Xiaomi Curved Monitor Gaming 34″ 144Hz จอเกมมิ่งใหญ่สะใจ สีสดใส เพื่อคอเกม Valorant
Xiaomi Curved Monitor Gaming เป็นจอเกมมิ่งขนาด 34″ ไซส์ใหญ่ ที่ออกแบบมาเป็นจอโค้งระดับ 1500R โอบกระชับสายตา เพื่อคอเกมโดยเฉพาะ ให้ความละเอียดระดับ 2K หรือ 3440x1440p ในแบบ 21:9 Ratio ซึ่งทำให้ได้พื้นที่หน้าจอที่กว้าง เหมาะทั้งการเล่นเกมและความบันเทิงต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องเลือก 2 จอมาต่อกันในแบบมัลติมอนิเตอร์ เพราะจอจาก Xiaomi นี้ตัวเดียว ก็ให้คุณสามารถแบ่งพื้นที่ด้วยการ Split หน้าต่างโปรแกรมได้ 2 หน้าจอแบบใช้งานได้เต็มที่ หรือจะใช้ในการเล่นเกม ก็ยังมองเห็นพื้นที่ในเกมได้อย่างเต็มตา เพราะกว้างกว่าจอในแบบ 16:9 ทั่วไป เป็นจอ 144Hz และปรับเลื่อน ให้เหมาะกับสรีระได้หลายทิศทาง สนับสนุนฟีเจอร์พิเศษอย่าง PIP และ PBP มาด้วย และมีพอร์ตการเชื่อมต่อ HDMI, DisplayPort ครบครัน โปรโมชั่นเพียง 12,900 บาท ใน Topvalue จัดว่าราคาดีเลยทีเดียว
Xiaomi Curved Monitor Gaming 34″ 144Hz
จุดเด่น
- พื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ มองเห็นพื้นที่ในเกมได้ชัดขึ้น
- จอ 144Hz ให้อัตรารีเฟรชเรตสูง
- รองรับ AMD FreeSync Premium
- ปรับความสูง และหันซ้ายขวาหน้าจอได้สะดวก
- สนับสนุนฟีเจอร์ PIP และ PBP
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับการปรับหมุนจอแบบ Pivot
Specification
Xiaomi Curved Monitor Gaming XMMNTWQ34 | Description |
Resolution | 3440 × 1440 |
Display | 21:9 |
Screen curvature | 1500R |
Refresh rate | 144 Hz |
Response time | 4 ms (Gray scale response time) |
Color gamut | 85% NTSC (NTSC CIE 1931 Standard) |
Colors | 16.7 million (8-bit) |
Contrast ratio | 3000:1 (TYP) |
Brightness | 300 cd/m² |
Ports | HDMI 2.0 x 2, DP1.4 port x 2, AUDIO port x 1 AC power cable IN port x 1 |
Support | Height adjustment / Rotation |
Design
แม้ว่า Xiaomi Curved Monitor Gaming รุ่นนี้ จะเป็นจอคอมระดับ 34″ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหนักหรือใหญ่เทอะทะจนเกินไป และสามารถวางบนโต๊ะคอมขนาด 120cm ได้พอดีๆ กับไซส์ความยาวของตัวจอที่ประมาณ 81cm เท่านั้น ยังสามารถวางคีย์บอร์ด และเมาส์ได้อีกด้วย แต่ถ้ามีโต๊ะทำงานที่ยาวกว่า 140cm ขึ้นไป ก็สามารถวางคอมพิวเตอร์เอาไว้ข้างๆ ได้เลย
ในส่วนของ Bracket หรือขาตั้ง ที่เป็นตัวล็อกเข้ากับด้านหลังจอ ที่นอกจากจะออกแบบมาดูดีและกลมกลืนกับตัวจอ ทำให้สามารถตั้งโชว์ความสวยงามได้แล้ว ก็ยังติดตั้งง่ายอีกด้วย และไม่ต้องใช้เครื่องมือหรือไขควงแต่อย่างใด แต่เสียบลงบนช่องด้านหลัง ตัวล็อกก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเจ็บมือหรือประกอบให้ยุ่งยาก
นอกจากนี้ในส่วนของ Bracket ยังสามารถเสียบสาย เพื่อซ่อนบรรดาสายต่างๆ ที่ต่อพ่วงเข้ากับพอร์ตด้านหลังของตัวมอนิเตอร์ แค่แกะออกมา สอดสายเข้าไป และปิดกลับไปให้เหมือนเดิม ไม่ต้องใช้เครื่องมือเช่นกัน เพราะเป็นแถบแม่เหล็กแปะเข้าไปแบบแน่นๆ
ตัวฐานเป็นแบบ Y กว้างประมาณ 60cm เป็นแบบก้านขนาดเล็ก ทำให้มีพื้นที่ในการวางสิ่งของอื่นๆ ได้สะดวก และรับน้ำหนักได้ดี มีการกระจายน้ำหนักได้อย่างสมดุล โดยส่วนตัวมองว่า ทำออกมาได้ดี และทำให้ตัวจอไม่เคลื่อนไหวหรือสั่นคลอนได้ง่าย เพราะต้องรองรับการปรับหันจอ และความสูงต่ำ ก้มเงยด้วย จึงต้องออกแบบมาให้แข็งแรง และไม่เปลืองพื้นที่
โลโก้ Mi ด้านหลังตัวจอ ไม่ได้เน้นลูกเล่นที่หวือหวาแต่อย่างใด เป็นโทนโลโก้สีกำเงา อยู่บนพื้นสีดำด้านหลังเช่นกัน
มุมล่างขวาของด้านหลังจอภาพ เป็นปุ่มควบคุมการทำงาน ในการตั้งแต่ OSD settings ซึ่งบอกตามตรงว่า ต้องใช้เวลาปรับตัวให้เคยชินอยู่เหมือนกัน ซึ่งหากใครที่ใช้งานแบบปุ่มกดในจอเดิมๆ อยู่แล้ว ก็อาจจะไม่ได้ติดขัดแต่อย่างใด เพราะแค่จำว่า กดปุ่มขึ้น-ลง, เข้า-ออกเมนู และตกลง เท่านั้น ซึ่งเราจะมาดูกันในส่วนของ OSD Settings กันอีกครั้งหนึ่ง
ขอบจอจะบอกว่าบางมากก็ไม่เชิง แต่ก็ไม่ได้หนามากมายจนดูสะดุดตา ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของจอคอมขนาดใหญ่ระดับ 34″ และยังเป็นจอโค้ง (Curved monitor) ซึ่งจะต้องมีกรอบในการเพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวจอ เพื่อลดความเสียหาย แต่ในแง่ของการใช้งานบอกเลยว่า เมื่อเทียบกับพื้นที่แสดงผล ก็ทำให้มองเห็นขอบเหล่านี้เล็กไปถนัดตาเลยทีเดียว
Adjustable
ด้วยความที่เป็นจอภาพสำหรับความบันเทิงและการเล่นเกม ก็ทำให้มีการออกแบบให้ยืดหยุ่นและคล่องตัวในการใช้งาน ด้วยการปรับเลื่อนเพื่อให้เข้ากับสรีระของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งตรงหน้าจอ หรือดูจากด้านข้าง รวมไปถึงการยืนเพื่อใช้งาน
สำหรับจอรุ่นนี้ รองรับการหันซ้าย-ขวาจากตัวฐานได้สะดวก และปรับมุมได้เยอะจนน่าทึ่ง แม้ว่าเว็บไซต์ผู้ผลิต จะไม่ได้รายงานตัวเลขที่ชัดเจนออกมา ในเรื่องนี้แต่ก็พอแสดงให้เห็นถึงการปรับเลื่อนที่ทำได้เยอะกว่าจอพื้นฐานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสูงที่ได้มากกว่า 10cm และหันซ้าย-ขวา อย่างน้อย 30 องศาทั้ง 2 ด้านหรืออาจจะมากกว่า รวมไปถึงมุมก้มเงย ระดับ -5 – 20 องศาด้วยเช่นกัน จะขาดไปก็เพียงการปรับหมุนแบบ Pivot เท่านั้น ก็เป็นเรื่องปกติของจอ Curved หรือจอโค้งขนาดใหญ่นั่นเอง
มุมที่มองจากด้านหลัง แสดงให้เห็นถึงการปรับเลื่อนความสูงที่ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำไปใช้ในโอกาสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอผลงาน ออกบูธ พรีเซนเทชั่นหรือจะใช้ในบ้าน ในการชมภาพยนตร์ และการเล่นเกมก็ตาม
