ตอนนี้ประเด็นที่หลายท่านสนใจคือทำไมโน๊ตบุ๊คแพงขึ้น บางรุ่นเปิดตัวราคาหนึ่ง ผ่านไปขายอีกราคาหนึ่ง อีกทั้งหลายรุ่นยังหาซื้อได้ยาก จากเดิมที่ของเหลือเต็มร้าน ตอนนี้เดินเข้าร้านแทบไม่มีของขายแล้ว วันนี้ทีมงานจะมาไขกันว่าทำไมโน๊ตบุ๊คแพง
ทำไมโน๊ตบุ๊คแพง
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจโครงสร้างของราคาโน๊ตบุ๊คก่อน เพราะโน๊ตบุ๊คไม่เหมือนการ์ดจอแพงที่ทีมงานเคยเขียนไว้ จะมีจุดต่างกันนิดหน่อย ด้วยส่วนประกอบน้อยกว่ามาก ตัวอย่างส่วนประกอบของโน๊ตบุ๊คแบบคร่าวๆ
- ชิปซีพียู
- ชิปการ์ดจอ
- จอภาพ
- เมนบอร์ด
- แรม
ซึ่งความเป็นจริงอาจจะมีอุปกรณ์อื่นๆอีกมากมาย แต่ขอเลือกมาแค่นี้ เพราะแต่ละอุปกรณ์ผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คไม่สามารถผลิตเองได้ (ยกเว้นเมนบอร์ดที่บางแบรนด์สามารถผลิตเองได้) และเมื่อผู้ผลิตเหลานี้ประสบปัญหาใดๆ หรือขึ้นราคา ก็จะส่งผลต่อราคาโน๊ตบุ๊คเช่นกัน บางครั้งอาจจะขึ้นราคาน้อยมากจนไม่กระทบกับต้นทุน แต่บางครั้งราคามันขึ้นจนจำเป็นต้องปรับราคาขายโน๊ตบุ๊ค และแน่นอนว่าปัญหาของการขึ้นราคามาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น
- วัตถุดิบหายาก + สงครามการค้า
เริ่มจากต้นน้ำสุดเลยคือวัตถุดิปหายากมากขึ้น และจากที่เคยค้าขายกันอย่างเสรี แต่พอมีสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ทำให้การส่งออกนำเข้าทั้งวัตถุดิบและสินค้าที่สำเร็จทำได้ยากมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าจีนคือโรงงานผลิตสำคัญของโลกก็ว่าได้ แม้จะมีโรงงานผลิตในต่างประเทศ แต่ยังเสียก็ต้องพึ่งพี่จีนเขาอยู่ดี แม้สงครามการค้าจะเบาลงบ้างแล้ว แต่แน่นอนว่าหลายแบรนด์ก็ย้ายการผลิตออกจากจีน ย่อมส่งผลกับต้นทุนค่าแรงงานที่สูงกว่าในประเทสจีน
- ปัญหาชิปขาดแคลน
เป็นปัญหาระดับโลกเลยก็ว่าได้ความต้องการสูงขึ้น แต่ยังผลิตได้เท่าเดิม และแน่นอนว่าโน๊ตบุ๊คไม่ได้ต้องการแค่ซีพียูหรือการ์ดจอ แต่ยังต้องการทั้งชิปของซีพียู และชิปการ์ดจอ (ไม่นับรวมพวกใช้การ์ดจอออนบอร์ดนะ) ทำให้ประสบปัญหามากกว่าถึง 2 เท่า ยิ่งความต้องการสูง ราคาก็แพงขึ้นเป็นธรรมดา
นอกจากชิปการ์ดจอซีพียูแล้วในส่วนของชิปแรมและ SSD ก็เข้าสู่ภาวะขาดแคลนด้วย ทำให้ราคาดีดขึ้นสูง และส่งผลให้ราคาโน๊ตบุ๊คสูงขึ้นตามไปด้วย
- การขนส่งที่มีต้นทุนสูงขึ้น
