Logitech G435 LIGHTSPEED หูฟังไร้สาย 100% เชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth, LIGHTSPEED เนียนกริ๊บอย่างกับมีสาย!
นอกจาก Logitech G Pro X Wireless ที่เป็นเกมมิ่งเฮดโฟนไร้สายตัวท็อปแล้ว ก็มี Logitech G435 LIGHTSPEED ที่เป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับเกมเมอร์ที่หาหูฟังเกมมิ่งไร้สาย 100% ไว้เล่นเกมทั้งเล่นกับคอมหรือเอาไปต่อกับมือถือแล้วเล่นเกมก็ได้ เพราะรองรับการเชื่อมต่อทั้ง USB Wireless “LIGHTSPEED” ที่เลื่องชื่อของ Logitech ที่เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับหูฟังได้ต่อเนื่องเหมือนกับใช้สายหูฟัง 3.5 มม. ไม่มีผิด หรือเป็น Bluetooth ก็ได้ เรียกว่ามีหูฟังตัวเดียวใช้งานได้ทั้งเกมมิ่งพีซีที่บ้านและพกมาออฟฟิศไว้ประชุมงานหรือฟังเพลงก็สะดวกสุดๆ
เรื่องของสีสันก็จัดว่าน่าสนใจ เพราะเลือกได้ทั้งลุคเรียบขรึมเท่ๆ อย่างสีดำกับสายไฟสีเหลือง, สีขาวกับสีฟ้าโทนสว่างหรือจะให้สีสันสดใสอย่างสีน้ำเงินผสมแดงละม่วงก็สวยแตกต่างดี เรียกว่าเลือกให้เข้ากับสไตล์และรสนิยมของแต่ละคนได้เลย ไม่ต้องติดอยู่กับสีดำอย่างเดียวก็ได้ ต้องถือว่าเป็นหูฟังไร้สายสำหรับเกมเมอร์ที่เลือกเข้ากับสไตล์และสีสันของแต่ละคนได้เลย
รีวิว Logitech G435 LIGHTSPEED
- NBS Verdict
- สเปคของ Logitech G435 LIGHTSPEED
- ในกล่อง Logitech G435 LIGHTSPEED และดีไซน์รอบตัว
- การควบคุมและการตั้งค่า Logitech G435 LIGHTSPEED ด้วยวิธีกดปุ่มข้างหูฟัง
- ประสบการณ์ใช้งาน ข้อดีและจุดสังเกตที่ไม่ควรมองข้ามก่อนซื้อมาใช้งาน
- บทสรุป
NBS Verdict
ถ้าใครอยากเปลี่ยนมาใช้หูฟังเกมมิ่งแบบไร้สายสักตัว แล้วอยากใช้ USB Wireless ต่อกับคอมพิวเตอร์แล้วสัญญาณเสียงรวดเร็วต่อเนื่องเหมือนกับใช้สายหูฟัง 3.5 มม. สลับเป็นโหมด Bluetooth ได้ และราคาต้องไม่แพงมากเกินไปและเลือกได้หลายสี ต้องถือว่า Logitech G435 LIGHTSPEED นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก แล้วราคาช่วง 2,290 บาท ต้องถือว่าไม่ถูกไม่แพงเกินไป แต่ได้เล่นเกม, ฟังเพลงแบบไร้สายโดยไม่ต้องเจอข้อจำกัดเรื่องความยาวของสายหูฟังมากวนใจด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากอัพเกรดหูฟังเกมมิ่งใหม่สักตัวแล้วเอาคุ้มเข้าว่า ต้องบอกว่าเฮดโฟนตัวนี้จัดว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก
แต่ถึงจะมีข้อดีน่าสนใจอย่างไรก็ตาม จุดสังเกตของหูฟังตัวนี้หลักๆ แล้วจะมี 2 อย่างด้วยกัน คือ Logitech G435 ตัวนี้จะไม่รองรับการตั้งค่าด้วย Logitech G HUB เหมือนกับเกมมิ่งเกียร์ชิ้นอื่นๆ ของทางค่าย แต่ควบคุมด้วยการกดปุ่มที่ตัวหูฟังผสมกันเพื่อควบคุมการทำงานได้ และไมโครโฟนติดตัวเฮดโฟนอยู่ในระดับกลางๆ แค่พอสื่อสารได้แต่เสียงพูดนั้นจะอยู่ระดับกลางๆ และไม่แนะนำให้เกมเมอร์ที่หัวใหญ่ซื้อไปใช้งานเนื่องจากตัวเฮดโฟนจะรั้งตรงกระหม่อมและติ่งหูขึ้นมาทำให้ใส่ไม่สบายหัว ซึ่งถ้าใครยอมรับจุดสังเกตเหล่านี้ได้ ก็ถือว่า G435 นี้เป็นเกมมิ่งเฮดโฟนรุ่นน่าสนใจสำหรับเกมเมอร์ไม่แพ้เฮดโฟนรุ่นอื่นเช่นกัน
ข้อดีของ Logitech G435 LIGHTSPEED
- เชื่อมต่อได้ทั้ง USB Wireless “LIGHTSPEED” หรือ Bluetooth ก็ได้ ใช้งานได้สะดวก
- USB Wireless “LIGHTSPEED” เชื่อมต่อผ่านคลื่น 2.4 GHz ทำให้รับส่งสัญญาณได้รวดเร็ว, ระยะเชื่อมต่อไกลและเสถียรเหมือนต่อสายหูฟัง 3.5 มม.
- เลือกได้ 3 สี ตามสไตล์และรสนิยมของผู้ใช้ มีสีขาวดำและน้ำเงินผสมแดงให้เลือก
- เชื่อมต่อกับพีซีหรือเครื่องเกมคอนโซลก็ได้ จัดว่ารองรับหลายแพลตฟอร์ม
- มีปุ่มปรับเพิ่มลดเสียง, เปิดปิดหูฟังและไมโครโฟนพร้อมไฟแสดงสถานะการเชื่อมต่อที่ตัวหูฟัง
- รองรับเทคโนโลยีเสียงรอบทิศทางหลายแบบ ได้แก่ Dolby Atmos, Windows Sonic Spatial Sound, Tempest 3D Audio Tech
- ทำจากวัสดุรีไซเคิลเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและงานประกอบแข็งแรงและยืดหยุ่นดี
- แยกทิศทางเสียงตอนเล่นเกมได้ดี ใช้เล่นเกมหลากหลายแนวโดยเฉพาะ FPS ถือว่าดี
จุดสังเกตของ Logitech G435 LIGHTSPEED
- ไม่รองรับซอฟท์แวร์ Logitech G HUB ต้องควบคุมด้วยการกดปุ่มที่ตัวหูฟัง
- ไมโครโฟนที่ตัวเฮดโฟนให้เสียงพูดที่ระดับสื่อสารได้ ถ้าให้ดีควรต่อไมค์แยกดีกว่า
- ไม่เหมาะกับคนศีรษะใหญ่ เพราะตัวหูฟังจะกางแล้วรั้งกระหม่อมหน้าของศีรษะและติ่งหูของผู้ใช้
Video Review
สเปคของ Logitech G435 LIGHTSPEED
สเปคของเกมมิ่งเฮดโฟน Logitech G435 รุ่นนี้ จัดว่าเป็นหูฟังที่ออกแบบมาใช้งานแบบไร้สาย 100% ทำจากวัสดุรีไซเคิลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก มีสีสันที่สวยงามและมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจทีเดียว โดยมีสเปคดังนี้
สเปคของ Logitech G435 LIGHTSPEED |
รายละเอียด |
ขนาดของไดรเวอร์ | 40 มม. ค่าความต้านทาน 45 โอห์มแบบ Passive |
Frequency response หูฟัง | 20 Hz – 20 kHz |
Frequency response ไมโครโฟน | 100 Hz – 8 kHz |
เทคโนโลยีเสียง | Dolby Atmos Windows Sonic Spatial Sound Tempest 3D Audio Tech |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth USB Wireless “LIGHTSPEED” อินเตอร์เฟสเป็น USB 2.0 |
แพลตฟอร์มที่รองรับ | Windows 10 หรือใหม่กว่า macOS X 10.14 PlayStation 4 PlayStation 5 |
แบตเตอรี่และระยะเวลาใช้งาน | สูงสุด 18 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB-C ที่เฮดโฟน (ในกล่องแถมสาย USB-C to A มาให้ 1 เส้น) |
ราคา | 2,290 บาท |
จากสเปคแล้ว จะเห็นว่าตัวเฮดโฟนไร้สายรุ่นนี้ของ Logitech ถึงจะเป็นรุ่นเริ่มต้นของกลุ่มใช้งานไร้สาย 100% ก็ตาม แต่ฟีเจอร์ต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้ในตัวหูฟังนั้นถือว่าครบเครื่อง เหมาะสำหรับเกมเมอร์อย่างแน่นอน ถ้าใครอยากเล่นเกมแบบไร้สายและจะเอาไปต่อกับมือถือเพื่อเล่นเกมก็ถือว่าน่าสนใจทีเดียว
ในกล่อง Logitech G435 LIGHTSPEED และดีไซน์รอบตัว
ตัวกล่องของ Logitech G435 ตัวนี้ จะเป็นกล่องตามสไตล์ของ Logitech ที่หน้ากล่องเป็นชื่อรุ่นกับหูฟังสีเดียวกับตัวหูฟังในกล่องเช่นเดียวกับภาพที่ปริ้นท์ไว้ด้านขวาของกล่อง ส่วนด้านหลังจะเป็นภาพพร้อมคำอธิบายวิธีการใช้งานและลงรายละเอียดสเปคเอาไว้ที่ฝั่งขวาของกล่องพร้อมสัญลักษณ์การรับประกันความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เพื่อยืนยันว่าหูฟังเกมมิ่งตัวนี้ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน
ในกล่อง Logitech G435 ตัวนี้ เมื่อเทียบกับเกมมิ่งเฮดโฟนของ Logitech รุ่นบนแล้ว ต้องถือว่าทางบริษัทให้อุปกรณ์เสริมมาในระดับเพียงพอใช้งานเท่านั้น เมื่อเปิดกล่องมาจะมีเพียงตัวเฮดโฟน, สาย USB-C to A หนึ่งเส้น และ USB Wireless “LIGHTSPEED” สำหรับเชื่อมต่อกับพีซีหรือเครื่องคอนโซลอีกหนึ่งชิ้น เนื่องจากเฮดโฟนตัวนี้จะติดตั้งไมโครโฟนมาให้แบบฝังเอาไว้ในตัว ไม่สามารถถอดแยกชิ้นได้ และใช้งานแบบไร้สายอย่างเดียว ดังนั้นอุปกรณ์เสริมในกล่องจึงมีแค่เท่าที่จำเป็น
ดีไซน์ของหูฟัง Logitech G435 เอง จะเน้นทางความเรียบง่ายและใช้สีตัดกันอย่างสีดำกับสายไฟและปุ่มสีเหลืองเลม่อนสะท้อนแสง หรือขาวกับฟ้าและสามสีผสมกันอย่างน้ำเงินที่ตัวโครงและฟองน้ำแดงและผ้าที่คาดตัวเฮดโฟนเป็นสีม่วง ทำให้เกมเมอร์เลือกสีให้เข้ากับสไตล์และรสนิยมของตัวเองได้ง่ายขึ้น
ถ้าสังเกตจากตัวเฮดโฟนจะเห็นว่าภายนอกจะดูเรียบๆ เหมือนหูฟังใช้งานทั่วๆ ไป แต่ตัวก้านจับหูฟังยังดีไซน์ให้กลิ่นอายความล้ำสมัยอยู่ระดับหนึ่ง จากที่คาดหูฟังด้านบนที่หุ้มผ้าเอาไว้ลงมาจะเป็นก้านพลาสติกสองฝั่งที่รวมปลายเป็นทรงสามเหลี่ยมกับสายไฟสีเหลืองเลม่อนแล้วต่อยาวออกมาที่ตัวครอบหูด้านข้างเป็นก้านปรับระยะความยาวของตัวหูฟังให้เข้ากับระยะศีรษะของผู้ใช้ได้ สกรีนโลโก้ตัว G ของ Logitech Gaming และรหัส G435 ของหูฟังรุ่นนี้เอาไว้ที่ตัวครอบหูทั้งสองด้าน ด้านปุ่มควบคุมตัวเฮดโฟน, ไมโครโฟนและพอร์ต USB-C รวมเอาไว้ที่ตัวครอบหูฝั่งซ้ายมือทั้งหมดเป็นชุดเดียว
ส่วนด้านในของตัวที่คาดหูฟังจะติดแถบพลาสติกพร้อมตัวอักษร L, R แบ่งฝั่งซ้ายเขวาเวลาใช้งานเอาไว้ และมีอักษรเบรลล์สำหรับผู้พิการทางสายตาทำเป็นจุดพลาสติกนูนเอาไว้ตรงก้านหูฟังด้านนอกตรงจุดรวมก้านหูฟัง แบ่งฝั่งเป็น L, R เช่นกัน เป็นการออกแบบติดตัวอักษรให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้สะดวกทุกคนและสามารถคลำหาเจอได้ง่ายอีกด้วย
ด้านปุ่มควบคุมการทำงานของเฮดโฟนที่รวมเอาไว้กับไมโครโฟนและพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่จะมีไฟแสดงสถานะติดเอาไว้ด้านบนสุด โดยจะมีสองสีด้วยกันคือสีฟ้าเมื่อเชื่อมต่อในโหมด Bluetooth ถ้าใช้ LIGHTSPEED จะเป็นสีเขียว ถัดลงมาเป็นปุ่มเปิดปิดหูฟัง, ปุ่มเพิ่มลดความดังของเสียงและปุ่มเปิดปิดไมโครโฟนของ Logitech G435 และพอร์ต USB-C จะอยู่ขอบล่างสุดของตัวครอบหู
สำหรับไฟแสดงสถานะ ถ้าใช้ฟังเพลงหรือเล่นเกมมาสักระยะแล้วต้องการเช็คแบตเตอรี่ว่าเหลืออยู่เยอะหรือไม่ จะมีวิธีเช็คคือ ให้เรากดปุ่ม Power ปุ่มเดียวค้างเอาไว้ 5 วินาที ถ้าแบตเตอรี่ยังอยู่ช่วง 31-100% ไฟจะเป็นสีเขียว แต่ถ้าไฟเป็นสีแดงคือแบตเตอรี่เริ่มน้อยแล้ว และมีไฟสีแดงแจ้งผู้ใช้ทั้งหมด 2 แบบคือ ถ้าเป็นไฟสีแดงค้าง 5 วินาที แสดงว่าแบตเตอรี่เหลือ 15-30% แต่ถ้าต่ำกว่า 15% เมื่อไหร่ จะกลายเป็นไฟสีแดงกระพริบ 5 วินาที ซึ่งถ้าไฟแดงขึ้นเมื่อไหร่ ผู้เขียนแนะนำให้นำไปชาร์จแบตเตอรี่เลยจะดีที่สุดเพื่อถนอมอายุแบตเตอรี่ในตัวหูฟัง
ส่วนไมโครโฟนของเฮดโฟนตัวนี้จะฝังเอาไว้ตรงที่ครอบหูฝั่งซ้ายแต่ติดเอาไว้ด้านหน้าของตัวครอบหูและถอดออกไม่ได้นั่นเอง ส่วนคุณภาพเสียงจากการทดลองใช้สื่อสารกับเพื่อนแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้สื่อสารรู้เรื่องในระดับของไมโครโฟนติดเกมมิ่งเฮดโฟน แต่เรื่องความเคลียร์ใสและเสียงไมค์กับเสียงพูดของเจ้าของเสียงนั้นถือว่ายังไม่ตรงกันเสียทีเดียว ดังนั้นไมค์นี้จึงไม่เหมาะกังานสายพากย์เสียงหรืออัด Podcast อย่างแน่นอน แต่ถ้าเอาไว้ไลฟ์สตรีมเกมถือว่ายังใช้งานได้ แต่ถ้าโฟกัสคุณภาพเสียงว่าถ้าอยากให้ดีกว่านี้ควรต่อไมโครโฟนแยกไปเลยจะดีกว่า
ส่วนตัวครอบหูฟังจะเป็นฟองน้ำเนื้อผ้านุ่มสามารถใส่เล่นเกมได้หลายชั่วโมงโดยไม่ต้องถอดออกก็ได้ ไม่กดให้เกิดอาการอึดอัดนัก แต่ตัวหูฟังเป็นเนื้อผ้าดังนั้นถ้าใครมีเหงื่อเยอะแล้วไม่อยากให้มีกลิ่นอับแนะนำให้เช็ดเป็นครั้งคราวไปและวางให้แสงแดดในห้องโดนตัวหูฟังสักหน่อยจะช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นอับได้
อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ทั้ง 2 ชิ้นในกล่องจะมีสาย USB-C to A หนึ่งเส้นสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้หูฟัง โดยจะชาร์จผ่านพอร์ต USB-A ของพีซีหรือจะต่อ Power Bank ทิ้งเอาไว้ก่อนนอนก็ได้ และ USB Wireless “LIGHTSPEED” อีกหนึ่งตัวสำหรับต่อกับพีซีหรือคอนโซลเครื่องที่ต้องการใช้ ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อแล้วคอมกับ LIGHTSPEED จะใช้เวลาสื่อสารกันสักครู่ แล้วก็พร้อมใช้งานทันทีและมีขนาดเล็กอีกด้วย ดังนั้นถ้าต้องการพกใส่กระเป๋าไปกลับออฟฟิศก็ถือว่าพกไม่ลำบากมากนัก
การควบคุมและการตั้งค่า Logitech G435 LIGHTSPEED ด้วยวิธีกดปุ่มข้างหูฟัง
สิ่งแรกที่ต้องยอมรับและดูน่าเสียดายสักหน่อย คือ Logitech G435 LIGHTSPEED ตัวนี้ใช้ Logitech G HUB ที่เป็นซอฟท์แวร์ปรับแต่งตั้งค่าเกมมิ่งเกียร์ของ Logitech โดยเฉพาะ ซึ่งพอต่อกับคอมพิวเตอร์และเปิดโปรแกรมนี้ขึ้นมาแล้ว ตัวซอฟท์แวร์จะแจ้งเราทันทีว่า Logitech G435 ตัวนี้ไม่รองรับ
สำหรับวิธีการควบคุม, สลับโหมดและใช้งานตัวหูฟังนี้ จะต้องใช้วิธีการกดปุ่มด้านข้างหูฟังทั้งแบบกดปุ่มเดียวหรือพร้อมกันมากกว่า 1 ปุ่ม ซึ่งวิธีกดจะมีดังนี้
- เริ่มต้นเชื่อมต่อใช้งาน
- LIGHTSPEED – เชื่อมต่อ USB Wireless “LIGHTSPEED” เข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องที่ต้องการใช้งาน แล้วกดปุ่ม Power ที่หูฟังค้างเอาไว้ราว 1-2 วินาทีจนไฟ LED ติดและกลายเป็นสีฟ้า
- Bluetooth – เปิดหูฟังให้ติดพร้อมใช้งานก่อน จากนั้นกดปุ่ม Power กับปุ่ม Mute (รูปไมค์มีเครื่องหมายกากบาท) คู่กันค้างเอาไว้ 3 วินาทีจนไฟสีฟ้ากลายเป็นไฟสีน้ำเงินและกระพริบ ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าพร้อมเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Bluetooth แล้ว ค่อยไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่เราต้องการใช้งานด้วย เช่นพีซี, สมาร์ทโฟน ของเราเป็นต้น
- เปิดปิดหูฟัง – เปิดให้กดปุ่ม Power ค้างไว้ 1.5 วินาที ถ้าปิดจะมี 2 แบบ คือกดปุ่ม Power ค้างไว้ 3 วินาที หรือปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ได้ใช้งานเกิน 30 นาที หูฟังจะดับเองอัตโนมัติ
- สลับระหว่าง LIGHTSPEED กับ Bluetooth – กดปุ่ม Mute ค้างเอาไว้ 5 วินาที ไฟแสดงสถานะจะกระพริบ ถ้าเป็นกระพริบสีฟ้าอ่อนจะเป็น LIGHTSPEED ถ้าเป็นสีน้ำเงินจะเป็น Bluetooth
- เปิดปิดไมค์ – กดปุ่ม Mute ครั้งเดียว ไม่ต้องกดค้าง
- เปิดฟังก์ชั่น Sidetone – ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์สำหรับเปิดให้ได้ยินเสียงด้านนอกหูฟังชัดเจนขึ้น ทำให้เราคุยกับคนรอบตัวได้โดยไม่ต้องถอดเฮดโฟนออกก็ได้ โดยฟีเจอร์นี้เสียงที่ได้ยินจะดังแบบแทรกเสียงเพลงหรือเสียงเกมเข้ามาระดับหนึ่งแต่ไม่กลบเสียงหลักในหูฟัง โดยวิธีกดคือ กดปุ่ม Mute 2 ครั้ง เพื่อเปิดหรือปิด Sidetone ถ้าไฟสถานะกระพริบสีส้ม 2 ครั้ง แสดงว่าเสียงภายนอกจะเข้ามาได้ แต่ถ้ากระพริบครั้งเดียวจะปิดฟีเจอร์นี้ไป
- กรณีเสียงของ Sidetone เบาเกินไป ต้องการเร่งเสียงให้ดังขึ้นให้กดปุ่ม Mute กับปุ่ม + คู่กันหนึ่งครั้งเพื่อเพิ่มเสียงขึ้นเรื่อยๆ
- กรณีเสียงของ Sidetone ดังเกินไป ต้องการเบาเสียงให้ดังขึ้นให้กดปุ่ม Mute กับปุ่ม – คู่กันหนึ่งครั้งเพื่อเบาเสียงลง
- เปิดเสียงดัง
- ระดับเสียง 100 dB – กดปุ่มเพิ่มเสียง (เครื่องหมาย +) คู่กับปุ่ม Mute ค้างเอาไว้ 3 วินาที ไฟสถานะจะกระพริบสีส้ม 3 ครั้ง
- ระดับเสียง 85 dB – กดปุ่มลดเสียง (เครื่องหมาย -) คู่กับปุ่ม Mute ค้างเอาไว้ 3 วินาที ไฟสถานะเปลี่ยนเป็นสีส้มค้างไว้ 5 วินาที
- เช็คแบตเตอรี่ของหูฟัง – กดปุ่ม Power ค้างเอาไว้ 5 วินาทีตอนเปิดหูฟังอยู่ ถ้าไฟสีเขียวแสดงว่าแบตเตอรี่อยู่ช่วง 31-100% ถ้าเป็นไฟแดงสว่างค้างอยู่ 5 วินาที แสดงว่าแบตเตอรี่จะเหลือราว 15-30% ถ้าเป็นไฟแดงกระพริบ 5 วินาที แสดงว่าแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 15% แล้ว ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าถ้าไฟสถานะกลายเป็นสีแดงแล้วแนะนำให้ชาร์จแบตเตอรี่ไปเลยดีกว่า
ประสบการณ์ใช้งาน ข้อดีและจุดสังเกตที่ไม่ควรมองข้ามก่อนซื้อมาใช้งาน
ด้านประสบการณ์การใช้งานในฝั่ง LIGHTSPEED ในแง่ของการใช้งานต้องถือว่าทาง Logitech ทำ USB Wireless สำหรับรับส่งสัญญาณเสียงได้ดีและน่าประทับใจ แม้จะเป็นรุ่นราคาคุ้มค่าของเกมมิ่งเฮดโฟน Logitech ก็ตาม แต่เรื่องสัญญาณต้องถือว่ารับส่งได้ดีและครบเหมือนกับเราต่อหูฟังแบบมีสายไม่มีผิดและรับส่งสัญญาณได้ดีไม่แพ้กับรุ่นราคาแพงกว่าเลย ซึ่งส่วนตัวถ้าใครอยากได้เกมมิ่งเฮดโฟนเอาไว้เล่นเกมอย่างเดียวและไม่อยากให้สายหูฟังไม่ว่าจะเป็น USB หรือสาย 3.5 มม. มาเกะกะเป็นภาระก็เลือกรุ่นนี้มาเล่นเกมได้สบายๆ
จากการทดลองเล่นเกม FPS, RPG ดูหลายๆ เกม ต้องถือว่าเรื่องสัญญาณและทิศทางของเสียงหูฟังตัวนี้ทำได้ดี โดยตัวหูฟังจะจัดการจำลองทิศทางเสียงให้เราได้ยินว่าตอนนี้ศัตรูอยู่ฝั่งไหนโดยแบ่งเป็นฝั่งซ้ายและขวาเป็นหลักและอาจจะมีทิศทางอื่นเสริมเข้ามาเล็กน้อย แต่ไม่ถึงระดับ 7.1 แชนแนลที่ได้เสียงรอบมุมและมาทุกทางอย่างละเอียดแบบ Logitech G Pro X Wireless ที่รีวิวไปก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่ก็ถือว่ามากพอให้เราพอแยกและตอบสนองทิศทางได้ไวขึ้น ซึ่งจากที่ผู้เขียนทดลองเล่น Tom’s Clancy The Division 2 และเกมอื่นๆ ดูแล้ว Logitech G435 LIGHTSPEED ตัวนี้ช่วยให้ผู้เขียนพอแบ่งทิศทางศัตรูที่บุกเข้ามาตอนปะทะกันได้เร็วและดีขึ้นพอควร
ส่วนระยะการเชื่อมต่อที่เป็นเอกลักษณ์และผู้เขียนชื่นชอบ LIGHTSPEED เป็นส่วนตัว ถือว่ายังได้ระยะที่ไกลน่าประทับใจเท่ากับรุ่นบนตัวท็อปๆ เลยทีเดียว ซึ่งผู้เขียนทดลองเสียบตัว USB Wireless เอาไว้กับพีซีที่อยู่บนบ้านชั้น 2 จากนั้นเดินถอยออกมาในระยะ 10 เมตร ก็ยังอยู่ในอาณัติสัญญาณระหว่างหูฟังกับตัว USB และถึงจะเดินลงมาชั้นล่างของตัวบ้านที่มีคานปูนคั่นกลางระหว่างชั้น 1-2 ก็ตาม ตัว USB Wireless ก็ยังส่งสัญญาณด้วยคลื่น 2.4 GHz ได้ตามปกติ เทียบแล้วต้องถือว่าได้ระยะใกล้เคียงกับสัญญาณ Wi-Fi เลย ดังนั้นถ้าใครต่อหูฟังกับคอมพิวเตอร์ด้วยตัว USB แล้วเดินไปไหนมาไหนห่างจากคอมพิวเตอร์ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องสัญญาณเสียงขาดหายอย่างแน่นอน และถ้าคุยกับคนรอบตัวก็เปิด Sidetone คุยกับคนรอบตัวได้เลยแล้วถ้าโฟกัสงานก็ปิดและฟังเพลงหรือเล่นเกมต่อได้ทันที
ส่วนโหมด Bluetooth ส่วนตัวผู้เขียนเห็นว่าเป็นโหมดที่เหมาะกับการต่อกับสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ตหรือโน้ตบุ๊คสำหรับทำงานเป็นหลัก ไม่แนะนำให้ใช้โหมดนี้เล่นเกมเท่าไหร่เนื่องจากอาจจะมีดีเลย์หรือแชนแนลเสียงหายไปบ้าง แต่ตอนต่อกับมือถือแล้วถือว่าเชื่อมต่อได้ดีไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน สามารถใช้ฟังเพลงได้และตอนเล่นเกมก็ไม่ค่อยพบอาการดีเลย์เท่าที่กังวลอยู่นัก ดังนั้นเรื่องการเชื่อมต่อ Bluetooth ด้วยหูฟังตัวนี้ถือว่าเอามาเล่นเกมสมาร์ทโฟนได้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน รวมทั้งรับแชนแนลเสียงตอนฟังเพลงได้ดีพอควรด้วย
ด้านเสียงเพลงตอนลองฟังด้วย Logitech G435 LIGHTSPEED ผ่าน LIGHTSPEED หรือ Bluetooth ก็ตาม โทนเสียงของหูฟังจากการรับรู้ของผู้เขียนคือโทนจะได้เบสเด่นขึ้นมาเป็นหลักก่อน ส่วนเสียงเครื่องดนตรีอื่นๆ จะออกทาง Flat นิดๆ ได้เสียงนักร้องค่อนข้างชัดและสเตจเสียงกว้างระดับหนึ่งไม่แคบเกินไป โดยส่วนตัวผู้เขียนถือว่าเอาไปใช้ฟังเพลงระหว่างทำงานได้ระดับหนึ่งให้พอมีสมาธิทำงานได้ แต่อาจจะไม่ถึงกับที่หูฟังที่ออกแบบมาเน้นเรื่องการฟังเพลงเป็นหลัก แต่ก็ให้ความบันเทิงได้ดีระดับหนึ่งเลย ซึ่งส่วนตัวถ้าเอาไปฟังเพลงอาจจะเหมาะกับแนว R&B, Hip Hip, Rock, EDM หรือแนวใกล้เคียงกันเป็นหลัก ส่วนประเภทแจ๊สอาจจะพอฟังได้แต่ไม่โดดเด่นเป็นพิเศษ
ถ้าพูดถึงข้อดีและจุดเด่นของหูฟังตัวนี้ ส่วนตัวผู้เขียนมองว่า Logitech G435 LIGHTSPEED จะเด่นและน่าสนใจในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการหาหูฟังตัวเดียวเอาไว้ใช้งานทั้งที่บ้านและออฟฟิศ โดยสลับการเชื่อมต่อระหว่างตัว LIGHTSPEED เวลาเล่นเกมที่บ้านให้การเชื่อมต่อและรับส่งสัญญาณเสียงครบถ้วนและเร็วที่สุด ส่วนเวลาทำงานก็เปลี่ยนเป็นโหมด Bluetooth เพื่อฟังเพลงและตัดเสียงรบกวนสมาธิเวลาทำงานและอาจจะใช้ประชุมงานออนไลน์ไปด้วยในตัว ถือว่าเหมาะกับคนที่ไม่อยากซื้ออุปกรณ์อย่างเฮดโฟนซ้ำซ้อนกันหลายๆ อัน ก็ซื้อตัวนี้เอาไว้แล้วสลับโหมดการใช้งานไปมาได้เลย
ส่วนระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 18 ชั่วโมงที่ทาง Logitech เคลมเอาไว้ที่หน้าเว็บไซต์ ต้องถือว่าใช้งานได้นานทีเดียว โดยส่วนตัวผู้เขียนใช้งานตามปกติอย่างนั่งฟังเพลงระหว่างวันและเล่นเกมตอนกลางคืนต่อเนื่องราว 4-5 ชั่วโมงก็ยังไม่หมด ดังนั้นเรื่องระยะเวลาใช้งานถ้าถือว่าชาร์จใช้งานแบบวันต่อวันเหมือนสมาร์ทโฟนก็จัดว่าหายห่วงอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่น่าเสียดายแต่เข้าใจได้อย่างการไม่รองรับ Logitech G HUB แล้วต้องกดปุ่มด้านข้างหูฟังเพื่อตั้งค่าหรือควบคุมเป็นหลักก็ถือว่าใช้งานได้ โดยส่วนตัวผู้เขียนที่เป็นคนชอบการสั่งการ, ควบคุมและตั้งค่าฮาร์ดแวร์ด้วยซอฟท์แวร์ที่ติดตั้งเอาไว้ในพีซีของเราถือว่าไม่แย่อย่างที่เป็นห่วงนัก แต่ในฐานะเกมเมอร์ที่ใช้ไมโครโฟนพูดคุยและสื่อสารกับเพื่อนผ่าน Discord ต้องถือว่าถึงจะใช้สื่อสารได้ก็ตาม แต่คุณภาพเสียงต้องถือว่าตามราคาและอยู่ระดับที่พอสื่อสารและคุยกันรู้เรื่องระดับหนึ่งเท่านั้น และเสียงพูดของผู้เขียนเองก็ถือว่าเพี้ยนไปจากตัวจริงนิดหน่อย (เพื่อนที่ได้ยินเสียงไมค์ของ Logitech G435 LIGHTSPEED พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเสียงของผู้เขียนคล้ายคนเป็นหวัดทั้งที่สภาพร่างกายปกติดี) ดังนั้นถ้าใครอยากไลฟ์สตรีมเกมแนะนำให้ต่อไมโครโฟนแยกโดยเฉพาะให้เสียงดีขึ้นไปเลยจะดีที่สุด
สุดท้าย เรื่องขนาดและดีไซน์ของตัวหูฟังนั้นถือว่าเหมาะกับคนหัวเล็กเป็นหลัก และผู้เขียนที่เป็นคนหัวโตเวลาสวมหูฟังแบบเอาที่คาดศีรษะมาอยู่ตรงกลางหัวแล้วเจอปัญหาว่าตัวหูฟังนั้นจะรั้งและกดที่ตัวกระหม่อมพอควรและตัวครอบหูก็รั้งติ่งหูขึ้นมาจนเกิดอาการรำคาญระหว่างใช้งานอีกด้วย ซึ่งถ้าใครซื้อมาใช้งานแล้วเป็นคนหัวเล็กก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าหัวใหญ่แบบผู้เขียนก็แนะนำให้เลื่อนตัวที่คาดหัวไปกระหม่อมหน้าสักหน่อยจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน
บทสรุป – หูฟังเกมมิ่งที่ดี ใช้งานได้รอบด้าน แม้ใช้ Logitech G HUB ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรและราคาเข้าถึงง่าย
สุดท้ายแล้ว Logitech G435 นั้นเป็นหูฟังเกมมิ่งที่ดีและเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ตอบโจทย์เกมเมอร์ที่อยากจัดโต๊ะคอม ลดสายไฟเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และตัวหูฟังลงไปให้น้อยที่สุดหรือไม่มีเลยยิ่งดี แต่งบประมาณในกระเป๋ายังไม่พร้อมระดับ Logitech G Pro X Wireless ล่ะก็นี่คือหูฟังเกมมิ่งที่เชื่อมต่อไร้สายด้วย LIGHTSPEED ได้ดีไม่แพ้กันเลย รวมทั้งสลับโหมดไป Bluetooth ต่อกับโน๊ตบุ๊คหรือสมาร์ทโฟนของเราตอนพกไปทำงานที่ออฟฟิศ, ร้านกาแฟหรือ Co-working space ได้และดีไซน์ไม่หวือหวาเกินไปอีกด้วย
นอกจากนี้ การที่เชื่อมต่อ Bluetooth ได้ด้วย เลยทำให้เล่นเกมมือถือหรือดูหนังก็ได้อารมณ์ไม่น้อย ซึ่งมีหูฟังตัวนี้ตัวเดียวก็ลดอุปกรณ์ซ้ำซ้อนในกระเป๋าไปได้มากทีเดียว ยกเว้นผู้ใช้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงและเน้นคุณภาพเสียงเป็นพิเศษก็อาจจะพกหูฟังที่ออกแบบไดรเวอร์มาเน้นเรื่องการฟังเพลงเป็นหลักไปเลยจะดีที่สุด แต่ถ้าโดยรวมแล้วจัดว่า Logitech G435 ตัวนี้เป็นหูฟังที่ใช้งานได้รอบด้านจริงๆ และราคาค่างวดเพียง 2,290 บาทและกับหูฟังที่เชื่อมต่อไร้สายได้ดีแบบนี้ ถือว่าอยู่ในระดับราคาที่น่าสนใจทีเดียว