SSD PCIe 5.0 เพิ่มความเร็วให้ระบบ เปิดเครื่อง เข้าโปรแกรม เล่นเกม โอนถ่ายไฟล์ เสร็จได้ไวในพริบตา
SSD PCIe 5.0 มาถึงชั่วโมงนี้ คงต้องบอกว่า เลข 5 มาแรงจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ ได้นำเสนอ ในส่วนของ RAM DDR5 ที่คาดว่าจะมาพร้อมกับซีพียู Intel Gen 12 รุ่นใหม่ แล้วไหนจะเรื่องของซีพียู AMD ที่กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นซ็อกเก็ต AM5 ในสถาปัตยกรรมใหม่เร็วๆ นี้ แต่สิ่งที่มีความสอดคล้องกันอย่างที่สุดของทั้ง 2 แพลตฟอร์มนี้ก็คือ การมาของ PCIe 5.0 หรือ Gen 5 ที่คาดว่าน่าจะมาถึงเร็วกว่ากำหนด และไม่ใช่แค่มีผลเพียงเรื่องอินเทอร์เฟสการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ความเร็วสูงอย่างกราฟิกการ์ดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงส่วนของ Storage อย่าง SSD อีกด้วย
SSD PCIe 5.0
KIOXIA SSD PCIe 5.0
ซึ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ก็มีค่ายผู้ผลิต SSD รายใหญ่ระดับโลก อย่าง KIOXIA ที่เคยได้รีวิวกันแบบยกโซลูชั่น ไปก่อนหน้านี้ ก็ได้เขย่าตลาดไอทีอีกครั้ง ด้วยการนำ SSD PCIe 5.0 รุ่นใหม่ล่าสุด มาปรากฏสู่สายตาชาวโลก ด้วยความเร็วที่มากกว่า SSD SATAIII อยู่ถึง 20 เท่า กับความเร็วระดับ 14,000MB/s หรือ 14GB/s ที่เร็วกว่า SSD PCIe Gen4 ที่ว่าแรงๆ อยู่ถึงเท่าตัวเลยทีเดียว เพราะรุ่นที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ยังอยู่ที่ราว 6,000-7,500MB/s เท่านั้น เรียกว่าเป็นการปฏิวัติวงการการจัดเก็บข้อมูลแบบเงียบๆ แต่สะเทือนถึงดวงดาวเลยทีเดียว
แต่ก่อนเราจะไปดู SSD PCIe 5.0 ที่ทาง KIOXIA เค้าจะนำเสนอนั้น เรามาดูกันก่อนว่า โลกของการเปลี่ยนแปลงของ Storage ที่เป็นแบบ PCIe จากเดิม ผ่านมายังไง แล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง เอาแบบสั้นๆ
SATA to PCIe
ก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณสัก 10 กว่าปีที่แล้ว เราได้เห็นการปรับเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลเดิมที่เป็น SATA ในเวอร์ชั่นแรกๆ ไม่ขอลงรายละเอียดมากนักครับ เดี๋ยวจะเบื่อกัน มาเป็นมาตรฐานใหม่ SATAIII ที่ให้ประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลได้เร็วถึง 550MB/s ในเวอร์ชั่นล่าสุดที่ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ อย่างที่ได้เห็นกันใน SSD แบบ 2.5″ แบบเดียวกับฮาร์ดดิสก์โน๊ตบุ๊คนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันมีความจุให้เลือกถึง 2TB สำหรับกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป หรือ End-User แต่ถ้าเป็นกลุ่มองค์กร ก็จะมีตัวเลือกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงฟีเจอร์พิเศษต่างๆ เช่นเดียวกับประสิทธิภาพการทำงาน ที่ถูกออกแบบมาให้ตอบสนองกับงานแต่ละงานได้ดียิ่งขึ้น
หลังจากนั้นมา ถ้าเราพูดถึงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในแบบโมดูลแบบ SATA ก็ยังมีรูปแบบของ M.2 มาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก แต่ส่วนใหญ่จะเห็นบนโน๊ตบุ๊คกันมากกว่า โดยโมดูลนี้เป็น SSD ในแบบที่เรียกว่า M.2 SATA ซึ่งมีขนาดให้เลือกอยู่หลายไซส์ แต่ความเร็วก็ยังคงอยู่ในระดับเดียวกับอินเทอร์เฟสแบบ SATA นั่นเอง
และในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน M.2 ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่า SATA 2.5″ จะเลือนหายไป แต่ยังคงวางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด สำหรับคนที่ต้องการอัพเกรดพีซีหรือโน๊ตบุ๊ครุ่นเก่า ที่มีข้อจำกัดคือ เมนบอร์ดไม่มีสล็อต M.2 มาให้ อีกทั้งราคาก็ประหยัด และยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพีซีหรือโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าๆ อย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับการปลุกชีพ ของเก่าให้กลับมาทำงานได้ดีขึ้น
ในช่วงนี้เองก็เริ่มมีแพลตฟอร์มของซีพียูรุ่นใหม่ออกมามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Intel หรือ AMD ก็ตาม ประมาณปี 2011 ก็เริ่มมองเห็นโพรโตคอลของ NVMe แบบใหม่เข้ามา เปลี่ยนช่องทางการเชื่อมต่อของ SSD SATA จากเดิมผ่านช่องทางของชิปเซ็ตหรือคอนโทรลเลอร์บนเมนบอร์ด มาเป็นการสื่อสารเชื่อมต่อกับ CPU ได้โดยตรง ผ่านช่องทางของ PCIe ที่เป็นช่องทางที่กว้าง และยังพัฒนาต่อไปได้อีกไกลเลยทีเดียว
เช่นเดียวกับในปี 2014 ที่เริ่มมีแพลตฟอร์มของ Intel รุ่นใหม่ๆ โดยเริ่มจากระดับไฮเอนด์อย่าง LGA2011 v3 บนชิปเซ็ต X99 เริ่มมีสล็อต PCI-Express 2.0 และขยับมาที่ PCI-Express 3.0 ที่เป็นแบบ x4 มาให้ได้ใช้งานกัน ในช่วงนั้นแบนด์วิทธิ์สูงสุด สามารถไปได้ถึง 3.9GB/s เลยทีเดียว รวมไปถึงทาง AMD เองก็ออกแพลตฟอร์ม AM4 ที่ใช้ชิปเซ็ต AMD 300 series ไม่ว่าจะเป็น X370, B350 หรือ A320 ที่สนับสนุนซีพียู AMD Ryzen และรองรับ Storage M.2 NVMe PCIe เต็มรูปแบบ บนมาตรฐาน PCI-Express 3.0 ซึ่งให้แบนด์วิทธิ์ได้สูงถึง 7.8GB/s นั่นเอง
หลังจากนั้นมาเมนบอร์ดในรุ่นต่างๆ ของทั้ง Intel และ AMD ต่างก็สนับสนุน SSD ในแบบ M.2 NVMe PCIe กันอย่างครบถ้วน แต่จะรองรับได้กี่ช่องทาง กี่สล็อตหรือกี่ Lanes นั้น ก็ขึ้นอยู่กับซีพียูที่ใช้ และเมนบอร์ดที่ทำงานร่วมด้วยนั่นเอง และในปัจจุบันจากเดิมที่หลายคนคุ้นเคยกันดีบน SSD PCIe Gen3 x4 ให้แบนด์วิทธิ์และความเร็วในการอ่านข้อมูลระดับ 1,xxx – 3,500MB/s ก็ก้าวมาสู่ PCIe Gen4 x4 ซึ่งให้ความเร็วได้สูงถึง 7,xxxMB/s เลยทีเดียว ซึ่งพบบนแพลตฟอร์ม Intel Gen11 หรือ AMD Ryzen 3000 series เป็นต้นมานั่นเอง
แต่สิ่งที่ว่าทั้งหมดนั้น กำลังจะเป็นอดีต เพราะล่าสุดทาง KIOXIA ได้เผยว่า SSD PCIe 5.0 นั้น รวดเร็วกว่า SSD PCIe 4.0 อย่างเห็นได้ชัด โดยให้แบนด์วิทธิ์ได้ถึง 32GB/s ต่อช่องทางหรือ Lanes และ SSD ต้นแบบของค่ายนี้ สามารถให้ความเร็วในการอ่านข้อมูลได้สูงถึง 14,000MB/s หรือเร็วกว่า PCIe 4.0 อยู่สองเท่าเลยทีเดียว
และไม่ใช่แค่การอ่านข้อมูลเท่านั้น แต่ความเร็วในการเขียนข้อมูล ก็รวดเร็วไม่แพ้กัน จะทำให้คุณลืมความเร็วระดับ 2,000-4,000MB/s บน SSD PCIe 3.0 หรือ PCIe 4.0 กันไปได้เลย เพราะ SSD PCIe 5.0 ของทาง KOIXIA นั้นมีความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงถึง 7,000MB/s เร็วกว่าเดิมเกือบ 70% ซึ่งความสามารถในระดับนี้ แม้ว่าจะเป็นผลดีต่อผู้ใช้โดยทั่วไป ทั้งเกมเมอร์ และคนทำงานซอฟต์แวร์เฉพาะทางก็ตาม แต่ในช่วงแรกนี้ ยังคงเน้นไปที่งานเซิร์ฟเวอร์ในระดับไฮเอนด์ก่อนมากกว่า เพราะการอัพเกรดความสามารถในด้านการเก็บข้อมูลในปัจจุบันนั้น ได้รับความสนใจมากกว่าการอัพเกรด CPU หรือ GPU เสียอีกสำหรับกลุ่มนี้
Performance
ซึ่งจากในภาพที่ปรากฏในหลายๆ สื่อ ในงานโปรโมตของ KIOXIA จัดขึ้นนั้น จะเห็นกราฟเปรียบเทียบระหว่าง KIOXIA CM6 (PCIe 4.0)
- Sequential Read จากเวอร์ชั่น 4.0 อยู่ที่ 6,900MB/s แต่เวอร์ชั่น 5.0 เพิ่มขึ้น 103% หรือสูงถึง 14,000MB/s เลยทีเดียว
- Sequential Write จากเวอร์ชั่น 4.0 อยู่ที่ 4,200MB/s แต่เวอร์ชั่น 5.0 เพิ่มขึ้น 67% หรือสูงถึง 7,000MB/s
- Response Time จากเวอร์ชั่น 4.0 อยู่ที่ 90ms แต่เวอร์ชั่น 5.0 จะอยู่ที่ 70ms เท่านั้นลดลงมาอย่างน้อยถึง 70% เลยทีเดียว
แต่ก็ไม่ใช่แค่ KIOXIA เท่านั้น ที่ออกมาลุยตลาด PCIe 5.0 ซึ่งในช่วงประมาณกลางปี Samsung เอง ก็ได้ออกมาพรีเซนท์ Samsung PM1743 ที่เป็น SSD ในกลุ่ม High Performance สำหรับ Application ในระดับ Enterprise ด้วยเช่นกัน โดยอ้างอิงถึง PCIe 5.0 x4 ที่มาในอินเทอร์เฟส Single-port และ Dual-port ซึ่งออกแบบบมาสำหรับเพิ่มความจุและประสิทธิภาพให้กับเซิร์ฟเวอร์ โดยอัตราทรูพุตของอินเทอร์เฟสใหม่นี้ สูงถึง 15.7GB/s เลยทีเดียว และข้อมูลล่าสุดที่ออกมา เผยว่าทาง KIOXIA นั้น จะเปิดตัว SSD PCIe 5.0 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ อาจเป็นช่วงพฤศจิกายนหรือธันวาคม โดยคาดว่าจะลงตลาดเซิร์ฟเวอร์ก่อนในช่วงแรก และเอนด์ยูสเซอร์จะเป็นช่วงถัดไป
Platform
สิ่งสำคัญคือ แม้ว่า SSD PCIe 5.0 อาจจะมาลงตลาดก็ตาม แต่ก็ต้องมีแพลตฟอร์มหรือเมนบอร์ด รวมถึงซีพียูที่สนับสนุนด้วย ซึ่งถ้ามองไปในเวลานี้ Intel Gen 12 น่าจะเป็นรายแรกๆ ที่พร้อมจะให้คุณได้สัมผัสกับความเร็วขั้นเทพเช่นนี้ แม้ว่าจะยังไม่ได้เป็นข้อมูลอย่างเป็นทางการออกมาก็ตาม รวมถึงชิปเซ็ตที่คาดว่าน่าจะเป็น Intel Z690 หรือไม่? เช่นเดียวกับทาง AMD ที่มีความเป็นไปได้สูงว่า AMD AM5 ที่จะเป็นแพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งมีข่าวว่าจะลงตลาดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน คือ ประมาณไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 ก็น่าจะให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับ PCIe 5.0 นี้ด้วย
ตัวอย่างที่น่าสนใจบนเมนบอร์ดบางรุ่น ซึ่งคาดว่ารองรับการทำงานของ PCI-Express 5.0 โดยเป็นการทำงานบนพื้นฐานของซีพียู และชิปเซ็ตบนเมนบอร์ด จะมีทั้งในช่องทาง PCIe ของซีพียูโดยตรง แบ่งเป็น 2 สล็อตบน ที่รองรับ PCIe 5.0 x16 (ทำงานในแบบ x16 หรือ x8/x8) ส่วนสล็อตที่เหลือ หรือเป็นสล็อตที่ 3 ก็มีความเป็นไปได้ว่า จะใช้ช่องทางผ่านชิปเซ็ต Z690 ซึ่งจะรองรับ PCIe 4.0 x16 (รองรับในโหมด x4, x4/x4)
ขยับมาที่การสนับสนุน M.2 บนบอร์ดกันบ้าง อาจติดตั้งได้หลายโมดูล เช่น สามารติดตั้งโมดูล SSD ในแบบ PCIe 5.0 x4 ได้ แต่ถ้าใช้ โมดูลที่สอง อาจใช้เป็น PCIe 4.0 x4 หรือ 3.0 x4 และสล็อตสุดท้าย ก็อาจจะรองรับ PCIe 4.0 x4 และ SATA III ได้เช่นเดียวกัน
สำหรับซีพียู Intel Gen 12 ที่ใกล้จะลงตลาดเข้าไปทุกที ด้วยซีพียูเกือบครบทุกไลน์ ตั้งแต่ Core i5 ไปจนถึง Core i9 (แต่ยังไม่เห็น Core i3 นะ) สนนราคาไม่ได้ต่างไปจาก Intel Gen 11 มากนัก แต่ปรับเปลี่ยนภายในเกือบทั้งหมดเลย ด้วยสถาปัตยกรรม Alder Lake กระบวนการผลิต 10 nm หรือล่าสุดเรียกว่า Intel 7 ไปแทน มาถึงเวลานี้ คู่แข่งตลอดกาลอย่าง AMD ก็เตรียมไม้เด็ด ด้วยซีพียูรุ่นใหม่ สถาปัตยกรรม Zen 4 เปลี่ยนแพลตฟอร์มใหม่เป็น AM5 และยังชูฟีเจอร์ อย่างการสนับสนุน RAM DDR5 และ PCI-Express 5.0 ด้วยเช่นกัน ในชื่อของ Raphael แต่อาจจะลงตลาดช้ากว่าเล็กน้อย รวมถึงแพลตฟอร์มที่เป็น APU รุ่นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะลงตลาดในช่วงปลายปี 2021 นี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งน่าจะมาพร้อมการสนับสนุนฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ได้อีกด้วย
Conclusion
แต่ก็ต้องไม่ลืมครับว่า การที่จะได้ใช้ SSD รุ่นใหม่อย่าง PCIe 5.0 นี้ ก็ต้องรอการมาของซีพียูรุ่นใหม่ รวมถึงแพลตฟอร์มชิปเซ็ตเมนบอร์ดใหม่ ซึ่งอย่างน้อยๆ ก็ในช่วงปีหน้า และค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็คงไม่เบา เพราะเปลี่ยนกันแบบยกเครื่อง รวมถึงราคาของ SSD ก็คงจะไม่ได้เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าของใครหลายคนมากนัก ซึ่งหากตัวเลขที่ออกมาตามข่าวนี้จริง ก็คงต้องวัดใจกันว่า คุณอยากจะได้ประสิทธิภาพระดับนี้ ไปใช้สำหรับงานหรือความบันเทิงในรูปแบบใด เช่น การเล่นเกมทุกวันนี้ ด้วยแบนด์วิทธิ์ของ PCIe 3.0 หรือ 4.0 ก็น่าจะตอบโจทย์ได้แล้ว แต่ถ้าในกลุ่ม Content Creator หรือคนที่ทำงานกราฟิก ตัดต่อวีดีโอ น่าจะเห็นประสิทธิภาพได้ชัดเจนมากกว่าเดิมไม่น้อยเลย เอาเป็นว่าคุณคิดอย่างไรกับข้อมูลเหล่านี้ และความสำคัญของ Storage ความเร็วสูงรุ่นใหม่ๆ จะมีผลอย่างไรกับคุณบ้าง คอมเมนต์กันเข้ามาให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันบ้างนะครับ