OSD settings
อย่างที่ได้แจ้งไปในเบื้องต้น เกี่ยวกับ OSD settings ซึ่งมีปุ่มควบคุมด้วยกัน 4 ปุ่มหลัก และปุ่มด้านล่างสุด จะใช้ในเปิด-ปิดเครื่อง วิธีการปรับแต่ง ก็เพียงกดปุ่ม เลื่อนขึ้น-ลง เข้า-ออกเมนู และการกดยืนยันคำสั่งเท่านั้น ไม่ได้ซับซ้อนมากนัก เพราะมีสัญลักษณ์ปรากฏบน OSD เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ไม่กดผิดบ่อยๆ
เมนูที่อยู่บน OSD Settings ประกอบด้วย
- Bri/Con – สำหรับการปรับค่าความสว่าง และค่า Contrast มีเมนูย่อยที่น่าสนใจอย่าง Black Level ที่ช่วยให้การเล่นเกมมีสีสันมากขึ้น
- Picture – ใช้สำหรับการปรับเรื่องของอุณหภูมิสี และความสดใสของสี ไม่ว่าจะเป็น Color temp, Hue, Saturation, Gamma และ Aspect Ratio
- PQ Settings – ใช้ในการปรับแต่ง Resposne time, Sharpness ในเรื่องความคมชัดและการลด Noise
- Smart Mode – จะเป็นเมนูหลักที่ใช้งานได้สะดวกและง่ายที่สุด สำหรับคนที่ชอบความสะดวก ไม่เน้นรายละเอียดที่ซับซ้อน เพราะจะมีโพรไฟล์ของภาพให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น Standard กับการใช้งานทั่วไป, Eco ประหยัดพลังงาน, Game เพิ่มสีสันและการตอบสนองในการเล่นเกม, Movie การชมภาพยนตร์, Low Blue Light ลดแสงสีฟ้า สบายตาเมื่อใช้งานแบบยาวนาน และ RTS ที่เป็นแนวเกมแบบวางแผนเป็นต้น
- Windows Setting – ใช้สำหรับการปรับตั้งค่า PIP หรือ PBP ด้วยการนำสัญญาน จากแหล่งภาพ 2 แห่ง มาแสดงผลร่วมกันบนหน้าจอเดียว ซึ่งเข้ากับรูปแบบของหน้าจอ 21:9 ได้ดีทีเดียว
- Settings – การตั้งค่าพื้นฐาน เช่น ภาษา ช่องทางเสียงขาเข้า ระดับเสียง การใช้งาน FreeSync Premium และ Information เป็นต้น
โดยในหัวข้อสุดท้ายคือ Settings นี้ จะรวมเอาการเปิดใช้งานเทคโนโลยีสำคัญอย่าง FreeSync Premium ได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้คอเกม สามารถเล่นเกมได้ลื่นขึ้น โดยสามารถปรับเป็น On รอเอาไว้ได้เลย ซึ่งปกติแล้วเทคโนโลยี AMD FreeSync เป็นเทคโนโลยีที่อยู่ในจอมอนิเตอร์ที่มีค่อนข้างหลากหลายในปัจจุบัน โดยจะทำหน้าที่ซิงก์การทำงานของรีเฟรชเรตหน้าจอ และการทำงานของ GPU ให้สอดคล้องกัน เพื่อให้ภาพมีความลื่นไหลมากที่สุด ไม่เกิดอาการ Tearing หรือภาพขาด หรือจะเป็นการกระตุกก็ตาม จึงทำให้ได้ภาพในเกม ลื่นไหลไม่สะดุด เทียบได้กับเทคโนโลยี G-Sync ของ nVIDIA แต่ FreeSync จะค่อนข้างเปิดกว้างมากกว่า โดยที่ FreeSync Premium นี้ จะทำงานบนหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรตขั้นต่ำ 120Hz ที่ความละเอียดระดับ Full-HD ขึ้นไป และรองรับฟีเจอร์ LFC หรือ Low framerate compensation หรือการปรับลดระดับการตอบสนองของภาพบนเฟรมเรตที่ต่ำลงได้ เพื่อให้ภาพที่ยังคงไหลลื่น แม้เฟรมเรตจะน้อยลงก็ตาม
