด Numpad ฝั่งขวาออก คงเอาไว้แต่ปุ่มหลักที่ใช้งานและเล่นเกมเป็นประจำ ตัวกล่องด้านหน้า, ขวาและขอบบนกล่องจะสกรีนลวดลายของ League of Legends เอาไว้ แล้วด้านอื่นเป็นหน้าสเปคและจุดเด่นของคีย์บอร์ดรุ่นนี้
เมื่อเปิดกล่องมาจะมีแค่คีย์บอร์ด Logitech G PRO Keyboard สีฟ้าอมน้ำเงินเดินเส้นสีทองทั่วตัวตามธีมของเกมมิ่งเกียร์เซ็ตนี้กับสาย Micro USB ความยาว 1.8 เมตรอีกเส้นเท่านั้น จะเห็นว่าเซ็ตนี้จะเป็นเกมมิ่งเกียร์แบบใช้สายเป็นหลัก ยกเว้นเมาส์ที่เลือกได้ว่าจะใช้สายหรือ USB Wireless ซึ่งการจัดเซ็ตนี้ของ Logitech ก็ถือว่าจัดออกมาได้ดีตอบโจทย์เกมเมอร์แล้ว
แต่จุดสังเกตหนึ่งจากมุมของผู้เขียนคือ ทาง Logitech เลือกเอา Logitech G PRO X Headset แบบมีสายมาเข้าเซ็ตคาดว่าเพราะเหตุผลเรื่องการทำราคาไม่แพงเกินไปจะได้หาซื้อง่าย เปลี่ยนสายอย่างเดียวก็เชื่อมต่อได้ทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน แต่ก็อยากให้มี Logitech G PRO X Wireless ลาย Leagues of Legends เป็นตัวเลือกพิเศษหรือทำเป็น Limited Edition สำหรับเกมเมอร์ที่อยากได้หูฟังแบบไร้สายเอาไว้ต่อกับเกมมิ่งพีซีอย่างเดียวให้เลือกด้วยก็จะสมบูรณ์แบบมาก
การควบคุมและตั้งค่าด้วย Logitech G HUB
Logitech G HUB นั้นเป็นซอฟท์แวร์ที่ใช้ควบคุม, เช็ตแบตเตอรี่, เซ็ตตั้งค่าปุ่ม, บันทึกมาโคร ฯลฯ ทั้งหมดของ Logitech Gaming เพียงโปรแกรมเดียวก็รวบการจัดการไว้ได้ทั้งหมด พอติดตั้งในคอมแล้วเชื่อมต่อเกมมิ่งเกียร์เข้าไป โปรแกรมก็จะโหลดการตั้งค่าพื้นฐานทั้งหมดขึ้นมาให้ทันที และแยกสรรปันส่วนเกมมิ่งเกียร์แต่ละชิ้นเอาไว้ให้เลือกตั้งค่าได้ง่ายๆ
เมื่อเปิดโปรแกรมเข้ามาแล้ว ที่หน้าแรกจะมีเกมมิ่งเกียร์ชิ้นที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อยู่เรียงเอาไว้ให้เลือกเข้าไปตั้งค่าได้เลย และถ้าชิ้นไหนใช้งานแบบไร้สาย เช่น เมาส์ Logitech G PRO Wireless ก็จะโชว์ระดับแบตเตอรี่ที่เหลือในเมาส์ให้เห็นด้วย
สำหรับ Logitech G PRO X Gaming Headset จะรองรับการตั้งค่าความดัง, EQ และทิศทางเสียงได้เหมือนกับรุ่นไร้สาย รวมไปถึงระดับเสียงและรายละเอียดของไมโครโฟน BLUE VO!CE ได้ด้วย ซึ่งการตั้งค่าโดยละเอียดทั้งหมดผู้เขียนได้อธิบายโดยละเอียดเอาไว้ในรีวิว Logitech G PRO X Wireless แล้ว สามารถอ่านข้อมูล, ประสบการณ์ใช้งานและวิธีการตั้งค่าโดยละเอียดในรีวิวนั้นได้เลย
ด้านคีย์บอร์ด Logitech G Pro Keyboard เองก็สามารถเซ็ตการตั้งค่าในส่วนต่างๆ ได้ละเอียด โดยซอฟท์แวร์ Logitech G HUB จะแยกแท็บการตั้งค่าออกเป็นส่วนต่างๆ ได้แก่
- LIGHTSYNC – ปรับแต่งแสงไฟ RGB บนคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นสีของไฟ RGB, เอฟเฟคต่างๆ ได้อิสระ โดยในซอฟท์แวร์จะมีตัวเลือกให้เรากดเลือกสีที่ต้องการแล้วเอาไปใส่ที่จุดต่างๆ ที่มีไฟ RGB ได้ทั้งหมด ทั้งปุ่มต่างๆ บนคีย์บอร์ด, โลโก้ G มุมบนซ้ายหรือแม้แต่ปุ่มเปลี่ยนโหมดการตั้งค่าที่มุมบนขวาก็เปลี่ยนได้
- Assignment – ปุ่มสำหรับตั้งค่า Function Hotkey ต่างๆ สำหรับคีย์บอร์ด โดย G HUB จะเปิดให้ตั้งค่าได้ตั้งแต่ F1-F12 ว่าต้องการเอาไว้ใส่คำสั่งอะไร และเมื่อต้องการใช้งานก็กด Fn ที่มุมล่างขวาก่อนแล้วกดฟังก์ชั่นที่ต้องการ และเลือกเลเยอร์เป็นโหมด G-Shift แล้วตั้งค่าแยกได้ด้วย
- Game Mode – ฟังก์ชั่น Game Mode จะเป็นปุ่มรูปจอยสติ๊กที่มุมบนขวามือของคีย์บอร์ดข้างปุ่มไฟ RGB เมื่อกดแล้วจะล็อคปุ่มที่ไม่ต้องการใช้งานหรือปุ่มที่อาจจะรบกวนตอนเล่นเกม ตามค่าพื้นฐานจะเป็นปุ่ม Windows แต่สามารถเซ็ตเพิ่มที่หน้าต่างนี้ได้ด้วย โดยคลิกลงไปที่ปุ่มที่ไม่ต้องการให้ทำงานตอนเปิด Game Mode บนคีย์บอร์ดได้เลย เมื่อกดแล้วปุ่มที่ต้องการล็อคไม่ให้ทำงานนอกจากปุ่ม Windows จะกลายเป็นสีฟ้าขีดคร่าแบบในภาพตัวอย่าง
ด้านเมาส์ Logitech G PRO Wireless ก็มีแท็บการตั้งค่าหลักให้เลือก 3 ส่วนเช่นเดียวกับคีย์บอร์ด Logitech G PRO Keyboard ซึ่งทั้ง 3 แท็บจะมีดังนี้
- LIGHTSYNC – ตั้งค่าไฟ RGB บนตัวเมาส์ เลือกได้ว่าต้องการให้ไฟกระพริบเร็วช้าเท่าไหร่ และมีแท็บแยกย่อยเป็นไฟที่โลโก้ G ตรงกลางและไฟ 3 จุดแนวตั้งด้วย ซึ่งถ้าเราเปิดไฟ RGB เล่นเกมหรือทำงานจะใช้ได้นานสุด 48 ชั่วโมง แต่ถ้าปิดไฟจะใช้ได้ 60 ชั่วโมง ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนที่ใช้เมาส์รุ่นนี้เล่นเกมอยู่เช่นกัน แนะนำว่าไม่ต้องเปิดไฟ RGB ก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วตอนจับเมาส์ มือก็จะบังไฟ RGB บนเมาส์ไปทั้งหมด ดังนั้นแนะนำว่าเน้นเรื่องระยะเวลาใช้งานจะคุ้มกว่า
- Sensitivity (DPI) – คำสั่งปรับแต่ง DPI ของตัวเมาส์ ซึ่งวิธีการปรับสามารถเลื่อนจุดบนเส้น DPI Speeds ได้ตามต้องการ โดยการเลื่อนแต่ละครั้งจะเพิ่มครั้งละ 50 DPI และเพราะเซนเซอร์ HERO 25K ที่ติดตั้งเอาไว้กับเมาส์นี้ ทำให้ปรับ DPI ได้ละเอียดมากตั้งแต่ 100-25,600 DPI ส่วนจุดสีเหลืองบนเส้นเป็นคำสั่ง DPI Shift ซึ่งมี Command แยกเป็นของตัวเองและตั้งเป็นปุ่มทางลัดบนเมาส์ได้ด้วย ซึ่งคำสั่งนี้สามารถเซ็ตให้ปุ่มข้างตัวเมาส์กลายเป็นปุ่ม Sniper button เหมือนกับเมาส์เกมมิ่งสาย FPS ได้ด้วย
- Assignment – คำสั่งตั้งค่าต่างๆ บนตัวเมาส์ ซึ่งจุดเด่นของเมาส์นี้คือเราสามารถเซ็ตปุ่มบนตัวเมาส์ทั้ง 8 ปุ่มให้มีคำสั่งแยกของตัวเองได้อิสระ รวมไปถึงปุ่มคลิกซ้าย, ขวา และปุ่มข้างเมาส์ทั้งสองฝั่งและปุ่ม DPI Toggle ด้านใต้ตัวเมาส์ก็เปลี่ยนการตั้งค่าให้เป็นคำสั่งอื่นได้ โดยแยก Command เป็น 5 หมวดใหญ่ด้วยกัน คือ Commands, Keys, Actions, Macros, System
ประสบการณ์ใช้งาน, ข้อดีและจุดสังเกตก่อนซื้อมาใช้งาน
สำหรับคีย์บอร์ด Logitech G PRO Keyboard จะเป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดสวิตช์ GX Brown ผลิตโดย Kailh มีไฟ RGB “LIGHTSYNC” ซึ่งสัมผัสตอนใช้งานต้องถือว่า GX Brown เป็น Tactile Switch ที่ค่อนข้างลื่นไม่ค่อยมีอาการขยักกระเดื่องกลางแบบ Tactile ทั่วไป ส่วนตัวถือว่าลื่นจนเกือบเท่า Linear แล้ว หากใช้งานในฐานะเป็น Gaming Mechanical Keyboard ตัวแรก ก็ถือว่าเป็นสวิตช์ที่ใช้ได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าเน้นพิมพ์งานส่วนตัวผู้เขียนถือว่ายังได้สัมผัสตอนพิมพ์ไม่สนุกนิ้วเท่า Tactile ของแบรนด์อื่นที่เคยทดลองใช้งานมาก่อนหน้านี้นัก
ในฐานะของการเล่นเกม ส่วนตัวผู้เขียนค่อนข้างชอบการเปิดให้ตั้งค่าปุ่ม F1-F12 บนคีย์บอร์ดได้ค่อนข้างอิสระ รวมทั้งบันทึก Macros เอาไว้ใช้งานได้ด้วย ทำให้เกมเมอร์สาย MMORPG, MOBA สามารถเซ็ตสกิลที่ตัวเองใช้งานบ่อยๆ ได้ง่าย และมีปุ่ม Game Mode สำหรับล็อคปุ่มที่ไม่ต้องการให้รบกวนตอนเล่นเกมแยกเอาไว้ด้วย ถือเป็นฟังก์ชั่นที่ดีและผู้เขียนแนะนำว่าให้ดูเป็นฟังก์ชั่นที่ควรมีติดกับเกมมิ่งคีย์บอร์ดรุ่นที่ต้องการซื้อมาเล่นเกมด้วย
จากการทดลองเอาไปเล่นเกม ส่วนตัวผู้เขียนนั้นจะเล่นเกมแนว FPS เป็นหลักและมี MOBA ผสมบ้างเล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นคีย์บอร์ด Tactile switch ที่ตอบสนองได้เร็วทันใจ และจุดที่ผู้เขียนคิดว่าเกมเมอร์สาย MMORPG น่าจะชอบคือการเซ็ตปุ่ม Macros เอาไว้ที่ F1-F12 ได้ ช่วยให้ประหยัดเวลาตอนออกสกิลเป็นเซ็ตใหญ่อย่างการบัฟทั้งปาร์ตี้ก่อนสู้กับ Raid Boss ได้ง่าย ประหยัดเวลาและไม่ต้องกดหลายปุ่มให้เสียเวลา
ส่วนปุ่ม Multimedia hotkey พื้นฐานที่ทาง Logitech เซ็ตมาให้เป็นค่าพื้นฐาน จะอยู่ที่ปุ่ม F9-F12 เป็น F9 จะใช้เล่น/หยุดเพลงชั่วคราว, F10 เป็นปุ่มหยุดเล่นเพลง, F11 ใช้ถอยไปเพลงที่แล้วหรือกด F12 จะข้ามไปเพลงถัดไป ส่วน Hotkey อีกชุดจะอยู่ที่ Print Screen เอาไว้ปิดเสียง (Mute), Scroll Lock ลดเสียงให้เบา, Pause ใช้เพิ่มเสียงให้ดังขึ้น
ปุ่ม Fn (Function) จะอยู่ข้างปุ่ม Alt ฝั่งขวามือ เอาไว้ใช้กด Multimedia hotkey ต่างๆ ได้ ซึ่งถ้าใช้กดเล่นเพลงหรือเพิ่มลดเสียงต้องถือว่ากดได้ค่อนข้างง่ายทีเดียว แต่ถ้ากด Hotkey ที่เซ็ตเอาไว้ที่ F1-F8 อาจจะต้องใช้มือซ้ายช่วยกดด้วย
ด้านใต้ตัวเครื่องจะมีขาตั้งสำหรับปรับองศาความชันของคีย์บอร์ดติดมาให้ 2 ระดับด้วยกัน คือ 4 และ 8 องศา ช่วยให้เกมเมอร์วางนิ้วได้ถนัดมือยิ่งขึ้นตามสไตล์การใช้งาน จากภาพจากซ้ายมือคือวางราบไปกับพื้นไม่ได้กางขาตั้งขึ้นมา ภาพกลางเป็นความชัน 4 องศาและขวาสุดเป็น 8 องศาตามลำดับ และยังติดแผ่นยางกันลื่นเอาไว้ 5 แผ่นด้วยกัน ซึ่งจากที่ผู้เขียนทดลองเล่นเกมดูแล้วก็ถือว่ากันการลื่นได้ค่อนข้างดี คีย์บอร์ดไม่ไถลอย่างแน่นอน
สำหรับเลย์เอ้าท์ 75% หรือ TKL (Tenkeyless) จะเป็นดีไซน์ที่เหมาะกับการเล่นเกมเป็นหลัก เนื่องจากดีไซน์นี้จะตัดชุด Numpad ฝั่งขวามือที่เกมเมอร์หลายๆ คนอาจจะลากเมาส์มาโดนและติดออกไป ทำให้ลากเมาส์ได้ยาวขึ้น แต่ปุ่มคำสั่งต่างๆ เช่น Delete, Insert, Page Up, Page Down ฯลฯ ยังติดเอาไว้ให้ครบถ้วน แค่ต้องเปลี่ยนรูปแบบการกรอกตัวเลขมากดตรงแถบบรรทัดบนสุดของคีย์บอร์ดแทนเท่านั้น
ด้านการเชื่อมต่อด้วยสาย Micro USB ของ Logitech ต้องถือว่าทาง Logitech ออกแบบมาให้มองปราดเดียว ก็ต่อสายเข้ากับคีย์บอร์ดได้โดยไม่ต้องพลิกดูหัวเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่พลิกให้โลโก้ G หงายขึ้นมาแล้วเสียบปีกของหัวพอร์ตเข้ากับช่องบนตัวคีย์บอร์ดที่เจาะเอาไว้ ก็สามารถเสียบสายเข้าได้ง่ายๆ ไม่มีพลาดแน่นอน ซึ่งหัวสาย Micro USB ดีไซน์นี้ ทาง Logitech จะเอามาใช้กับเกมมิ่งเมาส์ไร้สายอย่าง Logitech G PRO Wireless ด้วย
ด้านเมาส์ Logitech G PRO Wireless ที่ออกแบบมาเป็นดีไซน์ Ambidextrous หรือจับถนัดสองมือนั้น ต้องถือว่าดีไซน์จะวางตัวกลาง ไม่มีการดีไซน์ให้ตัวเมาส์มีการเอียงตามหลักสรีระศาสตร์ แต่จากท้ายเมาส์ที่ค่อนข้างสูงระดับหนึ่ง ทำให้เอื้อกับการจับแบบ Palm Grip, Claw Grip เป็นหลัก ส่วน Fingertip Grip ยังพอจับและคอนโทรลเมาส์ได้ระดับหนึ่ง แต่จะค่อนข้างหนักนิดหน่อย
ส่วนด้านใต้ตัวเมาส์จะติด Glide หรือยางใต้แผ่นเมาส์เอาไว้ 4 ชิ้นด้วยกัน คือด้านหน้าเมาส์ 1 เส้น และอีก 3 เส้นจะล้อมเอาไว้ด้านใต้เมาส์ที่ใกล้อุ้งมือให้ไถเมาส์ได้ไหลลื่นขึ้น ตรงกลางเมาส์จากซ้ายมือจะเป็นปุ่ม DPI Toggle ที่กดแล้วเปลี่ยนค่า DPI ไปเรื่อยๆ ตามที่ตั้งเอาไว้ใน Logitech G HUB แต่ตั้งค่าเป็นปุ่มอื่นก็ได้ ตรงกลางเป็นเซนเซอร์ HERO 25K เป็นเซนเซอร์ออปติคัลไร้แสงและสวิตช์เลื่อนเปิดการทำงานได้
สุดท้ายตรงโลโก้ G ตรงกลางจะเป็นช่องเก็บตัวรับส่งสัญญาณ USB Wireless เหมาะกับคนที่พกเมาส์ไปไหนมาไหนเป็นประจำ ไม่ว่าจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมก็ตาม สามารถเสียบเก็บตัวรับสัญญาณเอาไว้ในนี้ได้เลย และไม่ต้องห่วงว่าฝาจะหลุดเปิดง่ายๆ เพราะที่ขอบทั้ง 2 ฝั่งมีแม่เหล็กแรงดูดสูงทรงสี่เหลี่ยม 2 เม็ดติดไว้ดูดฝาให้แนบติดกับเมาส์ ถ้าไม่ตั้งใจกดตรงวงกลมด้านล่างตัว G แล้วลงน้ำหนักแบบจริงจัง จะไม่มีทางเปิดได้แน่นอน
จุดเด่นหนึ่งของ Logitech G PRO Wireless คือเรื่องการปรับแต่งปุ่มด้านข้างตัวเมาส์ได้อย่างอิสระ ซึ่งดีไซน์มาตรฐานจากโรงงานทางผู้ผลิตจะติดตัวปุ่มคลิกด้านข้างไว้ที่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนฝั่งขวามือปิดไว้ด้วยแผ่นพลาสติกสีเดียวกับตัวเมาส์เพราะไม่ได้เซ็ตค่ามาให้ แต่ในกล่องจะมีตัวชิ้นพลาสติกสำหรับเปลี่ยนแถมมาให้อีก 4 ชิ้น เป็นแผ่นปิดของปุ่มฝั่งซ้ายและปุ่มคลิกฝั่งขวามือ
วิธีการแกะก็ง่ายมาก เพียงแค่เอาเล็บเกี่ยวก็แกะออกได้ง่ายๆ ทั้งสองฝั่งเลย ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนด้านข้างเมาส์เป็นปุ่มคลิกทั้งหมด, ปุ่มคลิกเฉพาะฝั่งซ้ายตัวเมาส์เพื่อคนถนัดขวาหรือติดกลับกันเพื่อคนถนัดซ้ายก็ได้ หรือจะปิดทิ้งทั้งหมดก็ได้ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนจะติดปุ่มคลิกทั้งสองฝั่งซ้ายขวาแล้วตั้งค่าปุ่มลัดสำหรับตอนเล่นเกมและย้ายปุ่ม DPI Toggle ขึ้นมาด้านข้างและใช้ปุ่มใต้เมาส์เอาไว้ทำอย่างอื่น หรือถ้าใครมีวิธีการเซ็ตอัพแบบไหนที่ตัวเองถนัดก็ปรับใช้งานได้ตามความชอบเช่นกัน
การเชื่อมต่อของเมาส์ Logitech G PRO Wireless เลือกได้ 2 แบบด้วยกัน คือ ใช้สาย Micro USB แบบคีย์บอร์ด Logitech G PRO Keyboard ก็จะชาร์จแบตเตอรี่คืนให้ตัวเมาส์และเล่นเกมไปพร้อมๆ กันได้เลย หรือจะใช้ LIGHTSPEED ที่เป็น USB Wireless ที่ทาง Logitech พัฒนามาเป็นพิเศษให้รับส่งสัญญาณได้รวดเร็วเท่ากับการใช้เมาส์สายเลยก็ดีเช่นกัน และส่วนตัวผู้เขียนก็แนะนำให้ใช้แบบไร้สายเป็นหลักและต่อสายเล่นเกมเพื่อชาร์จก็เพียงพอแล้ว
