รีวิว Lenovo IdeaPad D330 โน๊ตบุ๊ค 2-in-1 พกง่าย ทำงานดี แบตเตอรี่ 13 ชม. ในงบ 9,990 บาท

Lenovo IdeaPad D330 ภาคต่อของ Lenovo IdeaPad Miix ที่อัพเกรดและแก้ส่วนที่เป็นจุดอ่อนออกไปแล้ว จะน่าใช้ขนาดไหนนะ?

Lenovo IdeaPad D330 อาจจะไม่คุ้นหูผู้ใช้ชาวไทยมากนัก แต่ถ้าบอกว่านี่คือภาคต่อของ Lenovo IdeaPad Miix Series หรือโน๊ตบุ๊คแบบแยกชิ้นเป็นแท็บเล็ตกับคีย์บอร์ดอย่างเดียวก็ได้ ทำให้ใช้งานได้ยืดหยุ่นตามสไตล์ได้ดียิ่งขึ้น จะใช้เป็นแท็บเล็ตอย่างเดียวหรือวางโต๊ะเป็นโน๊ตบุ๊คสักเครื่องก็ได้ ทำให้ผู้ใช้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คพกพาง่ายมีรุ่นน่าสนใจให้เลือกซื้อกัน และยังมีรุ่น LTE ที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องพึ่ง Wi-Fi ทำให้คนที่ต้องการเปิดเว็บอ่านข่าวหรือต้องตอบเมล์ด่วนระหว่างเดินทางทำงานทำได้สะดวกยิ่งขึ้น

ด้านของคนที่เคยเป็นเจ้าของ IdeaPad Miix รุ่นก่อนหน้าแล้วอาจจะมีผู้ใช้บางคนที่เคยมีประสบการณ์การใช้งานทั้งส่วนที่ดีและบางจุดที่ยังติดขัดอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นใน IdeaPad D330 ตัวนี้แล้วด้วย จัดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักเรียนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คไว้เรียนออนไลน์หรือคนทำงานที่หาโน๊ตบุ๊คเครื่องเสริมที่เปลี่ยนเป็นแท็บเล็ตได้เอาไว้พกคู่กับโน๊ตบุ๊คเครื่องหลักก็น่าสนใจ

NBS Verdict

ในแง่การใช้งานแล้ว Lenovo IdeaPad D330 ที่เป็นภาคต่อของซีรี่ส์ IdeaPad Miix นั้น นอกจากจะรักษาเอกลักษณ์การถอดเครื่องแยกเป็นแท็บเล็ตหรือประกอบเป็นโน๊ตบุ๊คก็ได้เอาไว้และใช้ปากกา Lenovo Active Pen มาเขียนจดบนหน้าจอได้เหมือนแท็บเล็ตแล้ว ยังแก้ปัญหาเรื่องการต่อ External Harddisk ที่ต่อเข้า USB 2.0 บนคีย์บอร์ดแล้วโอนไฟล์ไม่ได้เป็นที่เรียบร้อย ทำให้ใช้งานได้สะดวกเหมือนโน๊ตบุ๊คธรรมดาเครื่องหนึ่งเลย นอกจากนี้ยังมีรุ่น 4G LTE ที่ใส่ซิมการ์ดแล้วใช้อินเตอร์เน็ตได้ทันทีให้เลือกซื้ออีกด้วย ทำให้ไม่ต้องลำบากหาหรือแชร์ Wi-Fi จากมือถือมาให้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ใช้งานก็ได้ ทำให้ตอบเมล์สำคัญได้ทันท่วงที และตัวเครื่องขนาด 10.1 นิ้วก็มีขนาดเล็กพกพาง่าย ใส่กระเป๋าแฟชั่นสะพายข้างติดตัวไปไหนมาไหนได้โดยไม่หนักเกินไปและเหมาะเป็นโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพงเพื่อนักเรียนที่ต้องเรียนออนไลน์ในยุคนี้ด้วย

ในส่วนที่เป็นจุดสังเกตโดยหลักๆ แล้วคือเรื่องพอร์ตและการเชื่อมต่อ ที่เครื่องรุ่นนี้จะไม่มีพอร์ตต่อหน้าจอแยกติดตั้งมาให้เลยและพอร์ต USB-C ก็เป็นเพียงพอร์ตที่ใช้โอนไฟล์เข้าออกเครื่องเท่านั้น ไม่สามารถต่อหน้าจอแยกได้และถ้าต้องการฟีเจอร์การชาร์จแบบ USB Power Delivery จะต้องเลือกซื้อเป็นรุ่นที่ราคาแพงขึ้น หรือถ้าใครต้องการรุ่นที่รองรับ 4G LTE ต้องเพิ่มเงินอีก 5,000 บาท ซึ่งบางคนอาจจะเลือกเป็นรุ่นที่ต่อ Wi-Fi อย่างเดียวแล้วแชร์อินเตอร์เน็ตจากมือถือจะประหยัดเงินในกระเป๋ากว่า

จุดเด่นของ Lenovo IdeaPad D330

1. ดีไซน์ตัวเครื่องใช้งานเป็นโน๊ตบุ๊คหรือแท็บเล็ตก็ได้ พลิกแพลงการใช้งานได้หลากหลาย
2. แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 13 ชั่วโมง สามารถพกเครื่องไปไหนมาไหนก็ได้โดยไม่ต้องเอาปลั๊กไปก็ได้
3. ตัวเครื่องรวมปลั๊กแล้วหนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น ถือว่าเบาและพกพาง่าย
4. ขนาดเครื่อง 10.1 นิ้ว สามารถใส่กระเป๋าสะพายข้างไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ได้สะดวก
5. แก้ปัญหาเชื่อมต่อ External Harddisk เข้ากับ USB 2.0 ตรงคีย์บอร์ดแล้วเครื่องหาไม่เจอเรียบร้อยแล้ว สามารถต่อแล้วโอนไฟล์ได้เลย
6. ติดตั้งกล้องมาให้ 2 ตัวทั้งหน้าและหลัง เอาไว้ถ่ายภาพหรือประชุมออนไลน์ได้สะดวก
7. ติดตั้ง Windows 10 Pro มาให้รองรับกับรุ่นที่เป็น 4G LTE ทำให้ตัวเครื่องได้ระบบรักษาความปลอดภัยเต็มที่
8. ใส่ MicroSD Card เพิ่มความจุสำหรับเซฟงานเพิ่มเติมได้ ลดปัญหาหน่วยความจำในเครื่องไม่พอใช้ไปได้
9. รองรับ Lenovo Active Pen ให้ใช้เขียนจดและวาดภาพบนหน้าจอโน๊ตบุ๊คได้

ข้อสังเกตของ Lenovo IdeaPad D330

1. ถ้าต้องการรุ่น LTE ต้องเพิ่มเงินอีก 5,000 บาท จัดว่าค่อนข้างแพง
2. พอร์ต USB-C ใช้โอนถ่ายไฟล์ได้อย่างเดียว ถ้าต้องการรุ่นที่ชาร์จแบบ USB Power Delivery จะเป็นรุ่นที่ราคาแพงขึ้น
3. กล้องที่ติดตั้งมาให้ถือว่ามีคุณภาพกลางๆ แค่พอถ่ายภาพเก็บข้อมูลได้เท่านั้น
4. ไม่มีพอร์ตเชื่อมต่อหน้าจอแยกติดตั้งมา ทำให้ต่อหน้าจอแยกใช้เป็นเครื่องตั้งโต๊ะไม่ได้

รีวิว Lenovo IdeaPad D3308

• Specification
• Hardware & Design
• Screen & Speaker
• Keyboard & Touchpad
• Connector / Thin & Weight
• Performance & Software
• Battery & Heat & Noise
• User Experience
• Conclusion & Award

Specification

Lenovo IdeaPad D330 นั้น เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่รับช่วงต่อจาก Lenovo IdeaPad Miix ที่เป็นรุ่นก่อนหน้า โดยยังคงเอกลักษณ์เรื่องการพกพาง่ายใช้ปากกาจดข้อมูลต่างๆ สะดวก รวมทั้งถอดแยกคีย์บอร์ดกับหน้าจอเป็นแท็บเล็ตเครื่องหนึ่งได้ รวมทั้งติดตั้ง Windows 10 Pro มาให้พร้อมใช้งาน ซึ่งจัดว่าน่าสนใจทีเดียว

ซีพียูในเครื่องเป็น Intel Celeron N4020 แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 1.1-2.8 GHz เป็นซีพียูรุ่นประหยัดพลังงานและค่า TDP ต่ำ เพียง 6 วัตต์เท่านั้น ใช้การ์ดจอออนบอร์ดรุ่น Intel UHD Graphics 600 สำหรับแสดงผลกราฟฟิคทั่วไป ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ e.MMC ความจุ 64GB ใส่ MicroSD Card เพิ่มได้ ติดตั้ง Windows 10 Pro มาให้และแรมเป็นแบบออนบอร์ดความจุ 4GB LPDDR4x บัส 2133 MHz แสดงผลบนหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด HD (1280×800 พิกเซล) พาเนล IPS เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และรองรับ Bluetooth 4.2 ได้ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 2 ล้าน และด้านหลัง 5 ล้านพิกเซล เรียกว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คใช้งานทั่วไป เรียนออนไลน์, ตอบเมล์ได้สะดวก

สำหรับตอนนี้ตัวเครื่องราคาอยู่ที่ 9,990 บาท แต่ในบางโอกาสก็จะมีโปรโมชั่นลดราคาเครื่องหรือได้ของแถมอื่นๆ เพิ่มเข้ามาให้อีกด้วย ซึ่งเราสามารถเลือกดูที่ร้านค้าของ Lenovo ได้ที่ลิ้งค์นี้

สเปคของ Lenovo IdeaPad D330

• ซีพียู Intel Celeron N4020 แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 1.1-2.8 GHz
• การ์ดจอออนบอร์ดรุ่น Intel UHD Graphics 600
• ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ e.MMC ความจุ 64GB ใส่ MicroSD Card เพิ่มได้
• แรมออนบอร์ดความจุ 4GB LPDDR4x บัส 2133 MHz
• หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด HD (1280×800 พิกเซล) พาเนล IPS
• เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ด้วย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และรองรับ Bluetooth 4.2
• กล้องหน้ามีความละเอียด 2 ล้าน และด้านหลัง 5 ล้านพิกเซล
• ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro
• ราคา 9,990 บาท (Lenovo Official Shop JD Central)

Hardware & Design

ในแง่รูปลักษณ์และการดีไซน์ตัวเครื่องของ Lenovo IdeaPad D330 นั้น จะยังคงดีไซน์เป็นโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ที่ยังใช้ดีไซน์เหมือนกับ IdeaPad Miix มาใช้งานอยู่ โดยตัวเครื่องถ้ามองด้านหน้าจะเหมือนโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ขนาดตัวเครื่องเล็กพกพาสะดวกและขอบหน้าจอหนานิดหน่อยเท่านั้น และมีโลโก้แบรนด์ Lenovo ติดอยู่ขอบล่างขวาของคีย์บอร์ดเป็นจุดแรก

ส่วนของฝาหลังเครื่อง จะเป็นดีไซน์เรียบๆ ไม่มีโลโก้อะไร ยกเว้นสติกเกอร์ระบบปฏิบัติการ Windows สีเงิน, สติกเกอร์ eSupport ของ Lenovo, Intel Celeron และโลโก้ Lenovo ส่วนขอบบนมีกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลติดอยู่ตรงขอบบนตรงกลางสำหรับใช้ถ่ายภาพทั่วไป ซึ่งถ้าเอาไว้ถ่ายภาพไว้ใช้งานแล้วใช้ปากกาเขียนจดหรือใส่รายละเอียด ก็ถือว่าใช้งานได้ระดับหนึ่ง

ส่วนของด้านใต้ตัวเครื่องตรงฐานต่อหน้าจอ จะมีชิ้นพลาสติกที่ช่วยป้องกันขอบตัวเครื่องสัมผัสกับพื้นโต๊ะโดยตรง ทำให้ลดโอกาสเกิดริ้วรอยขนแมวหรือรอยขูดเข้าเนื้อเครื่องได้ และยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มากเหมือนกับโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่ออกแบบให้ก้านพลาสติกนี้ยกตัวเครื่องให้ทำมุม 3-6 องศา จนผู้ใช้รู้สึกได้ขนาดนั้น ซึ่งเครื่องนี้อาจจะออกแบบมาเพื่อป้องกันเครื่องเป็นรอยเสียมากกว่า

