GIGABYTE G5 MD น้องเล็กในสายเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่สเปคหลายส่วนน่าสนใจใช้ได้
ถ้าพูดถึงชื่อแบรนด์ GIGABYTE แล้ว คนไทยอาจจะนึกถึงการ์ดจอหรือเมนบอร์ดเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ GIGABYTE G5 MD ที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในเครือด้วยกัน หลายคนอาจจะได้ยินชื่อผ่านๆ เมื่อมีสื่อไทยและต่างประเทศนำเสนอข่าวเรื่องเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่เปิดตัว ก็อาจจะเห็นแบรนด์นี้ผ่านตากันบ้าง แต่มักจะเป็นซีรี่ส์ AORUS หรือ AERO เสียเป็นหลัก
ด้านของ GIGABYTE G5 MD ในตระกูล GIGABYTE Gaming เรียกว่าเป็นตัวเริ่มต้นสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่ามาเป็นรุ่นใหม่และมีชื่อชั้นการันตีด้วยความเป็นแบรนด์ผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ระดับโลกช่วยการันตีคุณภาพเอาไว้ และมีศูนย์บริการของ Synnex, SVOA คอยดูแลตัวเครื่องหลังการขายอีกด้วย
แม้ GIGABYTE G5 MD จะเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นเริ่มต้นของทางบริษัทก็ตาม แต่สเปคที่ใส่มาให้ภายในก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะเป็น Intel Core รุ่นที่ 11 กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3000 Series จึงมีฟีเจอร์เอื้อการเล่นเกมอย่าง Ray Tracing, NVIDIA DLSS, Dynamic Boost 2.0 และ Intel Resizable BAR ใส่มาให้แบบจัดเต็มเพื่อเร่งประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟฟิคเวลาทำงานและเล่นเกมแบบจัดเต็ม มีช่องอัพเกรดเติม SSD ได้ถึง 3 ช่อง แยกเป็น M.2 NVMe PCIe 4.0 x 2 และ 2.5″ SATA III SSD อีก 1 ช่อง รองรับความจุรวมสูงสุดถึง 6TB และระบบระบายความร้อน WINDFORCE ของตัวเครื่องแม้จะเล่นเกมแล้วเปิดกราฟฟิคจนสุดก็ยังคุมความร้อนได้ดีด้วย ดังนั้นนี่คือเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คสเปคดีที่ไม่ควรมองข้ามรุ่นหนึ่งเลย
NBS Verdict
สำหรับ GIGABYTE G5 MD นั้น เรียกว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่สเปคน่าสนใจด้วย Intel Core i5-11400H การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti Max-Q และให้แรมมา 16GB DDR4 แบบถอดอัพเกรดได้ 2 ช่อง มีพอร์ต M.2 NVMe PCIe 4.0 x 2 ช่องและเติม 2.5″ SATA III SSD มาให้ด้วย ทำให้คนที่อยากอัพเกรดฮาร์ดดิสก์ในเครื่องให้เซฟงานหรือลงเกมได้เยอะๆ น่าจะชื่นชอบไม่น้อย เรียกว่าเหมาะกับสายแกะเครื่องมาอัพเกรดไม่น้อย
นอกจากจะอัพเกรดสเปคได้เยอะกว่าเครื่องอื่นเขาแล้ว ส่วนอื่นก็ถือว่าให้มาดีไม่แพ้กับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นในตลาด อย่างหน้าจอที่ขอบเขตสีกว้างระดับพร้อมใช้ทำงานอาร์ตเวิร์คได้ ระบบพัดลมระบายความร้อนมีคุณภาพสามารถคุมอุณหภูมิในเครื่องได้ดีไม่ร้อนเกินไป ถึงจะเล่นเกมต่อเนื่องหลายชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา มีพอร์ตเชื่อมต่อหน้าจอมาให้ถึง 2 พอร์ตคือ HDMI 2.0 และ mini-DP 1.4 อีก 1 ช่องด้วย ทำให้เกมเมอร์ที่อยากต่อหน้าจอแยกเอาไว้เล่นเกมสามารถซื้อสายมาต่อหน้าจอได้เลย และคีย์บอร์ดของตัวเครื่องก็เป็นไฟ RGB แบบ All-zone ที่กดเลือกเปลี่ยนสีได้ตามต้องการ เอาใจเกมเมอร์ได้ถูกจุด
แต่ข้อสังเกตแรกของ GIGABYTE G5 MD คือเรื่องแบตเตอรี่ที่มีความจุเพียง 41Wh จัดว่าน้อยเท่ากับโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นในปัจจุบันเท่านั้นทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้ไม่นาน ในขณะที่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันมีความจุระดับ 50Wh ขึ้นไปแทบทั้งหมดแล้ว ในฐานะที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คจึงถือว่ายังให้มาน้อยเกินไป คาดว่าเพราะขยับพื้นที่ให้กับช่องติดตั้ง 2.5″ SATA III SSD เพิ่มเข้าไปได้
และอีกส่วนที่ไม่นับเป็นข้อสังเกตแต่เป็นจุดควรระวัง คือเรื่องการเปิดฝาอัพเกรดเครื่องควรระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลายๆ คนอาจจะติดภาพว่าเพียงแค่ไขน็อตที่ฝาหลังทั้งหมดก็สามารถยกฝามาเปลี่ยนในเครื่องได้เลย แต่ GIGABYTE G5 MD จะมีน็อตซ่อนในช่องแบตเตอรี่อีก 3 ตัว ดังนั้นก่อนจะเปิดฝาเครื่องก็ควรถอดแบตเตอรี่และไขน็อตในช่องนั้นด้วย เพื่อป้องกันขาล็อคน็อตของฝาหลังหักเสียหาย