Performance
และอย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ ฟีเจอร์ PIP และ PBP ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของจอ Xiaomi Curved Monitor Gaming รุ่นนี้ เพราะช่วยให้การเชื่อมต่อ Source หรือสัญญาณจากแหล่งอื่น เข้ามาใช้งานร่วมกันบนหน้าจอเดียวได้ ซึ่งใช้ประโยชน์ได้หลากหลายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น การแสดงผลหน้าจอรอง บนหน้าจอหลักขนาดใหญ่ หรือจะแบ่งครึ่งกันระหว่าง หน้าจอหลักกับหน้าจอรอง เช่น การนำวีดีโอหรือหน้าจอคอมอีกเครื่องมาแสดงเป็นจอรอง เพื่อใช้ในการพรีเซนเทชั่นหรือจะใช้ทำงานแบบแบ่งครึ่งหน้าจอก็ได้เช่นกัน นับว่าเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานไม่น้อยเลย
มาดูในด้านของประสิทธิภาพในการทำงานบนหน้าจอ Xiaomi Curved Monitor Gaming 34″ รุ่นนี้กันดูบ้าง ไม่ว่าจะใช้ในการเล่นเกม ทำงาน ดูวีดีโอ หรือการสตรีมมิ่งก็ตาม ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ จึงให้พื้นที่กว้างขวางในการทำงาน หากเทียบกับจอ 27″ หรือเล็กกว่า สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งหน้าจอ ด้วยการ Split Window หรือจะเป็นการเล่นเกม ที่ทำให้เห็นสิ่งแวดล้อมภายในเกมได้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญด้วยความละเอียดระดับ 2K นั้น ก็ช่วยให้การจัดสรรพื้นที่ทำได้มากกว่าจอที่เป็นแบบ 16:9 ในแบบ Full-HD อยู่ไม่น้อยเลย
เริ่มที่การเล่นเกม โดยมีเกมยอดฮิตอย่าง DOTA2 บนความละเอียดระดับ 2K หรือ 3440 x 1440 เรียกว่านอกจากความสดใสจากสีสันของภาพที่ปรากฏในเกม อันเป็นเอกลักษณ์ของเกมนี้มาแบบจัดเต็มแล้ว ในแง่ของ Resolution ยังถือว่าให้ความละเอียดที่ดี และเปิดกว้างให้เห็น Map ภายในตัวเกม เมนู Skill และบรรดาอาวุธต่างๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้การคลิ๊กหรือเลือกใช้งานได้รวดเร็ว แต่ที่สำคัญคือ ผู้เล่นสามารถมองเห็นบรรยากาศรอบตัวได้ดีกว่า ช่วยให้จับทางทิศทางของการโจมตีได้ง่ายขึ้น เรียกว่ามีฮีโร่จะร่ายเวทย์หรือใช้สกิลอยู่ระแวกนั้น ก็พอจะได้เห็นและเตรียมตัวได้ทัน ได้ประโยชน์ค่อนข้างมากในเกมนี้
แต่ที่ไม่ควรพลาดก็คือ คนที่ชอบแนวเกมแอ็คชั่น หรือ FPS และ Battle Royale ที่มีการเคลื่อนไหวต่อเนื่องรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเกม PUBG, Valorant, COD:Warzone หรือจะเป็น CS:GO ก็ตาม ด้วยอัตรารีเฟรชเรตที่สูงถึง 144Hz และเทคโนโลยี AMD FreeSync ที่มีอยู่บนจอรุ่นนี้ ก็ช่วยให้การเล่นเกม ทำได้ไหลลื่นต่อเนื่อง อาการสะดุดหรือภาพฉีกขาด แทบไม่ปรากฏให้เห็น แม้เฟรมเรตในบางช่วงจะต่ำลงมากกว่า 60fps. ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกสนานในการเล่นลดลงไปเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นความพิเศษของจอรุ่นนี้ก็คือ เราสามารถมองเห็นภูมิประเทศรอบข้างได้กว้างออกไปอีก เรียกว่าขยายการมองเห็นได้เยอะขึ้น แนะนำว่าใครเล่นเกมแนว FPS ให้ลองปรับฟีเจอร์ ที่จะช่วยเพิ่ม Detail ระยะไกลให้ชัดมากขึ้น เช่น View Distance เป็นต้น ก็จะช่วยให้เราสามารถส่องแบบสไนป์ระยะไกลได้แบบแม่นๆ
และอีกฟีเจอร์ที่เรียกว่า Black Level เอาใจคนที่เล่นเกมแนวสยองขวัญ หรืออยู่ในเกมที่มีฉากมืดๆ มากๆ เช่นใน Resident Evil หรือ Dead by Daylight เป็นต้น ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณมองเห็นรายละเอียดในที่มืดได้ดีขึ้น ซึ่งเลือกปรับได้ในแบบที่ต้องการ เลือกใช้งานได้หลายระดับ ตั้งแต่ 1-100 เลือกเอาแบบที่คุณเล่นแล้วไม่เสียอรรถรสจะดีที่สุด
มาดูที่การใช้ด้านงานธุรกิจกันบ้าง ในแง่ของนักเทรดหุ้นหรือ Cryptocurrency ดูจะได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ขนาดใหญ่ของจอ Xiaomi Curved Monitor Gaming 34″ รุ่นนี้ได้อย่างเต็มที่ เพราะสามารถดูตารางการเทรดได้อย่างชัดเจน แบบไม่ต้องซูมขยายดูกราฟกับสลับกับราคาเทรดให้วุ่นวายนัก เพราะคุณสามารถขยายหน้าต่างออกมาให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในระดับปี ได้อย่างชัดเจน หรือถ้าต้องการจะดูข้อมูลจากเว็บไซต์อื่นๆ ประกอบการตัดสินใจ ในการเทรด ก็สามารถแบ่งหน้าต่าง เพื่อเปิดใช้งานเว็บเบราวเซอร์เพิ่มเติมได้อีกด้วย
เช่นเดียวกับตัวอย่างด้านบนนี้ ที่ทำให้เห็นว่า สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานในแบบมัลติทาส์กได้สบาย ไม่ว่าจะเป็นการดูหุ้น เทรด Crypto ไปพร้อมๆ กับการดูข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ และฟังการวิเคราะห์ตลาดจาก Live Stream ในช่องทางต่างๆ ได้พร้อมกัน ทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น เรียกว่าไม่ต้องหาซื้อจอมาต่อหลายจอให้สิ้นเปลือง รวมถึงมุมมองความสดใสของภาพ และการดูภาพจากมุมด้านข้าง ก็ยังคมชัด ไม่ผิดเพี้ยนอีกด้วย ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะพาแนลที่มีคุณภาพ และค่าความสว่างของหน้าจอ ที่ทำให้มุมมองด้านข้าง ยังคงให้ภาพที่ดี แต่โดยปกติถ้าหากผู้ใช้ที่เล่นเกมหรือใช้งานอยู่ตรงหน้าจออยู่แล้ว ความโอบกระชับของพาแนลในแบบ Curved 1500R ก็เรียกว่าโอบเข้ามาทำให้มองเห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียว
ในแง่ของการชมภาพยนตร์ Xiaomi Curved Monitor Gaming เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการดูหนังบ่อยๆ หลายครั้งก็มักจะซีเรียสกับเรื่องของ Mood & Tone โดยเฉพาะสีสัน ความมืดและการไล่เฉดสี แม้จะไม่ได้เป็นจอแบบ HDR โดยตรง แต่ในแง่ของความสดใสของภาพและสีสันที่เกิดขึ้นนั้น ให้ความรู้สึกเนียนตา และมีความสดใส หากคุณชอบดูภาพยนตร์แบบ Sci-Fi ที่มีเรื่องของแสงสีที่สดใส หรือแสงตกกระตบ เลเซอร์และเอฟเฟกต์ตระการตา Mi Curved รุ่นนี้ ให้คุณได้สัมผัสความสนุกสนานได้ หรือแนวหลอนๆ หรือหนังในฉากกลางคืน การปรับ Settings ให้เป็น Cinema ก็ช่วยในเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว อีกทั้งหน้าจอขนาดใหญ่แบบนี้ การสตรีมไฟล์ขนาด 2K ขึ้นไป น่าจะช่วยให้หลายคนที่ชอบความระทึกใจได้ตื่นเต้นขึ้นอีกไม่น้อยเลย
Related Topic
Conclusion
สรุปภาพรวมของจอเกมมิ่ง Xiaomi Curved Monitor Gaming 34″ 144Hz รุ่นนี้กันดีกว่า ในแง่ของมิติและพื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่ น่าจะทำให้หลายคนสามารถอิ่มเอมไปกับการเล่นเกมได้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น จากที่ได้ทดสอบไปนั้น มีหลายส่วนที่ช่วยให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์การใช้งานด้านความบันเทิงได้ดี ไม่ว่าจะเป็นจอขนาด 34″ ความละเอียด 2K ซึ่งมาพร้อมกับอัตรารีเฟรชเรตที่สูงถึง 144Hz เข้าคู่กับการสนับสนุน ADM FreeSync Premium ได้ลงตัว ทำให้การเล่นเกมมีความลื่นไหล นอกจากนี้ยังสามารถปรับโพรไฟล์ในแบบ Gaming ได้อีกด้วย เช่นเดียวกับฟีเจอร์อย่าง Black Level เป็นต้น และด้วยความเป็นจอโค้งระดับ 1500R จึงโอบสายตาได้ดี การเล่นเกมแนว Battle Royale นั้นดูจะได้เปรียบขึ้นอีกเล็กน้อย เพราะสามารถมองเห็นศัตรูจากระยะไกลได้ง่ายขึ้น หากเล่นในโหมดความละเอียด 2K และปรับระยะการมองเห็นที่ไกลๆ ให้สูงเข้าไว้ รวมถึงการดูหนังก็คมชัด เต็มตาเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดีมีเพียงบางจุด ที่ติดอยู่เล็กน้อยคือ การปรับแต่ง OSD ที่ยังคงใช้เป็นปุ่มในการปรับเลื่อน ซึ่งอยู่ด้านหลังก็ทำให้ต้องเอื้อมไป และจดจำตำแหน่งให้ดี ต้องใช้การทำความคุ้นเคยพอสมควร และอีกจุดหนึ่งคือ จอรุ่นนี้มาพร้อมการปรับเลื่อนระดับหน้าจอได้ค่อนข้างยืดหยุ่น แต่การปรับระดับเพื่อเลื่อนจอขึ้น-ลง อาจจะไม่ได้สมูทมากนัก เพราะกลไกจะแข็งแรง เพื่อให้รับกับน้ำหนักของจอ จึงอาจจะต้องกดเลื่อนที่ข้อต่อด้านหลังขาตั้ง จะทำได้ง่ายกว่า แต่ก็ถือว่าเป็นข้อดี เพราะช่วยให้จออยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ตลอดเวลา สนนราคาจำหน่ายอยู่ที่ราว 12,990 บาท ซึ่งเป็นโปรโมชั่นจาก Topvalue ใครกำลังมองหาจอเกมมิ่งขนาดใหญ่ ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
ราคา: 12,990 บาท
ข้อมูลสเปคและคุณสมบัติเพิ่มเติม Xiaomi
พบโปรโมชั่นพิเศษที่