Fennix HC-6H01 Ergonomic Chair ปรับเอนได้ ระบายอากาศดี เน้นสรีระการนั่ง กว้างนั่งสบาย นั่งได้นาน
Fennix HC-6H01 หลายคนที่ทำงานที่บ้าน WFH เก้าอี้ที่นั่งสบาย เหมาะกับการทำงานหรือการพักผ่อน ดูจะเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่มีความสำคัญ การเลือกเก้าอี้ที่เหมาะสมกับสรีระ นั่งได้นาน และรับน้ำหนักได้ดี ก็จะช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดเอว เมื่อต้องประชุม เล่นเกม หรือทำงานต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้เราเคยได้แนะนำเก้าอี้เกมมิ่ง Fennix HC-2691 กันไปบ้างแล้ว มาในวันนี้เราได้รับเก้าอี้ในแนวนั่งสบาย มาได้ลองกัน โดยยังเน้นความสปอร์ตเล็กๆ และมีรูปทรงที่ทันสมัย ปรับเลื่อนได้ในหลายจุด รับน้ำหนักได้ถึง 100Kg ในรุ่น HC-6H01 Ergonomic Chair ซึ่งเป็นเก้าอี้ใช้ในชีวิตประจำวัน สนนราคาประมาณ 3 พันกว่าบาท โดยจะแนะนำกันตั้งแต่การประกอบ ไปจนถึงการใช้งานจริง ว่าจะเหมาะกับการทำงานในแต่ละช่วงวันได้มากน้อยเพียงใด
Fennix เป็นผลิตภัณฑ์จากค่าย ค่าย Alectric ซึ่งเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จำหน่ายสินค้า เช่น เครื่องกรองอากาศ ปรับอากาศ พัดลม และเครื่องใช้ในครัวเรือน นับว่าเป็นอีกค่ายหนึ่ง ซึ่งมักจะออกแบบไลน์สินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และมีความเป็นนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน โดยเก้าอี้เกมมิ่งรุ่นนี้วางจำหน่ายในช่องทางของ Topvalue
Fennix HC-6H01
Specification
- วัสดุ: ผ้าหุ้มแบบตาข่ายและเส้นใยไนลอน เหนียว ทนทาน ระบายอากาศได้ดี
- ขนาดเบาะรองนั่ง: 20″(ก)*26″(ย) – (40.6cm x 66cm)
- ขนาดพนักพิง: 16″(ก)*27″(ย) – (40.6cm x 69cm)
- ปรับระดับความสูงได้:16-20 นิ้ว (40.6cm – 50.8cm)
- รองรับน้ำหนัก: 100 Kg.
- น้ำหนักสินค้า (รวมกล่อง): 17 Kg.
- รับประกันสินค้า 3 ปี โดย บริษัท ท็อปแวลู คอร์ปอเรท จํากัด Topvalue care Call Center : 1277
Unbox
มาเริ่มต้นกันที่แพ๊คเกจ ซึ่งบรรจุมาเป็นชิ้นส่วน ใส่มาในกล่องสีน้ำตาลเรียบง่าย แต่มีโลโก้ Fennix แบบเท่ๆ เช่นนี้ ภายในแพ๊คกันกระแทกมาได้ดีพอสมควร
เมื่อแกะอุปกรณ์ด้านในกล่องออกมา จะประกอบไปด้วย พนักพิงหลัง, เบาะรองนั่ง, ที่วางแขน, กลไกตัวล็อค, ขา และล้อเลื่อน รวมถึงอุปกรณ์สำหรับการประกอบ