ข้อดีของ GIGABYTE G5 MD
- ซีพียู Intel Core i5-11400H เป็น Intel Tiger Lake แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ประสิทธิภาพสูง สามารถเล่นเกมหรือทำงานหนักได้ดี
- สามารถใส่ SSD ได้มากสุด 3 ตัวพร้อมกัน รองรับความจุสูงสุด 6TB จัดว่าเยอะมากพอให้ติดตั้งโปรแกรม, เกมและเซฟงานได้สบายๆ และอินเตอร์เฟสรับส่งข้อมูลเป็น PCIe 4.0 แล้ว
- ให้แรมตั้งต้นมาในเครื่อง 16GB จำนวน 2 ช่อง จึงถอดเปลี่ยนเพิ่มความจุได้ง่าย อัพเกรดได้มากสุด 64GB
- มีพอร์ตเชื่อมต่อหน้าจอ 2 ช่อง เป็น HDMI 2.0 และ mini-DP 1.4 ทำให้ต่อหน้าจอแยกไว้ใช้งานได้สะดวก
- หน้าจอเป็นพาเนล IPS คุณภาพสูง ขอบเขตสีกว้างพร้อมทำงานอาร์ตเวิร์คได้สบายๆ
- พัดลมระบายความร้อน WINDFORCE ระบายความร้อนและคุมอุณหภูมิได้ดี ใช้เล่นเกมหรือทำงานหนักต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงโดยไม่ร้อนมากเกินไป
- คีย์บอร์ดเป็น All-zone Backlit Keyboard พร้อมซอฟท์แวร์เปลี่ยนสีไฟบนปุ่มได้ด้วย
- จัดเรียงพอร์ตได้ดี โดยเอาพอร์ตที่ต่อแล้วไม่ถอดออกบ่อยๆ อย่าง HDMI, LAN, mini-DP และปลั๊กไปไว้ข้างหลัง จึงต่ออุปกรณ์ต่างๆ และจัดสายไฟบนโต๊ะได้ง่ายและไม่รก
- ถ้าแบตเตอรี่เสื่อมก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายเพราะติดตั้งอยู่ภายนอก สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ด้วยตัวเอง
จุดสังเกตของ Gigabyte G5 MD
- แบตเตอรี่มีความจุเพียง 41Wh เท่านั้น ในฐานะที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คถือว่าน้อยเกินไป
- วัสดุที่เลือกมาทำตัวเครื่องและฝาหลังยังเป็นพลาสติกเกรดธรรมดา และฝาหลังหน้าจอเป็นอลูมิเนียมที่จับรอยนิ้วมือติดง่าย แนะนำให้เช็ดทำความสะอาดเป็นระยะๆ
- พอร์ต USB 3.2 Type-C รองรับแค่การรับส่งข้อมูลความเร็วสูงเท่านั้น ต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort ไม่ได้
- ไม่มีปุ่ม Windows Lock ที่เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายรุ่นในปัจจุบันมีให้ใช้
รีวิว GIGABYTE G5 MD
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector / Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
Specification
GIGABYTE G5 MD ถ้าเทียบแล้ว ถือว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คจากแบรนด์ GIGABYTE ที่เปิดตัวมาทำตลาดระดับผู้ใช้ทั่วไป ให้สเปคที่ดีระดับที่คุ้มเงินทีเดียว และพอร์ตภายในเครื่องก็ติดตั้งมาให้พร้อมรองรับการอัพเกรดเพิ่มเติมได้เยอะกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ แต่สเปคเดิมๆ ที่ทางบริษัทเลือกประกอบมาให้จากโรงงานก็ถือว่าดีในระดับที่ถ้าเน้นเล่นเกมอย่างเดียวก็เปิดเครื่องใช้งานไปได้เลยแล้วค่อยอัพเกรดภายหลังก็ได้
สเปคเครื่องนี้ติดตั้งซีพียู Intel Core i5-11400H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.7-4.5 GHz จับคู่กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti Max-Q ติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อม Windows 10 Home รองรับการอัพเกรดได้มากสุด 6TB มีแรม 4GB GDDR6 มีแรม 16GB DDR4 บัส 3200 และอัพเกรดแรมได้สูงสุดถึง 64GB ส่วนหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144 Hz ทำให้เวลาเล่นเกมภาพไหลลื่น เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax และรองรับ Bluetooth 5.2 ด้วย โดยรวมแล้วถือว่าหน้าสเปคนั้นไล่เลี่ยกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในระดับราคาใกล้ๆ กันแต่จะโดดเด่นที่การอัพเกรดเพิ่มแรมและ SSD ได้จัดเต็มกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นเลยทีเดียว
นอกจากนี้ GIGABYTE G5 Series จะมีรุ่นเทียบเคียงให้เลือกซื้ออยู่ 2 รุ่นด้วยกัน โดยสเปคมีดังนี้
- GIGABYTE G5 MD – Intel Core i5-11400H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด, NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti Max-Q, M.2 NVMe SSD 512GB, RAM 16GB DDR4 บัส 3200 MHz, หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 ราคา 35,990 บาท
- GIGABYTE G5 KC – Intel Core i5-10500H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด, NVIDIA GeForce RTX 3060, M.2 NVMe SSD 512GB, RAM 16GB DDR4 บัส 3200 MHz, หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 ราคา 39,990 บาท
Hardware & Design
ดีไซน์ตัวเครื่องของ GIGABYTE G5 MD จะดีไซน์ตัวเครื่องดูเรียบๆ คล้ายโน๊ตบุ๊คทำงานขนาด 15.6 นิ้วทั่วไปที่มีแป้น Numpad ติดตั้งมาให้ ติดตั้งไฟแสดงสถานะตัวเครื่องเอาไว้ขอบหน้าเครื่องฝั่งขวามือ โดยรวมๆ แล้วดีไซน์จะคล้ายกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คทรงมาตรฐานแบบอนุรักษ์นิยม ดูเรียบง่าย พกติดตัวไปทำงานในออฟฟิศแล้วดูไม่เกมมิ่งเกินไป
ส่วนเหนือคีย์บอร์ดจะเป็นขอบเครื่องที่ยกสูงขึ้นมาเพื่อให้เป็นพื้นที่ติดตั้งพอร์ตและช่องระบายความร้อนด้านหลังเครื่องและต่อขาฐานหน้าจอทั้งสองข้างเอาไว้ ทำให้สันขอบเหนือคีย์บอร์ดหนาขึ้นเล็กน้อย
ด้านหลังเครื่องตรงฝาหลังจะเป็นอลูมิเนียมสีดำมีโลโก้ GIGABYTE ติดเอาไว้ตรงกลางและด้านล่างเครื่องตรงส่วนฐานเครื่องจะเป็นช่องระบายความร้อนกับพอร์ตหลังเครื่อง ซึ่งการดีไซน์ให้ด้านหลังเครื่องหนาขึ้นเล็กน้อยเพื่อย้ายเอาพอร์ตที่ไม่ได้ถอดออกบ่อยๆ อย่าง mini-DP, HDMI, LAN และช่องเสียบปลั๊กมาเก็บไว้ด้านหลังแบบนี้ ช่วยให้จัดสายไฟบนโต๊ะตอนใช้งานได้สะดวกและไม่เผลอถอดสายผิดเส้นด้วย ถือเป็นการออกแบบที่ใส่ใจจุดเล็กน้อยได้ดี แต่จุดสังเกตคือรอยนิ้วมือจะติดฝาหลังอลูมิเนียมได้ง่ายมาก ส่วนตัวแนะนำให้ใช้น้ำยาเช็ดทำความสะอาดเป็นระยะๆ จะดีที่สุด
ส่วนด้านใต้เครื่อง จะเป็นฝาหลังแบบเจาะช่องระบายความร้อน โดยเจาะเป็นซี่ช่องถี่ๆ กินพื้นที่ไปเกินครึ่งหนึ่งจากพื้นที่ด้านใต้เครื่อง ส่วนขอบบนฝั่งขวาตัวเครื่องจะเป็นก้อนแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งหาได้ยากในยุคนี้ที่โน๊ตบุ๊คแทบทุกรุ่นไม่ว่าจะเกมมิ่งหรือสายทำงานจะเลือกฝังแบตเตอรี่เอาไว้ในเครื่องเพื่อให้รีดตัวเครื่องได้บางลง
โดยการเลือกใช้แบตเตอรี่แบบถอดได้ก็จะมีข้อจำกัดเรื่องการออกแบบ คือตัวก้อนแบตเตอรี่นั้นจะหนาแล้วต้องติดตั้งไว้ขอบหลังเครื่องเท่านั้น ไม่สามารถย้ายไปติดตั้งไว้ด้านใต้ที่วางข้อมือเหมือนหลายๆ เครื่องได้ แต่ข้อดีคือถ้าแบตเตอรี่เสื่อมก็สามารถซื้อมาเปลี่ยนได้ง่ายๆ ไม่ต้องส่งเครื่องเข้าศูนย์ก็ได้ และได้พื้นที่ภายในเครื่องเพิ่มด้วย
ส่วนการกางหน้าจอ ตัวเครื่องจะกางได้ราว 140 องศา ซึ่งถือว่ากางได้กว้างไล่เลี่ยกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นที่ใช้ดีไซน์แบบขาฐานจอจับตัวเครื่องทั้งสองข้าง ซึ่งความกว้างระดับนี้สามารถวางเครื่องบนที่วางโน๊ตบุ๊คแล้วกางหน้าจอได้กว้างให้เข้ากับองศาการมองเห็นของเราได้ง่าย หรือจะวางบนโต๊ะแล้วกางหน้าจอเล่นเกมก็ปรับองศาการมองเห็นได้สะดวกเช่นกัน
Screen & Speaker
หน้าจอของ GIGABYTE G5 MD จะเป็นหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144 Hz มีขอบหน้าจอ 3 ด้านค่อนข้างบางเหมือนกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ส่วนขอบล่างของหน้าจอจะหนาและสกรีนชื่อของแบรนด์เอาไว้ ด้านของกล้อง Webcam ติดตั้งเอาไว้ตรงขอบบนตรงกลางหน้าจอเพื่อใช้ประชุมออนไลน์ด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นในปัจจุบันที่หลายหน่วยงานเปลี่ยนมาประชุมหรือเรียนออนไลน์มากยิ่งขึ้น
และเมื่อทดสอบขอบเขตและความแม่นยำของสีบนหน้าจอด้วย Spyder5Elite แล้ว จะเห็นว่าหน้าจอของ GIGABYTE G5 MD เครื่องนี้ได้ 95% sRGB, 71% AdobeRGB และ 71% DCI-P3 ซึ่งถือว่าขอบเขตสีนั้นกว้างไม่แพ้กับโน๊ตบุ๊คสำหรับครีเอเตอร์หลายๆ รุ่น และสังเกตว่าความแม่นยำสีหรือค่า Delta-E นั้นเฉลี่ยที่ 1.31 เท่านั้น นับว่าเป็นพาเนลหน้าจอคุณภาพสามารถเอาไปทำงานอาร์ตเวิร์คต่างๆ ได้สบายๆ ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดได้ 240 nit
ส่วนของโซนความสว่างของหน้าจอเมื่อแบ่งเป็นตาราง 9 ช่องแล้ว จะเห็นว่าทั่วทั้งหน้าจอยกเว้นมุมบนและล่างซ้ายมือที่ได้ค่าความสว่างลดลง 13-15% ส่วนอื่นจะสว่างไล่เลี่ยกันที่ 0-8% ดังนั้นถ้าแต่งภาพทำสีแนะนำว่าเลี่ยงทั้ง 2 โซนนี้หน่อยก็เป็นอันใช้ได้
