ASUS TUF Gaming F15 FX506 รุ่นใหม่กลางปี 2021 เพิ่มเข้ามาอีกสเปกแล้ว สำหรับ Gaming Notebook สเปกสดใหม่ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 Tiger Lake H45 มาพร้อมตัวเลือกอย่าง Core i5-10400H และ Core i9-11900H ตัวแรงพิเศษยิ่งกว่า โดยจับคู่มากับการ์ดจอแยกตัวแรงรุ่นล่าสุด NVIDIA GeForce RTX 3050 และ RTX 3060 ประสิทธิภาพแรงลื่นกว่า จัดว่าเป็นรุ่นที่ราคาน่าสนใจที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดด้วยกับสเปกนี้
โดย ASUS TUF Gaming F15 FX506 ได้รับการอัพเดทจาก ASUS TUF Gaming Series รุ่นก่อนหลักๆ แล้วเป็นฮาร์ดแวร์ภายในจากการตีบวกยัดสเปคจัดเต็มแน่นเอียดในราคาสุดคุ้ม ส่วนดีไซน์ภายนอกก็มีการปรับกับฝาหลังโลหะแบบใหม่ลวดลายใหม่ที่ดูสวยงามลงตัวยิ่งขึ้น กับราคาเริ่มต้นเพียง 30,990 บาท และ 49,990 บาท นับว่าเป็น Gaming Notebook จอ 15.6″ ปี 2021 ที่คุ้มค่าที่สุดในงบประมาณ 30,000 บาทขึ้นไปก็ว่าได้
VDO Review
NBS Verdict
โดย ASUS TUF Gaming F15 FX506 โน๊ตบุ๊คเล่นเกมเครื่องที่เราได้รับมารีวิวนั้น เป็นเครื่องขายจริงโดยเป็นรุ่น Core i9-11900H จับคู่มากับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P ที่ค่า TGP สูงสุด 95W ส่วนสเปกอื่นๆ มีหน่วยความจำแรมขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz และมี SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB มาให้ด้วย พร้อมรองรับการอัพเกรดทั้งแรมและ SSD อีกอย่างละ 1 ตัวทันที โดดเด่นสุดๆ ด้วยมาตรฐานการเชื่อมต่อ Thunderbolt 4 ที่ดีที่สุด เป็นครั้งแรกของ TUF Series เลยทีเดียว แต่มีเงื่อนไขคือไม่รองรับ USB Power Delivery !
ส่วนหน้าจอก็ขนาด 15.6″ความละเอียด Full HD พาเนล IPS เกรดสูง sRGB 90% โดย Refresh Rate สูงสุดที่ 240Hz ให้ภาพลื่นไหลสบายตา ภาพสวยงามค่าสีรองรับการใช้งานแบบมืออาชีพ พร้อมเทคโนโลยี Adaptive Sync ทำให้ภาพไม่ฉีกขาด (Tearing) ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่ต้องการหน้าจอดีๆ ในการเล่นเกม มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ได้ประกัน 2 ปี แบบ Global Warranty และประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty 1 ปีแรก พร้อมบริการด้วย 7-11 droppoint กว่าหมื่นสาขาทั่วประเทศไทย ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 49,990 บาท
ดีไซน์ยังมีความเฉียบโดยฝาหลังจอแบบใหม่ ใช้วัสดุเป็นโลหะผสมแบบอลูมิเนียมอัลลอยทั้งชิ้นพร้อมโลโก้ TUF Gaming แบบใหม่บริเวณมุมตัวเครื่องและหมุดยึดสี่มุมตามสไตล์ โดดเด่นกว่ารุ่นทั่วไปด้วยการได้รับการรับรองตามมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-810H โดยสามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือน, อุณหภูมิและความชื้นสูง ส่งผลให้มีความทนทานกว่า Gaming Notebook ทั่วไป รวมไปถึงมีไฟ RGB คีย์บอร์ด และตัวคีย์บอร์ดก็ตอบสนองพร้อมความทนทานที่เยี่ยมยอด ซึ่งปกตินี้หาได้ยากใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ
ระบบระบายความร้อน ASUS Intelligent Cooling ของ ASUS TUF Gaming A15 FA506 สามารถปรับการทำงานได้สามโหมด อีกทั้งยังมี Anti-Dust Cooling ช่องระบายฝุ่นที่อยู่ด้านข้างฮีทซิ้งค์ทั้งสองฝั่ง ซึ่งควบคุมความร้อนได้ดีในระดับที่รับได้คือไม่เกิน 100 องศาเซลเซียส แม้จะดูสูงกว่าปกติ แต่ก็เข้าใจชิปประมวลผลเป็นรุ่นระดับสูง ทำให้มีการปลดปล่อยความร้อนที่สูงออกมาด้วย แต่อย่างไรก็ตามตัวเครื่องเองสามารถทำงานได้เสถียรยาวนาน
สรุปแล้ว ASUS TUF Gaming A15 FX506 รุ่นใหม่นี้ทั้งรุ่นราคา 30,990 บาท และ 49,990 บาท มีความน่าซื้อมาใช้งาน ที่นอกจากเรื่องสเปกภายในที่ใหม่ล่าสุด ได้ความแรงลื่นที่ความคุ้มค่าต่อราคาที่ได้แล้ว รวมไปถึงแบตยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง ซึ่งดีกว่า Gaming Notebook รุ่นก่อนหน้า ในส่วนของฟีเจอร์อื่นๆ ก็ยังมีความน่าสนใจไม่น้อย เหมือนยกมาจาก ROG Series เลยก็ว่าได้ พร้อมปรับไฟคีย์บอร์ดแบบ RGB Aura โดยเป็นแบบ All Zone ซึ่งให้ประสบการณ์ใช้งานี่เยี่ยมยอด
ซึ่งข้อสังเกตที่สำคัญคือ พอร์ต Thunderbolt 4 อัพเดทจากทาง ASUS คือ ไม่รอบรับชาร์จไฟ USB Power Delivery (จัดว่าเป็นกรณีที่แปลกมากๆ) นอกจากนี้ในส่วนของบันเดินเองยังให้สติ๊กเกอร์ TUF เก๋ๆ มาให้ด้วย ไว้สำหรับติดนู้นนี่นั่นเอง ปิดท้ายที่ต้องรู้คือสเปกนี้ได้หน้าจอพาเนล IPS เกรดดีกว่ารุ่น 144Hz (คาดว่า sRGB 60%) รวมไปถึงคาดว่าอนาคตน่าจะมีรุ่นราคา 35,000 – 45,000 บาทมาเป็นตัวเลือก ด้วยสเปก Core i7-11800H จับคู่มากับ RTX 3050 Ti – RTX 3060 ใครจะรอซื้อก็ได้
จุดเด่น ASUS TUF Gaming F15
- ดีไซน์การออกแบบใหม่ สวยงามถูกใจตามสไตล์ TUF Gaming งานประกอบแน่นวัสดุดี
- ขอบหน้าจอบางพิเศษ มิติเทียบเท่ารุ่น 14″ ตัวเครื่องเบาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ 2.3 กิโลกรัม
- ประสิทธิภาพดีเยี่ยมด้วยชิปประมวลผล i9-11900H การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P
- ได้แรมขนาด 16GB ที่ 1 แถว เพียงพอต่อการใช้งานและเล่นเกม หรือจะใส่เพิ่มก็ทำได้
- ติดตั้ง SSD M.2 NVMe PCIe Gen 3 ความจุ 1TB พร้อมอัพเกรด SSD M.2 ได้ภายหลังอีก 1 ตัว
- ประสิทธิภาพในการทำงานหนักๆ และเล่นเกม 3 มิติได้อย่างลื่นไหล รวมถึงมีโหมด Turbo ด้วย
- ได้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง sRGB 90% พร้อมรองรับ 240 Hz ลื่นไหลกว่า 144 Hz เดิมๆ
- คีย์บอร์ดมีไฟ RGB All Zone พร้อมมีซอฟต์แวร์มาช่วยปรับแต่ง
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง
- ได้มาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX ที่ดีกว่า Wi-Fi 5 AC
- มีความทนทานระดับ Military Grade น้อยรุ่นนักที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบนี้
- มาพร้อม Windows 10 Homr ใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ที่ดี
- ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยม ประทับใจมาก เมื่อเทียบกับราคา
- ประกัน 2 ปี ส่งศูนย์ พร้อมฝากส่งเคลม 7-11 และมีประกันอุบติเหตุ 1 ปี
ข้อสังเกต ASUS TUF Gaming F15
- ดีไซน์ตัวเครื่องโดยรวมยังคล้ายเดิม แต่ก็ได้ฝาหลังที่สวยงามขึ้น
- อุณหภูมิชิปประมวลผลเมื่อใช้งานหนักๆ สูงสุดที่ 100 องศาเซลเซียส แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
- ตัวเครื่องไม่มี SD Card Reader เพราะยังใช้ DNA เดิมเหมือนรุ่นก่อนหน้า
- พอร์ต Thunderbolt 4 อัพเดทจากทาง ASUS คือ ไม่รอบรับชาร์จไฟ USB Power Delivery
Specification
ASUS TUF Gaming F15 FX506 จะมีจำหน่ายอยู่เพียงสเปกเดียวเท่านั้น ซึ่งเน้นความคุ้มค่าแต่ว่าแรงลื่น ได้ชิปประมวลผลตัวแรงเป็น Intel Core i Gen 11 Tiger Lake H45 ในรุ่น Core i9-11900H ทำงานที่ความเร็ว 2.50 – 4.90 GHz แบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ซึ่งให้ความแรงและ Core การทำงานที่มากกว่า i7-11800H พร้อมกันนั้นยังมี AI ช่วยในการทำงานบางโปรแกรมได้ลื่นไหลยิ่งกว่า
โดยมีการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่อย่าง Intel UHD Graphics Xe 750 32EUs พร้อมการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 (6GB GDDR6) พร้อมที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe Gen 3 ความจุ 1TB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 Bus 3200 MHz จำนวน 1 แถว โดยสามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32GB
โดดเด่นกว่ารุ่นก่อนหน้าคือได้หน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล พาเนล IPS เกรดคุณภาพสูง รองรับ Refresh Rate ที่ 240Hz ให้ความลื่นไหลอย่างที่สุดด้วย รวมไปถึงมีลำโพงคุณภาพสูงระบบเสียง DTS:X Ultra พร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง 2 x USB 3.2 Gen 2 Type-A และ 1 x Thunderbolt 4 โดยทำงานโอนถ่ายข้อมูล / DisplayPort 1.4 / Power Delivery ระบบการเชื่อมต่อไร้สายเป็นมาตรฐานใหม่อย่าง Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.2
พร้อมติดตั้งระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 Home และซอฟต์แวร์ Utility อย่าง Armory Crate มาให้ในตัว (คล้ายใน ROG) ส่วนการรับประกัน 2 ปี ส่งเคลม 7-11 และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็ม จัดได้ว่าเป็นมาตรฐานการรับประกันของทาง ASUS ปกติ สนนราคาของ ASUS TUF Gaming F15 FX506 รุ่นสเปกที่นำมารีวิวอยู่ที่ 49,990 บาท จัดว่าคุ้มค่ากับสเปกที่ได้นี้
ASUS TUF Gaming F15 FX506HC-HN002 ราคา 30,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : Intel Core i5-11400H (6C/12T : 2.60 – 4.50GHz)
-
GPU : NVIDIA GeForce RTX 3050 GDDR6 4GB
-
RAM : 8GB DDR4 Bus 3200MHz
-
DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD (1920 x 1080) 144Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
-
OS : Windows 10 Home
-
Connector : Wi-Fi 6 AX (2 x 2) + BT5.2
-
Warranty : 2 Years Inter / 1 Year Perfect warranty
ASUS TUF Gaming F15 FX506HM-AZ101T ราคา 49,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : Intel Core i9-11900H (8C/16T : 2.50 – 4.90GHz)
-
GPU : NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P (GDDR6 6GB)
-
RAM : 16GB DDR4 Bus 3200MHz
-
DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD (1920 x 1080) 240Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
-
OS : Windows 10 Home
-
Connector : Wi-Fi 6 AX (2×2) + BT5.2
-
Warranty : 2 Years Inter / 1 Year Perfect warranty
Hardware / Design
ที่ผ่านมาหลายรุ่นหลายปีสำหรับ ASUS TUF Gaming Series นับว่าเป็น Gaming Notebook ที่ดีมากๆ เป็นการต่อยอดมาโดยตลอด ได้ทั้งความคุ้มค่า ประสิทธิภาพความแรง แบบที่หลายๆ อย่างยกมาจากรุ่นพี่ ROG เลย แต่มาในราคาที่ไม่แพง สามารถจับต้องได้ง่าย โดยที่ผ่านมาเราเห็นกันมาแล้ว อย่าง ASUS TUF Gaming (The Ultimate Force) ซึ่งเป็นตัวแรงยอดนิยมสุดๆ
ได้สเปกเป็น Intel Core i Gen 11 Tiger Lake H45 กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 30 Seriesในช่วงงบ 3x,xxx – 4x,xxx บาท แทบไม่มี Gaming Notebook รุ่นไหนสู้ได้ทีเดียวในปีก่อน แน่นอนปี 2020 – 2021 ก็จัดเต็มนอกเหนือความแรงแล้ว ก็จะเป็นในส่วนของฟีเจอร์ประสบการณ์ใช้งานอื่นๆ รวมไปถึงดีไซน์ด้วย ให้ความรู้สึกเป็น Gaming Notebook อย่างแท้จริง
จัดได้ว่าเป็น Notebook ที่สเปกแรง แต่น้ำหนักไม่หนักจนเกินไป พกพาสะดวก มีความทนทานระดับ Military Grade (MIL-STD-810H) ต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น ความกดอากาศ และแสงแดด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook น้อยรุ่นนักที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบนี้
อีกทั้งดีไซน์การออกแบบของ ASUS TUF Gaming F15 FX506 เรียกได้ว่ายกระดับกว่ารุ่นก่อนหน้านี้มาแบบเหนือชั้น ด้านหลังตัวเครื่องออกแบบให้มีช่องระบายความร้อนแบบไม่มีอะไรมากั้นเพราะดีไซน์ฝาหลังเว้นเอาไว้ พร้อมด้วยสองช่องขนาดใหญ่ด้านหลัง ฟินระบายความร้อนเป็นสีทองแดง การันตีเรื่องของการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม
ทางด้านพับตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้เป็นแบบบานพับคู่วัสดุเป็นพลาสติกแข็งแรง พร้อมมีการตัดช่องเป็น V-Sharp ช่วงให้อากาศไหลผ่านได้ดีขึ้น และมีช่องระบายอากาศด้านบนคีย์บอร์ดเพิ่มเข้ามา นอกจากนั้นก็จะมีเรื่องของสติ๊กเกอร์ฟีเจอร์ต่างๆ รวมถึงโลโก้ Core i9 Gen 11 / NVIDIA GeForce RTX และในส่วนของการรับประกัน Perfect warranty อย่างที่หาได้ยากใน Notebook รุ่นต่างๆ ในตลาด
นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของระบบระบายความร้อนก็ใช้ระบบ Scenario Profiles ด้วยพัดลม 2 ตัวขนาดใหญ่ แบบ 83 ใบพัด ที่สามารถปรับเร่งรอบได้ ภายในใช้ฮีทไปป์จำนวน 4 เส้นที่ครอบคลุมทั้ง CPU / GPU โดยมีช่องเป่าลมร้อนออก 3 ช่องทาง พร้อมมี Anti-Dust Tunnel ซึ่งทำงานเป็น Self-Cleaning Cooling สำหรับเป่าฝุ่นอัตโนมัติออกมาให้อีกด้วย จัดเต็มจริงๆ ให้มาครบเครื่องมากกว่ารุ่นอื่นๆ
ส่วนของคีย์บอร์ดจะให้ไฟ RGB แบบ All Zone ปุ่ม WASD ทำไฮไลท์ไว้ สามารถรองรับการกดได้ 20 ล้านครั้ง Travel Key 1.8 mm การวางเลเอาท์จะเหมือนกับคีย์บอร์ดแยกจริงๆ อีกทั้งยังมีช่องด้านบนเหนือคีย์บอร์ดมีช่องดูดลมอีกช่องช่วยนำพาอากาศเย็นเข้าไปอีก รวมๆ แล้วต้องยอมรับว่าทาง ASUS นั้นใส่ใจในการออกแบบมาจริงๆ
ฝาด้านล่างตัวเครื่องเป็นพลาสติกโพลีเมอร์ผสมซิลิคอนคาไบด์ สินแร่ที่มักถูกใช้ผสมกับวัสดุอื่นๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มคุณสมบัติการทนทานต่อความร้อน พบได้ในเบรก/คลัทช์ของรถยนต์ และแผ่นเซรามิกในเสื้อเกราะกันกระสุน นอกจากวัสดุที่แข็งแกร่งทนทานน่าเหลือเชื่อ ฝาด้านล่างยังถูกออกแบบเพื่อเสริมความแข็งแกร่งอีกขั้น ด้วยรูปทรงหกเหลี่ยมแบบรังผึ้ง (Honeycomb)
ส่วนด้านในจะเป็นพลาสติกแบบมีลวดลายคล้ายโลหะปัดเสี้ยนให้สัมผัสผิวไม่เรียบ ที่นอกสายสวยงามแล้วคือเป็นลายนิ้วมือได้ยาก นับว่าเป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ ทั้งภายนอกและภายใน ที่ดูแล้วลงตัวกว่ารุ่นก่อนหน้าไปอีกขั้น ทางด้านพับตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้เป็นแบบบานพับคู่วัสดุเป็นพลาสติกแข็งแรง พร้อมมีการตัดช่องเป็น V-Sharp ช่วงให้อากาศไหลผ่านได้ดีขึ้น และมีช่องระบายอากาศด้านบนคีย์บอร์ดเพิ่มเข้ามา
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุนั้น ทำได้ดีเยี่ยมสมการมาของ ASUS TUF Gaming A15 FX506 รุ่นใหม่ปี 2021 ที่ทุกคนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงในดีไซน์ Gaming แต่แอบแฝงความแรงและเรียบหรูเอาไว้ ที่ไม่ใช่แค่แรง แต่แข็งแรงทนทาน ระบบระบายความร้อนดี ขอบจอต้องบางเฉียบ ยกให้เป็น Gaming Notebook ราคาคุ้มค่าที่สุดฟีเจอร์แน่นอนที่สุด
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ ASUS TUF Gaming F15 FX506 มาพร้อมไฟ RGB Auraโดยเป็นแบบ All Zone ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ ได้หลากหลายรูปแบบ คีย์บอร์ดที่แฝงไว้ด้วยคาแรคเตอร์ของความเป็น Gaming ด้วย 4 ปุ่ม WASD ที่เกมเมอร์คุ้นเคยเสริมความโดดเด่นสวยงาม สามารถสังเกตได้ง่าย จากการที่ปุ่มมีความขาวใส โดยวางนิ้วบนปุ่มได้อย่างรวดเร็ว พร้อมมีแป้นตัวเลข Numpad ใช้งานกันได้สะดวกเช่นเคย อีกทั้ง Spacebar มีการดีไซน์ให้พื้นที่ยื่นออกมา ทำให้กดกระโดดในเกมได้ง่าย
ตัวปุ่มกดแบบ Chiclet Switches ที่มีระยะห่างระหว่างปุ่ม 1.8 มม. ปุ่มโค้ง 0.25 มม. รองรับ N-key Rollover และแยกปุ่มลูกศรชัดเจน รวมถึง Numpad ก็มีมาให้เพื่อความสะดวกในการใช้งานได้แบบแป้นพิมพ์ Full Size ด้วยเช่นกัน ส่วนของทัชแพดที่มีขนาดพอเหมาะพอดีกับตัวเครื่อง ถูกออกแบบมาให้เป็นแบบแยกปุ่มคลิกซ้ายและขวาออกมาชัดเจน และทำไฮไลท์ที่มุมเข้ากับตัวเครื่องโดยรวมได้เป็นอย่างดี
Screen / Speaker
ASUS TUF Gaming F15 FX506 มีหน้าจอขอบจอบางเฉียบ ทั้งขอบด้านข้างและด้านบน ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) พาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง รองรับการใช้งานที่หลากหลาย มุมมองกว้าง พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare รวมๆ ทั้งสีสันความคมชัดแล้วจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
เหมาะกับการใช้งานทั่วๆ ไปหรือการเล่นเกมก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ รวมไปถึงยังเป็นหน้าจอ 240Hz ทำให้ใช้งานเล่นเกม FPS ฉากเคลื่อนไหวเร็วๆ ได้อย่างลื่นไหลกว่าหน้าจอทั่วไปที่แค่ 60Hz หรือบางรุ่นจะได้ 120 / 144Hz รวมๆ แล้ว ถือว่าดีกว่ามาตรฐานของ Gaming Notebook ปี 2021 ทั่วไปมากทีเดียว
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS TUF Gaming F15 FX506 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูงกว่า TN จึงได้ทำการทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากการที่เป็นพาเนล IPS เกรดสูงอยู่แล้ว
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB 90% และ AdobeRGB 70% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีเขียวและสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับกลางๆ ค่อนไปทางดี ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพหน่อยก็ทำได้ดีเช่นกัน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่ 300 cd/m2 แต่สำหรับช่องบนแถวกลางจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 12% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ลำโพงของตัวเครื่อง ASUS TUF Gaming F15 FX506 ใช้เป็นแบบ Stereo แบบช่องเสียงออกสี่ทิศทาง ให้เสียงดังขึ้น 1.8 เท่า และเบสที่ลึกกว่าเดิม 2.7 เท่า พร้อมจำลองเสียงแบบ 7.1 แชแนลผ่านการเชื่อมต่อหูฟัง ระบบเสียง DTS:X ทำให้มีเสียงดังฟังชัด มีน้ำหนัก ถือว่าเอามาเล่นเกมฟังเพลงได้ดีกว่ามาตรฐาน Notebook ทั่วไปพอตัว ช่องลำโพงถูกออกแบบมาอย่างแนบเนียน อยู่ด้านใต้ตัวเครื่องมุมซ้ายขวา
Connector / Thin And Weight
ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS TUF Gaming F15 FX506 ก็จัดว่าครบครันดีขึ้น ซึ่งเครื่องนี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครบถ้วนใช้ได้เลยทีเดียว โดยตัวพอร์ตเกือบทั้งหมดจะอยู่ด้านซ้ายมือตัวเครื่อง โดดเด่นสุดๆ ด้วยพอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 1 พอร์ตโดยทำงานเป็น USB-C เพื่อโอนถ่ายข้อมูลสูงสุด 40Gb/s และต่อหน้าจอภายนอกด้วย DisplayPort 1.4 ต่อจอ 4K / 8K ได้ แต่ไม่ได้รองรับ USB Power Delivery (จัดว่าเป็นกรณีที่แปลก)
พร้อมมี USB 3.2 Type-A (Gen 2) จำนวน 2 พอร์ต, พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง, LAN RJ45 และ HDMI 2.0 ส่วน Kensington จะอยู่ที่ด้านขวาได้รับการอัพเกรดเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 1 พอร์ต ไว้เชื่อมต่อเมาส์เป็นหลัก โดยตัวเครื่องจะไม่มี SD Card Reader เหมือนรุ่นก่อนหน้า แน่นอนว่าถ้าใครต้องการใช้งานส่วนนี้จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เสริมมาเพื่อเชื่อมต่อ
ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 AX ที่ดีกว่า Wi-Fi 5 AC ถึง 3 เท่า ได้ความเร็วและสเถียรที่ดีขึ้น รองรับการใช้งานได้แบบสบายๆ ส่วนขนาดของตัวเครื่อง 359.8 x 256 x 22.8 ~24.7 มม. น้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม ถือว่าอยู่ในเกณ์ที่ดี และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 180 W น้ำหนักเบา เข้าไปด้วยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 3 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งสำหรับหนุ่มๆ ก็พกพาไปไหนมาไหนได้สบายๆ แน่นอน
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง ASUS TUF Gaming A15 FX506 เพื่อทำการอัพเกรดนั้นทำง่ายมากเพียงแกะน็อตออกทุกตัวแล้ว โดยมุมนึงจะมีสกรูแบบพิเศษหนึ่งตัวที่จะช่วยให้การเข้าถึงการอัพเกรดเป็นเรื่องง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เพียงไขน็อตทุกตัวออกปกติ (ระวังความยาวไม่เท่ากันด้วย) เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ถูกออกแบบจัดระเบียบได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว มีพัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัว แบบ 3 ทิศทาง พร้อมระบายความร้อนที่มี Self-Cleaning Cooling ที่อยู่ในชุดฟินสีทองแดง หมดกังวลเรื่องฝุ่นที่ติดตรงครีบระบายความร้อน
จุดสังเกตที่เปลี่ยนไปคือตัวเครื่องเลือกใช้ฮีทไปป์ 4 เส้นขนาดใหญ่พาดผ่าน เรียกได้ว่าเอาอยู่กับสเปกแบบนี้แล้ว ซึ่งหลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะเห็นแผ่นสีดำ สีเทาแปะติดไว้อยู่ในหลายๆ ส่วนเพื่อกันไฟฟ้าสถิต และในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่สามารถทำการอัพเกรดคือมีช่องใส่ SSD M.2 NVMe PCIe สรุปคือเราสามารถติดตั้ง SSD M.2 NVMe PCIe ได้ 2 ตัวพร้อมกันนั่นเอง แรมให้มาแล้วแบบ 16GB ที่เป็น 1 แถว ซึ่งเอาเข้าจริงก็เพียงพอกับการใช้งานทุกๆ อย่างแล้ว แต่สำหรับในอนาคตใครอยากอัพเกรดแรมเป็น 16GB x 2 แถว ก็สามารถทำได้เลย
Performance / Software
สำหรับ ASUS TUF Gaming F15 FX506 มาพร้อมกับชิปประมวลผลเน้นประสิทธิภาพสูงสุดรุ่นใหม่ของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake H45 เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร SuperFin อย่าง Core i9-11900H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่น Core i7-11800H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์
ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.50 GHz ซึ่งสามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.90 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ 16GB x 1 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics Xe 750 32EUs ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง ด้วยความเร็ว 350 – 1450 (Boost) MHz อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้น แต่ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ QuickSync ทำให้รองรับการแสดงผลระดับ 4K ได้อย่างลื่นไหล
โดยมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 (6GB GDDR6) ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็น Max-P ไม่ใช่ Max-Q เน้นความแรงลื่นมากกว่า สถาปัตยกรรม Ampere เทคโนโลยีการผลิต 8 นาโนเมตร โดยเป็น RTX เจนที่ 2 ที่ต้องบอกว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เทียบเคียงอย่าง GeForce RTX 2070 ได้ดีกว่า ซึ่งไม่ใช่แค่แรงแต่ยังร้อนน้อยกว่าด้วย
เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook ทุกประเภท รองรับ Ray Tracing ช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงแสงเงาให้แม้แต่เกมระดับ AAA ก็ยังสามารถปรับกราฟิกได้ถึง Ultra ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว พร้อมกันนั้นยังมีการเพิ่มค่า TGP สูงสุดเป็น 95W อีกด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / CINEBENCH 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงมากๆ อย่างน่าประทับใจสมกับเป็นรุ่นระดับบน เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryze / Intel Core รุ่นก่อนๆ ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยก RTX 3060 Max-P เองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนสุด ที่เน้นการทำงาน 3D เป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว รองรับการใช้งานได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 3 ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนยุคก่อนๆ หรือ SSD มาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้วละก็
จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ตั้งแต่เปิดเครื่อง โหลดไฟล์ต่างๆ รวมไปถึงการโหลดเกม ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3521 MB/s และเขียนที่ 3091 MB/s ที่เร็วมากๆ จัดเป็น SSD ระดับสูงเลย
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6,988 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeFoce RTX 3060 ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนมากพอตัว
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 7,905 และประมวลผลคาดการณ์เกม Apex Legends ปรับสุด Full HD ได้ 135+ FPS เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้าขากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยประมาณ 80 – 120 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil 3 Remake / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 8 / RE 3 / BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด จากกราฟเพื่อดูเฟรมเรมแต่ละเกมที่ทดสอบตามภาพด้านล่าง ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว
ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 8 / RE 3 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 6GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าประทับใจอยู่
ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 8 เกม
และด้วยพาเนล IPS แบบ 240Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ หรือถ้าอยากให้วิ่ง 144Hz ก็จะปรับกราฟิกของเกมลงมาต่ำๆ หน่อย
นอกเหนือจากนี้ ASUS TUF Gaming F15 FX506 ยังมี Armory Crate ซอฟต์แวร์ Utility ที่ยกมาจาก ROG รุ่นอื่นๆ ซึ่งรวบรวมเอาฮาร์ดแวร์ต่างๆของ ROG มาไว้บนยูทิลิตี้เดียว ทำให้สามารถเข้าถึงฟังค์ชั่นต่างๆได้อย่างง่ายดาย การตั้งค่าต่างๆ ของระบบร อาทิ ผู้ใช้สามารถบันทึกการตั้งค่าต่างๆตามความชอบเป็นรูปแบบได้หลายโปรไฟล์
ซึ่งการตั้งค่าต่างๆ จะถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดเกมที่ได้เลือกไว้ Armoury Crate ยังมาพร้อมกับโปรแกรมเสริม Mobile Dashboard สำหรับ Android และ iOS รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นจากการอัพเดทในอนาคต ปิดท้ายด้วยซอฟต์แวร์ Utility อีกตัวอย่าง MyASUS เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ไว้คอยตรวจระยะเวลากรับประกันและอัพเดทไดร์เวอร์ได้ครบๆ
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน ASUS TUF Gaming F15 FX506 เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับ 10% แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวเกือบๆ 9 ชั่วโมงทีเดียว
เรียกได้ว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ระยะเวลาที่มากกว่าที่คาดเอาไว้ ซึ่งจากการทดสอบล่าสุดพบว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวกว่า Gaming Notebook ทั่วไปจริงๆ ในสเปกนี้ อย่างไรก็ตามเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่มากกว่านี้ จะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานได้สั้นกว่าเป็นไปได้
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลและการ์ดจอจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส แน่นอนว่าในการใช้งานทั่วไปด้วยการใช้โหมด Windows แทบจะไม่รู้ว่าพัดลมหมุนเลย จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ
เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ซึ่งทั้งหมดนี้ดูผ่านทางซอฟต์แวร์ Hardware Monitor รุ่นล่าสุด เพื่อดูว่าชิปประมวลผล CPU / การ์ดจอ GPU ว่าจะร้อนที่สุดเย็นที่สุดเท่าไรในการใช้งานจริงๆ
ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับชิปประมวลผล CPU อยู่ที่ไม่เกิน 100 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างร้อนกว่ารุ่นทั่วไป ถ้าเทียบความแรงที่ได้ก็นับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 90 องศาเซลเซียส โดยดูผ่านทาง Hardware Monitor นับว่าไม่ได้มีผลต่อการใช้งานโดยรวมแต่อย่างใด
ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Turbo พร้อมเพิ่มรอบพัดลมอัตโนมัติ จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง ด้วยการทำงานด้วยชุดระบายความร้อนของ ASUS TUF Gaming Series ที่มีการพัฒนาต่อยอดมาโดยตลอด
Conclusion / Award
จาการที่สัมผัสและใช้งานจริงๆ ของ ASUS TUF Gaming F15 FX506 รุ่นท็อปสุดของปี 2021 ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม รวมไปถึงทำงานและความบันเทิงดูหนังฟังเพลง บอกได้อย่างเต็มปากเลยว่า ASUS ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่มีการปรับให้ดูสวยงามลงตัวมากยิ่งขึ้น ขอบจอบาง น้ำหนักไม่หนักจนเกินไป มีไฟคีย์บอร์ด RGB งานประกอบและวัสดุที่เยี่ยมยอด
พร้อมความต่างที่ดีกว่าคือเรื่องความทนทาน ให้ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น สเปคประสิทธิภาพสูงสุดจากชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H ที่สำคัญคือได้หน้าจอพาเนล IPS เกรดสูงกว่ารุ่นปกติ พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 240 Hz ให้สีสันที่ดีระดับ sRGB ใกล้เคียง 100% อีกทั้งลื่นไหลสบายตา และมี Windows 10 Home และซอฟต์แวร์ Armory Crate มาให้พร้อมใช้งานด้วย
ด้วยการรวมตัวของใหม่การ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P ที่มีค่า TGP สูงสุดที่ 95W ส่งผลให้มีประสิทธิภาพทำงาน 3 มิติ หรือเล่นเกมที่สูง อีกทั้งได้แรมขนาด 16GB แรงลื่นทันทีไม่ต้องอัพเกรด (หรือจะอัพเกรดอีกแถวก็ทำได้ง่ายๆ) อีกทั้งยังมี SSD แบบ M.2 NVMe PCIe Gen 3 ความจุ 1TB แบบความเร็วสูงสุดมาให้พร้อมใช้งาน ครบครันกับการใช้งาน
สมกับเป็น Gaming Notebook มีความเป็น TUF Gaming ที่ไม่ใช่แค่สวยงามดุดัน แต่เน้นประสิทธิภาพต่อราคาที่คุ้มค่า เรียกว่าในช่วงงบประมาณไม่เกิน 50,000 บาท นับว่ามีความน่าซื้อสุดๆ อีกทั้งมีความสเถียรรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกมจริงจังด้วย เชื่อได้ว่าตอบสนองคนรุ่นใหม่อย่าง นักเรียน นักศึกษา คนทำงานแน่นอน
เรื่องของการออกแบบที่ ASUS TUF Gaming F15 FX506 ทำได้ดีมาก ด้วยดีไซน์สไตล์ TUF Gaming ยุคใหม่ ที่โดยรวมแม้จะยังใหล้เคียงแบบเดิมแต่ก็ถือว่าดีขึ้น บวกกับฟีเจอร์อย่างคีย์บอร์ดมีไฟแบบพิเศษ ด้วยปุ่ม WASD เป็นแบบโปร่งแสงโดดเด่น ระบบเสียงคุณภาพดีเยี่ยม แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง ที่สำคัญเครื่องนี้มีระบบป้องกันฝุ่น Self-Cleaning Cooling พร้อมระบบระบายความร้อนจัดเต็ม เพื่อการใช้งานที่ยาวนานและต่อเนื่อง ใกล้เคียงกับตระกูล ROG เข้าไปอีกขั้น
ปิดท้าย ASUS TUF Gaming F15 FX506 เทียบกับ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาดตอนนี้ที่ขายๆ กันอยู่ ที่ได้สเปก Core i9-11900H ก็ต้องยอมรับว่า น่าสนใจจริงๆ นอกจากได้ชิปประมวลผลที่แรงขึ้นกว่าเดิม การ์ดจอที่แรงลื่น ทำให้เล่นเกมได้ลื่นกว่าแล้ว ที่ต้องยอมรับว่าความร้อนแม้จะดูสูงหน่อย แต่รบกวนการทำงานเลย ส่วนการที่ไม่มี SD Card Reader ติดตั้งมาให้ ก็ยังเป็นอะไรที่รับได้อยู่ เพราะสามารถซื้ออุปกรณ์มาทดแทนได้ เมื่อเทียบประสิทธิภาพต่อราคา และฟีเจอร์อื่นๆ ที่ได้มา
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS TUF Gaming F15 FX506 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ASUS TUF Gaming F15 FX506 สเปคเป็น Intel Core i9-11900H + NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-P + 16GB + SSD M.2 NVMe PCIe 1TB + มี Windows 10 Home ซึ่งทดสอบการใช้งานเล่นเกมจริงแล้วแรงกว่า Gaming Notebook รุ่นก่อนๆ ทั้ง AMD Ryzen / Intel Core i รุ่นก่อนมากๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ หรือเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ IPS 240Hz แบบนี้ ที่สำคัญยังได้การใช้งานแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 9 ชั่วโมง
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ TUF Gaming โน๊ตบุ๊คสายคุ้มค่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS TUF Gaming F15 FX506 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม ที่สำคัญคือขอบจอบาง ทำให้มิติตัวเครื่องใกล้เคียงพวกจอ 14″ แถมน้ำหนักเบาแค่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น ที่สำคัญคือดีไซน์ให้ความสวยงามดูทนทานกว่ารุ่นก่อนๆ ทั้งหมด จากการใช้สีสันเป็น Fortress Gray ใช้วัสดุเป็นโลหะผสมแบบอลูมิเนียมอัลลอยทั้งชิ้น หรือพลาสติกเกรดพิเศษ
Best Durability
ASUS TUF Gaming F15 FX506 มีงานประกอบที่เรียบร้อยสวยงาม ที่สำคัญยังได้เรื่องของความทนทานระดับ Military Grade ต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น ความกดอากาศ และแสงแดด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook น้อยรุ่นนักที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาเราจะหาความทนทานระดับ Military Grade ได้ก็พวก Ultrabook ราคาแพงเท่านั้น แต่สิ่งนี้ ASUS จัดเต็มมาให้เลย สำหรับ Gaming Notebook ช่วงราคา 30,000 – 50,000 บาท นับว่ามีความใจเป็นอย่างมาก มากกว่าแบรนด์อื่นๆ ชัดเจน