พนักพิงหลัง มาในขนาดที่ใหญ่ และเป็นรูปแบบของตาข่าย ซึ่งเราจะเจาะรายละเอียดกันอีกทีในช่วงการทดสอบ มีที่พิงศีรษะ แต่ไม่มี Headrest มาให้ ความสูงตั้งแต่ขอบล่าง จนถึงที่รองศีรษะด้านบนอยู่ที่ 72cm
เบาะนั่งเป็นโทนสีดำ วัสดุเป็นแบบฟองน้ำหนาแน่นสูง หุ้มด้วยวัสดุแบบผ้าตาข่าย ขนาดด้านกว้างอยู่ที่ 50cm และด้านลึกประมาณ 51cm
กลไกที่เป็นตัวล็อคและปรับเลื่อนของเก้าอี้ ติดตั้งง่าย ใช้น็อตเกลียวแค่ 3 ตัวเท่านั้น จะมาแนะนำในการประกอบอีกครั้งหนึ่งครับ
ที่วางแขน เป็นแบบปรับเลื่อนได้ แต่จะเป็นการเลื่อนแบบใช้จุดหมุน มีให้ 2 ชุด ซ้าย-ขวา ความยาวของเบาะรองแขนอยู่ที่ประมาณ 38cm
จุดปิดด้านหลัง เพื่อไม่ให้เห็นกลไกของเก้าอี้ ทำให้เก้าอี้ออกมาดูเรียบร้อยขึ้น และเพิ่มความสปอร์ตอีกเล็กน้อย
ขาเก้าอี้เป็นแบบ 5 แฉก กระจายน้ำหนักลงบนล้อที่เตรียมเอามาไว้ให้ ขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว
อุปกรณ์อื่นๆ เช่น โช๊คอัพเก้าอี้ ล้อเลื่อน และน็อตสกรู ที่จัดมาให้แบบครบๆ
เหล็กยึดกับพนังพิงหลัง และตัวเก้าอี้ เพื่อให้ความแข็งแรง เป็นเหมือนแกนหลักของเก้าอี้เลยทีเดียว
โช๊คอัพของเก้าอี้ เป็นส่วนที่ใช้รับน้ำหนัก รวมถึงการปรับระดับความสูงของเก้าอี้รุ่นนี้
ล้อเลื่อนแบบพลาสติกสีดำ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5cm กับขายึดที่เป็นโลหะ จำนวน 5 ชิ้น เป็นแบบล้อคู่
คู่มือการติดตั้ง ซึ่งทำให้การติดตั้งง่ายขึ้น แต่ด้วยความไม่ซับซ้อนของชิ้นส่วน ทำให้การประกอบไม่มีความยุ่งยากมากนัก เรียกว่ามือใหม่ยังสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยอุปกรณ์ที่ใช้เป็นเครื่องมือ มีเพียง 6 แฉกอันเดียวเท่านั้น มีมาให้ในกล่องแล้ว
Install
เริ่มการประกอบเก้าอี้ Fennix HC-6H01 จากด้านล่างสุด นั่นคือการใส่ล้อเลื่อน เข้าไปในเบ้าของขาเก้าอี้ วิธีการง่ายๆ คือ ตั้งตัวล็อคให้ตรง แล้วกดลงไปจนมีเสียงดังกึก เป็นอันใช้ได้
เมื่อใส่ครบทุกล้อ ก็ลองเลื่อนๆ ดูว่าแน่นหนาดีหรือไม่ ถ้าไม่แน่น อาจไม่ตรงกับล็อค ให้ลองมาขยับใหม่อีกครั้ว
ที่นี้มาใส่โช๊คอัพกันบ้าง โดยตัวเบ้าของโช๊คนั้น สามารถวางลงไปตรงๆ ได้เลย แล้วใช้มือคุณกดลงไปบนตัวโช๊คเล็กน้อย ให้พอรู้สึกแน่นเท่านั้นพอ เพราะตัวเบาะที่เราจะใส่ลงไป จะเป็นตัวช่วยให้แน่นหนาขึ้น
แต่ก่อนจะใส่เบาะรองนั่งลงไป ให้มาเตรียมพนักพิงหลัง ด้วยการใส่แกนที่ใช้ค้ำยัน ใช้น็อตจำนวน 3 ตัว ไขเข้ากับเบาะหลังให้แน่น
เมื่อไขเสร็จแล้ว จะมีแกนยื่นมาในลักษณะนี้ ด้านปลายสุด จะใช้ในการใส่ลงไปในช่องของเบาะรองนั่ง
