MSI Delta 15 หนึ่งใน AMD Advantage แพลตฟอร์มที่เน้นประสิทธิภาพ เป็นโน๊ตบุ๊ค Gaming สายบางเบาแต่แรงลื่นหน้าจอ 15.6″ ได้ทั้งสเปกที่ใหม่ล่าสุดและดีไซน์ล้ำตามสไตล์ของ MSI ด้วยน้ำหนักเพียง 1.9 กิโลกรัม บางที่ 19 มิลลิเมตร สเปกได้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000H อีกหนึ่งรุ่นในตลาด อย่าง Ryzen 9 5900HX ที่เป็นรุ่นท็อปสุด ล้ำด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนมอย่าง Cezanne (แซซอง)
จับคู่มากับการ์ดจอแยก Radeon RX6000M อย่าง RX6700M ซึ่งได้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม NAVI 22 (RDNA 2) แน่นอนว่าสเปกนี้ทำให้เราเล่นเกมได้แรงลื่น พร้อมฟีเจอร์ SmartShift, Smart Access Memory จาก AMD เน้นความบางเบาหรูหรา ด้วยสีสันตัวเทาด้านทุกสัดส่วน วัสดุก็พรีเมียมด้วยอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ส่วนแบตเตอรี่เองก็ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 12 ชั่วโมง พร้อมรองรับชาร์จไฟด้วย USB-PD
ตอกย้ำ MSI Delta 15 ด้วยโลโก้ Thunderbird แบบพิเศษที่มุมบนขวาของฝาหลังเป็นแบบแผ่นโลหะ ให้ความหรูหราเรียบเนียนอย่างที่สุด โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวก ที่รักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมระบบระบายความร้อน Cooler Boots 5 เรียกได้ว่าส่วนสเปกฮาร์ดแวร์จัดเต็มแบบสุดๆ ไปเลย ได้คีย์บอร์ด RGB All Zoneสวยงามเข้ากับตัวเครื่อง ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 180 องศา พร้อมติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบ 720p และไมโครโฟนแบบคู่ไว้ขอบด้านบน
VDO Introduce
NBS Verdict
MSI Delta 15 เป็นอีกหนึ่งในรุ่นที่ครบรอบ 35 ปี ของแบรนด์ MSI ตอบโจทย์เกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook ยุคในจาก MSI ที่เป็นรุ่นแรกๆ ที่มาพร้อมกับ AMD Advantage แพลตฟอร์ม ซึ่งนอกจากเน้นความแรง และประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีกว่าแล้ว ได้เทคโนโลยต่างๆ อาทิ AMD SmartShift, AMD Smart Access Memory, FidelityFX Super Resolution (FSR), Radeon Chill
มีหน้าจอที่สวยงามลื่นไหลที่เป็นพาเนล IPS เกรดสูง sRGB 100% ได้ Refresh Rate 144Hz อีกทั้งแบตเตอรี่ได้ยาวนานตลอดทั้งวัน และมีความร้อนที่ต่ำกว่าที่เคยมีมาในส่วนของปุ่ม WASD ที่ควบคุมๆม่เกิน 40 องศาเซลเซียส ยังได้เรื่องของตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา พร้อมด้วยสเปกอื่นๆ อย่างแรมขนาด 16GB และที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB อีกด้วย
สำหรับการมาของ AMD Advantage ถือเป็นมาตรฐานที่มีความเข้มงวดพอตัวเพื่อให้ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องการ Gaming Notebook ที่ดีกว่า โดยเฉพาะเรื่องอุณหภูมิและแบตเตอรี่ที่ปกติแล้วจากการที่เป็นโน๊คบุ๊คเพื่อการเล่นเกมมักจะมีความร้อนที่สูงกว่า และแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ไม่นาน เท่าโน้ตบุ๊คทั่วไป แต่ใน MSI Delta 15 เคลมว่าใช้งานได้ 12 ชั่วโมงทีเดียว
ตรงนี้เห็นได้ชัดว่า AMD ได้สร้างมาตรฐานนี้มาเพื่อตอบโจทย์เกมเมอร์ที่เหนือชั้น จากการที่ใช้จุดระบุอุณหภูมิเป็นปุ่ม WASD หรือปุ่มทิศทางที่ปกติใช้ในการควบคุมการเล่นเป็นหลักนั่นเอง ซึ่งในส่วนนี้ถ้ามีโอกาสรีวิวตัวเต็มจะมาแจ้งกันอีกครั้ง เพราะถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญ กับ Gaming Notebook ยุคใหม่ปี 2021ทำให้เราใช้งานแบบสบายยิ่งขึ้น
ซึ่งเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ของ Gaming Notebook จากทาง MSI กันเอง ก็มีความสมเหตุสมผล แม้ว่าอาจจะไม่ใช้ Series ที่จัดเต็มเป็น Gaming ในทุกด้าน แต่เรื่องระบบระบายความร้อนก็หายห่วง เทียบกับประสิทธิภาพต่อราคาแล้วก็ถือว่ายังคงน่าสนใจอยู่ หรือว่าใครอยากจับจองของใหม่เป็น MSI Delta 15 ก็คงไม่ว่ากัน ซึ่งที่น่าติดตามก็คือ เครื่องขายจริงสเปกจะเป็นอะไร และราคาจำหน่ายจริงๆ จะอยู่ที่เท่าไรกัน ส่วนตัวแล้วก็คาดการณ์ที่ 5x,xxx บาท นับว่าเป็น Gaming Notebook ระดับบนนั่นเอง
เป็นเครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่นไหล ไม่ใช่แค่แรงแต่ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย ทั้งความแรงและบางเบาจบครบในเครื่องเดียว พร้อมจัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ประสบการณ์การใช้งานแบบนี้ได้ต่อยอดความสำเร็จของ MSI ขึ้นไปอีก ที่เป็น Gaming Notebook ดีไซน์บางเบาแต่ประสิทธิภาพสูง ที่เป็นสเปก AMD แบบ 100% เอาว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ ก็สามารถติดตามที่เพจ MSI Gaming Facebook กันก่อนได้
ข้อดี MSI Delta 15
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจแฟนๆ MSI งานประกอบแน่นวัสดุดีเรียบหรู
- มิติตัวเครื่องกระทัดรัด กับหน้าจอขนาด 15.6″ พกพาสะดวก ซึ่งบางเพียง 19 มิลลิเมตร
- เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ มีน้ำหนักตัวเครื่องที่ 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น
- แรงด้วยชิป AMD Ryzen 9 5900HX และการ์ดจอแยก Radeon RX 6700M (10GB GDDR6)
- AMD Advantage แพลตฟอร์มที่เน้นประสิทธิภาพ ช่วยให้ CPU + GPU ทำงานได้เต็มที่ยิ่งขึ้น
- ได้แรมมาขนาด 16GB และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ใช้งานได้ลื่นไหลทันที
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type A และ USB 3.2 Type C
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์ MSI Center ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- ความร้อนน้อย แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 12 ชั่วโมง ตามที่ทาง MSI เคลมไว้
- มีระบบปฏิบัติการ Windows 10 Homeใช้งานได้ทันที
ข้อสังเกต MSI Delta 15
- ราคาคาดว่าค่อนข้างสูง แต่ได้ทั้งความแรง บางเบาและฟีเจอร์อื่นๆ มาครบ
- ในรีวิวนี้เป็นเครื่องเดโม ไม่มีผลทดสอบ รอเครื่องขายจริงส่งมารีวิวอีกครั้ง
Specification
MSI Delta 15 ที่ได้รับมารีวิวตอนนี้มีเพียงเครื่องเดโมเท่านั้น รุ่นที่ได้มารีวิวเป็นสเปกที่แรงมากๆ ในราคาคุ้มค่าสุดๆ คือ ได้ชิปประมวลผลตัวแรงสุดของ AMD อย่าง Ryzen 9 5900HX ความเร็ว 3.30 – 4.60GHz ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด พร้อมการ์ดตัวแรงรองท็อปจาก AMD ในปี 2021 อย่าง Radeon RX 6700M (10GB GDDR6) พร้อมที่ก็ข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 Home พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก
ได้หน้าจอเป็นพาเนล IPS ความละเอียด Full HD ที่รองรับ Refresh Rate ที่สูงถึง 144Hz ทีเดียว สีสดใสมุมมองกว้าง ลื่นไหล สเปกอื่นๆ มาพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครันด้วย Wi-Fi 6E, Buetooth 5.2 มีพอร์ต USB 3.2 Type-C รองรับโอนถ่ายข้อมูล และการต่อหน้าจอแยก พร้อมชาร์จไฟเข้าเครื่อง ผ่านทางมาตรฐาน USB-PD (Power Delivery) นอกจากนี้ยังมีพอร์ตอื่นๆ อาทิ 1 x USB 3.2 Type-C, 2 x USB 3.2 Type-A, 1x (4K @ 60Hz) HDMI, microSD Card Reader บอกเลยว่าจัดเต็มมากๆ ส่วนช่องหูฟังและไมค์แบบแจ็คทอง 3.5 มิลลิเมตร
MSI Delta 15-A5EX ราคา 5x,xxx บาท (ราคาคาดการณ์)
- CPU : AMD Ryzen 9 5900HX (8C/16T & 3.30 – 4.60GHz)
- GPU : AMD Radeon 8 + Radeon RX 6700M (10GB GDDR6)
- RAM : 16GB DDR4 Bus 3200MHz
- DISPLAY: 15.6″ Full HD IPS 144Hz
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
- OS : Windows 10 Home
- Warranty : 2 Years Carry-in Regional (1 Year for Battery and Adapter)
Hardware / Design
MSI Delta 15 มีรายละเอียดต่างๆ เรื่องของดีไซน์ที่ผสานระหว่างโน๊ตบุ๊คทำงานบางเบาและ Gaming เพื่อมารองรับประสิทธิภาพที่แรงกว่าเดิม จากการเลือกใช้งานโดยชิปประมวลผลสูงสุดเป็น AMD Ryzen 9 5900HX ที่แรงที่สุดในตลาดรุ่นหนึ่ง มีประสิทธิภาพสูงมาก และการ์ดจอแยกเป็น AMD Radeon RX 6700M ซึ่งมีความแรงที่เทียบเท่า RTX 3070 หรือแรงกว่าในบางกรณี ฉะนั้นเรื่องประสิทธิภาพความแรงนั้นทะลุมาตรฐานโน๊ตบุ๊คทั่วไปในอีกระดับทีเดียว กับความบางสุดที่ 19 มิลลิเมตรและ เบา 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น
สำหรับดีไซน์ทั้งหมดมีการปรับให้เรียบหรูยิ่งขึ้นไปอีก กับพื้นผิวเรียบๆ แบบพ่นทรายบางๆ พร้อมกับใช้สีสันเทาด้านโทนสว่าง Carbon Gray ตลอดทั้งตัวเครื่อง ที่คาดหลายคนต้องชอบมากกว่าเดิม ตั้งแต่ โลโก้ Thunderbird แบบพิเศษที่มุมบนขวาของฝาหลังเป็นแบบแผ่นโลหะ ขอบตัวเครื่อง ทัชแพด แกนบานพับ ช่องระบายความร้อน ซึ่งดูแล้วแตกต่างจาก G Series ของทาง MSI รุ่นอื่นชัดเจน เน้นเรื่องความพรีเมียมเรียบง่าย สมกับรูปแบบบางเบา แน่นอนว่าจะเอาไปเล่นเกมก็ดุดัน จะเอาไปทำงานก็ลงตัวทีเดียว
แป้นคีย์บอร์ดมีขนาดกำลังพอดี ใช้งานกดสะดวกพร้อมไฟคีย์บอร์ดปรับสี RGB แบบโซนเดียวสลับไปมาผ่านทางซอฟต์แวร์ (จะเลือกปรับเป็นสีขาวสีฟ้าแบบ Static ก็สามารถทำได้) ที่สำคัญคือให้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปชัดเจนสุดๆ ติดตั้งทัชแพดมีขนาดใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับมิติตัวเครื่อง เป็นลักษณะผืนผ้าออกแนวยาวๆ ดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่องตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดี ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก
การระบายความร้อนตัวเครื่อง เป็นแบบ Cooler Boost 5 ที่มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่ ซึ่งมีการปรับให้ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ เพื่อให้มีหน้าสัมผัสมากยิ่งขึ้น โดยมีช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผลและการ์ดจอ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม ส่งผลให้การใช้งานโดยรวมมีความสเถียรภาพที่สูงด้วย
ส่วนที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมแบบสีเทาด้านที่สวยงามไม่แพ้ฝาหลัง โดดเด่นด้วยานพับที่แข็งแรงและมีโลโก้ Thunderbird ทั้งซ้ายและขวาของแกน ที่สามารถกางได้ถึง 180 องศา นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Flip-n-Share ที่แม้ว่าจะดูง่ายๆ แต่ได้ใช้จริง คือหมุนจอไปฝั่งตรงข้ามได้ทันที ส่งผลให้คนนั่งฝั่งตรงข้ามที่เรากำลังนำเสนองานดูได้อย่างสะดวกที่สุด ที่สำคัญได้ขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดที่ 4.9 มิลลิเมตร ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ดูได้จากกล้องเว็บแคมถูกติดตั้งลงไปบนขอบที่บางมากๆ