สำหรับเคล็ดลับการต่อ USB Wireless ให้รับส่งสัญญาณได้เร็วเท่าเมาส์สาย คือ เมื่อเปิดกล่องมาแล้วจะมีกล่องเล็กที่ใส่ตัว LIGHTSPEED กับหัวแปลง Micro USB เป็น USB-A แถมมาให้ ให้เอาทุกชิ้นประกอบเข้าหากันแบบในภาพด้านขวามือ แล้วลากสายจากคอมพิวเตอร์ให้หัว LIGHTSPEED อยู่ใกล้กับตัวเมาส์มากที่สุดจะช่วยลดอาการหน่วงเสี้ยววินาทีจากระยะห่างระหว่างตัวส่ง (เมาส์) กับตัวรับ (LIGHTSPEED) ให้น้อยที่สุดจนเท่าเมาส์สายได้
จากประสบการณ์การใช้งาน ส่วนตัวผู้เขียนใช้เมาส์ Logitech G PRO Wireless เป็นเกมมิ่งเมาส์ตัวหลักมาหลายเดือนแล้วสามารถบอกได้เลยว่าเมื่อลากสายตามที่แนะนำ การรับส่งสัญญาณแบบไร้สายด้วย LIGHTSPEED นั้นเรียกว่าให้ความรู้สึกไม่ต่างกับเมาส์สายเลยแม้แต่น้อย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนจะเน้นเล่นเกมแนว FPS ทั้งแบบมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First-person perspective) และมุมมองบุคคลที่ 3 (Third-person perspective) เป็นประจำ ดังนั้นถ้าเมาส์ไหนมีดีเลย์เพียงนิดเดียวก็จะเสียจังหวะตอนปะทะกับศัตรูได้ง่าย และเกมมิ่งเมาส์ไร้สายนั้นถ้าไม่ดีจริงก็ไม่ควรใช้เล่นเกมแนวนี้นัก
จากการใช้ทำงานและเล่นเกมมาหลายเดือน ส่วนตัวผู้เขียนนั้นชื่นชอบ Logitech G PRO Wireless เป็นอย่างมาก เพราะการตอบสนองแบบไร้สายนั้นจัดว่าเร็วเท่ากับการเล่นแบบมีสายไม่มีผิด จะขยับหมุนตัวละครแล้วกดยิงทันที หรือจะเซ็ต DPI Shift ให้เป็น Sniper Button ให้ลากเป้าช้ากะทันหันก็ทำได้ดีไม่มีปัญหา ตัวเซนเซอร์ HERO 25K ก็ตอบสนองได้คมลากเท่าไหร่ไปเท่านั้น ไม่มีแถมหรือไหลเหมือนเซนเซอร์คุณภาพระดับกลางๆ ที่พอลากเมาส์เร็วๆ แล้วอาจจะมีเคอร์เซอร์ไถลบ้างเลยสักนิดเดียว ดังนั้นในเซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection นี้ ถ้าให้เลือกว่าจะซื้ออะไรเป็นอย่างแรกจาก 1 ใน 3 ชิ้น ก็แนะนำให้เลือกเมาส์ตัวนี้เอาไว้เป็นชิ้นแรกก่อนได้เลย และถ้ามีงบประมาณเพิ่มเติมจะซื้ออีก 3 ชิ้นที่เหลือก็ดีเช่นกัน
ชิ้นสุดท้ายในเซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection เป็นหูฟัง Logitech G PRO X Gaming Headset ตัวนี้ที่เป็นรุ่นมีสายของ Logitech G PRO X Wireless ที่รีวิวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งนอกจากเปลี่ยนการเชื่อมต่อจาก LIGHTSPEED เป็นสายหูฟัง 3.5 มม. แล้ว การใช้งานและการส่งทิศทางเสียงต้องถือว่าทำได้ดี สามารถแยกทิศทางกระสุนและศัตรูได้ดีทีเดียว ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนแนะนำว่าถ้าอยากได้อรรถรสตอนเล่นเกมมากยิ่งขึ้น แนะนำให้ต่อ USB DAC เข้ากับคอมพิวเตอร์ไปเลย
แต่อย่างไรก็ตาม จุดที่ผู้เขียนต้องบอกผู้ใช้เอาไว้เป็นพิเศษ คือ USB DAC ที่แถมมาให้ในกล่องจะเหมาะกับการเอาไว้เล่นเกมเป็นหลัก เนื่องจากเนื้อเสียงของมันหนักแน่นทำให้เล่นเกมแนว FPS รวมทั้งดูหนังได้อารมณ์ยิ่งขึ้น แต่พอลองฟังเพลงแล้วเสียงเบสจะเยอะและแน่นเกินกว่าปกติจนเกือบกลบเสียงนักร้องและเสียงเครื่องดนตรีอื่น ส่วนตัวคิดว่า USB DAC จะเหมาะคนชอบเพลงแนว R&B, EDM เป็นหลัก ส่วนคนที่อยากฟังเพลงได้หลายแนวหน่อยแนะนำให้ต่อสายหูฟัง 3.5 มม. เข้ากับคอมพิวเตอร์ตรงๆ แล้วเนื้อเสียงที่ได้จะไม่หนักเบสจนเกินไป
ด้านไมค์ BLUE VO!CE ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้ใช้งานมาก เนื่องจากคุณภาพการรับเสียงของไมค์นั้นจัดว่าฟังได้ชัดถ้อยชัดคำ เนื้อเสียงที่ได้จากการทดสอบพูดคุยกับเพื่อนใน Discord แล้ว เนื้เสียงจะออกทุ้มนุ่มกว่าเสียงจริงของเจ้าของเสียงเล็กน้อย แต่แนะนำว่าให้ใช้งานไมค์แบบ Push to Talk มากกว่า Voice Activity เนื่องจากการจับเสียงของไมค์จะออกอาการตัดเสียงช่วงต้นและท้ายของประโยคไปนิดหน่อยและจะชัดเจนช่วงกลางประโยคทั้งหมด แต่วิธีแก้ปัญหานี้สำหรับคนที่ถนัดใช้ Voice Activity แบบผู้เขียน แนะนำให้ตั้งค่า Sensitivity ของ Discord ให้ต่ำลงกว่าปกติเล็กน้อยจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
บทสรุป
เซ็ต Logitech PRO Series League of Legends Collection นั้นเรียกว่าเป็นเซ็ตเกมมิ่งเกียร์ลายพิเศษที่ Logitech ทำออกมาเพื่อเอาใจเกมเมอร์แฟนคลับ League of Legends โดยเฉพาะ ซึ่งเกมมิ่งเกียร์รุ่นที่เลือกมาทำก็เป็น PRO Series ที่ให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดี ใครซื้อไปใช้ก็ประทับใจ ตั้งค่าได้ง่ายด้วย Logitech G HUB โปรแกรมเดียวก็เอาอยู่และไว้ใจเรื่องความแข็งแรงทนทานได้แน่นอน เรียกว่าถ้าใครรู้ตัวว่าเป็นเกมเมอร์มือหนัก กดปุ่มแรงหวดคีย์บอร์ดไม่ยั้งมือก็แนะนำให้ดู Logitech เอาไว้ก่อนเป็นแบรนด์แรกๆ ได้เลย
อย่างไรก็ตาม จุดสังเกตก็ยังมีอยู่ประปรายตามที่ผู้เขียนนำเสนอไปและราคาของเกมมิ่งเกียร์ต่อชิ้นก็ถือว่าค่อนข้างสูงระดับหนึ่ง ซึ่งหลายคนเห็นราคาแล้วอาจจะส่ายหน้า แต่ผู้เขียนแนะนำว่าถ้าอยากหาเกมมิ่งเกียร์มาใช้ อาจจะเริ่มจากค่อยๆ ทยอยซื้อทีละชิ้นสองชิ้นตามกำลังทรัพย์และสังเกตว่าตอนนี้ที่โต๊ะคอมของเราขาดอุปกรณ์ชิ้นไหน แล้วค่อยๆ ซื้อเติมไปทีละนิดทีละหน่อยก็ได้ และถ้าแบรนด์ไหนขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทานก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้หลายปีไม่มีปัญหา เรียกว่าเป็นการลงทุนชิ้นเดียวใช้ได้ยาวหลายปีอย่างแน่นอน