ส่วนของคะแนนรวมนั้นทำได้ 4 เต็ม 5 คะแนน เรียกว่าอยู่ในระดับที่ดีทีเดียว และถ้าดูคะแนนแยกเป็นหมวดนั้นจะเห็นว่าคะแนน Gamut (ขอบเขตสี), Contrast นั้นทำได้เต็ม 5 คะแนนเลยทีเดียว ส่วนคะแนน Tone Response, Color Uniformity และ Color Accuracy ทำได้ 4.5 คะแนน ซึ่งถือว่าทำได้ดีแล้ว และถือว่าหน้าจอของ G5 MD นั้นเป็นพาเนลหน้าจอของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ดีมากรุ่นหนึ่ง
ด้านของลำโพงจะเป็นลำโพง 2 วัตต์ x 2 ตัวพร้อมฟีเจอร์เสียง DTS:X Ultra ช่วยทำให้เสียงเวลาฟังจากลำโพงของตัวเครื่องมีมิติยิ่งขึ้น ซึ่งจากการทดลองเปิดเพลงและดูหนังแล้ว ถือว่าเป็นลำโพงที่ให้เสียงดีระดับหนึ่ง โดยเสียงเพลงจะเด่นตรงเสียงเครื่องดนตรีกับเสียงร้องและมีเบสระดับที่พอฟังเพลงได้สนุก เป็นลูกอยู่บ้าง ใช้ฟังเพลงได้หลากหลายแนวไม่ว่าจะป็อปหรือร็อคก็ถือว่าฟังได้เพลิน ส่วนเพลง EDM ถ้าเป็นแนว House ถือว่าเปิดฟังพอได้อรรถรสระดับหนึ่ง เบสอาจจะไม่หนักมากแต่ก็ไม่แห้งหรือหายเกินไป
Keyboard & Touchpad
ด้านคีย์บอร์ดของเครื่องจะเป็นขนาด Full-size พร้อม Numpad ติดตั้งเอาไว้ฝั่งขวามือ สามารถใช้ทำงานพิมพ์ตัวเลขได้สะดวก แต่สังเกตว่าตัวปุ่มลูกศรของคีย์บอร์ดจะดีไซน์ให้รวมเข้ามากับชุดแป้นหลักเลยเพื่อประหยัดพื้นที่ ไม่ฉีกห่างออกไปเหมือนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันที่พยายามแยกส่วนออกไป ซึ่งดีไซน์นี้ก็ทำให้ตัวคีย์บอร์ดดูมีระเบียบอยู่พอควร แต่จะมีปัญหาอยู่บ้างสำหรับคนที่ใช้ปุ่ม Shift ทั้งสองฝั่งพิมพ์งานเช่นผู้เขียนเอง ซึ่งบางครั้งมีโอกาสกดผิดไปโดนปุ่มลูกศรอยู่บ้างเช่นกัน
ด้านสัมผัสการพิมพ์ด้วตัวแป้นคีย์บอร์ดต้องถือว่าตัวปุ่มมีระยะกดหนากว่าคีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊คสายทำงานหลายๆ รุ่นแต่ยังไม่เท่ากับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่มีแบรนด์เกมมิ่งเกียร์มาช่วยพัฒนาปุ่มคีย์บอร์ดให้ระยะและตัวสปริงหนากว่าปกติ แต่จากการทดลองพิมพ์ต้องถือว่าเป็นปุ่มที่ออกทางนุ่มกดแล้วไม่เมื่อยนิ้วมากจึงพิมพ์งานต่อเนื่องหลายชั่วโมงได้สบายๆ
ด้านของปุ่มฟังก์ชั่นทั้งหมดจะถูกรวมเอาไว้ที่ปุ่ม F1-F12 เป็นหลัก แต่ทางบริษัทก็ Mapping ปุ่มเอาไว้เฉพาะปุ่มพื้นฐานทั่วไปและบางปุ่มไม่มีการตั้งค่าฟังก์ชั่นตั้งค่าเอาไว้ด้วย และจุดสังเกตอีกอย่างคือที่คีย์บอร์ดไม่มีปุ่ม Windows Lock ติดตั้งมาให้เพื่อล็อคปุ่ม Windows ไม่ให้ทำงานเวลามือเผลอไปโดนเวลากำลังเล่นเกมอยู่ ในส่วนนี้ผู้เขียนแนะนำให้ต่อคีย์บอร์ดเกมมิ่งแยกออกมาก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง
ส่วนปุ่ม Function ที่ปุ่ม F1-F12 นั้น จะมีเพียงบางปุ่มเท่านั้น โดยเวลาต้องการใช้งานให้กด Fn ค้างเอาไว้ก่อนแล้วค่อยกดฟังก์ชั่นที่ต้องการ โดยคำสั่งของแต่ละปุ่มได้แก่
- F1 – ล็อคการทำงานทัชแพด
- F2 – ปุ่ม Project ไว้ตั้งค่าหน้าจอแยก
- F3 – ปุ่ม Mute สำหรับปิดเสียงลำโพง
- F5-F6 – ปุ่มลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง
- F7 – ปุ่มดับหรือเปิดหน้าจอ
- F8-F9 – ใช้ลดหรือเพิ่มความสว่างบนหน้าจอ
- F10 – เรียกกล้อง Webcam ขึ้นมาใช้งาน
- F11 – ปุ่ม Airplane mode
- F12 – ปุ่ม Sleep
ส่วนปุ่มฟังก์ชั่นที่ใช้งานร่วมกัน คือปุ่ม Print Screen เมื่อกด Fn แล้วกดอีกครั้งจะเป็น SysRq, Insert ที่กด Fn แล้วทำงานเป็นปุ่ม Scroll Lock, Page up เมื่อกด Fn แล้วกลายเป็นปุ่ม Pause และ Page Down ที่กด Fn แล้วเป็นปุ่ม Break ทำให้ปุ่ม Function ที่หลายคนต้องใช้งานมีให้ใช้ค่อนข้างครบทีเดียว แต่ถ้าเป็นไปได้ในรุ่นต่อไป GIGABYTE น่าเติมปุ่ม Function ที่เอื้อกับการเล่นเกมและทำงานเข้ามาอีก เช่น Crosshair ที่ตั้งมาร์คกิ้งเป็นเป้าปืนเกม FPS ถาวรบนหน้าจอ, Windows Lock ไว้ล็อคปุ่ม Windows ไม่ให้ทำงาน, ปุ่มลัดเรียกคำสั่ง Snipping Tool ของ Windows และปุ่มล็อคหน้าจอโดยกด Function จะยิ่งทำให้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้น่าใช้ขึ้นหลายเท่า
ส่วนของปุ่มปรับไฟ RGB บนคีย์บอร์ดนั้น จะถูกตั้งค่าเอาไว้ตรงชุดปุ่ม Numpad โดยเพิ่มความสว่างที่ปุ่มลบ, ลดความสว่างที่ปุ่มบวกและปิดไฟ RGB ด้วยปุ่มเครื่องหมายคูณ (เครื่องหมายรูป *) และเปลี่ยนรูปแบบไฟโดยกดปุ่มหาร (เครื่องหมายรูป /) โดยไฟ RGB บนคีย์บอร์ดนั้นจะมีความสว่างอยู่ 2 ระดับด้วยกันคือสว่างมากหรือน้อย และการกดลดหรือเพิ่มแสงย้ำจะไม่ทำงานแบบ Toggle ให้เปลี่ยนความสว่างเพิ่มขึ้นหรือลดลงเรื่อยๆ แล้วดับแล้วกลับมาสว่างใหม่ แต่จะค้างอยู่ที่สว่างมากอย่างเดียวแทน
ส่วนเกมเมอร์คนไหนที่อยากเปลี่ยนแสงไฟ RGB บนแป้นคีย์บอร์ดเป็นสีที่ตัวเองชอบ สามารถตั้งค่าในซอฟท์แวร์ LED Keyboard setting ที่ทาง GIGABYTE ติดตั้งมาให้ในเครื่องได้เลย ช่วยให้เกมเมอร์สามารถปรับแสงไฟบนคีย์บอร์ดได้ตรงรสนิยมมากยิ่งขึ้น
ส่วนของทัชแพดที่ติดตั้งมาให้นั้นจะอยู่ขอบล่างตัวเครื่อง โดยเป็นแบบแป้นแยกปุ่มคลิกซ้ายขวา แต่กดลงน้ำหนักที่ขอบแป้นทัชแพดให้ทำงานเป็นปุ่มคลิกไม่ได้ ส่วนการทำงานสามารถตอบสนองได้ดีเหมือนกับแป้นทัชแพดของโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันและรองรับ Gesture Control ของ Windows 10 ได้ตามปกติ
Connector / Thin & Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อของ GIGABYTE G5 MD จะจัดหมวดพอร์ตเอาไว้รอบตัวทั้ง 3 ด้านและขอบหน้าเครื่องเป็นไฟแสดงสถานะตัวเครื่อง และแทรกอยู่กับช่องระบายความร้อนได้พอดี โดยพอร์ตต่างๆ จะมีดังนี้
- ฝั่งซ้ายมือจากซ้าย – Kensington Lock, USB 3.2 Type-A, USB 2.0, พอร์ตหูฟังและไมโครโฟน
- ฝั่งขวามือจากซ้าย – USB 3.2 Type-A, USB 3.2 Type-C, SD Card Reader
- ด้านหลังเครื่องจากซ้าย – mini DP 1.4, HDMI 2.0 (with HDCP), LAN RJ45, ช่องเสียบปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่
ด้านการออกแบบเรียงพอร์ตบนตัวเครื่องนั้น ถือว่าทาง GIGABYTE ออกแบบวางพอร์ตรอบเครื่องได้ดี โดยเอาพอร์ตที่เชื่อมต่อบ่อยๆ อย่าง USB ไว้ด้านข้างทั้งสองฝั่งและยังมี SD Card Reader เอาไว้ให้โอนไฟล์ภาพจากกล้องด้วย ทำให้ช่างภาพที่ต้องการแต่งภาพสามารถโอนไฟล์ภาพเข้าเครื่องได้อย่างรวดเร็ว ย้ายพอร์ตต่อหน้าจอแยก, ปลั๊กและสาย LAN ที่ผู้ใช้มักต่อทิ้งเอาไว้ไปติดไว้ด้านหลังเครื่อง ทำให้ไม่มาเกะกะแย่งพื้นที่ด้านข้างเครื่องเหมือนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คบางรุ่น ซึ่งส่วนนี้ถือว่าทางบริษัทออกแบบเรียงปุ่มได้ดี ใส่ใจผู้ใช้งานมาก
เมื่อชั่งน้ำหนักเครื่องด้วยตาชั่งดิจิตอลแล้ว ตัวเครื่องอย่างเดียวหนัก 2 กิโลกรัม ปลั๊กพร้อมสายไฟอยู่ที่ 417 กรัม เมื่อรวมทั้งหมดแล้วหนัก 2.43 กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักระดับไล่เลี่ยกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6 นิ้วหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน สามารถพกใส่กระเป๋าเป้ไปใช้งานได้ไม่ลำบากและหากระเป๋าใส่เครื่องได้สะดวกเพราะเป็นขนาดมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันนั่นเอง
Inside & Upgrade
ส่วนของการอัพเกรดแรมและเพิ่มฮาร์ดดิสก์ในเครื่องให้ GIGABYTE G5 MD นั้น เนื่องจากเครื่องนี้เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแบบถอดแบตเตอรี่ได้ ดังนั้นขั้นตอนแรกหลังดับเครื่องคือต้องถอดแบตเตอรี่ออกแล้วขันน็อต 3 ตัวด้านในช่องแบตเตอรี่ก่อน แล้วค่อยไล่ขันน็อตรอบตัวแล้วเอาการ์ดแข็งไล่รอบเครื่องเพื่อเปิดฝาออก
ในเครื่องจะเห็นว่าทาง GIGABYTE นั้นติดตั้งช่องอัพเกรดมาให้เต็มที่ มีแรมแบบ SO-DIMM ของโน๊ตบุ๊คทั้งหมด 2 ช่อง ติดตั้งมาให้ 16GB แบบ 8GB x 2 อัน สามารถเพิ่มความจุได้สูงสุด 64GB ถือว่าให้มาเยอะมากจนไม่ต้องกังวลว่าซื้อแรมมาอัพเกรดแล้วเครื่องจะรองรับหรือเปล่า
ส่วนของฮาร์ดดิสก์ในเครื่องจะรองรับความจุสูงสุด 6TB (คาดว่าเป็นความจุรวม) โดยมีช่องต่อฮาร์ดดิสก์แบบ 2.5″ SATA III SSD x 1 ช่องที่มุมล่างซ้ายมือ และช่อง M.2 NVMe อีก 2 ช่อง โดยช่องบนเป็นอินเตอร์เฟส PCIe 4.0 ที่รองรับเฉพาะ M.2 NVMe เท่านั้น ส่วนช่องล่างเป็น PCIe 3.0 ที่รองรับทั้ง M.2 NVMe และ M.2 SATA ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกอัพเกรดได้ตามต้องการ ซึ่งถ้าใครต้องการเอา GIGABYTE G5 MD เครื่องนี้ไปเน้นทำงานเป็นหลักแล้วจะใส่ SSD เอาไว้เซฟงานหรือ Footage สำหรับตัดต่องานเยอะหน่อย ก็อัพเกรดแล้วโอนไฟล์มาใส่ในเครื่องได้สบายๆ
Performance & Software
สำหรับสเปคของ GIGABYTE G5 MD เครื่องนี้จะเป็น Intel Core i5-11400H แบบ 6 คอร์ 12 เธรด ความเร็ว 2.7-4.5 GHz สถาปัตยกรรม Tiger Lake ที่มักติดตั้งมาให้ในเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงหลายๆ รุ่น รองรับชุดคำสั่งสำคัญต่างๆ อย่างครบถ้วน ดังนั้นเรื่องประสิทธิภาพและความแรงถือว่าหายห่วง สามารถทำงานหรือเล่นเกมที่กินทรัพยากรเครื่องหนักๆ ได้เลย
ด้านของแรมในเครื่องจะมีความจุ 16GB DDR4 บัส 3200 MHz เป็นแบบ 8GB x 2 ช่อง สามารถเพิ่มความจุได้สูงสุด 64GB ตามที่ทางบริษัทเคลมเอาไว้ โดยแรมติดเครื่องจะเป็นของ ADATA ทั้งสองเส้น ซึ่งความจุแรมระดับนี้ถือว่ามากเพียงพอใช้เล่นเกมในปัจจุบันได้สบายๆ แล้ว แต่ถ้าใครเอาเครื่องไปทำงานหนักๆ ตัดต่อคลิปความละเอียดสูงแนะนำให้อัพเกรดเป็น 32GB (16×2) จะดีกว่า
ส่วนการ์ดจอในเครื่องเป็น NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti มีแรม 4GB GDDR6 ซึ่งเป็นการ์ดจอยอดนิยมของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน โดยตัวการ์ดนั้นมี CUDA Core สำหรับช่วยประมวลผลเรื่องกราฟฟิคในเกมและโปรแกรมทำงานต่างๆ และเปิด Ray Tracing ได้ รองรับ Intel Resizable BAR เพื่อช่วยโหลดฉากให้ไวยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
ด้าน M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB ในเครื่องเป็นแบรนด์ OEM เมื่อทดสอบด้วย AS SSD แล้ว ได้ความเร็ว Sequential Read 2,838.87 MB/s ส่วน Sequential Write 2,359.23 MB/s ถือว่า SSD ที่ติดตั้งมาให้อันนี้มีประสิทธิภาพดีทีเดียว สามารถใช้งานแบบไม่ต้องอัพเกรดเลยก็ได้ หรือถ้าใครอยากใส่ M.2 NVMe ตัวแรงที่เป็น PCIe 4.0 ก็โคลน Windows 10 จากไดรฟ์นี้แล้วย้ายไปเป็น M.2 NVMe ตัวรองก็ดีเหมือนกัน
ส่วนการทดสอบเรนเดอร์โมเดล 3D CG ด้วย CINEBENCH R15 ว่าสามารถเรนเดอร์แล้วแสดงผลได้เร็วหรือไม่ ตัว GIGABYTE G5 MD ทำคะแนน OpenGL ได้ 130.53 ffps และคะแนน CPU ได้ 1,459 cb ซึ่งถือว่าไล่เลี่ยกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ส่วน CINEBENCH R20 ที่เน้นโฟกัสพลังการเรนเดอร์ของซีพียูอย่างเดียว ทำคะแนน CPU ได้ 3,553 pts นับว่าแรงพอใช้ทำงาน 3D CG ต่างๆ ได้สบายๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องอาการช้าหรืออืดก็ได้
ด้าน 3DMark Time Spy ที่จำลองการเล่นเกม AAA ว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนั้นจะรันเกมได้ดีระดับไหน เมื่อทดสอบแล้วได้คะแนนรวม 5,167 คะแนน แยกเป็น Graphics score 5,500 คะแนน และ CPU score 3,850 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนในระดับที่รันเกม AAA ในปัจจุบันได้ลื่นไหลทุกเกมอย่างแน่นอน
ด้านของ PCMark 10 ที่จำลองการทำงานออฟฟิศ ทั้งงานเอกสาร, เข้าออกเว็บไซต์, ประชุมออนไลน์ต่างๆ ในส่วนนี้ที่คะแนนเฉลี่ยแสดงเป็น 0 อาจจะเพราะบั๊กบางส่วน แต่เมื่อดูคะแนนแยกส่วนแล้ว Essential ที่แสดงคะแนนการทำงานออฟฟิศทั่วไปจะทำได้ 9,501 คะแนน ส่วน Productivity ที่วัดในส่วนของงานเอกสารและไฟล์ Excel จะทำได้ 9206 คะแนน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง สามารถใช้งานได้ดีหายห่วง ส่วน Digital Content Creation ถ้าดูแยกในแต่ละส่วนอย่างการแต่งภาพหรือตัดต่อวิดีโอ จะทำคะแนนได้สูงระดับที่ใช้งานได้สบายๆ ดังนั้นถ้าใครจะซื้อ GIGABYTE G5 MD เครื่องนี้ไปใช้งานออฟฟิศเป็นหลักล่ะก็ ถือว่าใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาแน่นอน
ด้านการเล่นเกม เมื่อทดสอบกับเกม AAA และเกมยอดนิยมในปัจจุบันโดยปรับสุดทุกเกมแล้ว จะเห็นว่าเฟรมเรทเฉลี่ยของแทบทุกเกมนั้นสามรถทำได้เกิน 60 fps ทั้งหมด ยกเว้น SCUM ที่ยังเป็นเกม Early Access ที่ยังพัฒนาไม่เสร็จดีแต่ผู้พัฒนาปล่อยให้เกมเมอร์เข้าไปเล่นได้แล้ว จึงทำเฟรมเรทได้เฉลี่ยที่ 47 fps เท่านั้น แต่ตอนเล่นจริงต้องถือว่าทางทีมพัฒนานั้นปรับแต่งตัวเกมออกมาได้ดี สามารถเปิดกราฟฟิคสุดหมดแล้วเล่นได้ลื่นระดับหนึ่งทีเดียว อาจจะมีเฟรมเรทลดลงบ้างนิดหน่อยตอนเรนเดอร์พื้นที่ที่เป็นพุ่มไม้หนานิดหน่อย แต่ผู้เขียนเชื่อว่าเมื่อตัวเกมออกจาก Early Access แล้ว ผู้พัฒนาน่าจะปรับแต่งในส่วนต่างๆ ให้แสดงผลได้ดีกว่านี้อย่างแน่นอน
ส่วนเวลา Resident Evil Village ผู้เขียนปรับกราฟฟิคแบบ High (1GB) แล้วเปิดการตั้งค่ากราฟฟิคทั้งหมดให้สูงสุดแล้วทดลองเล่นเกมดู ก็ได้กราฟฟิคที่สวยงามมากและเล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีอาการกระตุกเลย ไม่ว่าจะฉากอาคารแตกหรือฉากยิงก็ต่อเนื่องไม่มีอาการกระตุกแบบเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเล่นเลย แต่ถ้าใครอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้อาจจะลดกราฟฟิคลงมาระดับกลางดูก็ได้เช่นกัน
ส่วนของเกม AAA และเกมออนไลน์อื่นๆ ต้องถือว่าเล่นได้สบายๆ และเปิดกราฟฟิคแบบจัดเต็มได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเฟรมเรทตกระหว่างเล่นเกมอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าใครเน้นทางเล่นเกมออนไลน์เป็นแล้วมีเกม AAA ผสมบ้าง NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti ในเครื่องนี้ก็สามารถเล่นเกมได้ดีแน่นอน
Battery & Heat & Noise
ส่วนของแบตเตอรี่ใน GIGABYTE G5 MD เครื่องนี้จะเป็นแบบถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องได้ ติดตั้งเอาไว้ด้านใต้เครื่องมุมบนขวามือ มีความจุ 41Wh เท่านั้น ซึ่งถือว่ามีความจุไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน แต่ถือว่าน้อยในฐานะที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค แต่ข้อดีคือเมื่อแบตเตอรี่เกิดเสื่อมแล้วต้องเปลี่ยนก็สามารถสั่งซื้อแบตฯ ก้อนใหม่มาถอดเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองและทำได้ง่ายมาก
เมื่อทดสอบระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ตามมาตรฐานของเว็บไซต์ โดยลดความสว่างลงต่ำสุด เปิดเสียง 10% ปิดไฟ RGB ที่คีย์บอร์ดแล้วเปิด Microsoft Edge ดูคลิปบน YouTube ความยาว 30 นาทีเพื่อทดสอบระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ดู ได้ผลว่าแบตเตอรี่ 41Wh ของ GIGABYTE G5 MD เครื่องนี้ใช้งานได้เพียง 3 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่าทำได้สั้นกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันที่ใช้งานได้ราว 5-6 ชั่วโมงขึ้นไปแล้ว ดังนั้นผู้เขียนแนะนำว่าถ้าต้องการพกเครื่องไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ควรพกอแดปเตอร์ติดกระเป๋าไปด้วยเพื่อให้อุ่นใจยิ่งขึ้น แต่ถ้าตั้งโต๊ะต่อจอแยกแทนเกมมิ่งพีซีก็ไม่มีปัญหาอะไร
ด้านความร้อนในตัวเครื่อง เมื่อทดสอบเบิร์นเครื่องด้วยโปรแกรมแล้วจับความร้อนด้วย HWMONITOR เพื่อเช็คอุณหภูมิว่าระบบระบายความร้อนทำงานเป็นอย่างไร ได้ผลว่าอุณหภูมิต่ำสุดทำได้ 32 องศา สูงสุด 95 องศา อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 93 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าทำได้ดีและไม่ร้อนจนเกินไป ซึ่งถ้าอุณหภูมิตัวเครื่องเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 93 องศาเซลเซียสที่เป็นอุณหภูมิที่ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไปสามารถใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงอย่างไม่มีปัญหาแน่นอน
ส่วนระบบระบายความร้อน WINDFORCE ที่เป็นชื่อเดียวกับพัดลมฮีตซิ้งค์ของการ์ดจอ GIGABYTE นั้น จะเป็นฮีตซิงค์ 4 เส้น พาดชิ้นส่วนสำคัญทั้งการ์ดจอและซีพียูแล้วปลายออกไปต่อกับครีบฮีตซิงค์ระบายความร้อนแล้วใช้พัดลมโบลวเวอร์ระบายความร้อนออกจากเครื่อง จะเห็นว่าระบบระบายความร้อนนั้นเรียบง่ายและใช้ชิ้นส่วนน้อยแต่ก็จัดการความร้อนได้ดีระดับหนึ่งทีเดียว
User Experience
ในแง่ประสบการณ์การใช้งานแล้ว GIGABYTE G5 MD นั้นนับเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ทำงานได้ดีทั้งเรื่องการเล่นเกมและใช้งานทั่วไปเครื่องหนึ่ง เรียกว่าถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นที่ระดับราคาไล่เลี่ยกันแล้วก็แทบไม่ต่างกัน แต่จะได้เปรียบเรื่องการ์ดจอเริ่มต้นเป็น RTX 3050 Ti มาเลย แล้วถ้าขยับเพิ่มเงินอีกหน่อยก็ไปเป็น RTX 3060 แทน และประสิทธิภาพการเล่นเกม, ต่ออินเตอร์เน็ตทำงานต่างๆ ถือว่าใช้ได้ดีไม่มีปัญหาตามอย่างผล Benchmark ข้างบนได้โชว์ให้เห็นแล้ว ซึ่งถ้าเกมเมอร์คิดว่าจะซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปใช้ดีหรือเปล่า ก็ตอบว่าซื้อไปใช้ได้เลยไม่มีปัญหาแน่นอน