ด้านฐานล่างตัวเครื่อง MSI Delta 15 รุ่นนี้เป็นอะลูมิเนียมเรียบๆ ซึ่งดูแล้วเป็นหนึ่งด้วยกับตัวเครื่องกับงานประกอบที่เรียบร้อย พร้อมมียางรองขนาดใหญ่ 2 จุด ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี โดยทำงานร่วมกับช่องดูดลมเย็นด้านบนของชุดคีย์บอร์ด ที่มีการดีไซน์ลวดลายให้รับกันเป็นอย่างดี ส่วนงานประกอบก็เนียบเหมือนเดิม เรื่องนี้ไว้ใจทาง MSI Notebook เค้าได้เลย
เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบา กับการมาของ AMD Advantage ในช่วงงบประมาณ 5x,xxx บาทก็ว่าได้เลย ที่แม้ราคาดูสูงกว่ารุ่นอื่นๆ ที่สเปกเหมือนๆ กัน แต่จัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ประสบการณ์การใช้งานแบบนี้ได้ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Ultimate Performance พร้อมเพิ่มรอบพัดลมอัตโนมัติ จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดต้องบอกว่าแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป จากการที่ใช้ไฟ RGB แบบ All Zone ได้แป้นที่ใหญ่พิเศษ โดยพัฒนาและออกแบบมาให้ MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่ไฟ RGB สามารถตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ และยังปรับแต่ง Macrokeys บนคีย์บอร์ดเพื่อใช้ในเกมหรือซอฟแวร์ต่างๆ ผ่าน MSI Centerได้ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าตัดชุด Numpad ออกไป จากการที่ตัวเครื่องมีมิติที่เล็กลง (เครื่องเดโมไม่มีสกรีนภาษาไทย)
ทัชแพดมีขนาดใหญ่ ถ้าเทียบกับรุ่นปีก่อนๆ โดยดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด เข้ากับตัวเครื่องโดยรวม โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดี ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับลงตัว ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก หรือเล่นในร้านกาแฟ โดยการควบคุมมีการตอบสนองได้ดี พร้อมรองรับ Multi Gesture ทำงานร่วมกับ Windows 10 Home ได้เป็นอย่างดี
Screen / Speaker
MSI Delta 15 มีหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ขอบจอบางเฉียบ รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลกว่าที่ตาเราเห็น เพราะหน้าจอปกตินั้นจะแสดง 60Hz เท่านั้น พร้อมได้เป็นพาเนล IPS คุณภาพสูง โดยให้มุมมองที่กว้างซ้ายและขวาเกือบ 180 องศา สีสันก็สดใส เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีทั้งทำงานและเล่นเกม ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 180 องศา พร้อมติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบ 720p และไมโครโฟนแบบคู่ไว้ขอบด้านบน
ระบบเสียงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงแบบสเตอริโอ โดยมีซอฟต์แวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic 3 ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน สนับสนุน VR และ 3D เต็มรูปแบบใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังเสียบผ่าน Audio Boost ยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการที่เป็นแจ๊คแบบชุบทองคำ จะช่วยเพิ่มรายละเอียดของคุณภาพเสียงอีกด้วย พร้อมมีฟีเจอร์ Hi-Res Audio ด้วยชิปเสียงต่างหาก
Connector / Thin And Weight
จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.2 Type-C จำนวน 2 ช่อง รองรับโอนถ่ายข้อมูล และการเชื่อมต่อ DisplayPort, USB-PD (Power Delivery) ซึ่งรองรับการใช้งานที่ครบถ้วน พร้อมด้วย HDMI 2.0 เพื่อเชื่อมต่อหน้าจอภายนอก สนับสนุนการต่อจอแยกอีก 2 จอ พร้อมๆ กัน รวมไปถึงมี micro-SD Card อีกด้วย อย่างไรก็ตามพอร์ตการเชื่อมต่ออาจจะชิดกันไปหน่อย เวลาเชื่อมต่อพร้อมๆ กันอาจจะติดกันได้ แต่ก็เข้าใจได้
เชื่อมต่อไร้สายด้วย Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6E ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด นับว่าประทับใจเมื่อใช้งานร่วมกับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.9 กิโลกรัม ที่สำคัญอแดปเตอร์จ่ายไฟที่ 180 Watt นั้น มีขนาดที่เล็กและเบาลงกว่ารุ่นก่อนๆ เลยทีเดียว รวมๆ กันแล้วหนักเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้ MSI Delta พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวกสบายแน่นอน ตอบโจทย์การใช้งานทุกๆ รูปแบบแย่างแท้จริง ทั้งงานมืออาชีพหรือเล่นเกม
Inside / Upgrade
การแกะอัพเกรด MSI Delta 15 ต้องแกะฝาล่างออกทั้งหมด ซึ่งการแกะฝาล่างนั้นไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด เพียงไขน๊อตประมาณ 10 ตัว จากนั้นก็ค่อยแกะออกมาตามขอบทีละส่วนซึ่งต้องใช้ความใจเย็นระมัดระวังมากๆ เพราะถ้าแรงไปสลักอาจจะหักได้ และเมื่อแกะออกมาแล้ว ก็ยังไม่เห็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในทั้งหมด เพราะมีแผ่นพลาสติกบางๆ กั้นเอาไว้อีกชั้นแปะไว้ด้วยกาวเบาๆ อย่างมิชิด ซึ่งก็ต้องแกะออกก่อน แต่จากตรงนี้เราจะเห็นถึงแบตเตอรี่ก้อนใหญ่ และลำโพง 2 ตัวที่อยู่ด้านล่าง พร้อพัดลมระบายความร้อน 2 ตัวที่อยู่ด้านบน
และแม้ว่าจะแกะแผ่นพลาสติกออกแล้วก็ตาม เราก็ยังไม่สามารถเข้าถึงการอัพเกรดในส่วนของแรม เพราะตัวเครื่องได้มีการดีไซน์เมนบอร์ดกลับไปอีกด้าน ส่งผลให้เราจำเป็นต้องไขส่วนของน๊อตบานพับออกพร้อมสายแพรต่างๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ ซึ่งมาถึงตรงนี้ต้องบอกว่า ไม่แนะนำให้ทำเองแล้วสำหรับการอัพเกรด เพราะตัวเครื่องอาจจะเกิดความเสียหายได้ ยังไงให้ทางร้านที่เราซื้อมา หรือตัวแทนของ MSI แกะงัดอัพเกรดให้ดีกว่า โดยระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 ใช้พัดลม 2 ตัว ซึ่งมีช่องระบายอากาศถึง 4 จุด อยู่ทางด้านหลังและด้านข้างของตัวเครื่อง
Performance / Software
สำหรับ MSI Delta 15 มาพร้อมกับชิปประมวลผลตัวท็อปสุดในตลาดของ Gaming Notebook ของ AMD อย่าง Ryzen 9 5900HX เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่า Ryzen 5000H ทุกตัวในตลาด ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 3.30 – 4.60 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 16MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 45W
มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ซึ่งเป็นแบบ SO-DIMM ซึ่งเราสามารถถอดอัพเกรดเพิ่มได้ พร้อมกับมี SSD M.2 NVMe PCIe 3.0 ความจุ 1TB x 1 ตัว แน่นอนว่าสามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบรวดเร็วอย่างที่สุด ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ มากยิ่งขึ้นไปอีก
ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon 8 มีความเร็วในการทำงานที่ 2100MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเป็นหลัก กับหน้าจอความละเอียดสูงให้ความลื่นไหลเป็นอย่างดี ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงจาก AMD เช่นกัน
อย่าง Radeon RX 6700M สถาปัตยกรรม RDNA 2 เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร ความเร็วสูงสุด 2300MHz มี 2,304 Stream Processors ที่ค่า TGP (Total Graphic Power) up to 135 W มีแรม 10GB GDDR6 กับ Memory bus 160-bit ซึ่งไม่ใช่แค่แรงแต่ยังร้อนน้อยกว่า เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook ระดับท็อป รองรับเกมระดับ AAA ก็ยังสามารถปรับกราฟิกได้ถึง Ultra ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
MSI Center เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเวอร์ชั่น 2 จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่าได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
เทคโนโลยี AMD Advantage ที่มีใน MSI Delta 15
AMD SmartShift
เทคโนโลยีช่วยจัดการพลังงานในระบบของ Gaming Notebook แบบไดนามิก ปรับแต่งการใช้งานจริงๆ ขณะนั้นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้ถึงขีดสุด ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมโปรดหรือตัดต่อวิดีโอ และ การทำงานอื่นๆ ฟีเจอร์ AMD SmartShift นี้จะช่วยให้โน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ที่ใช้ชิปประมวลผล Ryzen 9 5900HX ที่มาพร้อมการ์ดจอแยก Radeon RX 6700M รีดประสิทธิภาพออกมาได้อย่างสูงสุด ในการถ่ายเทพลังงานระหว่าง CPU / GPU อย่างชาญฉลาดที่สุด เพื่อ Gaming และ Creator
AMD Smart Access Memory
ในระบบคอมพิวเตอร์ Windows โดยทั่วไปชิปประมวลผลสามารถเข้าถึงหน่วยความจำของการ์ดจอแยก (VRAM) ได้เพียงบางส่วน ซึ่งเป็นการจำกัดประสิทธิภาพของระบบ แต่ฟีเจอร์ของ AMD Smart Access Memory จะช่วยให้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H สามารถเข้าถึงแรมของการ์ดจอแยก AMD Radeon RX 6700M ได้โดยตรง แบบ 100% เพื่อลดปัญหาคอขวดและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของ GPU ส่งผลให้ความแรงดีกว่าที่เคยมีมาทั้งหมด
FidelityFX Super Resolution (FSR)
อีกหนึ่งการสร้างภาพใหม่ ที่ทำให้เกมดูเหมือนว่ากำลังแสดงผลด้วยความละเอียดสูงกว่าที่เป็นจริง ตัวอย่างเช่น ตัวเครื่องตามสเปก Gaming Notebook เอง สามาาถแสดงผลเกมที่ 1920 x 1080 พิกเซล และในส่วนของ FidelityFX Super Resolution จะเติมพิกเซลที่ขาดหายไป เพิ่มความคมชัด เพื่อให้ดูเหมือนความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล โดยรองรับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ที่ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H และการ์ดจอแยก AMD Radeon RX 6700M
Radeon Chill
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ช่วยลดการใช้พลังงานของการ์ดจอในการเล่นเกมต่างๆ ได้ เนื่องจากการ์ดจอส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพสูงเกินไปในการเล่นเกม อย่างในบางฉากไม่จำเป็นต้องใช้เฟรมเยอะ ฟีเจอร์นี้จะช่วยลดเฟรมลงมา เช่น ฉากที่ยืนเฉยๆ Radeon Chill จะช่วยปรับสมดุลการใช้งานของการ์ดจออย่างเหมาะสม และในขณะเดียวกันก็ยังช่วยลดการใช้พลังงาน และเป็นการลดความร้อนไปด้วยในตัว Radeon Chill ตัวควบคุมเฟรมเรตที่ทันสมัยของ Radeon RX 6700M ซึ่งทำงานอย่างอัตโนมัติ
Conclusion / Award
Gaming Notebook น้ำหนักเบาพกพาสะดวก ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เกมเมอร์หลายคน รวมไปถึงคนใช้งานทำงานที่อยากจะเล่นเกมบ้างในบางเวลาต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ แต่ละรุ่นมักจะมีน้ำหนักที่เยอะ พกพาลำบาก แต่ใน MSI Delta 15 ที่เป็นแพลตฟอร์ม AMD Advantage ตอบโจทย์ได้เยี่ยมยอด ในเรื่องความแรง และตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 1.9 กิโลกรัมเท่านั้น บางเพียง 19 มิลลิเมตร ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่ วัสดุเป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีเทาโดดเด่น ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ อย่าง MSI Bravo 15, MSI Alpha 15 ที่เป็นสเปก AMD 100%
ได้สเปคสุดแรงชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HX และการ์ดจอแยก AMD Radeon RX 6700M ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 16GB DDR4 ความจุ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 3 ที่ 1TB บอกเลยประสิทธิภาพสูงเหมือนยก Desktop PC ไปใช้งานทีเดียว จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD IPS เกรดสูง sRGB 100% รองรับ Refresh Rate ที่ 144 Hz การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ที่มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน
MSI Delta 15 ส่วนของราคาของค่าตัวตามที่คาดการณ์นั้นก็จะอยู่ที่ประมาณ 5x,xxx บาท แน่นอนมาพร้อมการประกัน 2 ปีเต็ม จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook สไตล์บางเบาที่น่าซื้อที่สุดรุ่นนึงทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามนับว่าเป็นโน้ตบุ๊คที่หากดูแต่สเปก ราคาก็ค่อนข้างสูงกว่ารุ่น MSI Bravo 15, MSI Alpha 15 ที่เน้นเรื่องของความแรงและความคุ้มค่าเป็น ฉะนั้นแล้วเหมาะกับคนที่ต้องการทั้งความแรงและความบางเบาด้วย ที่สำคัญคือเป็นแพลตฟอร์ม AMD Advantage สุดล้ำด้วยนั่นเอง
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง MSI Delta 15 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
สเปกฮาร์ดแวร์เป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 9 5900HX ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ประสิทธิภาพสูงสุดใน Ryzen ด้วยกัน พร้อมการ์ดจอตัวบนอย่าง AMD Radeon RX 6700M ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ทำให้เป็นแพลตฟอร์ม AMD Advantage ที่ทรงพลังฟีเจอร์เพียบ ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD M.2 ความจุ 512GB แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาอยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ตัวเครื่องเองก็มีความแข็งแรงทนทาน โดดเด่นด้วยความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 1.9 กิโลกรัม บางที่ 19 มิลลิเมตร ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 2 กิโลกรัมกลาง ๆ เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ รวมถึงแบตอาจจะใช้งานได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมงทีเดียว
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจน ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีเทา Carbon Gray รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ดก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยไฟ RGB All Zone ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน รวมไปถึงสาย Content Creator ก็น่าจะชื่นชอบด้วย