Connect with us

Hi, what are you looking for?

Notebook Review

รีวิว ASUS ROG Zephyrus M16 สเปก i9-11900H + RTX 3060 จอ 16″ 2K 165Hz sRGB 100% เบา 2 โล ดีไซน์สุดพรีเมียม

ASUS ROG Zephyrus M16 (GU603) ใช้สเปก Intel Core i Gen 11 Tiger Lake H45 และ NVIDIA GeForce RTX 30 Series รุ่นใหม่ล่าสุด กับการที่เป็น Gaming Notebook ปี 2021 เน้นความพรีเมียม หน้าจอ 16″ เบา 2 กิโลกรัม ดีไซน์บางเบา หน้าจอ 16″ จอ 2K WQHD 165Hz สุดล้ำประสิทธิภาพสูงสุด ติดตั้งลำโพง 6 ตัวสุดกระหึ่ม Dolby Atmos วัสดุฝาหลังเป็นโลหะผ่านกระบวนการขึ้นรูปเจาะ CNC ที่เรียบเนียนสวยงาม พร้อมสีสันใหม่อย่าง Off Black ที่ให้ความแตกต่างอย่างโดดเด่น

เป็นชิปประมวลผลจาก Intel Core i9-11900H ที่ดีที่สุดเน้นทั้งแรงและร้อนน้อยกว่า ทำงานแบบ 8 คอร์ 16 เธรด เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร SuperFin ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) เทคโนโลยี 8 นาโนเมตรที่ใหม่ที่สุด สถาปัตยกรรม RTX Gen 2 สเปกอื่นๆ ก็โดดเด่นไม่เป็นรองกัน โดยติดตั้งแรมมาขนาด 32GB DDR4 Bus 3200MHz อีกทั้งได้ที่เก็บข้อมูลมาเป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ที่ความเร็ว 5,000 – 7,000 MB/s

Advertisement

ASUS ROG Zephyrus M16

สำหรับหน้าจอ ASUS ROG Zephyrus M16 เป็นพาเนล IPS เกรดสูง sRGB 100% รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz อีกทั้งมีปุ่ม Power ทำหน้าที่ Fingerprint ด้วย จัดเต็มเลยการเล่นเกมหรือทำงาน ที่สำคัญคือได้มาตรฐานการเชื่อมต่อมาตรฐาน Thunderbolt 4 ที่รองรับทุกๆ การเชื่อมต่อที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะโอนถ่ายข้อมูล ต่อจอแยก 4K/8K และชาร์จไฟ PD แน่นอนว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ใช้ได้ทันที ด้ประกันก็เป็น 3 ปี On-site Service และประกันอุบัติเหตุในปีแรกด้วย

VDO Review

NBS Verdict

นับว่าเป็น Gaming Notebook ที่ทำงานระดับมืออาชีพ ดีไซน์บางเบา เน้นการทำงาน ให้ปสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอด ผ่านขนาดหน้าจอ 16″ ที่ทรงพลังจริงๆ และแรงล้ำไม่ซ้ำใคร สำหรับการมาของ ASUS ROG Zephyrus M16 เชื่อได้เลยว่าตลาด Gaming Notebook สนุกสนานแน่นอน ไม่ใช่แค่เป็นรุ่นหน้าจอ 2K WQHD ที่คมชัดกว่า Full HD เท่านั้น แต่ด้วยการมาของสเปกชิปประมวลผลให้ล่าสุดจาก Intel Core i9 Gen 11 H45 ก็แรงลื่นกว่า i9 Gen 11 H45 ไปอีกขั้น

ประกอบกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 30 Series อย่าง RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) มีค่า TGP ที่ 95W โดยผ่านการ OC จากทาง ASUS ที่ดูแล้วจากผลทดสอบจริงๆ แล้ว มีความเหนือกว่า Gaming Notebook ปีก่อนแบบชัดเจนในการเล่นเกมที่ควรละเอียดที่มากกว่า ซึ่งให้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดทั้งภาพที่สวยงามและเสียงที่จัดเต็มด้วยลำโพง 6 ตัว ระบบ Dolby Atmos อย่างที่หาไม่ได้ใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ณ ขณะที่เรากำลังรีวิวอยู่ 

ASUS ROG Zephyrus M16

ดีไซน์การออกแบบทั้งหมดเอง ก็เป็นการต่อยอดมาจากรุ่นปีก่อนหน้าจอ 15.6″ อย่าง ASUS Zephyrus หลายๆ รุ่น ในทุกๆ มิติ โดยฝาหลังเองมีการรังสรรค์เจาะรูกว่า 8279 รูพร้อมสีสันภายในเพิ่มความมันวาวไม่เหมือนใคร พร้อมการเสริมรังผึ้งใต้ที่พักฝ่ามือเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยวัสดุที่น้อยที่สุดเพื่อให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาและแข็งแรง การออกแบบทนต่อการโค้งงอภายใต้แรงกดเพื่อความรู้สึกกระชับในขณะที่เราใช้งาน พร้อมมี ErgoLift Hinge ช่วยตัวเครื่องให้เอียงเข้ากับการพิมพ์ และกางได้สุดที่ 180 องศา อย่างที่โน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ไม่มี 

จุดเด่นที่ต้องพูดถึงนอกจากดีไซน์สวยเฉียบคือความบางที่ 19.9 มิลลิเมตร ขอบจอบางเฉียบ พกพาสะดวกด้วยความเบาของเครื่องเพียง 2 กิโลกรัม แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 6:40 ชั่วโมง การเชื่อมต่อก็ครบครันทั้งไร้สายและพอร์ต Thundebolt 4 รองรับการโอนถ่ายข้อมูล / ต่อจอแยก / ชาร์จ PD ที่สำคัญก็คือได้หน้าจอคุณภาพสูง ที่ได้ Refresh Rate ที่ 165Hz นับได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 16″ สัดส่วน 16:10 ที่ความละเอียด 2K ที่คมชัดกว่า Full HD แบบเดิมๆ ซึ่งเป็นมาตรใหม่ที่ดีที่สุดรุ่นนึง ทั้งจากตัวเครื่อง ฟีเจอร์ และประสบการณ์ใช้งานจริง

