แบรนด์ Fender ถือเป็นพี่ใหญ่ในตลาดเครื่องเสียงเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นตั้งแต่ผู้ผลิตลำโพง อุปกรณ์เครื่องเสียงในระดับคอนเสิร์ต ไปถึงกระทั่งกีตาร์ ไปจนถึงหูฟัง in-ear monitor ที่ได้ต่อยอดมาเป็น TWS ตัวแรกของแบรด์ในนาม Fender TOUR
Fender TOUR เป็น True Wireless ของแบรนด์ผู้ทำเครื่องเครื่องในระดับคอนเสิร์ตอย่าง Fender ที่ได้พัฒนา TOUR มาจากหูฟังแบบ in-ear monitor ด้วยดีไซน์ที่แบบจะเหมือนกันไม่ผิดเพียนเพียงแค่ตัดสายออก พร้อมดีไซน์สวยงามหรูหรา และยังพกฟีเจอร์มาแน่น ไม่ว่าจะเป็น Dynamic Fixed Brake Ring ขนาด 7 มม. ที่ถือว่าขนาดใหญ่มาห เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 แบตเตอรี่ใช้งานได้ 5 ชั่วโมงต่อการชาร์ต 1 ครั้ง และยังชาร์ตกับเคสได้อีก 22 ชั่วโมง พร้อม Fast Charge 10 นาที ใช้ได้ 1 ชั่วโมง กันน้ำกันเหงือได้ระดับ IPX4 มีให้เลือก 2 สี คือดำและแดง ฟังค์ชั่นต่างๆมาครบ แต่จะสวย ใช้ดีขนาดไหนไปชมกันต่อเลย
Fender TOUR
- เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 ชิปฯ Qualcomm
- รองรับ SBC, AAC และ aptX™ เชื่อมต่อสเถยีรทั้ง iOS และ Android
- ดีไซน์แบบ In-ear monitor สวมใส่กระชับดีมาก
- หูฟังมี Passive Noise Isolation กันเสียงรอบข้างได้ดี ใส่เงียบมาก
- ไมโครโฟน 4 ตัว แบ่งเป็น 2 ตัวต่อข้าง คุยโทรศัพท์ดี
- ไดร์เวอร์ Dynamic Fixed Brake Ring ขนาด 7 มม. ให้รายละเอียดเสียงได้ยอดเยี่ยม โดดเด่น ตอบโจทย์สายฟังเพลง
- กันละอองนํ้าระดับ IPX4 ใส่ฟังเพลงกันเหงื่อในชีวิตประจำวันได้
- ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 5 ชั่วโมงต่อชาร์จ 1 รอบ (ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความดัง)
- กล่องชาร์จชาร์จหูฟังได้สูงสุด 3 รอบ รวมสูงสุด 22 ชั่วโมง
- หูฟังมี (Fast-Charge) ชาร์จแบตจากกล่องชาร์จเพียง 10 นาที เล่นได้สูงสุด 1 ชั่วโมง
กล่องของ Fender TOUR โชว์ตัวหูฟัง และตัวเคส พร้อมระบุสเปคต่างๆชัดเจน กล่องดูเป็นเอกลักษ์ในแบบ Fender
อุปกร์ภายในกล่องได้แก่
- Fender Tour
- เคสสำหรับจัดเก็บและชาร์จแบตเตอรี่
- ชุดจุกหูฟัง
- สายคล้อง
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
กล่องของ Fender TOUR เป็นพลาสติกสีดำ ดิบๆ ไม่มีการขึ้นลวดลายอะไร มีเพียงชื่อแบรนด์ Fender โชว์อยู่ พร้อมที่คล้างสาย ดูดิบๆ ไม่หรูหราสวยงามแต่อย่างใด แต่ก็เป็นเช่นเดียวกับสไตล์พวกกล่องกีตาร์ โดยหน้าหน้าของกล่องจะมีไฟแสดงสถานะอยู่ด้วย
พอร์ตชาร์ตเป็นแบบ USB-C
ฝากล่องจะสกรีนข้อความสเปคต่างๆ
ตัวหูฟังยืดด้วยแม่เหล็กพร้อมขาชาร์ตแบบ 2 ขั้ว พร้อมปุ่มแพร์ อยู่ที่กล่องเลย
Fender Tour มาแบบ in ear โดยจะใช้ดีไซน์แบบหูฟัง custom in-ear monitor ทำให้ดูโดดเด่นสวยงามเป็นอย่างมากครับ ตัวบอดี้ผลิตโดยใช้เทคนิคการพิมพ์สามมิติ พร้อมโลโก้ Fender ที่ตัวหูฟังทั้งสองข้าง โดยหูฟังนั้นจะไม่มีปุ่มกดใดๆเพราะใช้การควบคุมด้วยระบบสัมผัสนั่นเอง
วัสดุหลักจะเป็นผิวเงา หรูหราสวยงาม เป็นเอกลักษ์ เข้ากับรูหูได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะต้องเป็นคนที่ชอบหูฟังแบบอินเอียร พราะตัวหูฟังสอดเข้าไปในรูหูพอสมควร โดยขอบด้านบนจะมีไฟแสดงสถานะ ไมค์ช่วยรับเสียง และไมค์อีกตัวอยู่ด้านล่าง
ขนาดของตัวหูฟังจะดูเหมือนว่าใหญ่ เนื่องจากก้านที่สอดเข้าไปในรูหูค่อนข้างยาว แต่เอาจริงๆก็ไม่ใหญ่ หรือหนักมากนัก ใส่ต่อเนื่องได้สบายๆ
เริ่มการใช้งานแอพจะเป็นแนะนำการใช้งานหูฟังว่าแต่ละฟังค์ชั่น ใช้งานอย่างไรได้บ้าง
หน้าเมนูหลัก GAIN จะเป็นหน้าตาคล้ายๆหน้าจอของตู้แอมป์ ที่เมื่อเปิดเสียงของหูฟังจะดังขึ้นได้อีก
เมนูต่อมาจะเป็น EQ ที่สามารถปรับแต่งได้เยอะหลายสไตล์มากๆ หรือจะปรับแต่งเองก็ยังได้
UPDATE เช็คอัพเดทเฟิอร์มแวร์
ฟังค์ชั่นเด็ดที่ทีมงานชอบ คือเราสามารถตั้งค่าปุ่มสัมผัสให้เป็นโหมดการสั่งงานแบบไหนได้ เช่นอยากให้เตะครั้งเดียวเปลี่ยนจากเพิ่มลดเสียง เป็นเล่นหยุดเพลงก้ได้
เมนูสุดท้ายจะเป็นรายละเอียดของตัวหูฟังเช่นเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น หรือระดับแบตเตอรี่
การสวมใส่
การสวมใส่ก็ไม่ยุ่งยาก แค่ใส่ไปตรงๆแต่อาจจะต้องบิดหมุนเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับรูหู ข้อสังเกตเลยคือ ต้องเป็นคนที่ชินกับหูฟัง in-ear พอสมควร เพราะตัวหูฟังจะสอดเข้าไปในรูหูลึกอยู่ ทำให้ถ้าไม่ชินอาจจะระคายเคือง หรือคันรูหูได้ แต่ถ้าชินแล้วจะใส่ได้สบายน้ำหนักเบาไม่ลื่นหลุดง่าย และยังช่วยเก็บเสียงได้ดี แม้ไม่มีฟังค์ชั่นตัดเสียงรบกวน
ฟังค์ชั่น
Fender TOUR จะสั่งงานโดยการแตะสัมผัสบริเวณโลโก้ โดยการแตะครั้งเดียวจะเป็นการเพิ่ม / ลดเสียง ส่วนการแต่ 2 ครั้งจะเป็นการเล่นเพลงถัดไป หรือก่อนหน้า ทำให้เห็นว่าหูฟังให้ความสำคัญกับการปรับระดับเสียงมากกว่า ซึ่งส่วนตัวทีมงานชอบ เพราะชอบปรับเสียงบ่อยมากกว่าการเปลี่ยนเพลง จะต่างจาก TWS รุ่นอื่นที่ส่วนใหญ่การเพิ่มลดเสียงจะเป็นฟังค์ชั่นรอง หรือไม่สามารถปรับแต่งได้เลย หรือถ้าไม่ชอบก็ยังสามารถเปลี่ยนการสั่งงานในซอฟแวร์ได้
คุณภาพเสียง
ครั้งแรกที่ได้ฟังบอกเลยว่าเป็น TWS ที่เสียงดังที่สุดในตลาดที่ทีมงานเคยได้ฟังมา เพราะเพียงแค่เปิดเสียงระดับกลาง เสียงหูฟังก็ดังเทียบเท่ากับหูฟังอื่นๆที่ปรับเสียงไปเกือบสุด
โดยโทนเสียงออกไปทาง flat เน้นรายละเอียดเสียงและความเที่ยงตรงของเสียงดนตรีสูง ไม่ได้มีเบสหนักๆ แต่จะเน้นที่โทนเสียงกลางที่ได้ยินอย่างชัดเจน รายละเอียดของเครื่องดนตรีต่างๆ ทำให้การฟังเพลงสามารถสัมผัสถึงความหนักเบาของเครื่องดนตรีได้ชัดเจน ช่วยให้การฟังเพลงดูมีมิติขึ้น และฟังดูมีความเป็นดนตรีสูง เสียงร้องอาจจะไม่เด่นมาก แต่ก็ได้ยินครบถ้วนอยู่
คุณภาพไมค์
อย่างที่เริ่นไปว่า Fender TOUR มีไมค์อยู่ข้างละ 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว เท่าที่ลองใช้งานถ้าใช้งานในห้อง หรือพื้นที่ซึ่งไม่ค่อยมีเสียงรบกวนสามารถคุยได้สบายๆ ไม่ต้องใช้เสียงดังมาก แต่ถ้าเดินริมถนนหรือที่เสียงดังละก็ อาจจะแค่พอคุยได้ เพราะปลายสายจะได้ยินเสียงรอบข้างเข้ามาด้วย
แบตเตอรี่
ทีมงานลองใช้งานต่อเนื่องราว 2 ชั่วโมง ฟังเพลงด้วยระดับเสียง 50% แบตเตอรี่ยังไม่มีการเตือนใดๆ เหลือแบตอีกราว 50% ถ้าใช้ไป และพักชาร์ตเป็นช่วงๆใช้งานได้ทั้งวันสบายๆ
ในส่วนของการดีเลเมื่อดูหนัง หรือเล่นเกม จัดว่าดีเลน้อย ต้องตั้งใจจับผิดถึงจะรู้สึก ถ้าใช้งานผ่านๆ แทบไม่รู้สึกถึงการดีเลเลย
Fender TOUR ไม่ได้เหมาะแค่นักดนตรีที่ต้องการหูฟัง TWS ดัง แต่ยังเหมาะกับหลายท่านที่ต้องการหูฟังซึ่งสามารถฟังเพลงได้หลากหลายแนว โดยเฉพาะแนว flat ที่เน้นรายละเอียดเสียงที่ครบทุกย่าน โดยเฉพาะเสียงกลางที่เก็บรายละเอียดได้ดี
นอกจากเรื่องของเสียงแล้ว Fender TOUR ยังมาพร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ในสไตล์นักดนตรี ที่ไม่เหมือนใคร กับราคาที่ 3,990 บาท ซึ่งผมว่าคุ้มค่าดีทีเดียวเมื่อเทียบโทนเสียงที่ได้ และดีไซน์ที่แตกต่างแบบนี้
อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลอง หรือซื้อได้ที่ Studio7, Banana, Bb Beyond D-Box, B-Play, bnn.in.th
จุดเด่น
- ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ สวยงาม
- เสียงดีฟังสนุก
- เสียงดังมาก เหมือนหูฟังมีสาย
- สามารถเพิ่มลดเสียงได้ที่ตัวหูฟังเลย
ข้อสังเกต
- กล่องเคสดูเรียบๆ ดิบๆ ไปหน่อย
- ก้านสอดเข้าไปในรูหูเยอะ ถ้าไม่ชอบ in-ear อาจจะไม่ชอบ