Neolution E-Sport Silencer หูฟังเกมมิ่ง 1,390.- เล่นสนุกได้ทุกแพลตฟอร์ม พีซี โน๊ตบุ๊ค คอนโซล มือถือ
Neolution E-Sport Silencer เป็นหูฟังเกมมิ่ง อเนกประสงค์ และน้ำหนักเบา เอาใจคอเกม ที่กำลังเริ่มต้นกับหูฟังระดับเกมมิ่ง ที่ให้เสียงจัดจ้านกับไดรเวอร์ 53mm และการออกแบบที่เรียบง่าย แต่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ความบันเทิงได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง หรือจะเป็นการแชตสนทนาและการเรียนออนไลน์ได้ดี เพราะให้การเชื่อมต่อที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พีซี โน๊ตบุ๊คหรือจะเป็นเกมเมอร์ที่ชอบความสะดวก กับการเล่นเกมบนสมาร์ทโฟน ก็สามารถใช้งานได้ง่ายดาย รองรับระบบเสียง Virtual 7.1 และสายเคเบิลที่ยาวพิเศษ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB port และไมโครโฟน ที่ให้เสียงคมชัด ปรับเลื่อนได้ น้ำหนักเบา สวมสบายกระชับศีรษะ เข้ากันได้ทั้งเกมเมอร์หนุ่มรุ่นใหญ่ และเกมเมอร์สาว ที่ชอบความสบาย ส่วนในแง่ของคุณภาพเสียงจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปดูที่การรีวิวกันได้เลย
Neolution E-Sport
Specification
- ระบบเสียง: Virtual 7.1 Ch
- ย่านความถี่: Frequency Response 20Hz-20KHz
- Impedance: 32Ω±15 %
- การตอบสนองลำโพง: Speaker Sensitivity 110 ±3dB
- ไมโครโฟน: 3.5mm , USB Surround , Type C to usb
- ย่านความถี่ ไมโครโฟน: Frequency Response 50-10000Hz
- การตอบสนอง ไมโครโฟน: Microphone Sensitivity 110 ±3dB
- ความยาวสายสัญญาณ: 2.2m
- สี: Black
จุดเด่น
- ให้การเชื่อมต่อได้หลากหลายอุปกรณ์
- สายต่อยาว ใช้งานสะดวก
- เสียงกลางในเกมแน่น เสียงเอฟเฟกต์ชัดเจน
- เหมาะกับการเล่นเกม และชมภาพยนตร์เป็นหลัก
- ear cushions นุ่มนวล ใส่กระชับ ลดเสียงรอบตัวได้ดี
- น้ำหนักเบา
ข้อสังเกต
- เสียงจำลอง 7.1 พอให้ความรู้สึกได้
- เสียงแหลมพอฟังเพลงได้สนุก แต่ไม่ได้เน้นหนักมากนัก
- ดีไซน์ค่อนข้างเรียบง่าย
Unbox
หน้ากล่องที่ดูสะดุดตากับสีดำตัดกับโทนสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ และใส่ฟังก์ชั่นที่เป็นจุดเด่นมาครบ ไม่ต้องลุ้น ดูได้จากหน้ากล่องนี้เลย ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อมต่อได้หลากหลายอุปกรณ์ คุณสมบัติ Active Noise Cancelation, Driver 53mm, Soft Ear cusion, ไมค์ถอดสายได้ อุปกรณ์ต่อพ่วง USB และระบบเสียง 7.1 surround
ด้านหลังมาก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน นอกจากจะบอกรายละเอียดของสเปคมาให้ครบครันแล้ว ยังมีบรรดา Accessories ที่ใช้ร่วมกันกับหูฟังมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นสาย Y, Type-C, 7.1 DSP USB Sound Card ซึ่งระบุมาให้ว่าสิ่งไหนใช้กับอุปกรณ์อะไรบ้าง สะดวกดีทีเดียว
ในกล่องประกอบด้วยตัวหูฟังที่อยู่ในถุงผ้า เพื่อความสะดวกในการพกพา เอกสารประกอบการใช้งาน และยังมีบรรดาสายเคเบิลต่างๆ มาอีกเพียบ
อย่างที่เห็นอันแรกที่ออกมาจากกล่องเลยก็คือ ไมโครโฟนแบบถอดออกได้ ต่อเข้าหูฟังด้านซ้าย ด้วยช่องต่อแบบ 3.5mm
ตัวไมโครโฟนมาในแบบเรียบง่าย เป็นแบบถอดออกได้ และโครงสามารถพับงอได้ในระดับหนึ่ง พร้อมหุ้มฟองน้ำมาให้ กรองน้ำลาย และให้เสียงที่ซอฟต์ลง
สายเคเบิล USB Type-C to 3.5mm ซึ่งเป็น DAC อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้ต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน หรือแท็ปเล็ต หรือจะใช้กับโน๊ตบุ๊ค พีซีที่มีพอร์ต USB-C นี้ได้ ความยาวประมาณ 15cm โดยเน้นไปที่สมาร์ทโฟนที่เป็นเกมมิ่ง
แต่ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่สายต่อ USB และเป็น Sound Card ในตัว พร้อมรีโมท ความยาวประมาณ 2 เมตร แบ่งออกเป็น 2 ชุดคือ หัวต่อ 3.5mm จำนวน 1 เส้นและ USB Sound Card อีก 1 เส้นใช้ต่อพ่วงกับ 3.5mm
สายต่อทางด้านซ้าย Y-Cable ใช้กับพีซีหรือแท็ปเล็ต ที่มี 2 ช่องแยก ไมโครโฟน หูฟัง เพื่อแยกการทำงานและการบันทึกเสียงได้ง่ายขึ้น
Design
สำหรับรูปลักษณ์ของ Neolution E-Sport Silencer มาในแบบหูฟัง Over-Ear คือเป็นแบบครอบทั้งหู และเป็นแนว Close-cup ครอบหูฟังเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ให้เข้ากับใบหูได้ลงตัว แม้จะไม่ได้ดูหวือหวา เพราะมาในโทนสีดำ มีเพียงโลโก้ Neolution E-Sport ติดไว้ที่บอดี้เท่านั้น ทำให้ดูมินิมอล เรียบง่าย แต่ก็ดูมีอะไรที่ซ่อนอยู่ โดยครอบหูฟังสามารถปรับงอได้เล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับสรีระศรีษะของผู้ใช้ในแบบต่างๆ ได้ แม้ว่าจะไม่ได้ยืดหยุ่นมาก เพราะปรับได้ไม่มาก แต่ข้อดีคือ ช่วยให้กระชับมากยิ่งขึ้น
ขนาดของหูฟังอยู่ในระดับกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ โครงที่จับกับ Earcup ปรับได้เอียงตามศีรษะได้จากข้อต่อ โดยโครงสร้างเป็นโลหะ ครอบด้วยพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง ทำให้แข็งแรง และมีความยืดหยุ่น สายต่อที่ติดมากับหูฟัง เป็นแบบสายถักอ่อน มีความแข็งแรง และพับงอได้ ความยาวมากกว่า 2 เมตร
Ear Cushion มาในแบบเมมโมรีโฟม สวมใส่สบาย เพราะมีความหนาพอสมควร และมีวัสดุแบบหนังสังเคราะห์ ใครที่ชอบแนวกระชับหู ลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีในระดับหนึ่ง ก็น่าจะถูกใจ Silencer รุ่นนี้ได้ดีทีเดียว
ด้านในเป็นไดรเวอร์ขนาด 53mm ที่หุ้มผ้าไว้อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งหากดูจากการตัดเย็บ ถือว่าทำได้ค่อนข้างปราณีต รอยตะเข็บดูแข็งแรง ซึ่งส่วนตัวชอบมากกว่าการเป็นครอบแบบดึงตึง เพราะยังพอให้ขยับได้ ไม่ครอบจนแน่นเกินไป
Headband ขนาดใหญ่ ด้านบนหุ้มวัสดุแบบหนังเช่นเดียวกัน เป็นโทนสีดำแบบเดียวกับตัวหูฟัง ไม่มีการสกรีนหรือพิมพ์โลโก้อะไรมาให้สะดุดตา แต่อย่างที่บอกประหนึ่งเป็นเกมเมอร์ที่ซ่อนความแกร่งเอาไว้ แล้วค่อยฉายแบบม้วนเดียวจบ
ด้านล่างเติมความนุ่มด้วยเมมโมรีโฟมที่หุ้มด้วยวัสดุแบบหนังตลอดทั้งความยาว เพื่อให้วางลงบนศีรษะได้อย่างนุ่มนวล ซึ่งถือว่า
Functional
ไมโครโฟนเป็นแบบถอดได้ Detachable พร้อมโครงที่ปรับโค้งงอให้เข้ากับระดับของปากได้ เพื่อการสื่อสารที่ชัดเจน และมีนวมฟองน้ำหุ้มอยู่ด้วย เรื่องของเสียงค่อนข้างคมชัดดี แม้จะไม่ได้ตัดเสียงจากภายนอกได้อย่างจะแจ้งนัก แต่ก็อยู่ในมาตรฐานของหูฟังระดับเดียวกัน
การถอดและเสียบต่อไมโครโฟนทำได้ง่าย เอาใจคนที่ไม่ชอบความเกะกะรำคาญ เมื่อเล่นเกมแนว Stand Alone อาจจะถูกใจบางคน แต่บางคนก็อาจจะชอบแบบ Flip up Mute ที่เป็นแบบ ยกขึ้นปิดเสียง ก็เป็นได้เช่นกัน สไตล์ใครสไตล์มัน ไม่ซับซ้อน
จะศีรษะเล็กใหญ่ เอาอยู่ Head beam ปรับสเตปของการยืดหดได้ประมาณ 6 ระดับ ซึ่งถือว่าอิสระทั้งซ้ายและขวา เพียงแต่แนะนำว่าให้ปรับให้กระชับตั้งแต่ก่อนออกสตาร์ทเกม เพราะถ้ามัวมาปรับทีหลัง รับรองว่าโดนส่องก่อนแน่ๆ เนื่องจากบางครั้งต้องปรับสมดุล ทั้งหูซ้ายและขวาให้ลงตัว
บรรดาสายเคเบิลที่มีมาให้ นับว่าเตรียมมาให้เยอะกว่าหูฟังในระดับราคาเดียวกัน แต่ส่วนของคอนโทรลเลอร์ที่เป็น Sound Card ออกแบบมาเรียบง่ายไปนิดหน่อย แต่ก็ได้เรื่องของฟังก์ชั่นที่จัดมาให้ครบๆ ก็ทดแทนกันได้พอสมควร
การควบคุมการใช้งานมีอยู่ด้วยกัน 4 ส่วนคือ ปิดเสียง, ปิดไมค์, เพิ่ม/ ลดเสียงเท่านั้น ปุ่มค่อนข้างใหญ่ แยกเป็นอิสระ ไม่ต้องกังวลว่าจะกดพลาดบ่อยๆ ขณะที่เล่นเกม ปรับได้ตามสะดวก
การใช้งานไม่ได้ยุ่งยาก เพราะแค่เสียบเข้ากับพอร์ต USB บนพีซี หรือเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่ใช้ จากนั้นต่อแจ๊ค 3.5mm จากสายเคเบิลของหูฟัง รอจนกว่าระบบปฏิบัติการ Windows จะตรวจสอบฮาร์ดแวร์เสร็จ ก็พร้อมใช้งานได้แล้ว และข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ กรณีที่คุณใช้จอใหญ่ จนคุณต้องนั่งถอยห่างออกจากเครื่องคอมพ์ ก็ไม่ต้องกลัวเรื่องของสายสัญญาณจะตึงเกินไปหรือไม่พอ เพราะรวมสายทั้ง 2 เส้น ก็ยาวกว่า 2 เมตรเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของเสียงเข้าไปดูในส่วนของ Performance กันได้เลยครับ
Connectivity
แจ๊ค 3.5mm ผ่านช่อง Headphone ใช้ได้ทั้งบน พีซีและมือถือ เป็นการใช้งานแบบพื้นฐาน ต่อเข้าช่อง Headset ก็ใช้งานได้ตามปกติ เช่นเดียวกับการใช้งานบนพีซี หรือโน๊ตบุ๊คนั่นเอง แต่สายจะค่อนข้างยาวทีเดียว หากใช้กับมือถือ ต้องหาที่เก็บสายได้เยอะหน่อย ส่วนเรื่องของเสียงอยู่ที่พลังของมือถือแต่ละรุ่นด้วย แต่ปรับแต่งได้ผ่านทางแอพฯ ของมือถือ เพื่อเพิ่มความเร้าใจขึ้นอีกนิด ส่วนไมโครโฟนตอบโจทย์การเล่นเกมที่ต้องเป็นทีม ยังสนทนาได้อย่างชัดเจน
USB ผ่านทางพีซี หรือโน๊ตบุ๊ค เหมาะกับคนที่อยากจะเลเวลอัพขึ้นมาอีกระดับ กับเรื่องของพลังเสียง ที่จะได้สัมผัสกับเสียงจำลองรอบทิศทางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น บอกได้เลยว่าเสียงผิดไปจากการต่อ 3.5mm ธรรมดาอยู่พอสมควร และยังช่วยยืดระยะจากตัวเครื่องพีซีได้พอสมควรเลย แต่ที่น่าสนใจคือ มาพร้อมคอนโทรลเลอร์ในการใช้งาน เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ไม่ต้องกดที่คีย์บอร์ด หรือปรับที่วินโดว์ให้วุ่นวาย
USB-C ผ่านทางมือถือ จะใช้ในการต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่มี USB Type-C รุ่นที่รองรับ ซึ่งสามารถต่อเข้ากับแจ๊ค 3.5mm เพื่อใช้งานทั้งหูฟัง และไมโครโฟนได้พร้อมกัน เหมาะอย่างยิ่งกับคอเกมมือถือ ที่เน้นเล่นเกมแบบเป็นทีม จะได้ทั้งการสนทนาที่คมชัด และเสียงที่สะใจยิ่งขึ้น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้คอเกมบนมือถือได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น
Performance
ในการฟังเพลง เสียงดนตรี ค่อนข้างเด่น แต่เสียงกลางและเบสจะค่อนข้างห้วนๆ ไปนิดหน่อย ทำให้บางช่วงเสียงแหลมขึ้นมาชัด และเสียงกลางเบาไป แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดากับเรื่องของการฟังจากต้นทางที่มีการบีบอัดไฟล์ จนคุณภาพเสียงลดลง ใครที่เป็นแฟน Aerosmith อย่างเพลงยอดฮิต I Don’t Wanna Miss a Thing ในภาพยนตร์ Armageddon ก็ยังได้ฟังแบบฟิลอารมณ์กระแทกกระทั้นอย่างสมใจอยาก รวมถึงเพลงประกอบภาพยนตร์ Fast & Furious 7 อย่าง See You Again ของ Wiz Khalifa ก็ยังฟังได้ใสๆ แม้เสียงดนตรีจะไม่ได้เด่นออกมามาก เสียงกลางออกมาได้ดี เสียงนักร้องเด่นออกมาได้ฟิลลิ่ง
แต่การปรับใน Bass Boost, Loudness Equalizer ในฟังก์ขั่น Speaker Enhancements ของ Windows ก็ช่วยเพิ่มมิติ รวมถึงความลึกของเอฟเฟกต์ ด้วยการเก็บรายละเอียดของเบสได้ดีขึ้นอีกระดับหนึ่ง แต่ในแง่เสียงแหลม ยังคงไม่เต็มอิ่มมากนัก ตามสไตล์ของหูฟังเกมมิ่ง
ในการชมภาพยนตร์ ตัวอย่าง Saving Private Ryan ตอนขึ้นบกที่ Omaha Beach เสียงต่างๆ สร้างความสับสนได้ดี เพราะไม่เพียงเสียงห่ากระสุน ที่ถล่มเข้ามา ยังรวมถึงเสียงคลื่น และแรงระเบิดที่กระทบกับอาวุธ เรือและโลหะ ซึ่งสร้างความตื่นเต้นได้ไม่น้อย กับการลองเปิด Surround Dolby Atmos แม้ว่าเรื่องมิติ จะไม่ได้ชัดเจนเป๊ะๆ เนื่องจากสเตจเสียงอาจจะไม่ได้กว้างมาก แต่ก็พอให้อิ่มไปกับความสนุกตรงหน้าได้ดี ส่วนในเรื่องอื่นๆ เช่น Jurassic world เสียงคำรามจาก Indominus Rex และ T-Rex ก็ให้รายละเอียดได้ดี เช่นเดียวกับบรรดาตัวเล็กๆ ที่วิ่งไปมารอบๆ ภายในป่า กับเสียงเอฟเฟกต์ประกอบสร้างความบันเทิงได้ดีทีเดียว แต่ในแง่ของเสียงเล็กๆ อย่างเสียงกระจกบนหลังคาที่แตก อาจไม่ได้รู้สึกมีมิติมากนัก
ส่วนการเล่นเกม เรามีตัวอย่างเกม Action FPS อย่าง PUBG และ Battlefield V มาได้ลอง สำหรับเกมที่รู้สึกประทับใจ และให้ความโดดเด่นในแง่ของเสียง จากหูฟังรุ่นนี้คือ PUBG และ Battlefield เริ่มจากเกมแรกก่อน PUBG จากเดิมถ้าใช้แจ๊ค 3.5mm เสียงเอฟเฟกต์รู้สึกได้ว่ามาได้หนัก แต่ก็สัมผัสถึงความตื้อๆ อยู่เล็กๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ลั่นกระสุนออกไป และเวลามีการระเบิดจากขอบเขต Zone ที่บีบเข้ามา ไม่ค่อยมีมิติมากนัก แต่เมื่อใช้เป็น USB DAC ที่ต่อเข้ากับพีซี แล้วเซ็ตที่เป็นค่า Surround เพิ่มเติมจาก Windows ความหนักแน่น และความก้องกังวาลของเอฟเฟกต์ มีมิติที่ชัดเจนขึ้น เสียงกระสุนที่ลั่นออกไป ถ้าเปิด Volume เกินครึ่ง ที่สะดุ้งแน่นอน นอกจากนี้ยังพอเก็บเสียงสิ่งของที่แตกกระจายได้ เพียงแต่เรื่องของฝีเท้า และระยะจะไม่ได้จะแจ้งมากนัก แต่ยังพอให้จับสังเกตได้ ใครที่ชื่นชอบ PUBG หูฟังรุ่นนี้ ให้คุณสนุกขึ้นได้พอสมควร
ส่วนเกม Battlefield V จัดว่าช่วงสมรภูมิของรถถัง ทำเอาตื่นเต้นได้ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปบุกเจอกับศัตรูแบบรอบทิศ แบบที่บอกคือ เรื่องเอฟเฟกต์ความหนักแน่น เสียงการทำลายของกระสุนปืนใหญ่ และจากรถถัง ที่กระแทกเข้ามายังตัวถังรถ ชัดเจนจนทำให้บางทีรู้สึกใกล้มากๆ แม้เรื่องของระยะหรือทิศทาง จะให้สัมผัสได้ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อหลายๆ เสียงที่อยู่รอบตัวมาพร้อมกัน ก็อาจจะแยกได้ยาก เกมนี้ เน้นที่การเล่นแบบกลยุทธ์ด้วยเหมือนกัน การจับทิศทางที่ดี ก็พอให้สนุกกับเกมได้พอสมควร แต่เสียงที่เป็นตัวละครในเกม อาจไม่เด่นชัดมากนัก แต่ก็นับได้ว่า Neolution E-Sport สามารถวางลูกเล่นใน Silencer มาให้กับคอเกมได้น่าสนใจ ส่วนใครที่อยากจะหาหูฟังเล่นเกม มาดู Gaming Headset รุ่นเด็ดได้ในนี้
Conclusion
สำหรับหูฟังเกมมิ่ง Neolution E-Sport Silencer รุ่นนี้ เหมาะอย่างยิ่งทั้งเกมเมอร์มือใหม่ หรือขยับขึ้นมาเน้นเล่น สตรีมหนักขึ้น และมีงบจำกัดไม่เกิน 1,500 บาท รวมถึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องของสีสันมากมายนัก แต่เน้นหนัก ที่เรื่องความเด่นในการเล่นเกม เพราะจะได้สัมผัสกันแบบเน้นๆ โดยเฉพาะคอเกม Action FPS ที่จะเพิ่มอรรถรสในการเล่น ด้วยเสียงเอฟเฟกต์ที่สร้างความสนุกสนานได้ดีพอสมควร เช่นเดียวกับความสบายของครอบหูฟัง ที่เป็นเมมโมรีโฟม ซึ่งตัดเย็บมาแบบให้มีความยืดหยุ่น คืนตัวได้เร็ว กระชับกับใบหู น้ำหนักที่ไม่มากนัก ช่วยให้สวมสบาย ไม่รำคาญ แม้จะใช้มาเป็นเวลานานๆ ก็ตาม การปรับเลื่อนใช้งานง่าย แม้จะไม่ได้มีลูกเล่นมาบนตัวหูฟัง แต่ด้วยการมีรีโมทบนสายสัญญาณ กับความยาวของสายที่ทำให้เคลื่อนไหวได้สะดวก ไม่ยึดติดอยู่กับหน้าพีซีหรือโน๊ตบุ๊คแบบใกล้ๆ ยิ่งใครต่อจอใหญ่ ก็จะใช้งานได้ง่ายขึ้น และยังมีลูกเล่นด้วยสายต่อสำหรับเครื่องเล่นอื่นๆ เช่น เครื่องเล่นเกมคอนโซล และสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต ช่วยทำให้เกมเมอร์มีทางเลือกในการใช้งาน เอาเป็นว่าราคาตลาดประมาณ 1,390 บาทนี้ เทียบกับฟังก์ชั่นที่มีให้ ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย
Contact
- ราคา: ประมาณ 1,390 บาท
- การรับประกัน: 2 ปี
- ข้อมูลเพิ่มเติม Neolution E-Sport Silencer
- Facebook: www.facebook.com/neolutionesport
Related Topics
10 อันดับ หูฟังเกมมิ่ง เสียงสะใจ เล่นเกมสนุก ใส่สบาย ดีไซน์สวย
10 อันดับ หูฟังไร้สาย เล่นเกมสะใจ ไม่เกิน 5,000.- แบตอึด เสียงรอบทิศทาง
7 หูฟังเกมมิ่ง รุ่นน่าใช้ ไม่เกิน 2,900 บาท เสียงจัดจ้าน