ติดตั้งกลไกของเก้าอี้ ด้านใต้เบาะรองนั่ง โดยจะมีช่องที่เจาะรู วางตัวรับเอาไว้แล้ว สามารถวางและไขน็อตเข้าไปได้ทันที ไม่มีติดผิดด้านแน่นอน ให้ปลายของตัวควบคุม หันมาทางด้านข้างเช่นนี้
จากนั้น เมื่อติดตั้งกลไกควบคุมเสร็จแล้ว ให้วางตัวเบ้า ซึ่งอยู่กลางเก้าอี้ ประกอบเข้ากับตัวโช๊คที่วางไว้ก่อนหน้านี้ ลองกดลงไปให้ตัวโช๊คติดแน่นเข้ากับขาเก้าอี้
จากนั้นติดตั้งพนักพิงหลัง ที่ประกอบแกนหลักลงไปในช่องที่เบาะ ซึ่งมีเพียงช่องเดียว แล้วกดลงไปให้พอดี
จากนั้นให้ปรับระดับความสูงของพนักพิงตามใจชอบ แล้วหมุนตัวล็อคเข้าหาตัว บิดให้แน่น เพื่อยึดระดับที่ต้องการเอาไว้ ตรงนี้เอาให้แน่นมากที่สุด เพื่อความแข็งแรง
มาถึง Armrest หรือที่วางแขนกันบ้าง ตรงนี้ใช้น็อตยึด 2 จุดด้วยกัน คือบริเวณข้อศอก และจุดที่ยึดกับเบาะรองนั่ง
เมื่อไขครบทั้ง 2 ด้าน ก็เป็นอันเสร็จสิ้น ให้เช็คบริเวณข้อต่อ และจุดยึดน็อตต่างๆ ว่ามีความแข็งแรงและแน่นหนาพอหรือไม่
Design
ประกอบเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาไม่นานมากครับ เพราะแทบจะไม่มีความซับซ้อน มือใหม่ก็ประกอบได้เอง ไม่ยากครับ
หน้าตาที่ดูเรียบง่าย แต่ก็มีสไตล์ของเก้าอี้สำนักงานอยู่ด้วย กับโทนสีดำตลอดทั้งตัว ผสมผสานกันระหว่างชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก และโครงสร้างเหล็ก มีส่วนที่เป็นเบาะผ้าสลับกันไป ไม่ได้เน้นเรื่องของความหวือหวาหรือเส้นสายใดๆ มากนัก
เบาะรองศีรษะมาในแบบเบาะสีดำ หุ้มด้วยผ้าตาข่ายความหนาประมาณ 1-2cm ซึ่งดูแล้วจะต่างจากเก้าอี้เกมมิ่ง เพราะเก้าอี้ Ergonomic เช่นนี้ เน้นที่การวางศีรษะ เพื่อพักสายตาเป็นหลัก ไม่ได้มี Headrest ที่เป็นเบาะแยกต่างหากมาให้ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า เบาะแบบนี้ ให้การพิงได้ดี ทั้งช่วงของการทำงาน และการพักแบบชั่วคราว ไม่นูนขึ้นมามากเกิน จนต้องงุ้มคอลงไป หรือไม่ก็ต้องจัดทรงหมอนรองมาไว้แถวคอแทน แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
พนักพิงหลัง ไม่ได้เป็นเบาะ แต่มาในแบบตาข่ายสีดำ ที่เรียกว่า Polyester Mesh & Nylon ที่มีความยืดหยุ่นพอสมควร ใครที่ชอบความสบาย เน้นมี Airflow น่าจะชอบ เพราะไม่ได้เป็นเบาะหรือฟองน้ำ แต่โปร่ง ทำให้ลมผ่านได้ดี ลดความเครียดไปได้พอสมควร ระดับการพิงผู้ใช้เองน้ำหนักประมาณ 70Kg. สามารถพิงลงไปได้แบบเต็มตัว แม้จะไม่นุ่มนวล เหมือนกับในเมมโมรีโฟม แต่เรื่องความสบาย ให้คะแนนได้เยอะเลย
