MSI Bravo 15 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ปี 2021 จอ 15.6″ สเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000H อีกหนึ่งรุ่นในตลาด ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 5600H /Ryzen 7 5800H ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ล้ำด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม Zen 3 (Cezanne) จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX5500M ซึ่งได้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรม RDNA แน่นอนว่าสเปกนี้ทำให้เราเล่นเกมได้แรงลื่น กว่าสเปกก่อนๆ อย่าง Ryzen 4000H + Radeon RX5500M กับราคาที่คุ้มค่าเช่นเดิม
MSI Bravo 15 เป็น Gaming Notebook ขอบจอบางเฉียบ พาเนลเป็น IPS ที่รองรับ Refresh Rate 144Hz ติดตั้งหน่วยความแรมเป็นขนาด 8GB – 16GB มาตรฐาน DDR4 Bus 3200Hz และใส่ที่เก็บข้อมูลมาเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB – 1TB ซึ่งได้ทั้งความลื่นไหลและความจุสูงไปในตัวเดียว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 30,990 บาท กับรุ่น Ryzen 5 4600H และ 33,990 บาทกับรุ่น Ryzen 7 4800H ส่วนรุ่นท็อปสุดจะอยู่ที่ 36,990 บาท เพิ่มแรมมาเป็น 16GB และ SSD 1TB ซึ่งมีราคาต่างกันที 3,000 บาท
VDO Review
NBS Verdict
MSI Bravo 15 มีจุดเด่นจากการที่เป็น Gaming Notebook ที่มีความโดดเด่นเรื่องดีไซน์รูปแบบฝาหลัง Cutting Edge ให้สัมผัสที่สวยงามสัมผัสคล้ายกับโลหะ ให้ภาพลักษณ์อันล้ำสมัยรวมไปถึงเทคโนโลยีในการต่อสู้ขั้นสูง งานประกอบแน่นหนา โดย MSI Bravo 15 นับว่าเป็นมาตรฐาน Gaming Notebook ราคาคุ้มค่า รุ่นที่นำมาทดสอบเป็นตัวท็อปสุด ใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H ที่สร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แต่ก็ยอมรับว่าการ์ดจอแยกเองยังเป็นรุ่นก่อนหน้าอย่าง AMD Radeon RX5500M แทนที่จะเป็น RX 6000M Series
ซึ่งการ์ดจอแยก AMD Radeon RX5500M ประสิทธิภาพอยู่ในระดับ Gaming ที่ดี ด้วยการผลิตที่ 7 นาโนเมตร ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอ ส่งผลให้แรงขึ้นแต่ร้อนน้อย ร้อนสุดๆ แต่ 60 องศาเซลเซียสเท่านั้น !!! ที่สามารถดูได้จากผลการทดสอบเล่นเกมที่ลื่นไหลทั้งเกมออนไลน์หรือออฟไลน์ อีกทั้งยังได้แรมมาตรฐานเป็น Bus 3200MHz ที่ขนาด 16GB ซึ่งก็เป็นส่วนช่วยเรื่องของประสิทธิภาพที่สำคัญทีเดียว พร้อมได้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ที่ใหญ่โตกว่ารุ่นราคาใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ที่ได้การเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 6 AX + Bluetooth 5.1
โดย MSI Bravo 15 ปี 2021 เหมาะกับคนที่ต้องการ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ IPS 144Hz ที่ให้ความคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพ ในช่วงงบประมาณ 30,000 บาท ซึ่งมีให้เลือกทั้ง Ryzen 5 5600H และ Ryzen 7 5800H (แนะนำว่าเป็นไปได้เลือกรุ่น Ryzen 7 ไปเลย) อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตเล็กน้อยเรื่องขอบเขตสีสันที่อยู่ในระดับกลางๆ และรุ่นที่ได้แรม 8GB ก็ควรจะอัพเกรดมาเป็น 16GB ทันที เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน อีกทั้งพอร์ตการเชื่อมต่อยังให้มาเป็น USB 2.0 Type-A มาอยู่ 1 พอร์ต และกรณีถ้าเทียบกับ MSI Bravo 15 รุ่นก่อน จะมีน้ำหนักตัวเครื่องที่มากกว่าประมาณ 300 กรัม
ข้อดี MSI Bravo 15
- ดีไซน์การออกแบบถูกใจเกมเมอร์ยุคใหม่ ตามสไตล์ของ MSI Gaming แนวเรียบหรูดูล้ำ
- หน้าจอ 15.6″ เล็กกระชับกว่าเดิมเทียบ 14″ พกพาสะดวก งานประกอบแน่นวัสดุดี