เมื่อผลิตเสร็จ การขนส่งจากโรงงานมาประเทศปลายทางก็มีต้นทุนที่สูงขึ้นเช่นกัน เพราะ covid-19 นี่ละทั้งทางเรือที่เกิดเคสหาตู้คอนเทนเนอร์ที่ยากขึ้น การขนส่งทางเรือที่มากเกินปรกติ บางครั้งก็เกิดความผิดพลาดจากการขนส่งที่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าว RTX 30 Series จากโรงงานส่งไปผิดที่ และที่เด่นชัดที่สุดคือการที่ปิดประเทศ การเดินทางด้วยเครื่องบินระหว่างประเทศน้อยลงอย่างมาก จากที่เคยคนส่งทางอากาศด้วยเครื่องบินโดยสารได้ ซึ่งวันๆมีเป็น 10 เป็น 100 เที่ยว ก็เหลือแค่วันไม่ถึง 10 เที่ยว ทำให้ต้องขนส่งผ่านเครื่องบินขนสินค้าเป็นหลัก แน่นอนว่าทำให้ต้นทุนขนส่งสูงขึ้นตามไปด้วย (และยังช้ากว่าเดิมด้วย เพราะต้องรอรอบเครื่องบินขนส่ง)
- ค่าเงินบาทอ่อนตัว
หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบกันว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาค่าเงินบาทอ่อนตัวลงไปมาก จากเดิมช่วงเดือนเมษายน ค่าเงินบาทอยู่ที่ราว 30 บาท ต่อ 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ แต่ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาอ่อนตัวไปถึง 33 บาท ต่อ 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ และยังคงอยู่ในช่วง 32 – 33 ต่อ 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปัจจุบัน บางท่านอาจจะมองว่าแค่ 1-2 บาท เท่านั้น แต่สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าสูงอย่างโน๊ตบุ๊คอาจจะมีมูลค่าส่วนต่างถึงหลายพันบาทเลยทีเดียว
ลองนึกง่ายๆว่าราคาออกมาจาโรงงาน $1,000 ถ้าค่าเงินบาทแข็ง 30 บาท ต่อ 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ราคาโน๊ตบุ๊คที่ขายในบ้านเราจะอยู่ที่ราว 30,000 บาท แต่ถ้าค่าเงินบาทอ่อนตัวสัก 33 บาท ต่อ 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ราคาขายอาจจะสูงถึง 33,000 บาท ส่วนต่างนี่ก็ราว 3,000 บาท แล้วนี่แค่เฉพาะส่วนต่างของค่าเงินนะครับ
- ราคาขึ้นมาจากผู้ผลิต ไม่ใช่หน้าร้าน
ตรงนี้จะต่างจากการ์ดจอนิดหน่อยตรงที่ราคาที่ขึ้นมา ผู้ผลิตหรือแบรนด์เป็นผู้ตั้งราคามาให้หน้าร้านขาย ซึ่งจะต่างจากการ์ดจอที่แบรนด์กำหนดมาให้แค่ราคากลาง ซึ่งในภาวะปรกติก็จะขายราคานั้น แต่ในภาวะที่การ์ดจอแพงขาดตลาด หน้าร้านจึงอาจจะมีการกำหนดราคาขายเองด้วย ซึ่งไม่นับกับพวกพ่อขายรีเซลที่ซื้อราคาปรกติ ขายราคาแพงนะครับ
ซึ่งราคาที่ขึ้นนั้นมีตั้งแต่ราคาที่ขึ้นมาจากโรงงานอันมาจากราคาต้นทุนต่างๆที่สูงขึ้น ราคาค่าขนส่งต่างๆและราคาขายให้ผู้ใช้ที่จะบวกขึ้นจ่าค่าเงินที่อ่อนลง ไปจนถึงกำไรของหน้าร้าน ซึ่งผู้ผลิตจะบวกรวมเป็นราคาขายที่แนะนำไว้
…
เมื่อเรารู้แล้วว่าทำไมโน๊ตบุ๊คราคาแพงขึ้น แต่รู้หรือไมว่าทำไมโน๊ตบุ๊คก็หาซื้อยากขึ้นไปด้วย บางร้านตัวโชว์ยังไม่มี บางร้านต้องสั่ง by Order เท่านั้น โดยเฉพาะร้านต่างจังหวัดที่แทบไม่มีของขายแล้ว ก็เพราะว่า
- ความต้องการสูง WFH เรียนออนไลน์เป็นเหตุ
เมื่อเราต้องทำงานอยู่บ้าน เรียนอยู่บ้าน จากเดิมที่อาจจะใช้เครื่องออฟฟิต เรียนที่โรงเรียน ไม่จำเป็นต้องมีโน๊ตบุ๊คหรือพีซีไว้ที่บ้าน แต่เมื่อจำเป็นต้องเรียนออนไลนื หรือทำงาน WFH ก้ทำให้จำเป็นต้องหาโน๊ตบุ๊คหรือพีซีไว้ที่บ้านเพิ่มขึ้น จากเดิมที่อาจจะมีเครื่องเดียวไว้ทำงานเล่นเกมบ้าง ก็ต้องซื้อเพิ่มเพื่อให้ลูกหลายเรียน ให้พี่น้องไว้ทำงาน ทำให้โน๊ตบุ๊คขายดีมากขึ้นเพราะสะดวกมากกว่าพีซี และไม่จำเป็นต้องใช้สเปคแรงระดับเครื่องพีซี
- การ์ดจอมันหาซื้อยากแพงด้วย เลยมาใช้โน๊ตบุ๊คแทน
ก็ในเมื่อการ์ดจอมันแพง หาซื้อก็ยาก ทำให้ผู้ใช้หลายท่านเลือกที่จะซื้อโน๊ตบุ๊คไว้ใช้งานมากกว่า ทั้งแค่ซื้อใช้ชั่วคราว หรือซื้อแพงๆแบบการ์ดจอแยกไว้เล่นเกมเลย เพราะอย่างน้อยราคาก็ไม่โหดเหมือนพวกการ์ดจอเครื่องพีซี และทำงานเรียน หรือเล่นเกมได้ไม่ต่างจากเครื่องพีซี
- ผลิตได้น้อยลง ความต้องการสูง ก็นำเข้าได้น้อยลง
เมื่อชิปขาดแคลน ก็ทำให้หลายๆแบรนด์มีปัญหาในการผลิตที่น้อยลงกว่าเดิมมาก สังเกตุได้จากหน้าร้านที่บางแบรนด์แทบไม่มีของขาย บางแบรนด์มีขายก็ไม่เยอะ อีกทั้งความต้องการใช้งานก็สูงทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะบ้านเรา เพราะหลายๆประเทสก็มีมาตรการ WFH เรียนออนไลน์ หรือบางประเทศยัง Lockdown ด้วยซ้ำ ทำให้เมื่อของผลิตได้น้อยลง หรืออาจจะเท่าเดิม แต่ความต้องการสูงทั่วโลก แต่ละประเทศก็ต้องแย่งกันนำเข้า ทำให้มีสินค้าที่นำเข้ามาขายน้อยลงไปด้วย
…
บ่นมาก็เยอะแล้ว ผมเชื่อว่าหลายท่านคงคิดว่าบิตคอยหรือ คริปโตเคอเรนซี่ มันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้โน๊ตบุ๊คแพงขึ้น และขาดแคนนิ แล้วมันหายไปไหน ซึ่งความเป็นจริงเจ้า คริปโตเคอเรนซี่มันก็มีส่วน แต่เป็นเหตุผลโดยทางอ้อมมากกว่า ไม่ใช่ทางตรงเสียทีเดียว
- ความต้องการชิปการ์ดจอเยอะจากการนำไปขุดคริปโตเคอเรนซี่
ก็เพราะความต้องการสูง ทำให้ชิปการ์ดจอขาดแคลน และไม่ได้ขาดแคลนเฉพาะชิปการ์ดจอพีซี ยังลามมาถึงชิปการ์ดจอโน๊ตบุ๊คด้วย ทำให้โน๊ตบุ๊คการ์ดจอแยกผลิตได้น้อยลง ขาดตลาด แพงขึ้น
- เอาโน๊ตบุ๊คไปขุดคริปโตเคอเรนซี่
ถ้าย้อนกลับไปปีก่อน คนที่จะใช้โน๊ตบุ๊คไปขุดคริปโตเคอเรนซี่คงมีไม่เยอะ แต่ปัจจุบันมีเยอะขึ้นมาก ส่วนตัวเคยเจอคนที่โดนหลอกให้ซื้อโน๊ตบุ๊คไปขุดคริปโตเคอเรนซี่จริงๆนะ แบบว่าเดินเข้าร้านมีรุ่นไหนก็ซื้อเลย เพื่อนำมาขุด แน่นอนว่ากลุ่มคนเหล่านี้ซื้อทีอย่างน้อยก็ 3-5 เครื่อง ทำให้ของขาดโดยไม่จำเป็น และนำไปขุดได้วันละ 200 จากราคาโน๊ตบุ๊ค 30,000 บาท เขามองว่าคุ้ม ก็เอากับเขาสินะ ทำให้โน๊ตบุ๊คขาดขนาดหาซื้อยากไปอีก
- ซื้อไปเก็งกำไร
สาเหตุก็ไม่ต่างกับการ์ดจอเท่าไรนัก คือจะมีพวกพ่อค่าที่ซื้อไปเก็งกำไร เพื่อบวกค่าส่วนต่าง สำหรับท่านที่ต้องการ แต่จะไม่รุ่นแรงเท่าการ์ดจอ เพราะว่ามีผู้ผลิตหลายเจ้า และมีการนำเข้ามาเรื่อยๆ อีกทั้งบางรุ่นก็แพงเกินกว่าจะเก็งกำไรไหว
…
และเราทุกท่านจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้ได้โน๊ตบุ๊คราคาปรกติ และหาซื้อได้ง่ายขึ้น
- ซื้อเลยตอนเปิดตัว
ถ้าเมื่อก่อนคนซื้อทีหลังมักจะได้ราคาที่ถูกกว่า แต่ปัจจุบันหลายรุ่นจะทำราคาโปรโมชั่นเพื่อขายในช่วงแรก ล๊อตแรก และเมื่อเวลาผ่านไปเป็นล๊อตหลักๆก็มักจะปรับราคาขึ้น ตามสถานะการณ์จริง เพราะฉะนั้นถ้าซื้อได้ซื้อทันซื้อไปก่อนเลย เพราะนอกจากราคาแล้ว ยังได้ของแถมพิเศษอีกด้วยในหลายรุ่น
- ซื้อโน๊ตบุ๊คมือ 2
ปัจจุบันโน๊ตบุ๊คประกันยาวขึ้น สูงสุดบางแบรนด์บางรุ่นยาวถึง 4 ปี เพราะฉะนั้นการซื้อโน๊ตบุ๊คมือ 2 ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะได้ราคาที่ถูกลงไม่มากก็น้อย แต่ก็อาจจะต้องแลกกับสภาพที่ไม่ได้ใหม่เอี่ยม มีตำหนิ มีรอยบ้าง แต่ก็อาจจะได้ของแถมเป็นพวกแรม SSD ที่อัพเกรทเพิ่ม แต่แนะนำว่าซื้อเครื่องที่ยังมีประกันติดอยู่จะดีกว่า อย่างน้อยก็สัก 6 เดือน เผื่อมีอะไรจะได้ยังสามารถเคลมศูนย์ได้ สบายใจกว่า
- รอ และก็รอ
จากที่สอบถามมาหลายแบรนด์ ก็ล้วนตอบในทิศทางเดียวกันว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปรกติก็ปีหน้าเลย แต่อีกหนึงไตรมาสที่เหลือน่าจะเริ่มดีขึ้น แม้จะยังไม่ดีขึ้นมาก แต่สินค้าก็จะเข้ามาเยอะขึ้น และหลากหลายแบรนด์ พร้อมหาซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นอาจจะต้องอดใจรอไปก่อน
อีกส่วนคือเรื่องของค่าเงินบาทที่ตอนนี้ยังจัดว่าแข็งอยู่ แต่คงไม่ได้แข็งไปมากกว่านี้แล้ว ถ้าสถานการณ์ในบ้านเราดีขึ้น เริ่มท่องเที่ยวได้ และต่างชาติเริ่มเข้ามาได้มากขึ้น ค่าเงินก็อาจจะอ่อนลงได้บ้าง แต่ยังไงก็คงไม่แย่หรือแข็งค่าไปกว่านี้แล้ว
…
แล้วเพื่อนๆละครับ ตอนนี้รออุปกรณ์โน๊ตบุ๊คหรือพีซีอะไรอยู่เอ๋ย บอกให้ทีมงานรู้กันหน่อย เผื่อมีข่าวดี เดี๋ยวรีบมาบอกก่อนใคร