ViewSonic VX2718-P-MHD จอเกมมิ่ง 27″ 165Hz พร้อม Adaptive Sync สีสดใส ภาพไหลลื่น
ViewSonic VX2718-P-MHD จอเกมมิ่งขนาดกำลังพอเหมาะกับเกมเมอร์ที่ต้องการความสนุกสนานที่เพิ่มขึ้นจากจอเดิมๆ ด้วยการเสริมฟีเจอร์ และเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความลื่นไหลให้กับการเล่น บนหน้าจอขนาด 27″ ซึ่งเป็นพาแนลแบบ VA ออกแบบมาเพื่อคอเกมโดยเฉพาะ กับอัตรารีเฟรเชเรตที่สูงถึง 165Hz และเพิ่มความมั่นใจให้กับการเล่นเกมด้วยเทคโนโลยี Adaptive Sync ลดอาการภาพฉีกขาด ให้เฟรมเรตในเกมและอัตรารีเฟรชเรตลื่นไหล บนความละเอียด 1920x1080p Full-HD ดีไซน์ขอบจอบางเฉียบ และให้ลูกเล่นในการปรับแต่งบน OSD ได้อย่างละเอียด สนับสนุน HDR และมีลำโพงมาให้ในตัว เช่นเดียวกับพอร์ตการเชื่อมต่อที่มีให้อย่างครบครัน โดยในซีรีส์ดังกล่าวนี้ มีให้เลือกทั้งหน้าจอ 24″ และ 27″
จุดเด่น
- ให้อัตรารีเฟรชเรตสูง 165Hz
- รองรับ Adaptive Sync
- สนับสนุน HDR
- มีลำโพงมาในตัว เสียงดังชัดเจน
- OSD ปรับจูนได้เยอะ
- ขอบจอบาง ให้พื้นที่กว้างดูสบายตา
ข้อสังเกต
- ปรับเลื่อนหน้าจอได้แค่มุมก้ม-เงย
ViewSonic VX2718-P-MHD
Specification
Description | |
Display Size (in.) | 27 |
Panel Type | VA |
Resolution | 1920 x 1080 |
Static Contrast Ratio | 4,000:1 (typ) |
Dynamic Contrast Ratio | 80M:1 |
Light Source | LED |
Brightness | 250 cd/m² (typ) |
Colors | 16.7M |
Color Space Support | 8 bit (6 bit + FRC) |
Aspect Ratio | 16:9 |
Response Time (MPRT) | 1ms |
Viewing Angles | 178º horizontal, 178º vertical |
Backlight Life (Hours) | 30000 Hrs (Min) |
Curvature | Flat |
Refresh Rate | 165Hz |
Adaptive Sync | Yes |
Blue Light Filter | Yes |
Flicker-Free | Yes |
Color Gamut | NTSC: 72% size (Typ)sRGB: 102% size (Typ) |
Pixel Size | 0.311 mm (H) x 0.311 mm (V) |
Surface Treatment | Anti-Glare, Hard Coating (3H) |
Connector | 1x 3.5mm Audio Out, 2x HDMI 1.4, 1x DisplayPort, Power in 3-pin Socket |
Internal Speakers | 2 Watts x2 |
Consumption (typical) | (typical) 30W, (max): 35W |
Physical Controls | Key 1 (favorite), Key 2, Key 3, Key 4, Key 5 (power) |
VESA Mount Compatible | 100 x 100 mm |
Digital Sync | TMDS – HDMI (v1.4), PCI-E – DisplayPort (v1.2) |
Ergonomics | Tilt (Forward/Back): -5º / 25º |
Weight | 4.4Kg |
Dimensions | 615 x 458 x 226mm |
Price | 7,900 บาท |
Design
อุปกรณ์ที่มีให้ภายในกล่อง ViewSonic VX2718-P-MHD รุ่นนี้ หลักๆ จะใช้ในการประกอบ เป็นโครงสร้างที่ใช้งานง่าย ติดตั้งสะดวกเลยทีเดียว ที่เห็นนี้เป็นส่วนของขาตั้ง
ส่วนตัวฐานจะเป็นแบบตัว V ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งความกว้างของฐานจะอยู่ที่ประมาณ 32cm
การติดตั้งง่ายและไม่ซับซ้อน ไขควงหมุนน็อตแค่ตัวเดียวคือ ขาตั้งที่ยึดกับด้านหลังจอ แค่นี้ก็แน่นหนาแข็งแรงแล้ว และตัวล็อคที่ใส่เข้าไป ไม่ต้องไปหมุนให้ยุ่งยากวุ่นวาย
สายสัญญาณที่ให้มา ประกอบด้วย สายไฟ และสาย DisplayPort โดยอแดปเตอร์เป็นแบบติดตั้งอยู่ในจอภาพแล้ว จึงไม่ต้องต่อให้เกะกะ
ตัวยึดจอกับฐานด้านหลัง แข็งแรงเลยทีเดียว รวมถึงขยับได้ เพื่อจัดมุมให้เข้ากับการใช้งานนั่นเอง
เมื่อประกอบจอ ViewSonic VX2718-P-MHD เสร็จเรียบร้อย หน้าตาก็จะออกมาประมาณนี้ ออกไปทางเรียบหรูดูดี ไม่เทอะทะ และสังเกตได้ว่า ขอบจอนั้นบางเฉียบ ด้านล่างเองก็ดูประหยัดพื้นที่ไปเยอะเลย
ด้านหลังเป็นสีดำทั้งหมด มีโลโก้ ViewSonic สีขาว ตัดกับสีพิ้นได้สะดุดตา ตัวฐานมีความเพรียวบางลงตัว ตรงกลางมี VESA Mount ในการติดตั้งอุปกรณ์หรือใช้ติดเข้ากับตัวยึดผนังได้
บริเวณด้านหลังจอ มีลำโพงมาให้ 2 ชุดด้วยกัน ทั้งด้านซ้ายและขวา เป็นลำโพง 2 Watts ที่ให้เสียงได้ดีพอสมควร
ฐานรูปตัว V ออกแบบมาดูกระทัดรัด แต่สามารถรับน้ำหนักจอ รวมถึงการปรับเลื่อนได้สะดวก ลดการใช้พื้นที่บนโต๊ะลงไปได้มาก เหมาะกับคนที่จัดโต๊ะคอม เน้นความมินิมอล และใช้พื้นที่บนโต๊ะได้มากขึ้น
มุมล่างขวา เป็นจุดที่ใช้ปรับแต่งการทำงานของจอรุ่นนี้ มีด้วยกัน 5 ปุ่ม สำหรับ OSD Settings และปุ่มเปิด-ปิด ใช้งานสะดวกทีเดียว
พอร์ตแสดงผลประกอบด้วย HDMI จำนวน 2 พอร์ต และ DisplayPort จำนวน 1 พอร์ต รวมถึง Audio
VESA Mount ขนาด 100 x 100 mm รองรับการติดตั้งอุปกรณ์อย่าง Mini-PC หรือเข้ากับอุปกรณ์ติดตั้งกับผนัง รวมถึงคนที่ชอบความสะดวก อาจเลือกติดตั้งเข้ากับขาแขวน ในการยึดเข้ากับโต๊ะทำงานได้อีกด้วย
Function
ในแง่ของการปรับเลื่อน ให้เหมาะกับสรีระการใช้งานของผู้เล่น โดยหลักอยู่ที่ขาตั้งจอ กับจุดเชื่อมต่อกับตัวจอ สามารถปรับมุมก้ม-เงยได้ที่ -5 องศา ไปจนถึง 25 องศา
เมื่อมองจากด้านข้าง จะเห็นระยะของการปรับมุมก้มและเงย ของจอ ViewSonic รุ่นนี้ โดยมุมเงยนั้น สามารถปรับได้เยอะพอสมควร เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานได้มากขึ้น เช่น คนที่ใช้พรีเซนเทชั่น หรือยืนทำงาน
OSD settings
ในการปรับแต่ง OSD Settings ค่อนข้างง่าย ไม่ซับซ้อน ใครที่เคยใช้การปรับแต่งจอภาพแบบกดปุ่มมาแล้ว น่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี โดยส่วนตัวชอบปุ่มที่อยู่ด้านใต้จอมากกว่าชุดปุ่มที่อยู่ด้านหลังจอ เพราะดูเป็นธรรมชาติ และเข้าใจสัญลักษณ์ ซ้าย-ขวา ขึ้น-ลง ตกลง-ย้อนกลับ ได้ง่ายกว่า หัวข้อใน OSD บนจอรุ่นนี้ ประกอบด้วย
- Input Select
- Audio Adjust
- View Mode
- Color Adjust
- Manual Image Adjust
- Setup Menu
Input Select – ในส่วนนี้ ไม่มีอะไรซับซ้อน จะเป็นส่วนที่ใช้ควบคุมสัญญาณการเชื่อมต่อจากภายนอก ที่เป็นเหมือน Input Source ต้นทาง จะเป็นคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่นที่เป็น Player จากส่วนอื่นๆ ก็ตาม
Audio Adjust – จุดที่สองนี้ จะเป็นการปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียงของลำโพงที่อยู่บนตัวจอได้ แค่กดเลื่อนซ้าย-ขวา
View Mode – จัดว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญ สำหรับเกมเมอร์และการใช้งานหลายๆ อย่างเลยทีเดียว เพราะจะมี Mode ให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โหมดการเล่นเกม Standard, FPS, RTS, MOBA, Movie, Web, Text, Mac และ Mono ครั้งแรกที่เห็น รู้สึกได้เลยว่า เออง่ายดีจัง รวมอยู่ในนี้ทั้งหมด ไม่ต้องไปกดหาให้เมื่อย จะทำงานหรือจะเล่นเกม บันเทิง เข้ามาที่นี่ที่เดียว กด เลื่อน เลือก จบสะดวกดี
Color Adjust – ในส่วนนี้จะเป็นการปรับแต่งแสง สี และอุณหภูมิสีเป็นหลัก เป็นส่วนที่เพิ่มเติม เหมือนการปรับแต่งในแบบ Manual ให้เข้ากับการใช้งานของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็น Contrast/ Brightness, Color Temp, Color Space และ Color Range เป็นต้น แต่เท่าที่ดูแล้ว ถ้าไม่ได้ใช้งานที่ซับซ้อน หรือต้องการปรับจูนแสงสีที่ลงรายละเอียดมากขึ้น เพื่อความชอบหรือให้เหมาะกับการ โพรไฟล์ที่มีใน View Mode ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้แล้ว
Manual Image Adjust – ในส่วนนี้ค่อนข้างจะลงลึกไปในรายละเอียด เพื่อการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเล่นเกม เช่น Black Stabilization ที่ใช้ในเกมที่มีฉากมืดหรือสมรภูมิที่มีแสงน้อย อยากจะเห็นรายละเอียดในเกมได้มากขึ้น โดยไม่ต้องไปแตะในส่วนของ Contrast หรือเพิ่มค่า Brightness ให้เสียอรรถรส ฟีเจอร์นี้ช่วยได้พอสมควร
รวมถึงในหัวข้อ Blue Light Filter ที่ช่วยลดแสงสีฟ้า ในกรณีที่ต้องใช้ในการทำงานเอกสาร หรือต้องจ้องหน้าจอนานๆ ก็จะทำให้ลดความเมื่อยล้าสายตาไปได้ไม่น้อย ตรงจุดนี้จะสามารถเข้าไปใช้ในโหมด Text ก็ได้เช่นกัน แต่ตรงนี้จะช่วยให้คุณปรับระดับได้ตามต้องการมากขึ้น
Advance DCR ที่มีมาให้ใช้บนจอรุ่นนี้ ที่เรามักจะเห็นเป็นฟีเจอร์อยู่บนจอเกมมิ่งหรือจอทีวีที่เน้นเอนเตอร์เทนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งฟังก์ชั่นนี้ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับความสว่าง เพื่อช่วยให้การแสดงสีของภาพให้ดูมีความสดใสชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ในการเล่นเกม ที่มีฉากมืดหรือเข้มมาก จอภาพจะลดความสว่างลง เพื่อให้ฉากดูจากลง จุดที่มืด ก็จะเป็นสีเทาๆ ลงมา ไม่เข้มจนเป็นเงามืดจนเกินไป ส่วนฉากที่เป็นสีจางๆ ก็จะถูกปรับความสว่างเพิ่มขึ้น เพื่อให้ดูมีความสดใส แต่ระบบของจอ จะไม่ทำให้เราเห็นจนผิดสังเกตหรือรู้สึกเสียอารมณ์ในการเล่น ตามภาพที่ปรากฏอยู่ด้านบนนี้
Setup Menu – ในส่วนนี้จะเป็นชุดควบคุมการทำงานของจอเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับภาษา, ความละเอียด, การรายงานข้อมูลพื้นฐาน รวมถึงการตั้งค่าเปิด-ปิด, Power Off, Sleep เป็นต้น แต่ที่น่าสนใจคือ ในส่วนของ Adaptive Sync และ HDR
Performance
มาเริ่มการทดสอบด้วยการเล่นเกม บนจอ ViewSonic VX2718-P-MHD รุ่นนี้กันดีกว่า โดยเราใช้สเปคคอม ประกอบด้วย
- Intel Core i5-10600K
- ASRock B560 Steel Legend
- DDR4 3200 16GB
- GIGABYTE Radeon RX 6600 XT
- SSD WD 500GB
- PSU 650W
ในแง่ของประสิทธิภาพในการเล่นเกมบนพีซีนี้ สามารถรีดเฟรมเรตในหลายๆ เกมได้ระดับ 200fps. ในการตั้งค่า Medium และ High ซึ่งทำให้ทดสอบเกมบนจอรุ่นนี้ ลื่นไหลและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น ในเกม Battlefield V หากปรับความละเอียด High เฟรมเรตจะอยู่ที่ราว 150-160fps ซึ่งความจริง ก็เพียงพอที่จะให้ความต่อเนื่องของภาพ และความสวยงามของเกมได้ดีอยู่แล้ว แต่เพื่อให้เฟรมเรตเพิ่มขึ้นไปอีกนิด และมีความไหลลื่นมากขึ้น การปรับเป็น Medium ที่เฟรมเรตแตะเกือบ 200fps ก็ทำให้น่าสนใจเลยทีเดียว ภาพยังคงสวยงาม และให้รายละเอียดในการเล่นได้ดีทีเดียว เรื่องรายละเอียดของภาพดูตื่นเต้น และที่สำคัญขอบจอที่บางเฉียบแบบนี้ ทำให้ภาพดูเต็มตามากยิ่งขึ้น เอาใจคนที่ชอบเล่นเกมและดูหนังได้ดี
Adaptive Sync
แต่เพื่อเพิ่มความลื่นไหลให้กับภาพได้มากขึ้น ในการทดสอบเกมนี้ เราเลือกตั้งค่า Adaptive Sync บน OSD ของจอภาพ และลองเล่นเปรียบเทียบกับการไม่เปิด ภาพที่ได้โดยส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยเห็นผลแตกต่างชัดเจนนัก เนื่องจากเฟรมเรตของภาพค่อนข้างสูง และนิ่ง มีแค่ในบางจังหวะ ที่มีฉากโจมตีค่อนข้างหนัก เช่น โดนรุมโจมตีจากรถถังและเครื่องยิงจรวด รุมเข้ามาจากรอบด้าน และมีเอฟเฟกต์ระเบิดค่อนข้างเยอะ ตรงนี้พอจะเห็นได้ชัดว่า ภาพไม่ฉีกขาด และยังให้ความต่อเนื่องได้ดีกว่าการปิด Adaptive Sync เอาไว้อยู่บ้าง นอกจากนี้ลองเข้าไปในไดรเวอร์ AMD เพื่อเปิดใช้งาน FreeSync และ Radeon Enhance Sync ดูบ้าง ซึ่งผลออกมาก็ใกล้เคียงกัน ซึ่งถือว่าตัวจอมีค่ารีเฟรชเรตที่สูงอยู่แล้ว จึงให้ภาพได้ต่อเนื่อง เท่าที่พีซีที่ใช้เล่นนั้น รีดเฟรมเรตออกมาไหว ในเคสนี้ถือว่าการเล่นค่อนข้างไหลลื่นได้ดี
HDR – Movie
ในการชมภาพยนตร์ สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือ สีสันและความสดใสของภาพ ที่จะทำให้การชมนั้นได้อรรถรส ไม่เสียอารมณ์กับภาพที่จืดชืด ไร้ชีวิตชีวา ViewSonic VX2718-P-MHD มาพร้อมกับฟังก์ชั่น HDR ให้ปรับความสวยงามในการรับชมได้อย่างเต็มอิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการให้มิติของสีสันที่มีรายละเอียดมากขึ้น แต่ยังคงความสมจริงที่ไม่เพิ่มความฉูดฉาดมากจนเกินไปนัก ตรงนี้สามารถเลือกปรับได้ใน OSD ในหัวข้อของ Setup Menu
แต่ถ้าใครไม่ได้เน้นในส่วนของสีมากนัก แต่อยากได้มิติในการชมที่มีความสบายตา สามารถเลือกปรับในโหมด Movie ของ View Mode ใน OSD settings ได้เช่นกัน
HDR – Games
HDR-Off HDR-On
ในการเล่นเกม สีสันที่เร้าใจ กับเอฟเฟกต์ที่ดูสมจริง ก็ทำให้การเล่นสนุกขึ้นได้ ในเกม BFV นี้ เราได้ลองปรับ HDR เพิ่มเติม จากในส่วนของตัวเกมด้วย ซึ่งภาพที่ออกมาเรียกว่าสีสันกับ แสงเงาที่ตกกระทบ รวมถึงบรรดาสีสันในเกมนั้น ดูแตกต่างออกไปจากเดิมพอสมควร โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ เรื่องของความมืดและแสงเงา ความเข้มจากโทนสีต่างๆ ออกมาจัดจ้าน สังเกตจากด้านบนจะเห็นว่าเปลวไฟนั้น ดูสมจริงลุกไหม้กว่าทางด้านซ้าย ในช่วงจังหวะเดียวกัน รวมไปถึงเงาสะท้อนจากบนถนน และกระบอกปืน ซึ่งดูแล้วน่าตื่นเต้นมากขึ้น
HDR-Off HDR-On
แต่อย่างไรก็ดี HDR ก็อาจจะทำให้บางในบางจุดดูซับซ้อนมากขึ้น การสังเกตศัตรู หรือสิ่งที่อยู่รอบข้างถูกกลืนไปด้วยเช่นกัน ใครที่คิดว่าอยากได้ฉากที่ดูแล้ว จับสังเกตได้ชัด หรืออยากให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ก็อาจจะเลือก Off ได้เช่นกัน
DOTA2
สำหรับเกม DOTA2 ที่เรียกว่ายังคงยอดฮิตติดชาร์ท เกมนี้เรื่องของความลื่นไหลไม่น่าห่วง เพราะไม่ได้ใช่สเปคที่หนักหน่วงมากนัก แม้ว่าเราจะปรับให้เป็นแบบ Best Looking แล้วก็ตาม ซึ่งสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ น่าจะเป็นเรื่องของสีสัน และการมองเห็นได้อย่างชัดเจน ด้วยพื้นที่ของหน้าจอระดับ 27″ และขอบจอที่บางเป็นพิเศษ ทำให้การมองภาพทำได้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงมองเห็นตัวละครหรือฮีโร รวมถึงเอฟเฟกต์ต่างๆ ได้อย่างสวยงาม ที่สำคัญการปรับโหมด MOBA ใน OSD settings ก็ทำให้ภาพที่ได้ดูสดใสดีทีเดียว
Web browsing & Office
สำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การท่องเว็บไซต์ หรือใช้งานด้านเอกสาร ซอฟต์แวร์สำนักงาน จัดว่าคล่องตัวทีเดียว สิ่งที่ช่วยให้หลายคนทำงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น คือการแบ่งหน้าจอด้วยการ Split Window ที่คุณสามารถแบ่งไฟล์ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะแบ่งครึ่งหน้าจอซ้ายขวาหรือบนล่างก็ตาม เช่นเดียวกับการท่องเว็บไซต์ ที่อาจเปิดหน้าจอสำหรับเทรดหุ้น แล้วแบ่งอีกหน้าจอ สำหรับการหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ หรือหาข้อมูลหุ้นที่สนใจไปพร้อมๆ กันได้เลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าจอที่ใหญ่ และสัดส่วนในแบบ 16:9 ก็ทำให้ได้พื้นที่ในแนวตั้งมากขึ้น ไม่จำเป็นจะต้องลดฟอนต์ลงให้เล็กจนเกินไป รวมถึงยังมีฟังก์ชั่น Text หรือ Web ให้ปรับใช้ได้ตามต้องการ เพื่อให้การอ่านข้อมูลง่ายขึ้นและสบายตา
Conclusion
ในภาพรวมของจอ ViewSonic VX2718-P-MHD รุ่นนี้ถือว่าออกมาได้ค่อนข้างลงตัวกับเกมเมอร์ ที่อยากจะขยับหรือเปลี่ยนจอตัวเก่า ซึ่งอาจจะเป็นจอขนาดเล็ก หรือการตอบสนองกับเกมไม่ทันใจ มาสู่ความลื่นไหล เพื่อให้สอดคล้องกับคอมใหม่ที่เร็วขึ้น ด้วยอัตรารีเฟรชเรตที่สูงถึง 165Hz และให้ตอบสนองที่รวดเร็วระดับ 1ms เท่านั้น จึงช่วยให้การแสดงผลออกมารวดเร็ว การเคลื่อนไหวของภาพมีความต่อเนื่อง ตัวจอรองรับ Adaptive Sync ภาพที่ได้จึงลื่นไหลไม่ฉีกขาด เป็นสิ่งที่เติมเต็มให้กับเหล่าเกมเมอร์ได้สนุกสนานมากขึ้น
ไม่เพียงแต่ภาพสวยเท่านั้น แต่ยังเล่นได้สบายตาอีกด้วย เช่นเดียวกับบรรดาฟีเจอร์ที่ให้มาค่อนข้างครบครัน พาแนลแบบ VA SuperClear ที่ให้มุมมองกว้าง จึงทำให้ภาพที่คมชัดแม้จะอยู่ในมุมมองด้านข้างหรือมองจากมุมบนก็ตาม เช่นเดียวกับบนพาแนล IPS การปรับแต่งก็ค่อนข้างสะดวก จากปุ่มกดที่อยู่ด้านใต้ของหน้าจอ ใช้งานง่าย รวมถึงการปรับมุมของจอให้เข้ากับสรีระในการใช้งาน ก็ยังพอทำได้ ด้วยสนนราคาประมาณ 7,900 บาท ก็ถือว่า ค่อนข้างครบเครื่อง เพิ่มเติมความสนุกให้กับการเล่นเกมของคุณได้เต็มอิ่มอย่างแน่นอน
นอกจากจอเกมมิ่งขนาด 27 นิ้วแล้ว ViewSonic ยังมีขนาด 24 นิ้ว VX2418-P-MHD ในราคาที่คุ้มค่าน่าคบมากๆ สำหรับเกมเมอร์ที่กำลังเริ่มต้นหาจอเกมมิ่งเครื่องแรกหรืออยากอัพเกรดจอเดิมให้เป็น 165Hz อีกด้วย
ราคา: ประมาณ 7,900 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://bit.ly/3DZsUZi
การรับประกัน: รับประกัน 3 ปี แบบ Onsite Pick & Drop เป็นการรับประกันแบบมีเจ้าหน้าที่ไปรับเครื่องซ่อมถึงบ้าน