- สเปคแรงด้วยชิปประมวลผล Ryzen 7 5800H และการ์ดจอแยก Radeon RX 5500M
- ได้แรมมาขนาด 8GB – 16GB และ SSD M.2 ความจุ 512GB – 1TB ใช้งานได้ลื่นไหล
- ประสิทธิภาพต่อราคาจัดว่าคุ้มค่า แม้จะได้การ์ดจอแยกรุ่นก่อน
- มีซอฟต์แวร์ MSI Center ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง
- มี Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที
- ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ MSI ตามมาตรฐาน
ข้อสังเกต MSI Bravo 15
- การ์ดจอแยกยังเป็นไม่ใช่รุ่นล่าสุดอย่าง Radeon RX 6000M Series
- ค่าขอบเขตสีหน้าจอ sRGB อยู่ในระดับกลางๆ
- ไม่สามารถอัพเกรด HDD / SSD 2.5″ SATA 3 ได้
- ยังมีพอร์ต USB 2.0 Type-A มาอยู่ 1 พอร์ต
Specification
สำหรับชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000 Series รหัส H เน้นประสิทธิภาพจากทาง AMD ที่แรงขึ้นเป็นเท่าตัว จากเทคโนโลยีการผลิตชิป CPU ที่ 7 นาโนเมตร จับคู่มากับการ์ดจอแยก AMD Radeon RX5500M ซึ่งได้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตรรุ่นแรกของโลก แน่นอนว่าสเปกนี้ทำให้เราเล่นเกมได้แรงลื่น โดยรุ่นที่เราได้เป็นหน่วยความจำขนาด 16GB DDR4 Bus 3200 MHz และที่เก็บข้อมูลเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB มี Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที ประกันเป็นแบบ 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI
รายละเอียดของชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H เป็น CPU ที่ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด มีความเร็วอยู่ที่ 3.20 – 4.40 GHz โดดเด่นด้วยสถปัตยกรรม Cezanne แต่ใหม่การ์ดจอ Radeon RX5500M ที่เป็น RDNA ส่งผลให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่ง พร้อมด้วยความร้อนที่น้อยลงไปอีก และประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิมด้วย เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับการมาของ AMD Ryzen รุ่นใหม่ตระกูล 5000 H Series จะมาใน MSI Bravo 15 ก่อน ส่วน MSI Bravo 17 คาดว่าจะตามภายหลัง และจะมีรุ่นที่ได้การ์ดจอ RX6000M Series ตามมอีกที
เป็นหน้าจอขนาด 15.6″ Full HD พาเนล IPS มี Refesh Rate ที่ 144 Hz แน่นอนว่ารองรับเทคโนโลยี AMD FreeSync ให้ภาพลื่นไหลและไม่ฉีกขาด ลำโพง 2W x 2 ทำงานร่วมกับซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.2 Type-A, 1 x USB 3.2 Type-C, 1 x USB 2.0 Type-A Kensington lock slot, LAN RJ-45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์ 3.5 มิลลิเมตร พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Intel Wi-Fi 6 AX200(2*2 ax) + Bluetooth 5.1
MSI Bravo 15 B5DD-016TH ราคา 30,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
- CPU : AMD Ryzen 5 5600H (6C/12T & 3.30 – 4.20GHz)
- GPU : AMD Radeon 7 + Radeon RX 5500M (4GB GDDR6)
- RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz
- DISPLAY: 15.6″ Full HD IPS 144Hz
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
- OS : Windows 10 Home
- Warranty : 2 Years Carry-in Regional (1 Year for Battery and Adapter)
MSI Bravo 15 B5DD-015TH ราคา 33,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
- CPU : AMD Ryzen 7 5800H (8C/16T & 3.20 – 4.40GHz)
- GPU : AMD Radeon 8 + Radeon RX 5500M (4GB GDDR6)
- RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz
- DISPLAY: 15.6″ Full HD IPS 144Hz