ASUS ROG Zephyrus M16

สำหรับสเปกชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H ที่เน้นทั้งแรงและร้อนน้อยกว่า จากเทคโนโลยีROG Intelligent Cooling ที่จัด Heatpipe มาให้ถึง 6 เส้น, พัดลมดีไซน์ใหม่ที่ช่วยลดเสียงรบกวนพร้อมทำความสะอาดตัวเองได้ และใช้ Liquid metal การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 ที่ TGP 95W แรมการ์ดจอ 6GB GDDR6 ที่ติดตั้งแรมตัวเครื่องมา 32GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนักๆ หรือเล่นเกม 3 มิติก็จะมีความลื่นไหลแน่นอน เทียบกับรุ่นรุ่นก่อนๆ ก็เหนือชั้นกว่าด้วย อย่างไรก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ASUS ROG Zephyrus M16 ก็จะมีข้อสังเกตในส่วนของ การที่ไม่มี SD Card Reader มีแต่ก็ยังมี micro SD Card Reader มาให้ (แต่สายทำงานน่าจะใช้ SD Card มากกว่า) แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยกว่าที่เคลมไว้ที่ 10 ชั่วโมง ทดสอบจริงได้ 6:40 ชั่วโมง และถ้ามีสเปก i7-11800H + RTX 3070 น่าจะเหมาะสมกับการเล่นเกมที่ 2K กว่านี้ ด้วยราคา 64,990 บาท ได้ประกัน ASUS Exclusive Care 3 ปี On-site Service และประกันอุบัติเหตใน 1 ปีแรก จัดเป็น Gaming Notebook ระดับบนของปี 2021 ที่สมราคาจริงๆ

ASUS ROG Zephyrus M16

จุดเด่น ASUS ROG Zephyrus M16

  • ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจตามสไตล์ ROG Zephyrus งานประกอบแน่นวัสดุดีเยี่ยม
  • ขอบหน้าจอบางพิเศษมิติเทียบเท่ารุ่น 15.6″ ตัวเครื่องเบา 2 กิโลกรัม บางสุดที่ 19.9 มิลลิเมตร
  • ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Intel Core i9-11900H แรงลื่น ร้อนน้อยกว่า
  • การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3060 พร้อม OC มาจาก ASUS เพิ่มความแรงไปอีก
  • แรมขนาด 32GB Bus 3200 MHz แบบ Dual (Onboard มา 16GB แบบ SO-DIM 16GB)
  • ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ที่ความเร็ว 5,000 – 7,000 MB/s
  • หน้าจอ 16″ พาเนล IPS คุณภาพสูง sRGB 100% ความละเอียด 2K @ Refresh Rate 165Hz
  • ติดตั้ง 6 ลำโพง ระบบ Dolby Asmos รองรับ Hi-Res เพื่อให้ได้รับประสบการณ์เสียงชั้นยอด
  • ติดตั้งกล้องเว็บแคม พร้อมไมโครโฟนแบบพิเศษ 3 มิติ ที่ AI ช่วยตัดเสียงรบกวนได้
  • อุณหภูมิในการใช้งานถือว่าจัดการได้ดี ด้วย ROG Intelligent Cooling ทำงานได้ไม่มีสะดุด
  • พอร์ตการเชื่อมต่อครบครันและมี Thunderbolt 4 รองรับ 40Gbps / DisplayPort / USB PD
  • ปุ่ม Power ทำหน้าที่ Fingerprint เพื่อใช้งาน Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน Login ด้วย
  • มาพร้อมกับระบบชาร์จเร็วสูงสุด 50% ใน 30 นาที และมีช่องชาร์จแบบ Type-C 
  • มีซอฟต์แวร์ Armory Crate และ MyASUS มาช่วยปรับแต่งการใช้งาน
  • มาพร้อม Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที มีความสเถียร์ของไดร์เวอร์
  • ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก เมื่อเทียบกับราคา
  • ASUS Exclusive Care ประกัน 3 ปีแบบทั่วโลก พร้อมบริการ On-site Service และมีประกันอุบัติเหตุ 1 ปี

ข้อสังเกต ASUS ROG Zephyrus M16

  • ไม่มี SD Card Reader มีแต่ micro SD Card Reader
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้น้อยกว่าที่เคลมไว้ที่ 10 ชั่วโมง ทดสอบจริงได้ 6:40 ชั่วโมง
  • ถ้ามีสเปก i7-11800H + RTX 3070 น่าจะเหมาะสมกับการเล่นเกมที่ 2K กว่านี้ 

Specification

ASUS ROG Zephyrus M16 จะมีจำหน่ายอยู่เพียงสเปกเดียวเท่านั้น ซึ่งเน้นความคุ้มค่าแต่ว่าแรงลื่น ได้ชิปประมวลผลตัวแรงเป็น Intel Core i Gen 11 Tiger Lake H45 ในรุ่น Core i9-11900H ทำงานที่ความเร็ว 2.50 – 4.90 GHz แบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ซึ่งให้ความแรงและ Core การทำงานที่มากกว่า i7-11800H พร้อมกันนั้นยังมี AI ช่วยในการทำงานบางโปรแกรมได้ลื่นไหลยิ่งกว่า โดยมีการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่อย่าง Intel UHD Graphics Xe 750 32EUs

พร้อมการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) พร้อมที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ไว้ด้วย มีความลื่นไหลขั้นสูง อีกทั้งยังรองรับการติดตั้งอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 มาให้อีก 1 ช่อง ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ Dual Channel มาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz (16GB x 2 โดยออนบอร์ดมาแล้ว 1 แถว) โดยสามารถอัพเกรดได้สูงสุด 48GB 

ASUS ROG Zephyrus M16

โดดเด่นกว่ารุ่นก่อนหน้าคือได้หน้าจอขนาด 16″ ความละเอียด WQHD ที่ 2560 x 1600 พิกเซล ที่สะดส่วน 16:10 ให้พื้นที่มากกว่าหน้าจอทั่วไป พาเนล IPS เกรดสูง ระดับขอบเขตสี sRGB 100% รองรับ Refresh Rate ที่ 165Hz พร้อมมาตรฐาน DolbyVision ให้ความเรียบเนียนในการใช้งานสุด พร้อมความลื่นไหลและค่าสีที่เที่ยงตรงในจอเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงเป็น 6 ตัวจัดเต็ม ได้กล้องเว็บแคม 720p และ AI mic noise-canceling ภายในตัว

พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง 2 x USB 3.2 Gen 2 Type-A และ 1 x USB 3.2 Gen2 Type-C โดดเด่นด้วย Thunderbolt 4 ที่รองรับโอนถ่ายข้อมูล 40Gbps / DisplayPort 1.4 ออก 4K, 8K ได้ / ชาร์จไฟผ่านทาง USB PD (power delivery ) ระบบการเชื่อมต่อไร้สายเป็นมาตรฐานใหม่อย่าง Intel Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) และ Bluetooth 5.2 พร้อมระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 Home และซอฟต์แวร์ Utility อย่าง Armory Crate / MyASUS มาให้ในตัว

ASUS Exclusive Care ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 ปี Local Onsite Service เครื่องมีปัญหา ไปซ่อมถึงที่ 3 ปี International Warranty เครื่องมีปัญหาแต่อยู่ต่างประเทศ ก็ยัง สามารถใช้บริการการรับประกันระหว่างประเทศได้ 1 ปี Perfect Warranty อุบัติเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะทำน้ำหกใส่ ไฟฟ้าลัดวงจร หรือเครื่องตกหล่น โดยทั้งหมดนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เมื่อซื้อสินค้าที่มีสัญลักษณ์ ASUS Exclusive Care

ASUS ROG Zephyrus M16 GU603HM-K8024T ราคา 64,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)

  • CPU : Intel Core i9-11900H (8C/16T & 2.5 – 4.9GHz)
  • GPU : Intel UHD + NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6)
  • RAM : 32GB DDR4 Bus 3200 MHz (Onboard 16GB)
  • DISPLAY: 16″ IPS 2K QHD 165Hz
  • STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe Gen4 1TB
  • OS : Windows 10 Home
  • Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year Perfect Warranty 

Hardware / Design

ASUS ROG Zephyrus M16 อยู่บนพื้นฐานการออกแบบของตระกูล ROG Zephyrus ที่เน้นสายเกมเมอร์สายพกพาบางเบาที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ใครจะเอาไปทำงานเบาๆ หรือทำงานหนักๆ รวมไปถึงพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งจากฟีเจอร์ ดีไซน์และสเปกแรงล้ำกว่าที่เคยมีมาทั้งหมด มีสีสัน Off Black พร้อม ตัวเครื่องมีผิวสัมผัส Soft-touch ในบริเวณที่รองข้อมือ ที่ยังช่วยลดโอกาสเกิดรอยนิ้วมือที่ไม่น่าดู ด้วยเคลือบผิวที่บาง ทำให้ยังคงได้ผิวสัมผัสที่ดี แต่ยังคงสไตล์ความบางกะทัดรัดไว้ กับน้ำหนักเพียง 2 กิโลกรัมและบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร 

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 73

รวมไปถึงหน้าจอมีขนาด 16″ แบบขอบจอบางเฉียบ Nano Edge Display ตามสไตล์ของ ASUS โดยตัวเครื่องเทียบเท่า 15.6″ เท่านั้น ทำให้ใช้งานได้เต็มตามากขึ้น ส่วนช่องระบายความร้อนมีทั้งหมด 4 ช่อง เทคโนโลยี ROG Intelligent Cooling เป่าออกใต้หน้าจอ 2 ช่อง และด้านขวาซ้ายอีกอย่างละ 1 ช่อง พัดลม 2 ตัว แบบ 84 ใบ พร้อมฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่พร้อมทำความสะอาดตัวเองได้  และ Liquid Metal Thermal Grizzly Conductonaut ดึงความร้อนออกจาก CPU / GPU ได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่นำพาความร้อนออกได้เป็นอย่างดี 

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 75

มีความโดดเด่นโดยฝาหลังโลหะวัสดุแม็กนีเซียมอัลลอยด์ที่เราเห็นเป็นจุดๆ ซึ่งกระจายไปทั่วนั้น ผ่านกระบวนการ CNC ด้วยเครื่องจักรมาเป็นอย่าง กว่า 8,297 รูด้วยกัน พร้อมแซมด้วยสีปริซึม อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge นั้นเวลาที่กางออกมาใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คจะทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 3 องศากับฐานตั้ง พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 180 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้นจากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ช่วยเรื่ององศาการพิมพ์ที่สบายขึ้น การรดูดลมเย็นที่ดีขึ้น และลำโพงสะท้อนเสียงได้มากยิ่งขึ้นด้วย

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 65

ส่วนด้านฐานของตัวเครื่องวัสดุพลาสติกที่แข็งแรงงานประกอบเรียบร้อย พร้อมอากาศเย็นผ่าน โดยมีช่องดูดลมเย็นอีก 4 ช่องด้านล่างใต้เครื่อง อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก ส่วนถ้าจะอัพเกรดก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัวจากนั้นค่อยๆ ดึงขึ้น รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ นอกจากที่อัพเกรดได้ไม่ยากแล้ว ยังทำความสะอาดได้สะดวกสบายอีกด้วย

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 54

สรุปสั้นๆ สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่อง ASUS ROG Zephyrus M16  ต้องบอกว่า ASUS ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook บางเบาหน้าจอ 16″ ได้อย่างลงตัว ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก จากแต่ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ความแรงระดับนี้ จะอยู่บนตัวเครื่องที่บางและเบาแบบนี้ แต่ตอนนี้ทาง ASUS ทำออกมาได้แล้ว ในประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่ล้ำหน้ากว่า 

Keyboard / Touchpad

ASUS ROG Zephyrus M16 เป็นคีย์บอร์ด Gaming แบบ Stealth Type พิมพ์ได้เงียบ ที่มีไฟ LED แบบ RGB All Zone แต่ละปุ่มมีมุมโค้งเข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.7 มิลลิเมตร พร้อมเทคโนโลยี OverStroke เพื่อการกดรัวที่ดียิ่งขึ้นด้วยปุ่ม N-key rollover & anti-ghosting และอายุคีย์บอร์ดที่สามารถกดได้ 20 ล้านครั้ง รวมถึงสามารถมีฟังก์ชั่นเพิ่มลดเสียง เปิดปิดไมค์ และปุ่มเรียกโปรแกรม Armoury Crate ซึ่งตัวปุ่มต่างๆ ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์อย่างแท้จริง

โดยปุ่ม Power ที่ติดตั้งอยู่เหนือชุดคีย์บอร์ดยังทำหน้าที่ Fingerprint ในหนึ่งเดียวกัน เพื่อใช้งาน Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน Login ด้วย เรียกได้ว่าได้ทั้งความรวดเร็วและปลอดภัย ในส่วนของทัชแพดเองขนาดใหญ่มากๆ ใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ ถึง 20% ดีไซน์แบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา ซึ่งการใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นสะดวกสบาย ปุ่มนุ่มกดง่าย การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก 

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 41

ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี ฟีเจอร์ Multi-touch หรือ Smart Gesture ที่สามารถใช้งานควบคู่กับ Windows 10 Home ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นทัชแพดที่ใช้งานได้ดีที่สุดรุ่นนึงสำหรับ Gaming Notebook ที่สำคัญมีในส่วนของปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดอย่าง F5 ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนโหมดการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Turbo / Performance / Silent / Windows ตามความเหมาะสมในการใช้งานต่างๆ เช่นการเล่นเกมจะเป็น Turbo ส่วนถ้าใช้งานทั่วไปคือ Windows 

Screen / Speaker

ASUS ROG Zephyrus M16 มีหน้าจอขอบจอบางเฉียบ Nano Edge Display ทั้งขอบด้านข้างและด้านบนด้วยขนาด 16″ ความละเอียด WQHD (2560 x 1600 พิกเซล) สัดส่วนหน้าจอ 16:10 ที่ดีกว่า 16:9 ในการทำงานต่างๆ โดยได้พาเนลเป็น IPS คุณภาพดีเยี่ยม มุมมองกว้าง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare รวมๆ ติดตั้ง Webcam แบบ 720p และไมโครโฟนแบบ 2 ตัว มีระบบตัดเสียงรบกวน เทคโนโลยี ASUS AI Noise-Canceling Audio เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการประชุมแบบวิดีโอเหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 35

รวมไปถึงยังเป็นหน้าจอเป็น Refresh Rate ที่ 165Hz / 3ms ทำให้ใช้งานเล่นเกม FPS ฉากเคลื่อนไหวเร็วๆ ได้อย่างลื่นไหลกว่าหน้าจอทั่วไปที่แค่ 60Hz รวมๆ แล้ว พร้อม ลดอาการเบลอ ค้าง จากการเคลื่อนไหว เพื่อการ Ray Tracing ที่แม่นยำยิ่งขึ้น และด้วยฟีเจอร์ Adaptive-Sync ยังช่วยให้การเล่นเกมมีความเรียบลื่น ช่วยลดอาการภาพฉีกขาด และลดการกระตุก เพื่อความบันเทิงขั้นสูงสุด เรียกได้มาเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่ดีกว่ารุ่นปีก่อนๆ ไปอีกขั้น

ทดสอบหน้าจอด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสัน Gamut เทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 1000% / AdobeRGB 88% / DCI-P3 91%เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับสูงมากๆ แน่นอนว่าเทียบกับ Gaming Notebook ทั่วไปนั้นดีกว่ามาก ถือว่าเป็นระดับที่ดีเยี่ยมจริง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ 400 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไปพอสมควร สู้แสงกลางแจ้งได้สบายๆ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพแบบมืออาชีพได้สบายๆ 

s4 1

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าหลายๆ ช่องที่เป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 400 cd/m2 แต่สำหรับช่องมุมซ้ายล่างจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 15% ที่ถือว่ารับได้ อีกทั้งค่าคลาดสี Delta-E เฉลี่ยแล้วอย่ที่ 1.04 เท่านั้นเอง ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว สรุปคือเล่นเกมได้ดีมากๆ ส่วนสีสันก็จัดว่ายอดเยี่ยมอย่างที่หาได้อยากในตลาดโน๊ตบุ๊ค สมกับการที่มาพร้อมกับ Pantone Validated

ตัวเครื่อง ASUS ROG Zephyrus M16 ติดตั้งระบบเสียงแบบ 6 ลำโพง แบ่งออกเป็น 2x 2W tweeterโดยมีช่องลำโพงคู่อยู่ขอบตัวเครื่องบริเวณขอบที่วางมือซ้ายและขวาซ้ายขวา คุณภาพสูง ที่เน้นให้เสียงกลางและแหลม พร้อมลำโพงซัฟวูฟเฟอร์อีก 4 ตัวด้านใต้ตัวเครื่อง ทำให้ได้เสียงทุ่มหนักหน่วงกว่า แบบ Dual force-canceling ให้เสียงที่สมดุลและ ยอดเยี่ยม อีกทั้งมี Smart Amp เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ระบบเสียงชั้นยอดอีกด้วย ให้เสียงคมชัดที่ชัดขึ้นถึง 1.5 เท่า เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้ถึงใจยิ่งขึ้น ให้ขอบเขตเสียงที่กว้าง เสียงกลางแหลมออกชัดเจนดี ส่วนทุ้มมีออกมาพอตัว

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 48

จากการที่มีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์แยกออกมาต่างหาก มีไดนามิกมากขึ้นสำหรับเสียงความถี่ต่ำ ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นถือว่าดีมากๆ ทั้งเรื่องคุณภาพและความดัง ซึ่งหากว่าเพื่อนๆ เป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้ รวมไปถึงมีเทคโนโลยี Dolby Atmos ช่วยจำลองเสียง 3 มิติได้อีกด้วย เรียกได้ว่าสุดยอดทั้งด้านภาพและเสียงจริงๆ สำหรับ Gaming Notebook เครื่องนี้ เรียกได้ว่าเต็มอารมณ์ทั้งการใช้งานทั่วไป ดูหนัง ดู Youtube / Netflix / Disney+ Hotstar อย่างที่รุ่นอื่นๆ ทำไม่ได้

Connector / Thin And Weight

ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่องจัดว่าครบเครื่องมากๆ จากการที่เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 16″ ระดับสูง โดยตัวพอร์ตจะอยู่ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง มีทั้ง USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.2 Type-C จำนวน 1 พอร์ต และ Thunderbolt 4 ที่รองรับการโอนไฟล์สูงสุดที่ความเร็ว 40Gbps / DisplayPort 1.4 ผ่านจอแยก 4K, 8K / ชาร์จไฟกลับเข้าเครื่อง USB Power Delivery พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง และ HDMI 2.0 แน่นอนว่ามีต่ออแดปเตอร์ปกติ 1 ช่องด้วย ส่วน Kensington จะอยู่ที่ด้านขวา นอกจากนี้ยังได้ในส่วนของ LAN RJ45 ด้วย

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 57

ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้มีความสเถียรมากยิ่งขึ้น ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 355 x 243 x 19.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2 กิโลกรัม ถือว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 240 W เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น พอแบกพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่ไม่หนักมาก ถือมือเดียวก็สบายๆ หยิบจับไปไหนก็สะดวกทีเดียวสำหรับหนุ่มๆ หรือสาวๆ ที่เป็นสาย Gamer

Inside / Upgrade

การแกะเครื่อง ASUS ROG Zephyrus M16 เพื่อทำการอัพเกรดนั้นทำง่ายมาก โดยมุมนึงจะมีสกรูแบบพิเศษหนึ่งตัวที่จะช่วยให้การเข้าถึงการอัพเกรดเป็นเรื่องง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เพียงไขน็อตทุกตัว จะมีอยู่ 1 ตัวที่มุมตัวเครื่อง ที่เราสามารถใช้มือค่อยๆ แกะออกมาได้เลย จากการที่มันจะเปิดแง้มขึ้นมาอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามต้องระวังนิดนึงก็คือ จะมีน้อต 3 ตัวที่มียางสีติดติดเอาที่กลางตัวเครื่อง อย่าว่าต้องัดออกมาแล้วไขน็อตออกด้วย 

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 80

เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว มีพัดลมขนาดใหญ่เทคโนโลยี ROG Intelligent Cooling พร้อมระบายความร้อนที่มี Anti-Dust Tunnels ที่อยู่ในชุดฟินสีดำ หมดกังวลเรื่องฝุ่นที่ติดตรงครีบระบายความร้อนจุดสังเกตที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องเลือกใช้ฮีทไปป์ 6 เส้น พร้อมกันนั้นยังมีการติดตั้ง Liquid Metal นำพาความร้อนแบบพิเศษจาก CPU / GPU เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว 

ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่สามารถทำการอัพเกรดคือมีช่องใส่ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ที่ใส่มาแล้ว 1TB ได้ความเร็วแรงมากๆ ถ้าจะอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 อีก 1 ตัวก็สามารถเพิ่มได้เลย เพราะมีสล็อตว่างอยู่แล้ว ส่วนหน่วยความจำแรมขนาด 16GB แถวแรกเป็นแบบฝังบอร์ด และรองรับการใส่ 1 แถว (SO-DIM) ซึ่งใส่มาแล้ว 16GB อีกหนึ่งแถว รวมเป็น 32GB ซึ่งก็ใส่มาเต็มแล้วในส่วนของเครื่องทดสอบ ซึ่งรองรับการอัพเกรดสูงสุดที่ 48GB

Performance / Software

ASUS ROG Zephyrus M16 มาพร้อมกับชิปประมวลผลเน้นประสิทธิภาพสูงสุดรุ่นใหม่ของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake H45 เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร SuperFin อย่าง Core i9-11900H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่น Core i7-11800H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง

โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.50 GHz ซึ่งสามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.90 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads ได้ 24 MB L3 Cache มาพร้อมแรมภายในขนาด 32GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ 16GB x 1 แถว และออนบอร์ดมาแล้วที่ 16GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ 

c1 1.    c2 1

การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics Xe 750 32EUs  ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง ด้วยความเร็ว 350 – 1450 (Boost) MHz อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้น แต่ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ QuickSync ทำให้รองรับการแสดงผลระดับ 4K ได้อย่างลื่นไหล

g2 1.    g1 1

โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 (6GB GDDR6) ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็น Max-P ไม่ใช่ Max-Q เน้นความแรงลื่นมากกว่า สถาปัตยกรรม Ampere เทคโนโลยีการผลิต 8 นาโนเมตร โดยเป็น RTX เจนที่ 2 ที่ต้องบอกว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เทียบเคียงอย่าง GeForce RTX 2070 ได้ดีกว่า ซึ่งไม่ใช่แค่แรงแต่ยังร้อนน้อยกว่าด้วย 

เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook ทุกประเภท รองรับ Ray Tracing ช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงแสงเงาให้แม้แต่เกมระดับ AAA ก็ยังสามารถปรับกราฟิกได้ถึง Ultra ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว พร้อมกันนั้นยังมีการเพิ่มค่า TGP สูงสุดเป็น 95W อีกด้วย

cine15 2.   cine20 1

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / CINEBENCH 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงมากๆ อย่างน่าประทับใจสมกับเป็นรุ่นระดับบน เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryze / Intel Core รุ่นก่อนๆ ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยก RTX 3060 Max-P เองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนสุด ที่เน้นการทำงาน 3D เป็นหลัก

ssd 1

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว รองรับการใช้งานได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 4 ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 7089 MB/s และเขียนที่ 5133 MB/s ที่เร็วมากๆ จัดเป็น SSD ระดับสูงเลยทีเดียว  ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับ SSD M.2 SATA 3 หรือ SSD มาตรฐาน M.2 NVMe PCIe Gen 3 แบบเดิมๆ แล้วละก็ จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ตั้งแต่เปิดเครื่อง โหลดไฟล์ต่างๆ รวมไปถึงการโหลดเกม 

pc10 1

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 8,542 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeFoce RTX 3060 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนมากพอตัว

3d 3

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 8,542 เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 – 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 8 / GTA V / Battlefield V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / SCUM / APEX ที่ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล โดยเป็น Native ของหน้าจอ  โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว

game test 1

ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / DOTA 2 / APEX ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด ส่วนเกม SCUM นั้นต้องยอมรับว่าเป็นเกมที่กินสเปกจริงๆ แนะนำว่าเล่นจริงๆ ปรับความละเอียดเป็น 1920 x 1200 พิกเซล ที่กราฟิกกลาง ๆ จะลื่นไหลกว่า ซึ่งเกมอื่นๆ ถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ ให้วิ่งได้ที่ 165Hz ตาม Refreash Rate หน้าจอ

arm 1

นอกเหนือจากนี้ ASUS ROG Zephyrus M16 ยังมี Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ที่ยกมาจาก ROG รุ่นอื่นๆ ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆ ของระบบ อาทิ ผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆ ตามความชอบเป็นรูปแบบได้หลายโปรไฟล์ 

ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ จะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต ปิดท้ายด้วยซอฟต์แวร์ Utility อีกตัวอย่าง MyASUS ที่ไว้คอยตรวจระยะเวลากรับประกันและอัพเดทไดร์เวอร์ได้ครบๆ

myasus 1

Battery / Heat / Noise

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติขนาดความจุสูง ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวประมาณ 6:40 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 16″ สเปกแรงลื่นแบบนี้ แต่ก็ยังน้อยกว่าที่ทาง ASUS เคลมไว้ที่ 10 ชั่วโมง 

ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขนาดนี้ สมกับเป็น ROG Zephyrus Series จริงๆ อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไฟกลับแบบรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี Fast Charging ที่ใช้เวลาเพียง 30 นาที ก็สามารถชาร์จไฟแบตเตอรี่จาก 0% กลับมาที่ 50% ได้ นอกนจากนี้ยังรองรับอแดปเตอร์ที่เป็น USB-C มาตรฐาน PD ซึ่งจะมีขนาดเล็ก เพื่อชาร์จไฟได้อีกด้วย เพื่อความสะดวกสบายในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ยิ่งขึ้นไปอีก

batt3

สำหรับอุณหภูมิทดสอบด้วยโปรแกรม Hardware Monitor สามารถตรวจสอบได้ครบถ้วนทั้ง CPU / GPU จากการที่เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด จากการทดสอบเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 26 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ด้วยการเปิดโหมด Turbo ที่เร่งประสิทธิภาพในทุกๆ ด้าน

temp2 1

ประสิทธิภาพโดยรวมยังลื่นไหลอยู่  ซึ่งชิปประมวลผลร้อนสุดๆ ที่ 94 องศาเซลเซียส นับว่าควบคุมความร้อนได้ดี โดยไม่สูงเกินไปกว่านี้แน่นอน เพราะระบบยังคงจัดการได้ดีอยู่ พร้อมกันนั้นไม่กระทบต่อการใช้งานด้วย เพราะประสิทธิภาพไม่ตกเลย ในส่วนของการ์ดจอจะร้อนสุดอยู่ที่ 80 องศาเซลเซียสเท่านั้น ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่มีซอฟต์แวร์ Armory Crate ถ้าใช้งานทั่วไป เราสามารถเลือกปรับโหมดต่างๆ เช่น Windows ทำให้พัดลมแทบไม่หมุนและไม่มีเสียงเลย

Conclusion / Award

สมการรอคอยของการมาของ Gaming Notebook ดีไซน์บางเบาหน้าจอ 16″ ในปี 2021 ที่เป็นการพัฒนามาจาก DNA ของ ASUS ROG Zephyrus Series ที่ต้องบอกว่าแรงกว่า Gaming Notebook ปีก่อนมากๆ สำหรับ ASUS ROG Zephyrus M16 มีฟีเจอร์ Gaming และฟีเจอร์ขั้นสูงมากมาย โดยมีราคา 64,990 บาท และตอนนี้มีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น จัดได้ว่าเน้นความพรีเมียมและเรื่องความบางเบาพกพา พร้อมประสิทธิภาพความแรงขั้นสูง ให้ประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดกว่าทั้งระบบภาพและเสียง เป็นหลักตามซีรีส์ของ ROG Zephyrus อย่างที่เราทราบกัน

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 1

ซึ่ง ASUS ROG Zephyrus M16 เครื่องที่ได้รับมารีวิวนี้ยังเป็นสเปกเครื่องขายจริงที่พร้อมจำหน่ายในไทยแล้ว ได้สเปกชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H ที่เน้นความแรงที่มากกว่า Core i7-11800H ที่หลายๆ รุ่นใช้งาน เทคโนโลยี 10 นาโนเมตร SuperFin สถาปัตยกรรม Tiger Lake H45 ผสานกาทำงานร่วมกับการ์ดจอแยกตัวแรงแต่ร้อนน้อยอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (6GB GDDR6) ซึ่งยังมีฟีเจอร์ ROG Boost เพิ่มความแรงเป็น 1525MHz at 80W (95W with Dynamic Boost)

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 18

รวมไปถึงในส่วนของแรมยังได้เป็นมาตรฐานใหม่ด้วยขนาด 32GB DDR4 Bus 3200 MHz แน่นอนว่าที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ซึ่งต้องบอกว่าประทับใจมากๆ ที่ระดับความเร็ว 7,000 – 5,000 MB/s กับความแรงในมิติดีไซน์ที่เล็กกระทัดรัดสุดๆ ในตัวเครื่อง 15.6″ เท่านั้น เรียกได้ว่าเทียบกับ ASUS TUF Gaminf F15 ที่มีขนาดตัวเครื่องเล็กกว่าด้วย พร้อมความเบากว่าเล็กน้อย แน่นอนว่ามีการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 with Gig+ (802.11ax) และพอร์ต Thunderbolt 4 ล้ำๆ ด้วย

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 78

จากการทดสอบใช้งานจริงเล่นเกมจริงๆ เห็นได้ชัดถึงความทรงพลังของชิปประมวลผลและการ์ดจอรุ่นใหม่ ซึ่งแรงกว่าจากเดิมๆ แล้ว อีกทั้งมี ROG Intelligent Cooling ที่จัด Heatpipe มาให้ถึง 6 เส้น, พัดลมดีไซน์ใหม่ที่ช่วยลดเสียงรบกวนพร้อมทำความสะอาดตัวเองได้ และใช้ Liquid metal Thermal Grizzly Conductonaut ที่ช่วยลดอุณหภูมิได้มากกว่า ที่สำคัญหน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดสูงที่ให้ค่า sRGB 100% พร้อม Refresh Rate ที่ 165Hz พร้อมความละเอียด WQHD ที่มากกว่า รวมไปถึงยังได้ลำโพงจัดเต็มถึง 6 ตัวระบบเสียง Dolby Atmos ที่เป็นที่สุดของความบันเทิงจริงๆ

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 16

ในตอนนี้ถ้าใครต้องการ Gaming Notebook ตัวแรง และได้สเปกใหม่และแรงสุดๆ ในค่าตัวเพียง 64,990 บาทเท่านั้น ASUS ROG Zephyrus M16 สเปก Core i9-11900H + GeForce RTX 3060 Max-P ก็ตอบโจทย์อยู่ ได้การรับประกัน 3 ปีแบบทั่วโลก พร้อมบริการ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็มกว่ารุ่นก่อนๆ ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเหนือชั้นกว่า Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาดจริงๆ ทั้งตัวเครื่องและบริการหลังการชายด้วย เอาว่าใครงบถึง ก็แนะนำว่าจัดกันได้เลย

ASUS ROG Zephyrus M16 Review 22

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 16 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ROG Zephyrus M16 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Design

หนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ROG โน๊ตบุ๊คสายบางเบาพรีเมียม ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ROG Zephyrus รุ่นนี้ ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ทำงานก็ได้เล่นเกมก็ดี ที่สำคัญวัสดุคุณภาพดีงานประกอบก็เยี่ยมทั้งอลูมิเนียมอัลลอยด์ เอาไปทำงานหรือเล่นเกมได้หมดรอบด้าน ฝาหลังเป็นโลหะผ่านกระบวนการขึ้นรูปเจาะ CNC ที่เรียบเนียนสวยงาม จำนวน 8,279 รู พร้อมแซมด้วยเส้นแสงปริซึม มีสีสัน Off Black โดดเด่น ตัวเครื่องมีผิวสัมผัส Soft-touch ในบริเวณที่รองข้อมือ ที่ยังช่วยลดโอกาสเกิดรอยนิ้วมือที่ไม่น่าดู ด้วยเคลือบผิวที่บาง ทำให้ยังคงได้ผิวสัมผัสที่ดี

NBS award 7 Design  

Best Performance

ASUS ROG เครื่องที่เรานำมาทดสอบสเปคเป็นชิปประมวลผล  การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P ได้แรม 32GB และ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 4 ความจุ 1TB ซึ่งทดสอบการใช้งานเล่นเกมจริงแล้วแรงจริงๆ  รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดีมากๆ ส่วนการใช้งานทั่วไปหรืองานแบบมือาชีพนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ หรือเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญได้ความพรีเมียม บางเบา เรียกได้ว่าทรงพลังจริงๆ สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 16″ ที่เบาเพียง 2 กิโลกรัม บาง 19.9. มิลลิเมตรแบบนี้

award new performance

Best Gaming

รวมไปถึงลำโพงก็จัดเต็มถึง 6 ตัว ระบบ Dolby Atmos ที่ให้เสียงกระหึมพร้อมรายละเอียดเสียงที่จัดเต็ม และที่สำคัญคือระบบระบายความร้อนที่ดีมากๆ จากทาง ROG Intelligent Cooling เป่าออกใต้หน้าจอ 2 ช่อง และด้านขวาซ้ายอีกอย่างละ 1 ช่อง พัดลม 2 ตัว แบบ 84 ใบ พร้อมฮีทไปป์ 6 เส้นขนาดใหญ่พร้อมทำความสะอาดตัวเองได้  และ Liquid Metal Thermal Grizzly Conductonaut ดึงความร้อนออกจาก CPU / GPU ได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  ที่สเปกแรงลื่นขนาดนี้ แต่ใช้งานจริงได้ไม่ร้อนเลย 

award new Gaming

Best Graphic

จากการที่เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 16″ ที่ให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือชั้นกว่ารุ่นทั่วๆ ไป ทั้งจากหน้าจอความละเอียดสูงกว่าที่ 2K WQHD 2560 x 1600 พิกเซล ซึ่งพาเนลเป็น IPS เกรดสูงมากระดับ sRGB 100% อีกทั้งได้ Refresh Rate ที่ 165Hz ส่งผลให้เล่นเกมได้สนุกสนานกว่าที่เคยมีมา หากต้องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม ตัวเครื่องก็ยังมีพอร์ตที่ครบครันสำหรับการใช้งานทั่วไปด้วยเช่นกัน ที่สำคัญจากการที่มีพอร์ต Thunderbolt 4 เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด ต่อจอแยก 4K / 8K ได้ทันที  

award new Graphic

 

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Buyer's Guide

เล่นเกมด้วย Intel Core Ultra 5 245K กับ 7 เกมยอดนิยมบนการ์ดจอบนซีพียู Intel ไหวมั้ย ลื่นรึเปล่า? Intel Core Ultra 5 245K เป็นซีพียูรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งปล่อยลงสู่ตลาดในช่วงเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา นอกจากเรื่องความแรงและประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งด้านการประมวลผล หรือปัจจุบันก็มีเรื่องของ...

Buyer's Guide

คอม All in One 7 รุ่นเด็ด จอใหญ่ ดีไซน์สวย สเปคดี ซีพียูแรง แรม 16GB พร้อม Windows 11 เน้นทำงานและความบันเทิง คอม All in One หรือ ออลอินวันพีซี เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการพีซีที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับคอมตั้งโต๊ะ แต่ประหยัดไฟและประหยัดพื้นที่ได้มากกว่า...

Buyer's Guide

หน้าจอคอมในปัจจุบันเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ 18.5 นิ้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน จนตอนนี้ก็มีจอคอม 32 นิ้ว ทั้งจอคอมทำงานและจอคอมเล่นเกมให้เลือกซื้อมากมายหลายรุ่น แม้บางคนอาจคิดว่ามันมีขนาดใหญ่จนเท่ากับจอทีวีรุ่นเล็กแล้วจะวางบนโต๊ะคอมก็คงใหญ่เกินไป แต่ในความเป็นจริงขนาดของมันก็ใหญ่กว่าจอ 27 นิ้ว ตรงหน้าไปอีกนิดเดียว ทำให้พื้นที่แสดงผลกว้างจนสุดขอบสายตายิ่งขึ้น ถ้าใครเล่นเกมเป็นประจำจะได้เห็นฉากหลังของเกมเต็มสายตาจนดื่มด่ำไปกับบรรยากาศได้เต็มอิ่มยิ่งขึ้น กรณีจอทำงานก็มีพื้นที่แสดงผลกว้างขึ้นทั้งมองเห็นตารางและหน้าเอกสารกว้างขึ้น รวมไปถึง Timeline เวลาตัดต่อคลิปยาวกว่าเดิม ถ้าสังเกตจะเห็นว่าผู้ผลิตหน้าจอแบรนด์ต่างๆ พากันใส่ฟีเจอร์มาให้หน้าจอขนาดนี้มากขึ้นจนกลายเป็นจอพรีเมี่ยมระดับเริ่มต้นกันแล้ว ไม่ว่าจะได้พาเนลคุณภาพขอบเขตสีกว้างใช้ทำงานกราฟิคได้, มีพอร์ต USB-C...

CONTENT

ในปัจจุบัน นอกเหนือจากโน้ตบุ๊กที่เป็นดีไซน์แบบฝาพับอย่างที่คุ้นเคยกันมาอย่างยาวนานแล้ว ตัวเครื่องยังมีการพัฒนารูปทรงเพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับการพกพา และอรรถประโยชน์ในการใช้งานให้สูงขึ้นไปอีก ซึ่งหนึ่งในรูปแบบที่ได้รับความนิยมก็คือการทำออกมาเป็นโน้ตบุ๊ก 2-in-1 โดยใช้หน้าจอสัมผัสที่สามารถพลิกจอได้ 360 องศา ทำให้สามารถใช้เป็นได้ทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตในเครื่องเดียว ในบทความนี้ก็เลยจะมาแนะนำโน้ตบุ๊กจอพับ AMD ในรูปแบบ 2-in-1 ที่น่าใช้กันครับ ตอบโจทย์ทั้งใช้ทำงาน ไปจนถึงการเล่นเกมได้เลยในบางรุ่น

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก