HP Pavilion Aero 13 สเปกชิปประมวล AMD Ryzen 5000U ที่แรงลื่นล้ำกว่ารุ่นอื่นๆ ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาขนาดหน้าจอ 13.3″ พร้อมความละเอียดที่มากกว่า 1920 x 1200 พิกเซล พาเนล IPS เกดรสูง ที่ได้ความบางเบาหรูหราพรีเมียม เบาไม่ถึง 1 กิโลกรัม ฟีเจอร์ครบครัน กับค่าตัวที่ไม่แพงเลย รองรับการใช้งานต่างๆ ได้ลื่นไหลสุดๆ ซึ่งบอกเลยว่าเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการพกพาที่น่าซื้อสุดๆ ในราคา 29,990 – 32,990 บาท ได้ประกัน 2 ปี On-site Service และบริการหลังการขาย HP SmartFriend ที่เยี่ยมยอด
สำหรับ HP Pavilion Aero 13 แบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ ชิปประมวลผล Ryzen 5 5600U / Ryzen 7 5800U ได้หน่วยความจำแรมขนาด 8GB / 16GB Bus 3200MHz และที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB พร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที อีกทั้งยังได้ซอฟต์แวร์การทำงาน Office Home & Student 2019 (Word / Excel / Power Point) มูลค่า 4,299 บาทฟรีๆ ด้วย ซึ่งมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ FringerPrint และแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง
VDO Review
NBS Verdict
HP Pavilion Aero 13 สมกับเป็น AMD Notebook สายทำงานบางเบาที่ฟีเจอร์ครบครัน ซึ่งนอกจากสเปกที่แรงลื่นจากชิปประมวลผล Ryzen 5000U ที่แรงกว่าอย่าง Ryzen 5 5600U / Ryzen 7 5800U ลำโพงเสียงดีเสียงดัง ที่สำคัญได้หน้าจอคุณภาพสูง ขอบเขตสี sRGB ที่ 93% อย่างที่หาในโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ ไม่ได้แน่นอนที่จะจัดเต็มขนาดนี้ เรียกได้ว่าใครกำลังมองหาคอมพิวเตอร์พกพาที่มีน้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม ที่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปในเรื่องของความบางเบา เน้นใช้งานนอกสถานที่ หรือจะ Work for Home ก็ดีเยี่ยม โดยมีดีไซน์ที่หรูหราดูดีเกินราคา HP รุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ได้ดีเยี่ยม
สำหรับการรับประกันอย่าง HP On-site Service รับซ่อมเครื่องถึงหน้าบ้านเป็นระยะเวลา 2 ปี + Smart Friend (Plus) 1 ปี กู้ข้อมูลฟรี 1 ครั้ง , เช็คเครื่องฟรี 2 ครั้ง และ Call Center Support ตลอด 24 ชั่วโมงเพิ่มความคุ้มยิ่งเพิ่มเข้ามาอีกเยอะเลยละ ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกๆ กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คชิปประมวลผล AMD รุ่นใหม่ล่าสุด ประสิทธิภาพสูงเพื่อการทำงานอย่างแท้จริง อย่างคนรุ่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ได้ฟังชั่นการทำงานทั้งการแสกนลายนิ้วมือ ได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (Word / Excel / Power Point) แท้ไปใช้งานได้ฟรี สนนราคาที่ 27,990 – 32,990 บาท ก็นับว่าคุ้มค่าน่าซื้อไม่น้อย
สำหรับข้อสังเกตก็จะเป็นในเรื่องของชิปประมวลผลเมื่อทำงานหนักๆ ต่อเนื่องยาวนาน จะมีอุณหภูมิค่อนข้างสูงแต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน ที่ 92 องศาเซลเซียส จากการที่มีพัดลมระบายความร้อน 1 ตัว และตัวเครื่องเน้นความบางเบาที่มากกว่า อีกทั้งยังให้พอร์ตและอแดปเตอร์ชาร์จไฟแบบหัวกลมปกติ ถ้าได้เป็น USB-C จะดีมากๆ นอกจากนี้สำหรัยคนที่เน้นเล่นเกมเลือกเป็น HP Victus Gaming 16 จะเหมาะสมกว่า เพราะว่าเป็น Gaming Notebook ตัวจริง สเปก Ryzen 5000H + GTX 1650 / RTX 3060 กับราคา 29,990 – 39,990 บาท
ข้อดี HP Pavilion Aero 13
- สเปกแรง ราคาคุ้มประสิทธิภาพดีด้วยชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 5600U / Ryzen 7 5800U
- ใช้งานทั่วไปลื่นไหลสบายมาก หรืองานประมวลผลหนักๆ ที่ไม่ใช้งาน 3 มิติ หรือเล่นเกม
- วัสดุทำจากอะลูมิเนียมแมกนีเซียมตลอดทั้งตัวเครื่องที่มีความแข็งแรง งานประกอบดูแน่นหนา
- น้ำหนักเบามากที่ 0.969 กิโลกรัม ตัวเครื่องบางเพียง 16.9 มิลลิเมตร พกพาสะดวกแน่นอน
- สแกนลายมือ Fingerprint ผ่านทาง Windows Hello ใช้งานได้สะดวก ปลอดภัย
- หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง สีสันสดใส ค่าขอบเขตสี sRGB 93% ทำงานมืออาชีพได้
- ขนาดหน้าจอ 13.3″ ขอบจอบางเฉียบ ที่สัดส่วน 16:10 ความละเอียด 1920 x 1200 พิกเซล
- ระบบเสียง B&O แบบ Dual Speaker พร้อมฟีเจอร์ HP Audio Boost
- คีย์บอร์ดพิมพ์ได้ดี พร้อทมีไฟ Backlit สวยงาม รวมถึงใช้งานได้เป็นอย่างดี
- มี USB-C รองรับมาตรฐาน Power Delivery ในการชาร์จไฟเข้าตัวเครื่อง
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 10 ชั่วโมง
- มีระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ในตัวเครื่อง พร้อมซอฟต์แวร์ที่ดี
- ได้ซอฟต์แวร์ Office Home & Student 2019 มูลค่า 4,299 บาทฟรีๆ
- ประกัน 2 ปี แบบ On-site Service และบริการอื่นๆ
ข้อสังเกต HP Pavilion Aero 13
- ชิปประมวลผลอุณหภูมิค่อนข้างสูงเมื่อใช้งานหนักๆ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
- ยังให้พอร์ตและอแดปเตอร์ชาร์จไฟแบบหัวกลมปกติ ถ้าได้เป็น USB-C จะดีมากๆ
- เน้นเล่นเกมเลือกเป็น HP Victus Gaming 16 จะเหมาะสมกว่า
Specification
ในชื่อรุ่นเต็มๆ ของ HP Pavilion Aero 13 จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ คือ AMD Ryzen 5 5600U / Ryzen 7 5800U รุ่นที่ได้รับมารีวิวเป็นสเปกชิปประมวลผลตัวแรงอย่าง Ryzen 7 5800U สถาปัตยกรรม Zen 3 (Cezanne) มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ที่แรงขึ้นและร้อนน้อยกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน การ์ดจอเป็นออนชิป Radeon 8 ได้แรมติดตั้งมาขนาด 16GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่เพียงพอแน่นอน มีระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ใช้งานได้ทันทีพร้อม Restore ได้ตลอด
ได้หน้าจอแสดงผลขนาด 13.3″ สัดส่วน 16:10 ความละเอียด Full HD+ หรือ 1920 × 1200 พิกเซล แบบด้าน พาเนล IPS คุณภาพสูง ความคมชัดสูง มีกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลในตัว ทางด้านพอร์ตที่ติดตั้งมีมาให้จะใช้ถือว่าครบครันเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น HDMI, USB 3.2 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.2 Type-C จำนวน 1 ช่อง และรูหูฟังกับไมค์แบบคอมโบ ซึ่งแน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 AX ด้วย Realtek เสาร 2×2 (MU-MIMO supported; Miracast compatible) กับ Bluetooth 5.2
HP Pavilion Aero 13-be0162AU ราคา 27,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 5 5600U (6C/12T : 2.30 – 4.20GHz)
-
GPU : AMD Radeon 7
-
RAM : 8GB DDR4 3200 MHz
-
DISPLAY: 13.3″ Full HD+ IPS
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
-
OS : Windows 10 Home
- Software : Office Home & Student 2019
- Warranty : 2 Years Onsite Service
HP Pavilion Aero 13-be0161AU ราคา 32,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 7 5800U (8C/16T : 1.90 – 4.40GHz)
-
GPU : AMD Radeon 8
-
RAM : 16GB DDR4 3200 MHz
-
DISPLAY: 13.3″ Full HD+ IPS
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
-
OS : Windows 10 Home
- Software : Office Home & Student 2019
- Warranty : 2 Years Onsite Service
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ HP Pavilion Aero 13 จัดได้ว่าเป็น AMD Notebook หน้าจอ 13.3″ ที่น่าสนใจ จากการที่มีบางเบา ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา โดยเป็นเครื่องแรกของ Pavilion ที่เป็นอะลูมิเนียมแมกนีเซียมทั้งหมด ตัวเครื่องสีเงิน Natural Silver สะท้อนความทนทาน หรูหราระดับพรีเมียม ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา จอขอบบางทั้ง 4 ด้าน รวมถึงมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90% เพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นชัดเจน เต็มตา ช่วยให้สร้างสรรค์คอนเทนต์คุณภาพยิ่งขึ้น
ตัวเครื่องโดยรวมดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบเป็นเหลี่ยมเป็นสัน ให้ความรู้สึกที่ดูแล้วจริงจัง ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อยเมื่อเปิดฝาเครื่อง ตัวเครื่องจะถูกยกขึ้นมา ทำให้เวลาที่ใช้งานนั้นผู้ใช้จะรู้สึกว่าตัวเครื่องมีการระบายอากาศทางด้านล่างของโน๊ตบุ๊คออกไปอย่างรวดเร็วและให้ความรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้นเวลาพิมพ์ เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป โดยเป็นรอยนิ้วมือได้ยากในระดับนึงฉะนั้นใช้งานได้อย่างสบายใจ
อีกหนึ่งจุดเด่นของ HP Pavilion Aero 13 ก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 0.969 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าเป็นรุ่นหน้าจอ 13.3″ ที่เบามากๆ ส่วนความบางมีเพียง 16.9 มิลลิเมตร ซึ่งจากตรงนี้จะเห็นถึงขอบตัวเครื่องที่มีการปรับ USB 3.1 Type-A ติดตั้งมาเป็นแบบพับนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน ว่านี่คือ AMD Notebook สายทำงานบางเบา ที่มีการออกแบบมาเป็นอย่างดีพร้อมใส่ในรายละเอียดอย่างที่สุด
นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก ที่สำคัญยังมีการในส่วนของดีไซน์การออกแบบ เมื่อเปิดฝาจอใช้งานจะมียางรองขอบด้านหลังทำหน้าที่ยกเครื่องให้สูงขึ้นด้วย ที่จัดได้ว่าเป็นอะไรที่โดดเด่นกว่า AMD Notebook รุ่นอื่นๆ ช่วยในการระบายความร้อนและเอียงรับเข้ากับการมือเมื่อใช้พิมพ์เอกสารเป็นอย่างดี ส่วนระบบระบายความร้อนก็ได้ติดตั้งอยู่ใต้หน้าจอ
โดยบานพับเป็นแบบแกนเดียวขนาดใหญ่ที่แลดูแข็งแรงทนทานเข้ากับเครื่อง อาศัยระบบระบายความร้อนด้วยพัดลมเพียงตัวเดียวก็เอาอยู่แบบสบายๆ นอกจากนี้ในส่วนของ เชื่อได้ว่าใครต้องการโน๊ตบุ๊คบางเบาที่ดูดี HP Pavilion Aero 13 ต้องเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกๆ แน่นอน เรียกได้ว่าเหมาะกับการพกพามากๆ ทีเดียว สำหรับการใช้งานนอกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นการไปเรียน ไปทำงาน ไปนำเสนองาน ตอบโจทย์นักเรียนนักศึกษาคนทำงานได้อย่างลงตัว หรือช่วงนี้จะเรียนออนไลน์หรือ Work for Home ก็ลงตัวสุดๆ
Keyboard / Touchpad
ชุดคีย์บอร์ดของ HP Pavilion Aero 13 นั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีเงินสรเดียวกับตัวเครื่อง โดยสกรีนตัวอักษรเป็นเทา อีกทั้งได้รับการปรับดีไซน์ใหม่แบบ Island Style ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่นิ้วเล็กนิ้วใหญ่สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งหมด อีกทั้งให้สัมผัสและการเด้งตอบสนองได้ดีในระดับหนึ่ง ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมซ้ายด้านบนของคีย์บอร์ดมีไฟ LED สีขาวแสดงสถานะการทำงาน แน่นอนว่ามีไฟ Backlit ทำให้ใช้งานในที่มืดๆ หรือแสงน้อยได้ดีด้วย สำคัญคือเพิ่มความหรูหราเข้าไปอีก
ทางด้านทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และยาวเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่มีปุ่มคลิกซ้ายขวาเป็นแบบซ่อนปุ่ม การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ให้ความแม่นยำ งานประกอบดี ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ใช้งานมัลติทัชได้ลื่นไหล อีกทั้งมีฟีเจอร์อย่างสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ติดตั้งไว้มุมขวาล่างของคีย์บอร์ดไว้ให้ใช้งานกับ Windows Hello เพื่อที่จะเข้าใช้งานตัวเครื่องเพื่อความปลอดภัยแบบไม่ต้องใส่รหัสไปมาทุกครั้งด้วย
Screen / Speaker
หน้าจอบางเฉียบ Micro Edge Display ของ HP Pavilion Aero 13 มีความละเอียดสูงตามมาตรฐานที่ 1920 x 1200 พิกเซล Full HD+ (WUXGA) ให้พื้นที่มากกว่ารุ่นทั่วไปที่เป็น 1920 x 1080 พิกเซล Full HD นั่นเอง พาเนล IPS ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ ส่งผลให้มีสีสันสวยสมจริง คมชัดในทุกมุมมอง ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ประทับใจ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว และด้วยความที่จอเป็นแบบด้านที่ให้เรื่องสีสันสดใส พร้อมได้กล้องเว็บแคม HD และไมโครโฟนแบบคู่คุณภาพดี
ทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite ป่านทาง Display Analysis ดูประสิทธิภาพการแสดงผลแบบละเอียด อย่างที่ดูด้วยตาเปล่าไม่สามารถบอกได้ จึงต้องใช้เครื่องมือช่วย โดยขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 93% / AdobeRGB ที่ 71% / DCI-P3 ที่ 71% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่ระดับกลางๆ ค่อนไปทางบน เมื่อเทียบกับพาเนล IPS รุ่นอื่นๆ ที่ได้สูงกว่านี้ มีความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างที่ดี ของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือรองรับการใช้งานที่กลางแจ้งได้สบายๆ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องมุมซ้ายบนที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องกลางซ้ายและตรงกลางจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 16% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ อีกทั้งในส่วนของค่าคลาดสีหรือ Delta-E อยู่ที่ 3.11 ถือว่าค่อนข้างเยอะ แต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ สรุปปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 ในส่วนของคะแนนรวมสำหรับการทดสอบทั้งหมด
ด้านของลำโพงของ HP Pavilion Aero 13 นั้นจัดเต็มมีอยู่ 2 ตัวคุณภาพสูงจาก B&O หรือ Bang & Olufsen โดยอยู่บริเวณซ้ายขวาของตัวเครื่องด้านล่าง เรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนคุณภาพเสียงต้องบอกว่าไว้ใจได้ ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ในราคาใกล้เคียงกันแน่นอน พอตัวรวมไปถึงยังมีเทคโนโลยี HP Audio Boost ช่วยเพิ่มเสียงให้ก้องกังวาล เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความบันเทิง จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาที่ฟังเพลงดูหนังสนุกแบบที่ไม่ต้องต่อลำโพงแยกหรือหูฟังเลยล่ะ แต่ในส่วนของเสียงทุ่มก็ยอมรับว่ามันแทบไม่มีเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง HP Pavilion Aero 13 มีความครบครับระดับนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.2 Type-C จำนวน 1 พอร์ต (รองรับ Power Delivery, DisplayPort, HP Sleep and Charge)) และ HDMI 2.0 พร้อมช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ที่สำคัญอีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ดคือ HP Fast Charge ที่สามารถชาร์ตแบตถึง 90% ในเวลาเพียง 90 นาที ผ่านทางพอร์ตชาร์จไฟหัวกลมปกติ
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊คสายพกพาบางเบาหน้าจอ 13.3″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 0.969 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับตัวอแดปเตอร์ (65W) เข้าไปด้วย ก็จะมีน้ำหนัก 1.284 กิโลกรัม (ชั่งน้ำหนักจริง) ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะใช้งานตามร้านกาแฟ ออฟฟิศ หรือทุกๆ ที่ที่เราต้องการหยิบออกมาใช้งาน สมกับเป็น AMD Notebook ในยุคปัจจุบันทีเดียว
Performance / Software
HP Pavilion Aero 13 รุ่นที่นำมารีวิวเป็นตัวขายจริง ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 5800U ที่แรงกว่า AMD Ryzen 4000U และ H รุ่นก่อนหน้าแบบก้าวกระโดด ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 1.90 – 4.40 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 16MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 25W
ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมได้ขนาด16GB แบบออนบอร์ด เป็นมาตรฐาน DDR4 Bus 3200MHz ตามเทคโนโลยีของ AMD Ryzen 5000U ที่เหนือชั้นกว่า พร้อมให้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home แบบไร้กังวล
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง AMD Radeon 8 มีความเร็วในการทำงานที่ 2000MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 5800U คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 4000U ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe 3 ระดับกลางๆ แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1832 MB/s และเขียนที่ 980 MB/s เป็นระดับความเร็วโดยรวมที่น่าประทับใจ ถึงแม้ไม่แรงมากแต่ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,585 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800U ที่แม้ไม่ใช่ H Series แต่ก็ยังแรงมากๆ ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกใกล้เคียงกันกับ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นเมื่อปีก่อนๆ เลยทีเดียว
สำหรับคะแนนจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 1,252 เท่านั้น เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน ซึ่งต้องบอกเลยว่า AMD Notebook รุ่นนี้ไม่ได้เหมาะกับการเล่นเกม หรือทำงาน 3 มิติเท่าไรนัก
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Pavilion Aero 13 รวมไปถึงโน๊ตบุ๊ค HP ทุกรุ่น ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจจะเป็นในด้านของระบบเสียงที่ทาง HP ได้ใช้ซอฟต์แวร์ B&O หรือ Bang & Olufsen อย่าง B&O Audio Control ในตระกูลของ Pavilion, ENVY, SPECTRE โดยแบรนด์ลำโพงเครื่องเสียง B&O เป็นระบบเสียงที่ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำเลือกใช้ที่เน้นประสบการณ์ด้านเสียง โดยแนวเสียง B&O จะเป็นแนว Jazz หรือเพลงบรรเลงเป็นหลักที่จะทำได้เด่น ซึ่งเราสามารถปรับแต่งการใช้งานผ่านทางซอฟต์แวร์ได้ในระดับนึง แต่ถ้าต่อหูฟังหรือลำโพงแยกจะฟังได้ยืดหยุ่นกว่าลำโพงติดเครื่อง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Pavilion Aero 13 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่จากการทดสอบด้วยการเปิด Wi-Fi และปรับเป็น Power Saver Mode ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 10 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานอย่างการดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต คาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ดูแล้วถือว่าใช้งานได้ยาวนาน จนแทบไม่ต้องอแดปเตอร์ไปข้างนอกสถานที่ด้วยเลย ส่วนช่องระบายความร้อนจะอยู่ด้านบนบริเวณข้อพับจอ พับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
อุณหภูมิปกติของชิปประมวลผลจะอยู่ที่ 40 – 60 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 92 องศาเซลเซียส ถือว่าทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ด้วยการที่ระบบระบายความร้อนไม่ได้ออกแบบมาให้ทำงานหนักๆ ตลอดเวลา เหมือน Gaming Notebook เครื่องอื่นๆ ซึ่งจากการทดสอบเป็นการนำไปเล่นเกมหลายชั่วโมง อย่างไรก็ตามตัวเครื่องไม่ได้เกิดอาการค้าง หน่วง หรือมีปัญหาแต่อย่างใด อีกทั้งความร้อนก็ไม่กระทบกับมือเราด้วย จากการที่ชุดระบายความร้อนไม่ได้ใหญ่แถมตัวเครื่องยังบางเฉียบอีกด้วย
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับ AMD Notebook จากทาง HP ในรุ่น HP Pavilion Aero 13 ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล Pavilion รุ่นก่อนๆ ได้เป็นอย่างดี โดยมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน โดยสนนเริ่มต้นที่ 27,990 บาท สำหรับรุ่น Ryzen 5 5600U ส่วนรุ่น Ryzen 7 5800U ราคาจะอยู่ที่ 32,990 บาท สเปกอื่นๆ จะเป็นแรม 8GB / 16GB และที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB
สำหรับคนที่ตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อ HP Pavilion Aero 13 คงมีคำถามว่า จะซื้อสเปกไหนใช้งานดี กับส่วนต่าง 5,000 บาท ได้ชิปประมวลผลที่แรงกว่าและแรมที่มากกว่า ส่วนตัวแล้วต้องแนะนำว่าให้เลือกตามงบได้เลย เพราะถ้าซื้อรุ่น Ryzen 7 5800U ได้แรม 16GB เราก็สามารถใช้งานได้แบบยาวๆ ไม่ต้องสงสัย ทั้งจากความแรงและขนาดแรมมีผลต่อทุกๆ การใช้งานโดยตรงแน่นอน ทั้งทั่วไปแต่เปิดโปรแกรมเยอะๆ หรือหลายๆ หน้าต่าง แต่ถ้าใครมีงบไม่เกิน 30,000 บาท จะซื้อสเปก Ryzen 5 5600U ที่ 29,990 บาท ก็ไม่เป็นไรครับ ถือว่าความแรงต่อราคาต่อประสบการณ์ใช้งานโดยรวม คุ้มค่ากับเงินแล้ว
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP Pavilion Aero 13 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Preformance
โดดเด่นด้วยสเปก AMD Ryzen 5000U มีความแรงที่ทรงพลังที่สุดรุ่นนึง ทั้ง Ryzen 5 5600U / Ryzen 7 5800U พร้อมหน่วยความจำแรม 8GB/16GB และ SSD ความเร็วสูง ที่ 512GB ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมไปถึงหน้าจอ IPS เกรดสูง ที่ความละเอียด Full HD+ ที่ 1920 x 1200 พิกเซล แสดงผลภาพดีมาก ทั้งทำงานหรือเล่นเกมก็สมบูรณ์แบบ รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้ เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 13.3″ ที่แรงลื่นที่สุดในรุ่นหนึ่งในราคาไม่แพง ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 2 ปี On-site Service
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Pavilion มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน HP รุ่นนี้ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์ครุ่นใหม่ ขอบจอก็บางเฉียบ ซึ่โดยมีสีสันอย่างสีเงิน Natural Silver ที่ให้ความโดดเด่นภาพลักษณ์ดี อีกทั้งเมื่อเปิดฝาจอใช้งานจะมียางรองขอบด้านหลังทำหน้าที่ยกเครื่องให้สูงขึ้นด้วย ที่จัดได้ว่าเป็นอะไรที่โดดเด่นกว่า AMD Notebook รุ่นอื่นๆ ช่วยในการระบายความร้อนและเอียงรับเข้ากับการมือเมื่อใช้พิมพ์เอกสารเป็นอย่างดี
Best Mobility
ความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดี ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบา ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะระบบไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 1 กิโลกรัม ที่สำคัญแบตเตอรี่ยังใช้งานได้ยาวนานสูงสุดกว่า 10 ชั่วโมง เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ แทบไม่ต้องพกพาอแดปเตอร์ไปข้างนอกด้วยเลย