ส่วนการพกเครื่องใส่กระเป๋า เนื่องจากเป็นเครื่องขนาด 15.6 นิ้ว จึงหากระเป๋าเป้ใส่ได้ง่ายไม่ลำบากมากนัก แต่เนื่องจากตัวเครื่องเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ค่อนข้างหนาและผู้เขียนลองใส่กระเป๋าเป้ Targus ใบประจำที่ตัวกระเป๋าดีไซน์ Slim จะใส่ค่อนข้างยาก ดังนั้นถ้าให้ดีคือควรหากระเป๋าเป้ 15.6 นิ้วที่เป็นดีไซน์แบบไม่บางจะดีกว่า
ด้านการใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมง ต้องถือว่า GIGABYTE G5 MD เครื่องนี้สามารถใช้เล่นเกมหรือทำงานหนักๆ ต่อเนื่องได้สบายๆ เพราะระบบระบายความร้อน WINDFORCE ในเครื่องนั้นสามารถจัดการความร้อนได้ดี ไม่ร้อนเกินไปแม้จะมีอาการอุ่นบริเวณที่วางมือซ้ายบนคีย์บอร์ดก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ร้อนจนรบกวนการทำงานเลย ดังนั้นตัดปัญหาเรื่องความร้อนในเครื่องออกไปได้เลย
Conclusion & Award
โดยสรุปแล้ว GIGABYTE G5 MD ก็เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในระดับราคา 35,990 บาทที่สเปคกับราคาถือว่าใช้ได้ เรียกว่าความแรงไว้ใจได้และยิ่งถ้าใครต้องการเพิ่มความจุ SSD ภายในเครื่องก็มีอินเตอร์เฟสรองรับทั้ง PCIe 4.0, PCIe 3.0 และหัว SATA III รองรับความจุรวมมากสุด 6TB และแรม 16GB ตั้งต้นในเครื่องก็อัพเกรดไปได้ 64GB ทำให้คนที่อยากได้โน๊ตบุ๊คเอาไว้เล่นเกมแล้วทำงานกับโปรแกรมหนักๆ ได้ ก็มีเครื่องนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
นอกจากนี้เรื่องความเย็นของพัดลม WINDFORCE ของทาง GIGABYTE ก็มีประสิทธิภาพดี ทำให้เครื่องเย็นตลอดเวลา ช่วยให้คนที่ต้องเปิดโปรแกรมที่กินทรัพยากรเครื่องมากๆ หรืออยากนั่งเล่นเกมทั้งวันไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนจะสูงจนทำให้ชิ้นส่วนภายในมีปัญหาเลย นอกจากนี้หน้าจอของเครื่องก็มีขอบเขตสีที่กว้างและแม่นยำอีกด้วย ดังนั้นถ้าใครต้องทำงานอาร์ตเวิร์คต่างๆ ด้วยล่ะก็ เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้จะตอบโจทย์การทำงานอย่างแน่นอน
ถึงจุดเด่นของเครื่องนี้จะน่าสนใจแต่ข้อสังเกตจะเป็นเรื่องดีไซน์อนุรักษ์นิยมและสามารถถอดแบตเตอรี่มาเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองก็ตาม แต่ในทางกลับกันแบตเตอรี่ก็ก้อนใหญ่เลยกินพื้นที่ด้านหลังเครื่องแล้วก็ใส่ความจุได้ไม่เยอะ ถ้าพกไปใช้งานนอกบ้านหรือออฟฟิศก็ควรเตรียมอแดปเตอร์ติดไปด้วย ดังนั้นบทบาทของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ถ้าให้ดีที่สุดควรใช้เป็นเครื่องติดโต๊ะเป็นหลักไปเลยจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่ที่ใช้ได้เพียง 3 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
อีกส่วนที่ถ้าทาง GIGABYTE อัพเกรดใน G5 Series รุ่นใหม่สักหน่อยจะดีมาก คือทำให้พอร์ต USB-C เชื่อมต่อหน้าจอแยกเป็น DisplayPort ได้เหมือนเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ แบรนด์ในปัจจุบัน รวมทั้งจัดการ Mapping ปุ่ม Function บนคีย์บอร์ดเพิ่มปุ่มที่จำเป็นต่อการใช้งานเข้ามาอีกสักนิดอย่างปุ่ม Windows Lock และ Crosshair อีกสักหน่อย จะทำให้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้มีเสน่ห์มากขึ้นอย่างแน่นอน
Award
Best Performance
ด้านรางวัล Best Performance ที่ GIGABYTE G5 MD เครื่องนี้ได้รับ คือในแง่ของการอัพเกรด SSD และแรมได้เยอะมาก ทำให้ตอบโจทย์การทำงานที่กินแรมเยอะได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังจัดการเรื่องอุณหภูมิระหว่างใช้งานต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี ทำให้ดึงประสิทธิภาพตัวเครื่องสูงสุดออกมาได้อย่างต่อเนื่องด้วย
Best Graphic
สำหรับหน้าจอเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นนั้น มักจะมีขอบเขตสี sRGB ระดับทั่วๆ ไปที่ 50-60% แต่ของ GIGABYTE G5 MD เครื่องนี้กลับสูงถึง 95% sRGB, 71% DCI-P3 เรียกว่าขอบเขตสีกว้างระดับนำไปทำงานอาร์ตเวิร์คต่างๆ ได้ ดังนั้นนอกจากเล่นเกมตามจุดประสงค์หลักของเครื่องรุ่นนี้แล้ว ก็สามารถเอาไปทำงานอาร์ตเวิร์คต่างๆ ได้ดีด้วย จึงเหมาะกับรางวัล Best Graphic เป็นอย่างมาก