เบาะนั่งเป็นแบบฟองน้ำที่มีความยืดหยุ่นสูง ความหนาประมาณ 7cm หุ้มด้วยผ้าตาข่ายที่เรียกว่า Mesh ซึ่งมีช่องให้การระบายอากาศได้ดีขึ้น ให้อารมณ์ต่างจากเก้าอี้เกมมิ่งอยู่บ้าง เพราะไม่ได้เป็นแบบหนัง PU หุ้มเอาไว้ ความนุ่มนวลอาจจะไม่แน่นเท่า แต่ความสบายก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เมื่อนั่งไปนานๆ
ผ้า Mesh ที่หุ้มอยู่บนเบาะนี้ ความรู้สึกในการนั่ง จะไม่แน่น แต่ก็นุ่มมีจังหวะการยวบลงไปค่อนข้างเยอะ ขึ้นอยู่กับคนชอบ เพราะสไตล์ของการนั่งบนเบาะ แบบทรงที่เรียบง่ายนี้ แต่มีการระบายอากาศได้ดี ก็นั่งสบายๆ ส่วนถ้าชอบแบบสปอร์ต เน้นแน่น และมีริมการ์ดให้โอบกระชับ ก็ต้องไปที่เก้าอี้เกมมิ่งครับ
ความหนาของเบาะนั่งประมาณ 7cm มีการตัดเย็บขอบมาอย่างดี ดูแน่นหนา เพราะอย่าลืมว่า เมื่อกดน้ำหนักลงไป จะไปรั้งเอาพวกตะเข็บหรือขอบที่เป็นรอยตัดเย็บ ถ้าทำมาไม่แข็งแรง อาจรั้งหรือขาดได้ง่ายๆ แต่เก้าอี้รุ่นนี้ ถือว่าเย็บมา 2 ชั้นดูทนทานทีเดียว
มาในส่วนของ Armrest กันบ้าง ที่วางแขนมาแบบเดียวกับเบาะนั่ง นั่นคือ การใช้ฟองน้ำและหุ้มด้วยผ้า Mesh แบบตาข่าย มีความหนาพอสมควร ไม่ได้บางจนเท้าแขนไปแล้วรู้สึกเจ็บ ความยาวมากกว่า 30cm จึงวางระนาบของแขนได้แบบเต็มๆ ถึงข้อศอก แต่เนื่องจากไม่ได้เป็นแบบ 3D จึงปรับเลื่อนไม่ได้ แต่พอขยับตัวได้
ล้อเก้าอี้ ค่อนข้างไหลลื่นดี แต่วงล้ออาจจะเล็กไปบ้าง หากเทียบกับเก้าอี้เกมมิ่ง แต่ก็รับน้ำหนักได้ดี เคลื่อนไหวได้สะดวกพอสมควร แต่ก็ขึ้นอยู่กับพื้นผิวของห้องด้วย ถ้าไม่มีอุปสรรค ก็ไถไปมาได้ง่ายขึ้น
ตัวหมุนด้านหลังนี้ จะเป็นตัวยึดพนักพิงที่เป็นแท่งเหล็ก สวมลงไปให้แน่นหนามากขึ้น แต่ถ้าต้องการให้ระดับของพนักพิงหลัง เตี้ยหรือสูงกว่าเดิม ให้หมุนคลายออกมาก่อน และเมื่อได้ระดับความสูงที่ต้องการค่อยหมุนให้แน่นอีกครั้ง
ชุดควบคุมด้านข้าง Lift จะเป็นการปรับระดับสูง-ต่ำของเบาะนั่ง ส่วน Lock จะใช้หยุดหรือล็อค ระดับการเอนหลังของพนักพิง ไม่ให้ปรับโยกเอนไปมาได้ โดยผู้ใช้เลือกได้ 2 แบบคือ ปลดล็อค แล้วเอนไปมาตามความสะดวก หรือจะล็อคระดับการเอนเอาไว้ เมื่อต้องใช้งานแบบจริงจัง
ในเรื่องของความสูงและการปรับระดับของเก้าอี้ เท่าที่ลองวัดโดยตรงขณะที่นั่ง ระยะเตี้ยสุด จากด้านใต้เบาะลงมาถึงพื้นจะอยู่ที่ประมาณ 33cm และเมื่อปรับความสูง วัดจากพื้นถึงใต้เบาะเช่นกัน อยู่ที่ประมาณ 40cm
ถ้ามองจากการดีไซน์ ก็ถือว่าเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในห้องทำงาน หรือโต๊ะทำงานได้หลายแนวเลยทีเดียว โทนขาว-ดำ หรือเล่นเป็นเฉดสี คู่กับแสงไฟก็ลงตัวดี
Performance & Comfort
มาว่ากันที่การใช้งานและการนั่ง เมื่อลองทดสอบ ทั้งทำงาน และเล่นเกม รวมถึงการพักบนเก้าอี้ Fennix HC-6H01 Ergonomic Chair รุ่นนี้กันดีกว่า เรื่องของท่านั่ง ก็เรียกว่าลงได้เต็มก้น ขาสั้นหรือขายาว ก็ขยับไปมาได้ถนัด คนที่ชอบเบาะแบบมีความสูงเสมอกัน ที่ไม่ใช่สไตล์ของเก้าอี้เกมมิ่ง ก็น่าจะชื่นชอบ
มุมจากด้านข้าง มีอาการเอียงเล็กๆ จากการขยับตัวมาทางฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากนัก ส่วนหนึ่งอาจมาจากตัวเบาะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ผู้ใช้บางคนอาจจะนั่งเอียงตามแบบที่ถนัด ซึ่งตามจริงก็อยู่ที่การใช้งานของแต่ละบุคคลด้วย
การวางแขนลงน้ำหนัก ทำได้ดี Armrest ขยับได้ตามจังหวะ แนะนำว่า หากต้องการให้จุดนี้นิ่งๆ ให้ล็อคที่ตัวเอนหลังเอาไว้ เพื่อให้ที่วางแขนนิ่งที่สุด แต่ถ้าชอบเอนหลัง สลับไปด้วย ก็ลองขยับดูตามความสะดวก
ท่านั่งนี้เป็นการลองเทน้ำหนักไปยังที่วางแขนแบบสุดๆ ก็ยังถือว่ารับน้ำหนักได้ดี ไม่มีคลอน ด้วยตัวฟองน้ำ ที่มีความหนา ก็ทำให้รู้สึกนุ่มสบายในระดับหนึ่ง ไม่แบนจนเจ็บแขน ที่สำคัญวางแขนได้ตลอดความยาวจนสุดข้อศอกเลยทีเดียว
ลองเอนหลังดูบ้าง โดยตามสเปคแล้ว เก้าอี้ Fennix HC-6H01 รุ่นนี้ สามารถเอนได้ถึง 135 องศา แม้จะไม่ถึงกับบรรดาเก้าอี้เกมมิ่ง ที่แทบจะเอนนอนกันได้ แต่เอนระดับนี้ก็เพียงพอต่อการพักสายตาในช่วงหนึ่ง ก่อนจะมาลุยงานกันต่อ รวมถึงยังให้สมดุลได้ดี ไม่ต้องเหวอกลัวหงายเงิบ
แต่อย่างที่บอกคือ หากคุณอยากเอนหรือคิดว่าระดับองศาที่คุณนั่ง อยู่ในระดับที่พอเหมาะแล้ว สามารถดันก้านตัวล็อคลง เพื่อให้เก้าอี้อยู่ในระดับที่ต้องการและสบายที่สุด
ให้ทีมงานอีกคนลองนั่ง ให้คอมเมนต์ไว้ หากมองที่อารมณ์ของการเป็นเก้าอี้นั่งทำงาน รุ่นนี้เมื่อเทียบกับราคา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ความนุ่มนวลระดับกลาง แต่โดยส่วนตัวนั้นชอบสไตล์ที่มีขอบด้านข้างที่ยกสูงขึ้นมาหน่อย ให้รู้สึกกระชับ แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร ได้การระบายอากาศที่ดี กับสัมผัสที่เป็นผ้า ก็ทำให้สบายมากขึ้นมาทดแทน
จัดเซ็ตเข้ากับโต๊ะทำงานให้ดูกันอีกครั้ง ในโทนของชุดการทำงาน หรือจำลองถึงโต๊ะคอมที่บ้านของใครหลายคน ที่ชื่นชอบความเรียบง่าย เน้นรูปแบบที่ไม่หวือหวานัก แต่เลือกเติมสีสัน ด้วยการจัดแสงไฟมาเพิ่มได้ในภายหลัง ซึ่งการใช้โทนสีขาว-ดำ ก็ทำให้การจัดไฟ ทำได้ง่ายขึ้น เพราะเพิ่มสีอะไรเข้ามา ก็ทำให้ดูโดดเด่นได้โดยง่าย แม้จะไม่ได้ใช้เฟอร์นิเจอร์ ที่มีเส้นสายหวือหวาก็ตาม
Conclusion
เรามาว่ากันที่ข้อสรุปหลังจากการประกอบ และลองใช้งานเก้าอี้ Fennix HC-6H01 รุ่นนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่รูปแบบ และวัสดุ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเก้าอี้ที่ออกแบบมาในสไตล์ของเกมมิ่ง เพราะเน้นที่สรีระในการนั่งที่สบาย จึงจะเห็นได้ว่า หลายอย่างจะเน้นที่ความเรียบง่าย หลักๆ ยังคงเป็นพลาสติก แต่ก็เสริมโครงสร้างที่เป็นโลหะ จึงมั่นใจได้ในการรับน้ำหนัก เบาะนั่งเป็นแบบผ้า Mesh ตาข่ายหุ้มบนฟองน้ำที่นุ่มและมีความยืดหยุ่นพอควร ไม่ได้แน่น และหุ้มหนังในแนวสปอร์ต ตาข่ายด้านหลัง ทำออกมาเช่นเดียวกับเก้าอี้สำนักงานในหลายๆ รุ่น ซึ่งให้ความสวยงาม สบายตา และไม่รู้สึกหนักเกินไป ที่วางแขนทำออกมาให้ยาว เพื่อการวางที่สบายมากขึ้น และยังหุ้มด้วยฟองน้ำและผ้าตาข่าย ยาวทั้งชิ้น แต่ติดอยู่เล็กน้อยตรงที่เป็นแบบ 2D ซึ่งปรับไม่ได้มาก แค่เคลื่อนไหวไปตามการเอนของเบาะ เพราะข้อต่อเชื่อมถึงกัน
ส่วนในแง่ของความสะดวกสบายในการใช้ จุดหลักๆ ที่มีให้ปรับเลื่อนมีอยู่ด้วยกัน 2 ส่วนคือ ความสูงของเบาะ เมื่อยกขึ้นมาสูงสุด ก็สามารถวางเท้าได้แบบเต็มๆ หากเป็นคุณผู้หญิง ที่มีความสูงระดับ 160cm อาจจะแตะได้ประมาณครึ่งฝ่าเท้า แต่ก็ปรับลดลงได้ ตามความเหมาะสม และการเอนหลัง ทำได้ที่ 135 องศา เรียกว่าไม่ได้ถึงกับเอนนอน ใช้เน้นพักสายตาเป็นหลัก ซึ่งให้ความแข็งแรงไม่ต้องกังวลเมื่อทิ้งน้ำหนักมากนัก การเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์พอใช้ เนื่องจากล้อขนาดไม่ใหญ่นัก และการนั่งที่สมดุล รวมถึงความเรียบลื่นของพื้นผิวก็มีผลอยู่ด้วยเช่นกัน จะมีติดอยู่ก็เพียงเล็กน้อย นั่นคือ ที่วางแขนหรือ Armrest ปรับขยับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ดี หากดูในเรื่องของราคา ก็จัดว่าน่าสนใจ และโปรโมชั่นลดเหลือประมาณ 3,590 บาท ก็เป็นตัวเลือกที่น่าใช้ของใครหลายคน ที่ชอบผิวสัมผัสแนวนี้ และการระบายอากาศที่ดีมากขึ้น
ราคา: 3,990 บาท โปรโมชั่นพิเศษ เหลือเพียง 3,590 บาท
การรับประกัน: 3 ปี
รายละเอียดเพิ่มเติม: