หูฟังแบบสวมศีรษะ ที่น้ำหนักเบา ไร้สาย เสียงดีเกินตัว กับรีวิว Marshall Major IV ที่จัดว่าจิ๋วแต่แจ๋วที่สุดรุ่นหนึ่งตั้งแต่ทีมงานเคยได้รีวิว สวมใส่สบาย เสียงดีในแบบ Marshall พร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่จะจิ๋วแจ๋วแค่ไหน ต้องไปชมกัน
Marshall Major IV เป็นหนึ่งในรุ่นที่มีการอัพเกรทขึ้นมาจากรุ่น 3 อยู่หลายประการ ด้วยหูฟังแบบไร้สายเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 ในรูปแบบเฮดโฟนที่มีขนาดไม่ใหญ่ พร้อมจุดเด่นที่ไดร์ฟเวอร์ขนาด 40 มิลลิเมตร มีแบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้ถึง 80 ชั่วโมง อึดขึ้นกว่าเดิม แถมชาร์ตเร็ว 15 นาที ใช้ได้ 15 ชั่วโมง และยังรองรับการชาร์ตไร้สาย หรือไม่ชอบไร้สายก็ยังสามาถเชื่อมต่อผ่านสาย 3.5 มิลลิเมตรได้ เบาเพียง 165 กรัม ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ โดยมี 2 สีให้เลือกทั้งน้ำดำ และน้ำตาลแบบที่ทีมงานได้มารีวิว แต่จะสวย และเสียงดีขนาดไหนไปชมกัน
Marshall Major IV
- Frequency Response : 20 Hz – 20 kHz
- Driver Sensitivity : 99 dB SPL (100mV @ 1kHz)
- Driver Type : Dynamic
- Driver Impedance : 32 Ω
- Drivers : 40 mm
- Wireless Charging : Yes (Wireless charging pad is not included)
- Play Time : 80+ hours with Bluetooth
- Charging Time : 3 hours to full recharge
- 15 minutes charging gives you 15 hours of wireless playtime
- Microphone & Remote : Yes
- Bluetooth Range : 10 m
- Control Knob : Yes
- Wireless Connectivity : Bluetooth 5.0
- Box Contents
- Major IV headphones
- 3.5 mm audio cord
- User manual and legal and safety information
-
USB-C charging cable
-
PHYSICAL UNIT
-
Collapsible : Yes
- Black
- Brown
กล่องของ Marshall Major IV มาในขนาดกะทัดรัด พร้อมโชว์หน้าตาฟีเจอร์ต่างๆที่ครบครัน
เปิดกล่องมาจะเจอ Marshall Major IV ในรูปแบบพับเก็บอยู่ภายใน
อุปกรณ์มาตรฐานในกล่องจะมีเจ้า Marshall Major IV คู่มือ สายชาร์ต และสายต่อ 3.5 มิลลิเมตร
สายต่อแบบ 3.5 มิลลิเมตรที่แถมมาให้สำหรับใช้กับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ Bluetooth หรืออยากสัมผัสเสียงแบบเชื่อมต่อตรงแบบสาย
สายชาร์ตเป็นแบบ USB-C to USB-A มีการขึ้นลายที่หัวชาร์ต และมีความแข็งแรงดีมาก
หูฟัง Marshall Major IV จะสามารถพับเก็บได้เวลาไม่ใช้งาน
Marshall Major IV เป็นหูฟัง On-Ear แนบหูขนาดเล็ก น้ำหนักเบามากๆ เพียง 165 กรัมเท่านั้น มาพร้อมรูปร่างหน้าตาที่ไม่ต่างจากในรุ่น 3 เท่าไหร่นัก วัสดุที่เลือกสรรค์มาเป็นอย่างดี Earcup ภายในเลือกใช้เป็นโฟมที่ให้สัมผัสที่นุ่มสบายหูมากๆ ส่วนด้านนอกยังคงใช้เป็นหนังที่มีความหรูหราพรีเมียม จับถนัดมือ ให้อารมณ์ความเป็น Marshall อยู่เช่นเดิม ก้านเป็นโลหะสามารถยืดหดได้พอสมควร ดีไซน์นี้หลายๆท่านที่ชื่อชอบสไตล์ Marshall น่าจะชอบกันไม่มากก็น้อย
แพ็ดตัวหุฟังทำมาจากหนักขึ้นลายสีน้ำตลาด พร้อมพิมพ์โลโก้ Marshall และบอกด้านซ้าย ขวา วัสดุที่เป็นหนังดีมาก ทำให้ดูหนูหราและทนทานดีทีเดียว ขอบมีการเย็บอย่างเรียบร้อย งานดี
Earcup เป็นหนัง PU วัสดุคุณภาพดี ภายในเลือกใช้เป็นโฟมที่ให้สัมผัสที่นุ่มสบายหูมากๆ ใส่สบาย และน้ำหนักเบา
บริเวณขอบหูฟังด้านขวาจะเป็นปุ่ม Control Knob สีทองที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ ทำหน้าที่ควบคุมต่างๆ อย่างครบครันทั้ง เล่น/หยุดเพลง รับสาย/วางสาย เรียกใช้งานผู้ช่วยเสียง เพิ่มเสียง/ลดเสียง ย้อนกลับเพลงก่อนหน้า/ข้ามไปเพลงถัดไป และเปิด/ปิด นอกจากนั้นก็ยังมีไมค์โครโฟน ช่องต่อสายชาร์ตแบบ USB Type-C และขั้วต่อสาย 3.5 มิลลิเมตร สำหรับเชื่อมต่อหูฟังแบบสาย
อีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้เลยคือ รองรับการชาร์ตไร้สายที่หูฟังด้านขวา แค่วางไปบนแท่นก็ชาร์ตได้ทันที
ส่วนช่อง AUX/3.5 mm. นั้นสำหรับการเชื่อมต่อแบบมีสาย และพิเศษด้วยฟังก์ชั่น Sharing การทำงานคือขณะที่เชื่อมต่อ Bluetooth อยู่นั้น หากนำหูฟังมีสายอื่นๆ มาเชื่อมต่อก็สามารถแชร์เพลงที่กำลังฟังอยู่เข้าไปในหูฟังนั้นๆ ได้ในทันที
การสวมใส่
ด้วยน้ำหนักที่เบามาก ทำให้สวมใส่ได้สบาย ใส่ต่อเนื่องได้โดยที่ไม่รู้สึกหนักศีรษะ เรียกว่าเหมือนไม่ได้ใส่เลย และการที่เป็นแบบ On Ear ทำให้ใบหูไม่รู้สึกอับ และตัวหูฟังก็ไม่ได้กดลงบนใบหูหนัก แต่ก็เป็นข้อเสียที่ไม่สามารถใส่ออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวศีรษะหนักๆได้จะทำให้ตัวหูฟังเลื่อนหล่นได้ค่อนข้างง่าย
ฟังค์ชั่น
ฟังค์ชั่นหลักจะอยู่ที่ปุ่มแบบจอยสติ๊กทางด้านขวา ซึ่งจะทำหน้าที่ตั้งแต่เชื่อมต่อ ควบคุมเสียง ควบคุมเพลง ซึ่งใช้ง่ายและสะดวกมาก สะดวกกว่าพวกหูฟังทีุ่่มเยอะๆ ซะอีก ปุ่มเดียวจบ
คุณภาพเสียง
ด้วยไดรเวอร์เสียงแบบ Dynamic ข้างละ 40 มิลลิเมตร สำหรับขับเสียงย่านกลาง สูง และเบส ทำให้สัมผัสได้ถึงแนวเสียงแบบ Marshall ที่ให้รายละเอียดเสียงครบทุกย่าน ไม่ว่าจะโทนเสียงกลางที่ค่อนข้างใส่ รายละเอียดครบ เสียงแหลมก็ดีไม่บาดหรือสูงจนเกินไป และเสียงเบสที่มีความหนักแน่น ลูกใหญ่ ฟังสนุกแต่ก็ไม่ได้หนักจนไม่สบายหู เรียกได้ว่าครบทุกย่านเสียง โดยเฉพาะท่านที่ชอบเบสแน่นๆ หรือฟังเพลงแนวร็อคน่าจะชื่นชอบเป็นพิเศษ นอกจากนั้นเวทีเสียงให้รายละเอียดที่ชัดเจน และกว้างขึ้นกว่ารุ่นก่อน
คุณภาพไมค์
ที่รับเสียงได้คมชัด ตัดเสียงแทรกได้ดีในระดับหนึ่งครับ คุยริมถนน หรือในออฟฟิศที่มีคนอยู่เยอะได้สบายๆ หรือถ้าประชุมในห้องปิดจะรับเสียงได้คมชัดดีมาก แม้ไม่ได้พูดเสียงดัง
แบตเตอรี่
ตามสเปคเคลมไว้ว่าสามารถใช้ได้ 80 ชั่วโมง ซึ่งทีมงานใช้งานต่อเนื่องราว 3 ชั่วโมง แบตเตอรี่ลดไปแค่ราว 20% เท่านั้น จัดว่าแบตเตอรี่อึดทีเดียว นอกจากนั้นยังรองรับการชาร์ตไร้สาย หรือต่อสายชาร์ตด่วน 15 นาที ใช้ได้ถึง 15 ชั่วโมง แบตอึดจริงแถมชาร์ตไวด้วย
Marshall Major IV เป็นเฮดโฟนที่ใส่สบายอย่างมาก ด้วยน้ำหนักที่เบา และเป็นแบบ on ear ทำให้ใส่ต่อเนื่องได้ไม่อับ ใส่ฟังเพลง ทำงานตลอดทั้งวันสบายๆ ในเรื่องของเสียงก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ในแบบ Marshall โดยเฉพาะเสียงเบสที่มาครบ แต่จะฟังเพลงแนวอื่นหรือดูหนังเล่นเกมก็สบายๆ
อีกหนึ่งจุดเด่นก็จะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่การันตีความอึดที่หูฟังแบบอื่นให้ไม่ได้ ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวๆทั้งวันสบายๆ และยังมีฟังค์ชั่นชาร์ตไว และชาร์ตไร้สายก็ยังได้
สำหรับเพื่อนๆที่อยากได้เฮดโฟนใส่บาย เสียงดี ใช้งานง่ายและแบตอึดละก็ Marshall Major IV ตัวนี้คือคำตอบ ด้วยราคาค่าตัว 5,490 บาท ถ้าเทียบกับคุณภาพเสียงฟังค์ชั่นต่างๆและถือว่าคุ้มค่าน่าโดนทีเดียว
อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลอง หรือซื้อได้ที่ Studio7, Banana, Bb Beyond D-Box, B-Play, bnn.in.th
จุดเด่น
- น้ำหนักเบาใส่สบาย
- วัสดุหรูดูดี
- เสียงดี โดยเฉพาะสายเบส
- ปุ่มคอนโทรลใช้งานง่าย
- แบตอึด ชาร์ตเร็ว ชาร์ตไร้สายได้
- เชื่อมต่อแบบ 3.5 มิลลิเมตรได้
ข้อสังเกต
- ไม่มีถุงผ้าสำหรับเก็บแถมมา
- เลื่อนหลุดศีรษะได้ง่าย
- ตัดเสียงภายนอกได้ไม่ดีเท่าที่ควร