How To เลือกสาย apple watch อย่างไรให้โดนใจ อัพเดต 2021
สายของ Apple Watch นั้นมีให้เลือกมากมายหลากหลายแบบ ทั้งของแท้จาก Apple เอง และแบรนด์อื่นๆ แต่จะเลือกยังไงให้โดนใจนั้น ก็ลองมาดูเคล็ดลับ ในการเลือกซื้อสายกันเลย
ประเภทของสาย Apple Watch
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับสายของ Apple Watch กันก่อนว่ามีด้วยกันกี่ประเภท แบบไหนบ้าง
1. สาย Sport Band
ในส่วนของสาย Sport Band นั้น ก็มีดีไซน์และสีที่ค่อนข้างหลากหลาย โดยในประเภทของ Sport Band ก็จะมี Nike Sport Band ซึ่งก็คือมีความคล้ายคลึงกับ Sport Band ปกติ แต่ตัวสายจะมีลักษณะเป็นรูๆโดยส่วนใหญ่แล้วสายในซีรีส์นี้ จะเป็นสายที่ขายมาพร้อมกับตัว Apple Watch เลย ลักษณะของสายแบบ Sport Band นั้น จะมีด้วยกัน 3 ชิ้น ในการประกอบสำหรับ การกลัด
- Nike Sport Band สำหรับในรุ่นนี้มีดีไซน์ที่เป็นเฉพาะตัวจาก Nike Edition ซึ่งมีลักษณะของการสวมใส่เช่นเดียวกับ Sport Band แต่มีการระบายอากาศได้ดีกว่า เหมาะกับการใส่ออกกำลังกาย และมีสีสันที่สดใสมากกว่า
- สาย Sport Loop มีลักษณะเป็นผ้าแบบชิ้นเดียว สามารถที่จะติดตั้งและสวมใส่ได้เลยทันที
ทั้ง 3 แบบ ในซีรีส์นี้นั้นเหมาะสมกับการออกกำลังกาย สายที่สวมใส่ง่ายที่สุดก็จะเป็น สายแบบ Sport Loop เพราะสามารถสวมที่ข้อมือและปรับระดับความแน่นตามข้อมือได้เลยทันที ทั้งยังมีน้ำหนักที่เบา แถมยังปรับระดับได้เลยตามต้องการ ในส่วนของ Sport Band นั้น จะมีความยากในการปรับระดับที่มากกว่า ระยะในการปรับที่กว้างกว่า ทำให้ใครหลายคนอาจจะเจอกับปัญหาคับแน่นเกินไป และหลวมเกินไปได้
2. สาย Solo Loop
สาย แบบ Solo Loop นั้นเปิดตัวออกมาครั้งแรกในช่วงปี 2020 เปิดตัวออกมาพร้อมกับ Apple Watch Series 6 ดีไซน์จะเป็นลักาณะเส้นเดียว ส่วนตรงกลางไม่สามารถปรับได้มีด้วยกัน 2 แบบ คือ
- สาย Solo Loop แบบธรรมดา จะมีลักษณะเป็นซิลิโคน
- สาย Braided Solo Loop หรือที่เราคุ้นเคยกันในรูปแบบของสายถักนั่นเอง ตัวสายผลิตด้วยเส้นดายโพลีเอสเตอร์ ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล 100% มีน้ำหนักเบาเพียง 10-20 กรัมเท่านั้น ในส่วนของสายแบบถักนั้น จะมีความยาวเฉพาะให้เลือก ซึ่งผู้ใช้นั้นก็จะต้องวัดความยาวให้เหมาะสมกับข้อมือของแต่ละคน เช่น หากเราวัดรอบข้อมือได้อยู่ที่ประมาณ เบอร์ 6 ก็ให้ซื้อสายที่มีความยาวประมาณเบอร์ 5.5 หรือลดลงมาครึ่งเบอร์นั่นเอง เพราะเมื่อเราใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ตัวสายก็จะมีการยืดออกนั่นเอง
ข้อดีของสายซีรีส์นี้ก็คือ สามารถสวมได้เข้ากับข้อมือแบบพอดี เป็นแบบเฉพาะของเราเอง แถมยังน้ำหนักเบา ให้ความรู้สึกไม่หนักข้อมือเวลาที่สวมใส่ Apple Watch นั่นเอง
ส่วนข้อสังเกตนั้น หากเราถอด-ใส่ บ่อยๆ ตัวสายก็จะมีการยืดออก นั่นเอง ส่งผลให้เวลาที่เราเลือกซื้อสาย ก็ควรที่จะลดลงครึ่งเบอร์
3. สายหนัง
เอกลักษณ์ของซีรีส์นี้ก็คือ ตัวสายที่ทำมาจากหนัง ให้ความรู้สึกเรียบหรู ดูดี มีเสน่ห์เฉพาะตัว เหมาะสำหรับใครที่ชอบความวินเทจ มีสไตล์เฉพาะตัว และดูเป็นทางการ มากกว่าการออกกำลังกาย สายรุ่นนี้ไม่เหมาะกับการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง หรือการโดนน้ำ ข้อสังเกตก็คือ ไม่ควรใส่โดนน้ำ เพราะอาจจะมีกลิ่นอับแถมยังความสะอาดยากด้วย ใครที่ชอบสายหนังก็ต้องระมัดระวังในส่วนนี้ด้วย ตัวสายยังมีให้เลือกหลากหลายมากมาย หลายครั้งก็จะร่วมด้วยกับแบรนด์แฟชันอื่นๆ เช่น Hermes, Monocozzi ฯลฯ
4. สายสแตนเลส
สายจาก Apple นั้นจะเป็นสแตนเลสสตีล สามารถสวมใส่และปรับระดับได้ตามต้องการ ข้อดีของการสวมใส่สายแบบนี้ก็คือ ทำให้การสวมใส่ Apple Watch ของเรานั้นมีความดูดี มีความพรีเมียมมากขึ้น ทั้งตัวสายยังเพิ่มความแข็งแรงให้กับ Apple Watch ของเราด้วย แต่ข้อสังเกตใหญ่ๆ เลยก็คือ ในเรื่องของน้ำหนัก เนื่องจากมีส่วนผสมของโลหะ ทำให่ตัวสายมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับสายรูปแบบอื่นๆ นอกจากนี้ก็จะเป้นเรื่องของความคล่องตัวในการใช้งาน ตัวสายจะมีความแข็งทำให้มีความคล่องตัวค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับสายอื่นๆ เหมาะสำหรับการใส่ออกงาน ใส่ไปทำงาน ที่ไม่ต้องเน้นการเคลื่อนไหวร่างกายที่เยอะ
Apple Watch กับการ Custom สาย
อันดับแรกต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Apple Watch นั้น ทุกรุ่นจะมีแค่ 2 ขนาดเท่านั้นคือ 40mm. กับ 44mm. ไม่ว่าจะรุ่นไหน จะ Nike, Hermès, Edition อะไรก็ตาม แบ่งได้แค่ 2 ขนาด ดังนั้นเราต้องเลือกขนาดก่อนว่าขนาดไหนที่เหมาะสมกับเรา จากนั้นให้มาดูที่วัสดุ ซึ่ง Apple Watch มีวัสดุให้เราเลือกอยู่ 4 แบบด้วยกัน
- อลูมิเนียม (ใช้กับ Apple Watch ธรรมดาและ Apple Watch Nike) เริ่มต้น 13,400 บาท
- แสตนเลส (ใช้กับ Apple Watch ธรรมดาและ Apple Watch Hermès) เริ่มต้น 22,400 บาท แต่ตัว Hermès จะเริ่มต้นที่ 40,900 บาท เพราะแพงสาย
- ไทเทเนียม (ใช้กับ Apple Watch Edition ) เริ่มต้น 25,400 บาท
- เซรามิก (ใช้กับ Apple Watch Edition) เริ่มต้น 41,400
เมื่อได้วัสดุแล้ว แต่ละวัสดุก็จะมีสีที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละบุคคลไปเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมก็จะอยู่ที่สีขาว สีดำ สีเทา นั่นเอง และสิ่งที่หลายคนอาจจะไม่รู้ก็คือ จริง ๆ แล้ว Apple Watch สามารถใช้สายร่วมกันได้ทุกรุ่น เช่น เราสามารถเอาสาย Hermès มาใช้กับ Apple Watch ธรรมดาได้ หรือซื้อสาย Nike ไปใส่กับรุ่นไม่ Nike ได้ และสามารถใส่ข้าม Series กันได้ด้วย โดยสิ่งเดียวที่เราต้องดูก็คือ ให้ลืมเลขขนาดหน้าปัดไปว่ากี่ mm และดูแค่ว่า เป็นตัวเล็กหรือตัวใหญ่ของรุ่นนั้น เพราะ Apple Watch มีการปรับตัวเลขจาก 38mm มาเป็น 40mm และ 42mm มาเป็น 44mm แต่สายนั้นมีการออกแบบเหมือนเดิม และใส่แทนกันได้แบบแนบสนิท ดังนั้น ถ้าเราใช้ Apple Watch รุ่นเก่าอยู่ในรุ่น 38mm ถ้าอยากได้สาย Hermès มาใส่ เราก็ต้องเลือกสาย Hermès ที่เขียนว่าขนาด 40mm นั่นเอง
โดยทั้งหมดนี้ สามารถไปดูได้ที่ หน้าเว็บไซต์ Apple Watch (หากไม่มีแบบที่ชอบให้กดซื้อ เราสามารถกดซื้อเรือนที่หน้าตาใกล้เคียงแล้วปรับแต่งก่อนกด Order ได้) นอกจากนี้ Apple นั้นมีหน้าเว็บตัวนึง ชื่อว่า Apple Watch Studio ที่ให้เราเข้าไปลองปรับแต่งและสร้าง Apple Watch ของเราเอง แล้วสามารถกดซื้อจากนั้นได้ทันที หลังจากที่ปรับแต่ง Apple Watch ของเราเสร็จแล้วระบบก็จะพาไปยังหน้าสำหรับจ่ายเงินเราสามารถเลือกได้ว่าเป็นรุ่น GPS ธรรมดาหรือ GPS+Cellular (ถ้าแบบ Cellular จะใช้โทรได้และต้องซื้อ Package อินเทอร์เน็ตเพิ่มเติม) และสำหรับใครที่ต้องการดูของจริง ต้องลองสัมผัส ลองใส่ สามารถไปที่ Apple Iconsiam หรือ Apple Central World ได้เลย เพราะที่นั่นจะมี Apple Watch หลายรุ่นหลายแบบให้เราเลือกเล่น ปรับแต่งได้ก่อนและสามารถซื้อตรงนั้นได้เลยเช่นกัน
แนะนำสายนาฬิกา Apple Watch ที่ได้รับความนิยม
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า การเลือกซื้อสาย Apple Watch จากร้านค้าทั่วไปนั้นจะมีตัวเลือกมากมาย และราคาก็ค่อนข้างถูกช่วยให้ประหยัดเงิน แถมเหมาะกับคนขี้เบื่อ ที่ชื่นชอบการเปลี่ยนสายนาฬิกาบ่อยๆ แต่เวลาเลือกซื้อ แนะนำให้เลือกร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือและไว้วางใจได้การเลือกซื้อสาย Apple Watch จาก Shop Apple โดยตรงนั้น ทำให้เรามั่นใจได้ว่า สินค้าในมือของเรานั้น เป็นของแท้ 100% มีคุณภาพคุ้มค่าเงินที่จ่ายออกไปแน่นอน
สายของ Apple โดยตรงจะมีคุณภาพและน่าเชื่อถือมากกว่า ทั้งยังเข้ากับตัวนาฬิกาได้อย่างพอดิบพอดี แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าสายของ Apple Watch แท้นั้นจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง ส่วนสายจากแบรนด์อื่นๆ ก็จะมีวัสดุและดีไซน์ให้เลือกแตกต่างกันไปในราคาที่ย่อมเยากว่า แต่ความน่าเชื่อถือและความเข้ากันได้กับตัวนาฬิกาก็อาจจะลดลงตามไปด้วย ดังนั้น เราต้องมองดูทั้งข้อดีและข้อสังเกต ของสายแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ก่อนตัดสินใจซื้อด้วย แต่ทั้งนี้การเลือกซื้อสาย Apple Watch สุดท้าย ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ใช้งานทั้งสิ้น ลองมาดูสายของ Apple Watch ที่ได้รับความนิยมกันดีกว่า ว่ามีอะไรแนะนำบ้าง
1. สาย UAG รุ่น Active Band Strap
สายจาก UAG รุ่นนี้มีความทนทานสูง ตะขอและห่วงยึดทำมาจากสเตนเลสโดยตัวสายออกแบบมาให้มีความแข็งแรง ทนต่อการใช้งาน เหมาะกับการใช้กิจกรรมกลางแจ้งและเล่นกีฬา ทั้งยังเป็นสายรัดแบบสอดทบและมีเทปตีนตุ๊กแกติด ทำให้สามารถรัดข้อมือได้แน่นพอดี นอกจากนี้ ยังสามารถปรับได้ตามขนาดมือข้อมือของผู้สวมใส่ วัสดุทำจากไนลอนแบบแข็ง แต่ให้ความนิ่มเวลาสวม มี 3 สีให้เลือก ด้านตะขอเกี่ยวและห่วงยึดทำจากสเตนเลสอย่างดีด้วย
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Shopee
2. สาย Apple รุ่น Sport Loop
สายรัดเป็นแบบทบ หนามเตยรัดกระชับ เคลื่อนไหวได้อิสระ เหมาะกับคนที่ชอบการออกกำลังกาย ตัวสายแบบไนลอนที่ให้การเคลื่อนไหวอย่างอิสระ นอกจากจะไม่ทำให้เกิดการอับชื้น ระบายอากาศได้ดีแล้ว ยังมีน้ำหนักที่เบามากอีกด้วย ด้านดีไซน์ถูกออกแบบมาให้โดนใจวัยรุ่นและมีหลากสีสันสดใสให้เลือกมากมาย ซึ่งในตัวสายนาฬิกาจะมีปุ่มสำหรับรัดหรือปรับสายได้ ให้ความกระชับ ไม่มีหลุด แม้ต้องเคลื่อนไหวร่างกายเยอะ อีกทั้งยังให้การโอบรัดที่พอดี ไม่รู้สึกรำคาญและอึดอัดจนเกินไป เหมาะกับสภาพอากาศอย่างบ้านเรามากๆ
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: BaNANA IT, Shopee
3. สาย UAG รุ่น Dot Silicone Strap
ตัวสายออกแบบมาให้กระชับมือ เรียกได้ว่าสวมใส่ได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการออกไปพบปะลูกค้า ใส่ไปสังสรรค์ สามารถสวมใส่นอนพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือใส่อยู่บ้านก็ได้ โดยรุ่นนี้ผลิตจากวัสดุซิลิโคนคุณภาพพรีเมียม สามารถปรับระดับให้กระชับกับข้อมือได้ ตัวสายใช้นวัตกรรม Antimicrobial และดีไซน์ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถสวมใส่ออกกำลังกายหรือนอนหลับพักผ่อนได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการสะสมของเชื้อแบคทีเรียเลยด้วย
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Shopee
4. สาย Monocozzi รุ่น Premium Genuine Leather
สายจากแบรนด์ Monocozzi ออกแบบมาให้เหมาะกับใครที่ต้องการความเท่ ดูดี เรียบหรู และดูวินเทจไปด้วย ด้วยดีไซน์ที่เน้นหลักมินิมอล และใช้วัสดุในการผลิตเป็นเหล็กแล้วเคลือบด้วยหนัง จึงทำให้สายนาฬิกานี้มีความเรียบหรู ดูดี มีราคา อีกทั้งยังมีรูเป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถปรับสายนาฬิกาให้กระชับข้อมือโดยที่ไม่แน่นเกินไปหรือหลวมเกินไปได้เช่นเดียวกัน ตัวสายรองรับ Apple Watch ขนาด 38 มิลลิเมตรไปจนถึง 44 มิลลิเมตร เรียกได้ว่ามีให้เลือกครอบคลุมมากๆ เลยทีเดียว
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Shopee
5. สาย Apple รุ่น Nike Sport Band
สายของ Apple Watch ที่ได้รับความนิยมมากๆ ไม่แพ้รุ่นอื่นๆ เลยก็คือ สายรุ่น Nike Sport Band ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการเคลื่อนไหวในทุกรูปแบบ ด้วยสายนาฬิกาที่มีความแข็งแรงทนทาน ทำจากวัสดุยาง Fluoroelastomer ทำให้สามารถงอรับกับข้อมือได้พอดี มีสีให้เลือกเยอะ สายเจาะรูเพิ่มการระบาย ไม่ทำให้ร้อนหรือระคายเคือง การออกแบบที่เรียบง่าย แต่มีลูกเล่นที่สีของรู ช่วยเพิ่มสีสันให้การสวมใส่ Apple Watch ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น พร้อมมีที่ล็อกแบบหมุดยึดติดกับรูแต่ละรูแล้วสอดสายเข้าไป อีกทั้งยังสามารถปรับให้เข้ากับขนาดข้อมือได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องสายหลวมเลย
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: BaNANA IT
6. สาย LYKRY Apple Watch 2 In 1 Strap
สำหรับสายของ Apple Watch ที่นำมาแนะนำอีกแบบนี้ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากได้ทั้งสายสีสวยๆ ราคาย่อมเยา รวมถึงปกป้องตัวเครื่อง Apple Watch ของเราได้ด้วย สายของ LYKRY นั้นมีจุดเด่นที่นอกจากราคาย่อมเยาแล้ว ยังมีสีสันสดใสให้คุณเลือกใช้งานกว่า 13 สี ยกตัวอย่างเช่น สีเทาเขียว, สีน้ำเงินชมพู, สีดำแดง, สีขาวดำ, สีดำล้วน เป็นต้น อีกทั้งยังมีเคสกันกระแทกมาให้พร้อม โดยมีขนาดให้คุณเลือกทั้งหมด 2 ขนาดคือ 40 มิลลิเมตร และ 44 มิลลิเมตร รองรับโมเดล Apple Watch SE, Apple Watch Series เลยด้วย
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Shopee
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการเลือกซื้อสาย Apple Watch ให้โดนใจ ตรงกับไลฟ์สไตล์มากที่สุด ใครที่มีความสนใจเลือกซื้อสาย Apple Watch พร้อมตัวเครื่อง หรือ มองหาสายใหม่ๆ อยู่ ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ Apple ได้เลย หรือมองหาสายผ่านช่องทางการซื้อสินค้าออนไลน์อื่นๆ ก็ได้เช่นกัน