ส่วนการกางหน้าจอเครื่อง ถ้ากางในโหมดโน๊ตบุ๊คตามปกติ บานพับจะกางได้ราว 160 องศา แต่เนื่องจากเครื่องนี้สามารถถอดแยกหน้าจอกับแป้นพิมพ์ออกจากกันแล้วต่อกลับด้านกันได้ ทำให้ต่อหน้าจอกลับฝั่งแล้วพับจนราบเป็นแท็บเล็ตได้ด้วย ทำให้ปรับโหมดการใช้งานได้ตามสถานการณ์และความถนัดของแต่ละคนได้เลย

ส่วนด้านใต้คีย์บอร์ดจะไม่มีช่องระบบระบายความร้อนเลย เนื่องจากชิ้นส่วนพวกเมนบอร์ด, แรม, ซีพียูถูกรวมเอาไว้ด้านหลังหน้าจอแล้วระบายความร้อนผ่านบอดี้อลูมิเนียมไปเลย ด้านล่างจึงเป็นแผ่นโลหะติดแถบยางกันลื่นเอาไว้ 3 จุดเท่านั้น

Screen & Speaker

หน้าจอของ Lenovo IdeaPad D330 ขนาด 10.1 นิ้ว จะเป็นหน้าจอสัมผัสที่ใช้ปากกา Lenovo Active Pen เขียนได้ ความละเอียดระดับ HD (1280×800 พิกเซล) ติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซลเอาไว้ตรงขอบด้านบนหน้าจอ แต่หน้าจอยังเป็นแบบขอบหนาอยู่ ดังนั้นจะเห็นว่าขอบจอทั้ง 4 มุมจะค่อนข้างหนาสักหน่อย และติดลำโพงเอาไว้ 2 ตัวที่ขอบด้านล่างของหน้าจอด้วย

ส่วนความละเอียดหน้าจอระดับ HD นั้น สำหรับหน้าจอระดับ 10.1 นิ้ว ต้องถือว่าละเอียดสมดุลย์กับขนาดหน้าจอดี ปกติแล้วถ้าเป็นหน้าจอระดับ HD แล้วหน้าจอใหญ่ขึ้นมาเป็น 12 นิ้วเมื่อไหร่ภาพก็จะไม่ค่อยคมนัก แต่พอเป็นหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ต้องถือว่าได้ความละเอียดที่พอดีกับหน้าจอ สามารถดูหนังฟังฟังเพลงได้ดีไม่แพ้กับจอขนาด 14 นิ้ว Full HD เลย

ส่วนของการแตะสัมผัสหน้าจอต้องถือว่าตอบสนองได้เร็วอย่างที่หน้าจอสัมผัสในยุคนี้ควรเป็น เร็วไม่แพ้แท็บเล็ตหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน รวมทั้งไม่มีอาการรวนหรือตอบสนองช้าให้เห็นอีกด้วย ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าถ้าซื้อปากกา Lenovo Active Pen มาใช้งาน ก็น่าจะใช้เขียนจดรายละเอียดต่างๆ ได้ดีอย่างแน่นอน

เมื่อจัดการ Calibrate และทดสอบหน้าจอด้วย Spyder5Elite แล้ว ถือว่าหน้าจอของ Lenovo IdeaPad D330 นั้นให้ขอบเขตสีที่กว้างทีเดียว โดยขอบเขตสีที่ Spyder5Elite วัดได้คือ 84% sRGB, 62% AdobeRGB และ 62% DCI-P3 ซึ่งถือว่าสีสันนั้นกว้างใช้ได้ ไล่เลี่ยกับหน้าจอของโน๊ตบุ๊คที่ราคาแพงกว่าหลายๆ รุ่นเลยทีเดียว ถ้าใช้แต่งภาพทำสีสำหรับอัพโหลดขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คเอาสนุกๆ ก็ถือว่าใช้งานได้ดีระดับหนึ่ง

ด้านความสว่าง เมื่อตั้งความสว่างหน้าจอไป 100% แล้วจะได้ความสว่างสูงสุด 256.4 nits ซึ่งถ้าใช้งานในอาคารหรือออฟฟิศก็ถือว่าสว่างเพียงพอ หรือจะเอาไปใช้งานกลางแจ้งได้โดยไม่มีปัญหาแน่นอน ส่วนของความสว่างหน้าจอเมื่อแบ่งเป็นตาราง 9 ช่องจะเห็นว่าทั้งหน้าจอจะสว่างไล่เลี่ยกันที่ 0-8% แต่จะมีช่องกลางขวามือที่ความสว่างลดลงไป 11% ซึ่งถ้าแต่งภาพก็แนะนำให้ระวังหน้าจอส่วนนั้นสักหน่อยเพื่อให้ภาพและสีสันไล่เลี่ยกัน ส่วนเรื่องความแม่นยำสีบนหน้าจอ จะเห็นว่าค่า Delta-E นั้นอยู่ที่ 1.99 เท่านั้น นับได้ว่าหน้าจอของ Lenovo IdeaPad D330 เครื่องนี้แม่นยำใช้ได้ทีเดียว

สรุปคะแนนหน้าจอ โดยรวมแล้วหน้าจอนี้ได้คะแนนรวมเฉลี่ยที่ 3.5 เต็ม 5 คะแนน โดยจุดเด่นอยู่ที่ส่วนของ Tone Response กับ Contrast ที่ทำคะแนนได้เต็ม 5 คะแนน ที่เป็นส่วนของความเข้มและโทนสีบนหน้าจอโดยตรง ถัดลงมาเป็น Gamut, Color Uniformity และ Color Accuracy ที่ทำได้ 4 คะแนน ต้องถือว่าหน้าจอของ IdeaPad D330 เครื่องนี้ทำได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ส่วนของลำโพงคู่ที่ติดอยู่ตรงขอบด้านหน้าเครื่องจะเป็นลำโพงแบบหันเข้าหาผู้ใช้ พอเปิดดังสุด 100% แล้ว ถือว่าดังชัดเจนสำหรับห้อง 28-32 ตร.ม. แต่เนื้อเสียงต้องถือว่าออกไปทางเรียบและไม่ค่อยมีเบส คาดว่าเพราะตัวเครื่องส่วนที่เป็นแท็บเล็ตมีพื้นที่จำกัด เลยใส่ได้แต่ลำโพงดอกเล็กเท่านั้น จึงได้มิติเสียงเรียบๆ แต่ยังพอใช้ประชุมออนไลน์หรือ Podcast ได้ แต่ถ้าอยากฟังเพลงแนะนำให้ต่อลำโพงแยกไปเลยจะดีที่สุด

ส่วนของกล้องหน้าและหลังพอทดลองถ่ายภาพนาฬิกาดิจิตอลที่ตัวเลขเป็นสีแดงในภาพแล้ว กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซลจะได้สีตัวเลขที่ออกโทนแดงแต่ตรงกลางติดขาวอยู่ เมื่อซูมดูแล้วภาพจะติดออกวุ้นไม่ค่อยคมนัก ซึ่งถ้าใช้ประชุมหรือเรียนออนไลน์ก็ยังพอใช้งานได้อยู่แต่ไม่แนะนำให้เอาไปถ่ายภาพ ส่วนของกล้องหลังถึงจะได้ภาพที่คมกว่าแต่ติดว่าสีของนาฬิกาเพี้ยนจากแดงเป็นส้มออกขาวไปเลย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนมองว่ากล้องนี้คุณภาพแค่พอใช้ถ่ายเก็บข้อมูลหรือเลคเชอร์เท่านั้น ไม่แนะนำให้เอาไปถ่ายหวังสวยงามหรือเก็บภาพบรรยากาศดีนัก

Keyboard & Touchpad

คีย์บอร์ดของตัว Lenovo IdeaPad D330 จะเป็นแบบถอดแยกกับตัวหน้าจอได้ เทียบขนาดแล้วเท่ากับคีย์บอร์ดขนาด 65% โดยขอบบนของตัวคีย์บอร์ดจะเป็นฐานสำหรับต่อกับแท็บเล็ต มีเสาขาเตี้ยฝังแม่เหล็กไว้ดูดคีย์บอร์ดให้ติดกับตัวเครื่อง มี Connector ทองเหลือง 5 จุดสำหรับเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างคีย์บอร์ดกับตัวแท็บเล็ต ส่วนของแรงดูดแม่เหล็กถือว่ายึดได้แน่นกำลังดีแต่ไม่แข็งเกินไปจนดึงออกยาก สามารถดูดแท็บเล็ตให้ติดกับคีย์บอร์ดได้มั่นคงดีทีเดียว ส่วนตัวแป้นพิมพ์นั้นค่อนข้างบาง จึงไม่มีไฟ LED Backlit ติดตั้งมาให้ ดังนั้นถ้าพิมพ์ในที่แสงน้อยอาจจะใช้งานลำบากอยู่บ้าง แต่ถ้าใครคุ้นชินและพิมพ์สัมผัสได้แล้วก็ไม่น่ามีปัญหานัก

ส่วนเลย์เอ้าท์ปุ่ม ต้องถือว่าทางบริษัทออกแบบปุ่มได้แปลกพอควรแต่ก็ถือว่าใช้งานได้ดี สังเกตว่าที่ปุ่ม F1-F12 จะไม่มีคำสั่งฟังก์ชั่นเหมือนโน๊ตบุ๊คแบบโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่น เพราะต้องแชร์บรรทัดกับตัวเลข 1-10 และ Backspace เหมือนกับคีย์บอร์ดแบบ 65% ซึ่งถ้ากดพิมพ์งานก็จะทำงานตามปกติ แต่ถ้าใช้ F1-F12 ต้องกด Fn ค้างไว้ก่อน หรือกด Fn+Tab เพื่อเปิดคำสั่ง Fn Lock ไปเลย ซึ่งส่วนนี้คาดว่าทางบริษัทจะให้ผู้ใช้ไปตั้งค่าตัวเครื่องโดยเปิดจาก Notification Center ของ Windows 10 แทน ส่วนจุดสังเกตอีกส่วนหนึ่ง คือ ปุ่ม Document Key (ปุ่มคลิกขวาบนคีย์บอร์ด) ถูกเปลี่ยนเป็นปุ่ม Print Screen แทน

ส่วนปุ่ม Function ลัดที่ทาง Lenovo ทำแยกเอาไว้จะถูกรวมเอาไว้กับปุ่มอื่นบนคีย์บอร์ด ได้แก่

• ปุ่ม Esc – ปิดหรือเปิดเสียงลำโพง
• ปุ่ม ~ (ปุ่มตัวหนอน) – คำสั่ง Shutdown เครื่อง
• ปุ่ม Tab – Function Lock (สลับระหว่างแถบตัวเลขตามปกติหรือ F1-F12)
• ปุ่ม Delete – ล็อคการทำงานทัชแพด
• ปุ่ม Backspace – เปิดหรือปิด Airplane Mode
• ปุ่มลูกศรขึ้นลง – เพิ่มหรือลดความสว่างหน้าจอ
• ปุ่มลูกศรซ้ายขวา – เพิ่มหรือลดเสียง

ด้านทัชแพดที่ติดตั้งเอาไว้ส่วนล่างของแป้นพิมพ์ จะเป็นขนาดมาตรฐานที่กว้างและใหญ่เท่ากับแป้นทัชแพดของโน๊ตบุ๊ค 14 นิ้วหลายๆ รุ่นของ Lenovo ในปัจจุบันนี้ ดีไซน์แบบซ่อนคลิกซ้ายขวาเอาไว้ รองรับ Gesture Control ของ Windows 10 ตามมาตรฐานทัชแพดในปัจจุบันครบถ้วน รวมทั้งกด Fn+Delete เพื่อล็อคการทำงานได้อีกด้วย

Connector / Thin & Weight

ด้านของน้ำหนักตัวเครื่อง ในส่วนนี้ผู้เขียนแยกชั่งน้ำหนักเป็นชิ้นต่อชิ้นกันโดยถ้ารวบทั้งเครื่องและคีย์บอร์ดเป็นโน๊ตบุ๊คเลย จะมีน้ำหนัก 1.13 กิโลกรัม ถ้าแยกชั่งน้ำหนักแล้ว ตัวหน้าจอที่เป็นโหมดแท็บเล็ตจะหนัก 602 กรัม ส่วนคีย์บอร์ดอย่างเดียวหนัก 535 กรัม ส่วนอแดปเตอร์หนัก 167 กรัม ถ้าชั่งรวมน้ำหนักทุกชิ้นแล้ว จะอยู่ที่ 1.3 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าน้ำหนักโดยรวมนั้นอยู่ในระดับที่ไม่หนักเกินไป

ส่วนความหนาตัวเครื่อง เมื่อวัดด้วยเวอร์เนียดิจิตอลแล้ว ถ้าประกอบเป็นโหมดโน๊ตบุ๊คจะอยู่ที่ 19-19.4 มม. ถ้าวัดแยกกันแล้วตัวคีย์บอร์ดจะหนาเฉลี่ย 9 มม. ส่วนตัวเครื่องในโหมดแท็บเล็ตจะอยู่ที่ 10 มม. ซึ่งถือว่าความหนานั้นอยู่ระดับที่พกพาได้สบายๆ

จากการทดลองพกเครื่องใส่กระเป๋าติดไปใช้งานในวันหยุด ถือว่า Lenovo IdeaPad D330 เป็นโน๊ตบุ๊คที่น้ำหนักเบาและพกพาง่ายทีเดียว ซึ่งตัวเครื่อง 10.1 นิ้วและน้ำหนัก 1.13 กิโลกรัมถือว่าไล่เลี่ยกับแท็บเล็ตหลายรุ่นในปัจจุบันจะเอาใส่กระเป๋าสะพายข้างใบเล็กไปไหนมาไหนก็สะดวกดีทีเดียว ซึ่งถ้าวันธรรมดาเรามีโน๊ตบุ๊คหรือพีซีเครื่องหลักเอาไว้ทำงานแล้ว แต่วันหยุดตอนออกไปธุระข้างนอกบ้านแต่จะหาโน๊ตบุ๊คติดตัวไปเผื่อใช้ทำงานคู่กับสมาร์ทโฟนก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีและพกง่ายอีกด้วย

ส่วนของพอร์ดรอบตัวเครื่องต้องถือว่ามีจำกัด เนื่องจากตัวเครื่องถูกดีไซน์ให้เป็นแท็บเล็ตที่ต่อคีย์บอร์ดให้เป็นโน๊ตบุ๊คได้ ซึ่งพอร์ตที่จำเป็นติดตั้งเอาไว้เท่านั้น โดยที่ตัวแป้นคีย์บอร์ดจะมี USB 2.0 x 2 ช่องเท่านั้น ส่วนที่ตัวแท็บเล็ตฝั่งซ้ายมีเพียงแค่ช่องหูฟัง 3.5 มม. ช่องเดียวเท่านั้น ส่วนฝั่งขวามือ ไล่จากซ้ายมือจะเป็นช่องเสียบปลั๊ก, USB-C x 1 ช่อง และเป็นปุ่มเพิ่มลดเสียงกับ Power ที่กดเพื่อเปิด/ปิดเครื่องหรือใช้ล็อคหน้าจอแบบแท็บเล็ตก็ได้เช่นกัน

ส่วนพอร์ต MicroSD Card จะเป็นแบบไฮบริด คือรวมทั้งพอร์ต MicroSD และช่อง SIM เอาไว้ด้วยกัน ซึ่งถ้าเป็นรุ่น Wi-Fi ที่เป็นรุ่นราคา 9,990 บาท จะเป็นถาด 2 ช่องแต่ปิดช่องใส่ SIM เอาไว้ด้วยแผ่นพลาสติกแทน ช่วยชดเชยหน่วยความจำ e.MMC 64GB ในเครื่องได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าใครมีไฟล์งานในเครื่องเยอะ แนะนำให้ซื้อเมมโมรี่การ์ดมาเพิ่มเอาไว้จะสะดวกยิ่งขึ้น ตอนแกะสามารถใช้เข็มจิ้มซิมเสียบเข้ารูแล้วถอดได้แบบเดียวกับสมาร์ทโฟนเลย

ด้านคนที่เคยใช้งาน Lenovo IdeaPad Miix มาก่อนแล้วเจอปัญหาว่าพอร์ต USB-A ที่คีย์บอร์ดทั้ง 2 ช่องโอนไฟล์จาก External Harddisk เข้าออกเครื่องไม่ได้ ต้องต่อผ่าน USB OTG มาก่อน ตอนนี้ทาง Lenovo จัดการให้ Lenovo IdeaPad D330 ต่อ External Harddisk โอนไฟล์เข้าออกเครื่องผ่านพอร์ตนี้ได้เรียบร้อยแล้ว โดยผู้เขียนทดลองเอา External Harddisk ขนาด 2.5 นิ้วมาต่อเข้ากับเครื่องผ่านพอร์ต USB 2.0 แล้ว ก็สามารถโอนไฟล์ด้วยความเร็ว 480Mbps ตามความเร็ว USB 2.0 เลย ดังนั้นถ้าใครต้องการโอนไฟล์งานเข้าออกเครื่องก็ต่อผ่านพอร์ตนี้ได้ทันที

Performance & Software

สเปคในตัวเครื่องติดตั้งซีพียู Intel Celeron N4020 แบบ 2 คอร์ 2 เธรด ความเร็ว 1.1-2.8 GHz มีแรม 4GB DDR4 แบบออนบอร์ดติดตั้งมาให้ในตัว ซึ่งเครื่องนี้เป็นดีไซน์แบบแท็บเล็ต ดังนั้นก็ลืมเรื่องการอัพเกรดไปได้เลย แต่จากการใช้งานจริงต้องถือว่า N4020 นั้นสามารถใช้งานทั่วไปอย่างการตอบเมล์, พิมพ์งานหรือเปิดเว็บไซต์อ่านข่าวดูหนังฟังเพลงได้ดีไม่มีปัญหานัก แค่อาจจะไม่ไวทันใจเหมือนกับโน๊ตบุ๊คเครื่องใหญ่ที่เป็น 2 คอร์ 4 เธรดเท่านั้น 

ส่วนการ์ดจอออนบอร์ดเป็น Intel UHD Graphics 600 รองรับ OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan ใช้เรนเดอร์ภาพและกราฟฟิคแบบพื้นฐานขึ้นบนหน้าจอได้โดยไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

ด้านชิ้นส่วนภายในเครื่อง เมื่อเช็คผ่านทาง Device Manager แล้ว จะเห็นว่า e.MMC ที่เป็นฮาร์ดดิสก์ลูกหลักของเครื่องเป็น SanDisk DA4064 ที่เป็น e.MMC รุ่นพื้นฐานทั่วไปที่ใช้อ่านเขียนข้อมูลได้เร็วระดับหนึ่งแต่ยังไม่ถึงระดับ SATA III SSD ส่วนการ์ด Wi-Fi เป็น Intel Dual Band Wireless-AC 3165

เมื่อทดสอบความเร็วอ่านเขียนของ SanDisk DA4064 ด้วย CrystalDiskMark แล้ว จะได้ค่า Sequential Read 317.98 MB/s ส่วน Sequential Write ขึ้นไปที่ 239.48 MB/s ถ้าเทียบคือเร็วกว่าฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนเป็นเท่าตัว สามารถบูตเครื่องและเปิดโปรแกรมต่างๆ ได้เร็วระดับหนึ่ง แม้จะไม่เท่ากับ SATA III SSD ก็ตาม แต่ก็ถือว่าไม่ช้าจนเกินไปอย่างแน่นอน

ส่วนการ์ด Wi-Fi ในเครื่องเป็น Intel Dual Band Wireless-AC 3165 ซึ่งถ้าอิงจากฐานข้อมูลของ Intel จะเห็นว่าการ์ด Wi-Fi นี้เปิดตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2014 รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 GHz และ Bluetooth 4.2 ได้ในตัว แต่เป็นเสาอากาศแบบ 1×1 จึงไม่รองรับ MU-MIMO และ Intel vPro แต่อย่างใด เมื่อทดสอบความเร็วการรับส่งข้อมูลโดยเชื่อมต่อกับ Wi-Fi 5G แล้ววัดความเร็วด้วย Ookla จะได้ความเร็ว Download 233.85 Mbps และ Upload 225.22 Mbps ซึ่งอาจจะไม่เท่ากับการ์ด Wi-Fi รุ่นใหม่ๆ ก็ตาม แต่ก็ถือว่าใช้งานตามปกติได้ดีระดับหนึ่งทีเดียว

ส่วนการทดสอบด้วย CINEBENCH R15 กับ R20 ที่ทดสอบการเรนเดอร์ 3D CG เพื่อทดสอบว่าตัวซีพียูและการ์ดจอสามารถทำงานภาพ 3 มิติได้ดีระดับไหน ซึ่ง R15 จะทำคะแนน OpenGL 12.88 fps และ CPU ได้ 127 cb ส่วน R20 ที่เน้นรีดประสิทธิภาพการทำงานของซีพียูโดยเฉพาะ ทำได้ 284 pts

จะเห็นว่าตัว Intel Celeron N4020 นั้น จะเป็นซีพียูสำหรับใช้งานทั่วไป ไม่ได้โดดเด่นที่ 3D CG มากนัก ซึ่งการทดสอบตัว CINEBENCH ในบทความนี้เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพของตัวซีพียูรุ่นเริ่มต้นของทาง Intel ที่สามารถใช้งานทั่วไปได้ แต่ไม่แนะนำสำหรับงานกราฟฟิกหนักๆ มากนัก ซึ่งถ้าใครต้องการเอาไปใช้กับโปรแกรมแต่งภาพต่างๆ อาจจะพอใช้งานได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้เร็วเท่ากับซีพียู Intel Core Series นัก

ส่วนการ Benchmark กับโปรแกรม Affinity Photo ที่เป็นโปรแกรมแต่งภาพเหมือน Adobe Photoshop ว่าตัวซีพียูมีประสิทธิภาพด้านการตัดต่อแต่งภาพได้ดีหรือไม่ จะเห็นว่าคะแนนส่วนของ Vector (Single CPU) ทำได้ 111 คะแนน ถ้าเป็นแบบ Multi CPU จะขึ้นมาอีกเล็กน้อยเป็น 189 คะแนน และ Raster (Single GPU) ด้วยการ์ดจอ Intel UHD Graphics 600 จะทำได้ 278 คะแนน ซึ่งถ้าเทียบแล้ว ก็ถือว่าแค่พอใช้งานได้เท่านั้น

จากประสิทธิภาพตัวเครื่องที่ได้ทดสอบมาทั้งหมด จะเห็นว่า Lenovo IdeaPad D330 เครื่องนี้ จะเหมาะกับการใช้งานทั่วไปอย่างการเข้าออกเว็บไซต์หรืออ่าน eBook กล่าวคือเหมาะกับการใช้งานเบามากกว่า ในส่วนการทำงานกับโปรแกรมที่กินทรัพยากรเครื่องหนักๆ นั้นไม่แนะนำนักเนื่องจากตัวซีพียูยังเป็นแบบ 2 คอร์ 2 เธรดเท่านั้น ซึ่งเหมาะจะเอาเป็นเครื่องสำรองหรือโน๊ตบุ๊คเพื่อเรียนออนไลน์ดูจะตอบโจทย์มากกว่า

Battery & Heat & Noise

ด้านแบตเตอรี่ของ Lenovo IdeaPad D330 จะเป็นแบบฝังเอาไว้ในเครื่อง มีความจุ 38 Wh ซึ่งเมื่อทดสอบระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์ โดยเปิดเสียงลำโพงเพียง 10% ลดความสว่างลงไปต่ำสุดและใช้โหมดประหยัดพลังงานและใช้ Microsoft Edge ดูคลิปใน YouTube ต่อเนื่องเป็นเวลา 30 นาทีแล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งว่า Lenovo IdeaPad D330 เครื่องนี้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 13 ชั่วโมงกับ 7 นาที ซึ่งตรงกับที่ทาง Lenovo เคลมเอาไว้ที่หน้าเว็บไซต์ในส่วนสเปคไม่มีผิดเพี้ยน และถือว่าใช้งานต่อเนื่องได้นานหลายชั่วโมงเลยทีเดียว

แต่จุดสังเกตหนึ่งเมื่อแบตเตอรี่ลดแล้วชาร์จกลับด้วยปลั๊กที่ติดมากับ Lenovo IdeaPad D330 นั้น ใช้เวลานานมากจนน่าสงสัย ซึ่งผู้เขียนได้เสียบปลั๊กทิ้งเอาไว้แล้วปล่อยให้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ไปตามปกติ ปรากฏว่าเมื่อปล่อยให้ตัวเครื่องจัดการชาร์จแบตเตอรี่แล้วเมื่อเครื่องตัดเข้า Sleep mode กลายเป็นว่าแบตเตอรี่จะชาร์จไม่เข้าจนเต็ม 100% ต้องเปิดให้หน้าจอค้างเอาไว้จนกว่าแบตเตอรี่จะเต็มแล้วค่อยกดปิดเครื่องหรือล็อคหน้าจอไป ซึ่งในส่วนนี้ ผู้เขียนมองว่าอาจจะเกิดจากการตั้งค่าการทำงานจากทาง Lenovo เอง หรือไม่ก็บั๊กที่ยังไม่ได้รับการอัพเดทแก้ไขให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีปัญหาเวลาใช้งานจริงนัก ซึ่งส่วนตัวแนะนำว่าให้เจ้าของเครื่องใช้งานตามปกติได้เลย แล้วเวลาที่ต้องนั่งจดจ่ออยู่หน้าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้นานๆ ก็เสียบปลั๊กชาร์จไปเรื่อยๆ จนแบตเตอรี่เต็มก็ได้เหมือนกัน

ส่วนของความร้อนที่เกิดขึ้นในตัวเครื่อง เมื่อทดสอบเบิร์นด้วย Furmark ให้ความร้อนขึ้นสูงแล้วเช็คด้วย CPUID HWMonitor ดู จะเห็นว่าอุณหภูมิในตัวเครื่องนั้นอยู่ที่ 48-74 องศาเซลเซียส เฉลี่ยแล้วอยู่ 71 องศา โดยกรณีของ Lenovo IdeaPad D330 นั้นเป็นอุณหภูมิจากการบังคับให้สูงขึ้นด้วยซอฟท์แวร์ที่ใช้เบิร์นเครื่องให้ร้อนเพื่อเช็คว่าอุณหภูมิสูงสุดที่เครื่องนี้ทำได้อยู่ที่กี่องศา

ส่วนการใช้งานจริงอย่างการเปิดเว็บ ดูหนังฟังเพลงและอ่านข่าวตามปกติแล้ว Intel Celeron N4020 นั้นเป็นซีพียูที่ทำงานได้เย็นและเสถียรต่อเนื่องตลอดการใช้งาน ไม่ได้เกิดความร้อนสูงขึ้นตอนใช้งานแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นถ้าใครสนใจจะซื้อเครื่องนี้ไปใช้เรียนออนไลน์หรือเป็นเครื่องสำรองอ่านข่าวตอบเมล์ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนเลยก็ได้

ส่วนการออกแบบตัวเครื่องเป็นแท็บเล็ต จะเห็นว่าทั้งเครื่องไม่มีช่องระบายความร้อนเหมือนโน๊ตบุ๊คแบบมาตรฐานอยู่เลย และส่วนตัวผู้เขียนก็มองว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่เนื่องจากซีพียู Intel รุ่นที่ติดตั้งมาให้นั้นเป็นรุ่นเล็กสำหรับใช้งานทั่วๆ ไปและค่า TDP แค่ 6 วัตต์เท่านั้น ซึ่งสร้างความร้อนได้น้อยมาก และความร้อนที่ซีพียูสร้างขึ้นมาก็จะระบายออกที่ฝาหลังอลูมิเนียมของตัวเครื่องไปเลย

ตลอดการใช้งานจริง ต้องถือว่า IdeaPad D330 เครื่องนี้คุมอุณหภูมิตัวเครื่องได้ดีมากและเย็นตลอดการใช้งานอย่างแน่นอน และส่วนตัวผู้เขียนทดลองเบิร์นเครื่องแล้วจับตรงฝาหลังดูแล้ว ต้องถือว่าอุณหภูมิ 71 องศาเซลเซียสที่ฝาหลังของตัวเครื่องนั้น แค่รู้สึกอุ่นๆ แค่พอรู้สึกได้ว่าตอนนี้เครื่องทำงานหนักเท่านั้นไม่ได้ร้อนจนลวกมือเลย ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิตอนใช้งานตามปกติเลยก็ได้ เพราะว่าตัวเครื่องนั้นเมื่อใช้งานตามปกติก็เย็นตลอดการใช้งานเลย

User Experience

จากการทดลองใช้และพก Lenovo IdeaPad D330 ติดตัวไปใช้งานดู ต้องถือว่าโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 เครื่องนี้สามารถทำงานในฐานะโน๊ตบุ๊คเครื่องหนึ่งได้ค่อนข้างดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะว่าตัวเครื่องสามารถเปิดเข้าเว็บไซต์เพื่ออ่านข่าวหรืออ่าน eBook ได้สบายๆ ถ้ามีโต๊ะนั่งทำงานก็ต่อตัวคีย์บอร์ดเข้ากับแท็บเล็ตเลยก็ได้ หรือถ้ากำลังเดินทางแล้วต้องการใช้เป็นโหมดแท็บเล็ตก็สามารถดึงตัวเครื่องแยกจากคีย์บอร์ดมาเป็นโหมดแท็บเล็ตเลยก็ได้ หรือจะต่อกลับด้านเพื่อนั่งดูหนังตอนอยู่ในห้องคนเดียวก็สะดวกเช่นกัน

ส่วนของการพกเครื่องไปไหนมาไหน ต้องถือว่า Lenovo IdeaPad D330 นั้นเป็นโน๊ตบุ๊คที่ขนาดเท่ากับแท็บเล็ตเครื่องหนึ่ง จึงพกเครื่องติดตัวไปไหนมาไหนได้ง่ายมาก ซึ่งช่วงวันหยุดผู้เขียนได้ทดลองเอาเครื่องใส่กระเป๋า Messenger bag ใบเล็กแค่พอใส่ของใช้ทั่วไปกับพ็อคเก็ตบุ๊คได้แล้วใส่โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ติดตัวไปด้วย ก็ถือว่ามันสามารถทำหน้าที่ในฐานะโน๊ตบุ๊คเวลาที่หาร้านกาแฟนั่งแล้วตอบอีเมล์หรือหาข้อมูลได้ดีและสะดวก เวลานั่งรถเมล์หรือรถไฟฟ้าแล้วต้องการอ่านข่าวก็ชักเครื่องแยกออกจากคีย์บอร์ดเป็นแท็บเล็ตแล้วอ่านบทความต่อได้เลย ส่วนความเร็วตอบสนองตอนสลับเปลี่ยนโหมดและพลิกหน้าจอกลับไปมาเป็นแนวตั้งหรือแนวนอนก็ถือว่าทำได้เร็วไม่มีปัญหา ซึ่งซีพียู Intel Celeron N4020 นั้นสามารถตอบสนองการทำงานพื้นฐานต่างๆ ได้เพียงพอไม่แพ้ Intel Core Series เลย ดังนั้นด้านการใช้งานทั่วไปนั้นเรียกว่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

ประเด็นต่อมา เชื่อว่าใครหลายๆ คนอาจจะคิดว่าแล้วเราจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 เครื่องนี้ไปใช้งานจะดีหรือเปล่า? ในกรณีนี้ผู้เขียนมองว่าถ้าเรามีคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าอยู่แล้วเริ่มทำงานได้ไม่ดี อยากหาโน๊ตบุ๊คราคาไม่แพงสักเครื่องเอาไว้เรียนหรือประชุมออนไลน์ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ส่วนคนที่มีโน๊ตบุ๊คเครื่องหลักอยู่แล้วจะถอดแยกเป็นแท็บเล็ตแล้วพกคู่กันก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว อย่างตอนเดินทางนั่งรถไฟฟ้าไปทำงานแล้วต้องการนั่งดูหนังหรืออ่านข่าวฆ่าเวลาสักหน่อย ก็หยิบออกมาใช้งานได้โดยไม่รบกวนคนอื่นอย่างแน่นอน

Conclusion & Award

โดยสรุปแล้ว Lenovo IdeaPad D330 เครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊คแบบ 2-in-1 ที่น่าสนใจและเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเครื่องเบาพกง่าย ใช้เรียนออนไลน์ก็ได้หรือจะพกเป็นแท็บเล็ตคู่กับโน๊ตบุ๊คเครื่องหลักก็ดีเช่นกัน ด้วยหน้าจอ 10.1 นิ้ว ความละเอียด HD นั้น ต้องถือว่าได้ความคมชัดไม่แพ้กับโน๊ตบุ๊คที่หน้าจอใหญ่กว่าแล้วความละเอียดระดับ Full HD เลย รวมทั้งน้ำหนักเฉพาะเครื่องกับคีย์บอร์ดที่ 1.13 กิโลกรัมนั้น จัดว่าอยู่ระดับไล่เลี่ยกับแท็บเล็ตเครื่องหนึ่งเท่านั้นเอง และยังรองรับ Lenovo Active Pen อีกด้วย

ด้านของแบตเตอรี่ขนาด 38 Wh ในเครื่องเมื่อจับคู่กับ Intel Celeron N4020 แล้วใช้งานได้นานถึง 13 ชั่วโมง ตรงกับที่ผู้ผลิตเคลมเอาไว้ที่หน้าสเปคนั้น ต้องถือว่าเป็นการเคลมที่ไม่เกินจริงเลย ทำให้ถ้าจะพกเครื่องติดตัวไปไหนมาไหนในช่วงวันหยุดแค่พอใช้ตอบเมล์ด่วนและใช้อ่านข่าว, บทความนั้น จัดว่าเป็นตัวเลือกที่ดี พกใส่กระเป๋าแฟชั่นใบเล็กไปได้และถอดเป็นแท็บเล็ตได้ด้วย นอกจากนี้ทาง Lenovo ยังแก้ปัญหาเรื่องพอร์ต USB 2.0 จากรุ่นก่อนให้โอนไฟล์เข้าออกเครื่องได้แล้วด้วย ดังนั้นคนที่กำลังกลุ้มกับปัญหาเรื่องนี้อยู่ก็ถือว่าผ่านไปได้เลย

ด้านจุดสังเกตที่ขอแนะนำให้ผู้สนใจต้องตระหนักไว้สักหน่อย คือเรื่องของพอร์ต USB-C นั้นจะรองรับแค่การรับส่งไฟล์อย่างเดียวเท่านั้น ใช้ชาร์จแบตเตอรี่หรือต่อหน้าจอแยกแล้วใช้เป็นเดสก์ท็อปไม่ได้ นอกจากนี้ถ้าใครต้องการใช้ 4G LTE ก็ต้องเพิ่มเงินอีก 5,000 บาท ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนแนะนำว่าเราหาซื้อ Pocket Wi-Fi ดีๆ สักตัวมาใส่ซิมแล้วแชร์เน็ตใช้งานกับ IdeaPad D330 เครื่องนี้และอุปกรณ์อื่นๆ ก็จะประหยัดเงินมากอย่างแน่นอน และความพกพาง่ายก็อาจจะกลายเป็นเครื่องคู่กระเป๋าของใครหลายๆ คนได้เลยทีเดียว

award

Best Mobility

ในแง่ของการพกพานั้น ต้องถือว่าถ้าถอดแยกเป็นแท็บเล็ตแล้วน้ำหนักเหลือ 602 กรัม หรือประกอบคีย์บอร์ดเป็น 1.13 กิโลกรัมแล้วใส่กระเป๋า Messenger bag ใบเล็กไปไหนมาไหนในวันหยุดได้โดยไม่ถ่วงไหล่แล้วหนักเกินไป ก็ถือว่า Lenovo IdeaPad D330 เครื่องนี้เป็นโน๊ตบุ๊คที่พกติดตัวไปไหนมาไหนได้ง่าย จึงเหมาะกับรางวัล Best Mobility อย่างแน่นอน

Best Battery Life

ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่ที่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 13 ชั่วโมง ซึ่งในฐานะที่เป็นโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows มาให้แล้ว ต้องถือว่ามันสามารถใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวันอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าใช้งานแบบเปิดช่วงหนึ่งแล้วล็อคหน้าจอเก็บก็ยิ่งใช้พลังงานน้อยลงไปมาก ดังนั้น Lenovo IdeaPad D330 เครื่องนี้จึงเหมาะกับรางวัล Best Battery Life โดยไม่ต้องสงสัย