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
- OS : Windows 10 Home
- Warranty : 2 Years Carry-in Regional (1 Year for Battery and Adapter)
MSI Bravo 15 B5DD-014TH ราคา 36,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
- CPU : AMD Ryzen 7 5800H (8C/16T & 3.20 – 4.40GHz)
- GPU : AMD Radeon 8 + Radeon RX 5500M (4GB GDDR6)
- RAM : 16GB DDR4 Bus 3200MHz
- DISPLAY: 15.6″ Full HD IPS 144Hz
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
- OS : Windows 10 Home
- Warranty : 2 Years Carry-in Regional (1 Year for Battery and Adapter)
แถมฟรี Loot Box No.077 เกมมิ่งเซ็ตด้านในกล่องประกอบไปด้วยThunderbird Gaming headset มูลค่า 1,500 บาท,Thunderbird Gaming Mousepad มูลค่า 400 บาท,Thunderbird PVC Keychain มูลค่า 600 บาท
**ของแถมมีจำนวนจำกัด บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า**
Hardware / Design
การออกแบบเอง MSI Bravo 15 ต้องบอกว่ามีลักษณะรูปทรงใกล้เคียงกับ MSI Pulse GL66 / MSI Katana GF66 ทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ชัดเจนด้วยโลโก้ฝาหลังด้วยนกธันเดอร์เบิร์ดสยายปีกสีเงินแบบนู้นต่ำ สวยงามดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน โดยใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับคีย์บอร์ดสีแดง ซึ่งต้องยอมรับว่าโดยรวมนั้นดีอยู่แล้ว มีน้ำหนักที่ใกล้เคียงกับ MSI Pulse GL66 / MSI Katana GF66 ที่เบาเพียง 2.3 กิโลกรัม อีกทั้งตัวเครื่องก็มีความบางสุดที่ 27.5 มิลลิเมตรด้วย ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง MSI Bravo 15 รุ่นก่อน มีความหนักและหนากว่า
แกนฝาพับแข็งแรงพัฒนาขึ้นกว่าเดิมจากรุ่นก่อนพร้อมกางได้เกือบๆ 180 องศา พร้อมกันนั้นในส่วนของขอบตัวเครื่องคีย์บอร์ดด้านในทั้งด้านซ้ายขวาและด้านหน้าจะมีการทำเส้นสายอีกด้วย ซึ่งขอบด้านหน้าเป็นพลาสติกมีการเว้นพื้นที่เว้าเอาไว้ให้เปิดฝาหน้าจอได้ง่าย และที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นพลาสติกสัมผัสดีกว่าทั่วไป ปุ่มเปิดปิดของตัวเครื่องได้ติดตั้งอยู่มุมซ้ายของคีย์บอร์ดดีไซน์ได้เรียบเนียนไปกับตัวเครื่องเป็นอย่างดี ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานคือมี Numpad แป้นตัวเลข แต่ปุ่มกดจะเล็กกว่าปกติเล็กน้อย นอกจากนี้คีย์บอร์ดยังมีไฟสีแดง สามารถเปิดปิดได้ 3 ระดับ
วัสดุเป็นพลาสติกเกรดสูงตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมใช้ลวดลาย Cutting Edge ส่วนภายนอกและภายใน แนวตั้งเรียบง่ายตามสไตล์ของ Gaming Notebook แบรนด์ MSI หลายๆ รุ่น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีระบบระบายความร้อนแบบพิเศษ Cooler Boost 5 แบบใหม่ ที่มาพร้อม 2 พัดลมขนาดใหญ่ ฮีทไปป์ 6 เส้นดีไซน์แบน เย็นเฉียบหายห่วงไปเลย พร้อมกับทำการเซาะร่องระบายอากาศหลายตำแหน่งด้วยกัน ลำโพงก็อยู่ที่ด้านล่าง 2 ตัวทำให้ตัวเครื่องสามารถกระจายเสียงได้ดี การแกะอัพเกรดบอกเลยว่าทำได้ไม่ยาก แต่ต้องแกะน็อตออกหมดทุกตัวแล้วค่อยใช้บัตรแข็งๆ แงะที่ละส่วนอย่างระมัดระวังเท่านั้นเอง
เรียกได้ว่า MSI Bravo 15 ตัวนี้ยังคงรักษามาตรฐาน Gaming Notebook จากแบรนด์ MSI ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สัมผัสได้ถึงความเป็น Gaming Notebook สายพันธุ์ AMD ทั้งชิปประมวลและการ์ดจอ ที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่ไม่ใช้สเปก AMD อย่างเดียว ด้วยดีไซน์การออกแบบที่ดูดีแบบเรียบง่าย ที่ไม่ใช่แค่เครื่องแรงอย่างเดียวแต่ในประสบการณ์ใช้งานก็ดีเยี่ยมด้วย มีความบางเบากว่า Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ที่สเปกใกล้เคียงกัน ทำให้พกพาไปไหนได้สะดวก อย่างตามร้านกาแฟ หรือที่ทำงาน มหาวิทยาลัย เป็นต้น เรียกได้ว่าเล่นเกมก็ดีพกพาก็สะดวก
MSI Bravo 15 โดดเด่นด้วยสเปกชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H รุ่นใหม่ ได้การ์ดจอ AMD Radeon RX5500M ที่ตอบสนองการทำงาน หรือการเล่นเกมออนไลน์ออฟไลน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ การันตีสเปกภายในได้จากสติ๊กเกอร์ที่ติดมาที่ตัวเครื่อง พร้อมด้วยซอฟท์แวร์ MSI Center รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถปรับการตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้มากยิ่งขึ้น พร้อมการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า Gaming Notebook หลายๆ รุ่น พร้อมระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยมเหนือชี้นกว่าชัดเจน
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI Bravo 15 งมีการติดตั้งคีย์บอร์ด Full Size โดยมีการติดตั้ง Numpad แป้นตัวเลขด้วย ที่แม้ไม่ใช่ของ SteelSeries ที่หลายๆ รุ่นเลือกใช้ แต่ก็ยังสามารถให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี ทั้งฟิลลิ่งแรงกด ที่กดได้ลึก 1.7 มม. อัตราการตอบสนองของแป้นพิมพ์ และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมกัน ซึ่งทำได้แม่นยำไม่แพ้เกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบแยกมาตรฐานทั่วไป มาพร้อมไฟ LED สีแดงแบบ Single Backlight ปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ดีไซน์ Silver Lining Print ที่สวยเสริมความสวยงามให้ไฟสีแดงสว่างน่าใช้มากยิ่งขึ้น
โดยรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับ Gamers Hotkey อย่างปุ่มเร่งพัดลมให้ทำงานเต็มที่ Cooler Boots เพื่อช่วยระบายความร้อน และปุ่มเรียกใช้ Crosshair ไว้สำหรับช่วยเล็กเป้าในเกมต่างๆ ที่เป็น FPS ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของปุ่มทิศทาง พร้อมมีปุ่ม Fn + F7 ใช้ปรับโหมดการใช้งานต่างๆ และอีกมากมายในส่วนของแถวบนสุดคีย์บอร์ด ในส่วนของทัชแพดให้ดีไซน์โดดเด่นคล้ายเป้าเล็งยิงในเกม ปุ่มแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาทำให้ดูเป็นเนื้อเดียวกัน โดยปุ่มกดไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ผิวสัมผัสของทัชแพดเป็นแบบด้านๆ การใช้งานอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไป
Screen / Speaker
หน้าจอ MSI Bravo 15 นั้น มีขนาด 15.6″ ผิวจอแบบ Anti-Glare ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล IPS คุณภาพดี มีมุมมองกว้างทำให้แสดงผลภาพออกมาได้อย่างสวยงามคมชัด ลดปัญหาเรื่องแสงสะท้อนจากแสงไฟรอบๆ ตัวได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งแสงสว่างของหน้าจอสามารถสู้แสงจ้าจากภายนอกได้ในระดับหนึ่ง ได้ Refresh Rate ที่ 144Hz ที่ลื่นไหลกว่า 60 Hz พร้อมด้วยเทคโนโลยี AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลมีอาการฉีกขาด แถมขอบจอบาง Thin Bezel เพร้อมติดตั้ง Webcam และไมโครโฟนได้ที่ขอบจอด้านบนปกติ
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ MSI Bravo 15 เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 64% / Adobe RGB ที่ 48% / DCI P3 ที่ 48% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสัน ความเที่ยงตรงของสีอยู่ในระดับกลางๆ (ระดับที่ดีต้อง sRGB 90% + ) ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานปกติไม่ได้สว่างมาก คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปแน่นอน โดยถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพพอได้เลย แต่ถ้าในระดับมืออาชีพต้องระวังนิดนึงควรคาลิเบรทก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องตรงมุมซ้ายบนมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องล่างมุมขวา จะมีแสงสว่างลดลงไปที่ 15% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอแยกเสียงซ้ายขวาได้ชัดเจนดี มีระบบเสียง Nahimic 3 by SteelSeries ทำให้มีเสียงดังฟังชัด มีน้ำหนัก ปรับแต่งได้หลากหลาย ถือว่าเอามาเล่นเกมฟังเพลงได้ดีในระดับหนึ่งตามสไลต์เสียงจากลำโพงโน๊ตบุ๊ค ช่องลำโพงถูกออกแบบให้อยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่อง ช่วยให้ตัวเครื่องสามารถกระจายเสียงให้มีมิติ แยกเสียงซ้ายขวาให้ชัดเจนได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับการจำลองเสียง 3 มิติกรณีเชื่อมต่อหูฟังด้วย โดยรวมแล้วเลือกลำโพงถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน
Connector / Thin And Weight
MSI Bravo 15 เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ ให้การเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วน รองรับทุกการใช้งานในยุคปัจจุบันโดยพอร์ตต่าง ๆ ถูกติดตั้งไว้ทั้งทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 2 ช่อง ที่ให้มาอย่างจัดเต็มรองรับการเชื่อมต่อที่เพียงพอ นอกเหนือจากนั้นยังมี RJ45, HDMI, USB 3.2 Type-C, และ Audio 3.5mm Mic&Headphone แบบ Combo อย่างไรก็ตามยังมีในส่วนของ USB 2.0 Type-A อีก 1 ช่อง แน่นอนว่ามีช่องต่อไฟอแดปเตอร์ พร้อมยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.1 และ Intel Wi-Fi 6 AX200(2*2 ax) ที่เป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุด
มิติของตัวเครื่องโดยรวมเน้นการออกแบบให้มีความบางเบากว่า Gaming Notebook ยุคก่อนๆ โดยยังคงประสิทธิภาพตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมเป็นหลักโดยมีขนาดความมิติต่าง ๆ ที่ ดูพยายามให้เล็กกระชับที่สุด น้ำหนักที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งรวมอแดปเตอร์ขนาด 150 Watt แล้วจะหนักประมาณ 2.7 กิโลกรัม สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ซึ่งกระเป๋าเองก็ใช้ตามมาตรฐานของหน้าจอ 15.6″ ได้เลย อย่างไรก็ตามถ้าหนุ่มแบกไปทำงานตามออฟฟิศหรือไปมหาวิทยาลัยก็พอได้อยู่ เพราะอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ได้หนักจนเกินไป (ยังไม่รวมของอื่นๆ นะ)
Inside / Upgrade
การแกะงัดอัพเกรดเครื่อง MSI Bravo 15 สามารถแกะด้วยตนเองได้ แต่ต้องมีความระมัดระวัง เพราะมีสลักค่อนข้างเยอะ ซึ่งต้องไขน็อตทุกตัวออกที่มองเห็น รวมไปถึงเจาะทะลุที่ติดสติ๊กเกอร์สีขาวของ MSI ไปได้เลย แล้วใช้บัตรแข็งค่อยๆ แงะจากด้านหลังตรง เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดดเด่นด้วยระบบ Cooler Boots 5 พร้อมติดตั้งพัดลมระบายความร้อน 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 เส้น ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง ด้านหลังกับด้านข้าง
เมื่อแกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งมาแล้วเป็นที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ที่ความจุ 1TB จำนวน 1 ตัว สำหรับหน่วยความจำแรมนั้นติดตั้งมาเลยที่ขนาด 16GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ 8GB x 2 แถว ทำงาน Dual Channel ซึ่งรองรับการใช้งานได้อย่างลื่นไหล ซึ่งจะเป็นสเปกอื่นๆ แนะนำให้อัพเกรดจาก 8GB เป็น 16GB ด้วย เพื่อให้ใช้งานได้ดีที่สุด โดย MSI Notebook สามารถแกะอัปเกรดได้ไม่หลุดประกัน แต่จะไม่รับผิดชอบอุปกรณ์ที่ใส่เพิ่ม
Performance / Software
MSI Bravo 15 เครื่องนี้เป็นสเปกขายจริง ด้วยชิปประมวลผลตัวแรงยอดนิยมในตลาดของ Gaming Notebook ของ AMD อย่าง Ryzen 7 5800H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่า Ryzen 4000H ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 3 โค้ดเนม Cezanne มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 7 nm ความเร็ว 3.20 – 4.40 GHz แบบ 8 Core/ 16 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 16MB มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 45W
ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ มากยิ่งขึ้นไปอีก แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังรวมไปถึงเล่นเกมเป็นหลัก ก็รองรับได้อย่างสบายๆ และดีที่สุดแน่นอน เรียกได้ว่าแรงกว่าชิปประมวลผลที่เป็น AMD Ryzen 4000H อย่าง Ryzen 7 4800H แน่นอน พร้อมได้แรมขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz (8GB x 2) ใช้งานได้ทันที
ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดรุ่นใหม่อย่าง AMD Radeon 7 มีความเร็วในการทำงานที่ 1600MHz มาตรฐานแรม DDR4 ขนาด 512MB ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ซึ่งโดดเด่นจริงๆ จะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานเบาๆ
ที่สำคัญคือมีการติดตั้งการ์ดจอแยกระดับ Gaming เริ่มต้นเป็น AMD Radeon RX 5500M (4GB GDDR6) ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงเทียบเท่ากับระหว่างการ์ดจอคู่แข่งอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1650 Ti / GTX 1660 Ti รองระบการเล่นเกม 3 มิติที่ลื่นไหลในทุกๆ บนโลก ซึ่งจุดเด่นของ AMD นอกจากความแรงและความร้อนที่น้อยกว่าเพราะใช้สถาปัตยกรรม RDNA ที่ 7 nm จัดว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นที่สองของ MSI ที่ใช้การ์ดจอรุ่นนี้ด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / CINEBENCH 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงมากๆ อย่างน่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Ryzen 5000H เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 4800H ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยก Radeon RX5500M เองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนสุด ที่เน้นการทำงาน 3D เป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2060 MB/s และเขียนที่ 1861 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6,160 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 5800H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง Radeon RX5500M ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว อีกทั้งตัวรีวิวนี้ใส่แรมไป 16GB แล้วด้วย
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 4,197 และประมวลผลคาดการณ์เกม Apex Legends ปรับสุด Full HD ได้ 70+ FPS เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานได้ดีระดับไหน ซึ่งจากคะแนนนี้ก็ต้องยอมรับว่าน้อยกว่าพวก RTX 3050 แน่นอน
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยที่เพียงพอในทุกๆ เกม ขึ้นอยู่กับการปรับกราฟิกเป็นหลัก ประกอบไปด้วย Resident Evil 8 / GTA V / Battlefield V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์หนักๆ อย่าง SCUM และยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / APEC Legends ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมทุกเกมที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซลตาม Native ของหน้าจอ โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพ ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหล กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกม ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 8 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 4GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง SCUM ที่ปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน จะเห็นว่าเฟรมเรทเฉลี่ยที่ออกมานั้นได้ค่อนข้างน้อย ซึ่งในการเล่นเกมจริงๆ แนะนำปรับกราฟิกกลางๆ น่าจะลื่นไหลกว่า ต่อกันที่ DOTA 2 ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถขับเฟรมเรทได้เพียงพอกับการเล่น แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย แต่สำหรับ PUBG และ APEX ก็ต้องยอมรับว่าปรับกราฟิกลงมาอีกหน่อยน่าจะลื่นไหลที่ 60 เฟรม + น่าจะเหมาะสมในการเล่นเกมมากกว่า
และด้วยหน้าจอพาเนล IPS แบบ 144Hz พร้อม สนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลกว่าปกติและไม่ฉีกขาด ทำให้เกม FPS ที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 144Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่แล้ว
MSI CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ Utility จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI Bravo 15 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ที่ความจุ 4800 mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราวๆ 7:30 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 15.6″ ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขนาดนี้
เครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 6 เส้น ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 แบบใหม่ได้พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดี เมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้ CPU + GPU ทำงาน 100% โดยได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้ ด้วยการทดสอบโปรแกรม Benchmark และเล่นเกม 3 มิติต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมเลย
เห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของชิปประมวลผลอยู่ที่ไม่เกิน 96 องศาเซลเซียส ที่สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดีตามมาตรฐาน ในการทำงานก็ปกติดีทุกอย่าง ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ไม่เกิน 60 องศาเซลเซียสเท่านั้น (ดูผ่านทาง GPU-Z และ Afterburner) นับว่ามีความเย็นมากๆ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังขึ้นมาเล็กน้อย จากการที่เปิดโหมด Ultimate Performance ทำให้พัดลมหมุนรอบเร็วสุดเมื่อทำงานหนักๆ อย่างไรก็ตามไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้ดีเยี่ยม แต่ก็เข้าใจยังไม่ใช่การ์ดจอรุ่นใหม่ด้วย
Conclusion / Award
MSI Bravo 15 เป็น Gaming Notebook ปี 2021 ที่น่าสนใจมากๆ อีกหนึ่งรุ่น จากการที่ได้สเปคสุดแรง AMD Ryzen 5000H รุ่นล่าสุด ซึ่งมีตัวเลือกทั้ง Ryzen 5 5600H และ Ryzen 7 5800H แต่การ์ดจอแยกยังเป็นรุ่นเดิมอย่าง AMD Radeon RX5500M เรียกได้ว่าเข้าคู่กันเป็นอย่างดี (แต่ถ้าได้รุ่นใหม่จะดีกว่านี้อีก) ดีขึ้นทั้งประสิทธิภาพ ร้อนน้อยลง และแบตยาวนานขึ้น ในเครื่องเดียว โดยได้แรมมาเป็นขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz และได้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ที่แรงและลื่นไหล ในราคาเริ่มต้นเพียง 36,990 บาทเท่านั้น สำหรับสเปกที่เราได้นำมาทดสอบ
ดีไซน์ตัวเครื่อง MSI Bravo 15 รุ่นปี 2021 เป็นแนวคิดแบบใหม่ วัสดุเป็นพลาสติกเกรดพรีเมียมสีดำพร้อมโลโก้ Thunderbird ที่ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีความดุดัน ส่วนคีย์บอร์ดมีรูปแนวที่เปลี่ยนไป ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเองที่สำคัญเหนือกว่า Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ทั่วไปด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง ในการทดสอบจริงๆ เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊คไว้ใช้ทำงานหรือเล่นเกม ดีไซน์สวยแตกต่าง ในราคาคุ้มค่า เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพจากการที่ชิปประมวลผล Ryzen 5000H และสเปกอื่นๆ ที่ครบถ้วน ไม่ต้องอัพเกรดแล้วสำหรับตัวท็อป
ส่วนการระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่แบบใหม่ ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง พัดลม 2 ตัว ก็ต้องบอกว่าเพียงพอที่จะเอาอยู่สำหรับสเปกนี้ โดยชิปประมวลผลไม่ร้อนจนเกินไป รวมไปถึงการ์ดจอแยกก็เย็นมากๆ ส่วนตัวคิดว่าเย็นไปด้วยซ้ำ (เป็นเพราะการ์ดจอแยกน่าจะติดตั้งรุ่นบนๆ รุ่นใหม่ๆ กว่านี้ได้อีก) ซึ่งจากผลทดสอบให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ลื่นไหลน่าประทับใจ เพราะได้หน้าจอ IPS 144Hz ด้วย ให้ความลื่นไหลกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่ขอบเขตสีอยู่ในระดับกลางๆ ที่เพียงพอกับการใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม
ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง USB 3.2 Type-C, USB 3.2 Type-A, RJ45, HDMI, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน แต่น่าเสียดายที่ยังมี USB 2.0 Type-A มาให้อยู่ โดยราคาจัดว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับสเปกและประสิทธิภาพ พร้อมประกัน 2 ปีเต็ม ถ้าสนใจ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ สเปกใช้งานลื่นๆ ฟีเจอร์ครบๆ ในงบ 30,990 – 36,990 บาท สามารถจัดได้เลย (จากโปรลดแล้วเหลือ 28,990 – 34,990) เพื่อนๆ ท่านไหนที่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง MSI Bravo 15 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Value
การมาของ MSI Bravo 15 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสเปก AMD Ryzen 5000H ราคาประมาณ 3x,xxx บาท ที่เน้นเล่นเกม ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยราคาขาย 30,000 บาทต้นๆ ที่มาพร้อมแยกการ์ดจอก็เป็น Gaming อย่าง Radeon RX Series รวมถึงสเปกอื่นๆ ก็พร้อมใช้งานทันที เหมาะกับการใช้งานทั่วไป หรือเน้นประสิทธิภาพ แน่นอนว่าเล่นเกมเป็นหลักด้วย อีกทั้งแบตเตอรี่ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง ทำให้พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ก็สะดวก ให้ความคุ้มค่าต่อราคามากๆ (ยิ่งราคาลดแล้วยิ่งน่าซื้อ) จึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5 5600H / 7 5800H รุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูง พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนอย่าง AMD Radeon RX 5500M ทรงพลังด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรที่ล้ำกว่า โดยมีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 3 โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB – 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB – 16GBแบบ DDR4 Bus 3200 MHz (8GB x 1, 8GB x 2) แน่นอนว่าถ้าให้ดีควรอัพเกรดเป็น 16GB เพื่อความลื่นไหลที่สุด รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล