Acer Predator Triton 500 SE นี้เป็นการต่อยอดมาจาก Gaming Notebook ของ Predator Triton Series เสริมด้วยการ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-Q ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพกับความสมจริงกว่าที่เคยมีมา โดยทำงานกับชิปประมวลผลรุ่นล่าสุด Intel Core i9-11900H Tiger Lake H45 ทำให้สิทธิภาพตัวเครื่องแรงกว่ารุ่นก่อนๆ ภายใต้ตัวเครื่องที่เบา 2.4 กิโลกรัม และบางเฉียบเพียง 19.9 มิลลิเมตร เรียกได้ว่าแรงสุด แต่รูปลักษณ์ก็เพียวบางสุดจริงๆ อีกทั้งยังได้ Wi-Fi 6 AX Killer + Thunderbolt 4

โดย Acer Predator Triton 500 SE มีหน้าจอขนาดใหญ่ 16″ มีขอบจอที่บางเฉียบ ผนวกกับหน้าจอ IPS เกรดสูง ความละเอียด QHD 2K 2560 x 1600 และอัตรารีเฟรชเรทที่สูงถึง 240Hz / G-Sync สเปกอื่นๆ ได้แรมขนาด 32GB และ SSD ความจุ 2TB ที่จัดได้สำคัญในการมอบประสบการณ์ใหม่ๆในการเล่นเกมแบบเต็มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานได้อย่างแน่นอน ในส่วนของดีไซน์ภายนอกก็ดูเรียบหรู วัสดุเป็นอะลูมิเนียม คาดการณ์ราคา 1xx,xxx บาท เครื่องขายจริงต้องได้ประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้านแน่นอน

NBS Verdict

สรุปรีวิวของ Acer Predator Triton 500 SE เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 16″ สัดส่วน 16:10 ความละเอียด 2K QHD พาเนล IPS คุณภาพสูงสีตรง รองรับ 240Hz + G-Sync เครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่น  บางเบา ตัวเครื่องเล็กกระทัดรัด ทั้งทำงานมืออาชีพและเล่นเกมระดับ eSports ตอบโจทย์ได้ลงตัว ถ้าให้ซื้อ Gaming Notebook บางเบาแต่แรงที่สุด รุ่นนี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง ได้ประสบการณ์ใช้งานระดับ Desktop ตัวเทพ ที่สามารถพกพาไปใช้งานที่ไหนก็ได้ 

สเปกภายในใช้เป็นชิปประมวลผล Core i9-11900H ซึ่งเป็น Intel Core i Gen 11 H45 ที่เป็นตัวแรงระดับท็อปเกือบสุด ประกอบกับใช้การ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-Q ได้ความแรงและจัดเต็มเรื่องของฟีเจอร์ในการแสดงผลที่สวยงามลื่นไหล ที่เน้นไม่ให้ความร้อนสูงเกินไป โดยได้การ์ดจอที่สามารถ Overclock ได้มาแทน เทียบราคาต่อสเปกอาจจะดูสูง แต่ประสิทธิภาพ ฟีเจอร์ การออกแบบนั้น ได้ประสบการณ์ที่ดีแน่นอน อย่างที่หาได้ยากใน Gaming Notebook รุ่นทั่วไปในตลาด

เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Gaming Notebook โดนใจเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงๆ เบาๆ ซักเครื่อง สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย ซึ่งจะได้ฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ที่รุ่นคุ้มค่าให้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์พรีเมียมหรูหรา ทำงานดีเล่นเกมได้ รวมไปถึงมีการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้ง Thunderbolt 4 x 2 / HDMI 2.1 ที่ต่อหน้าจอ 4K UHD @ 120Hz ได้ รวมไปถึงมี SD Card Reader เวอร์ชั่นใหม่ ทำให้โอนถ่ายข้อมูลได้ดีที่สุด

นอกจากนี้ยังได้ในส่วนของแรมขนาด 32GB และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 2TB แบบต่อ Raid มาเลย ทำให้ได้ทั้งความจุที่ใหญ่โตและความเร็วระดับ 12,xxx MB/s ทีเดียว พร้อมด้วยระบบ Intel Killer E3100G Ethernet Controller, Intel Killer Wi-Fi 6 AX1650i และ Control Center 2.0 ช่วยในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่ดีที่สุด ส่วนข้อสังเกตก็จะเป็นเรื่องของความร้อนที่ดูสูงและเสียงที่ดังหน่อย เวลาเปิดโหมด Turbo ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ และแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานที่เกือบ 7 ชั่วโมง น้อยกว่าที่เคลมเอาไว้

ข้อดี Acer Predator Triton 500 SE

• ดีไซน์การออกแบบแบบใหม่แนวเรียบหรู ถูกใจเกมเมอร์หรือ Creator งานประกอบแน่นวัสดุดี 
• ตัวเครื่องบางเฉียบ เล็กกระชับกว่าเดิม โดยมีน้ำหนักเพียง 2.4 กิโลกรัม บาง 19.9 มิลลิเมตร
• สเปคสูงด้วย Intel Core i9-11900H และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-Q
• สเปกอื่นๆ ได้แรมมาขนาด 32GB DDR4 Bus 3200MHz ใช้งานได้ทันทีไม่ต้องอัพเกรด
• ที่เก็บข้อมูล SSD แบบ M.2 NVMe PCIe ความจุ 2TB ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงมาก
• สามารถเร่งความแรง Overclock ด้วยปุ่ม Turbo เพียงปุ่มเดียว ใช้งานง่ายมาก
• หน้าจอขนาดใหญ่ 16″ QHD พาเนล IPS คุณภาพสูง Refresh Rate 240Hz / 3ms / G-Sync
• อีกทั้งยังมาพร้อมพอร์ตความเร็วสูง Thunderbolt 4 x 2 รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย
• พอร์ตเชื่อมต่ออื่นๆ ก็ครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB-A / HDMI 2.1 / LAN / SD Card Reader
• ลำโพงคุณภาพดี ระบบเสียง DTS:X Ultra ใช้งานได้ดีเยียม สามารถจำลองเสียง 3 มิติได้
• LAN  RJ45 รองรับ Intel E3100 Ethernet Controller ช่วยลด Ping เวลาเล่นเกมออนไลน์
• เชื่อมต่อไร้สายด้วย Intel Killer Wi-Fi 6 AX1650i พร้อม Control Center 2.0 ที่ช่วยปรับแต่ง
• คีย์บอร์ดสัมผัสดี ปรับเปลี่ยนสีไฟได้แบบ RGB 3 โซนโดยมี Hotkey ใช้ได้จริง
• มี Fingerprint เพื่อเข้าใช้งานสแกนลายนิ้วได้รวดเร็วสะดวกและปลอดภัย
• ความคุมความร้อนได้เป็นอย่างดีเยี่ยม เมื่อเทียบความแรงและประสิทธิภาพที่ได้
• ซอฟต์แวร์ Acer Care Center และ Predator Sense ใช้งานได้ง่ายและดีจริง
• ประกัน 3 ปี On-site Service หรือซ่อมศูนย์ด่วน 3 ชั่วโมง (เมื่อขายจริงในไทย)

ข้อสังเกต Acer Predator Triton 500 SE

• ราคาค่อนข้างสูง ตามสไตล์ Gaming Notebook ระดับสูง 
• ความร้อนตัวชิปประมวลผลค่อนข้างสูง แต่ไม่มีผลต่อการใช้งาน
• เมื่อเปิดโหมด Turbo เสียงพัดลมจะทำงาน 100% ทำให้ค่อนข้างดังกว่าปกติ
• แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานที่เกือบ 7 ชั่วโมง น้อยกว่าที่เคลมเอาไว้

Specification

Acer Predator Triton 500 SE เครื่องเดโมที่ได้รับมารีวิวใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 11 Tuger Lake H45 ในรุ่น Core i9-11900H ทำงานที่ความเร็ว 2.50 – 4.90 GHz แบบ 8 คอร์ 16 เธร์ด ซึ่งให้ความแรงและ Core การทำงานที่มากกว่า i7-11800H พร้อมกันนั้นยังมี AI ช่วยในการทำงานบางโปรแกรมได้ลื่นไหลยิ่งกว่า โดยมีการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่อย่าง Intel UHD Graphics Xe 750 32EUs  ทำงานร่วมกับการ์ดจอระดับสูงรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-Q (8GB GDDR6) เป็นตัวแรงที่สุดในฝั่งของ Gaming Notebook แต่ก็เป็นรุ่นที่ปลดปล่อยพลังงานต่ำด้วย 

แรมมาตรฐานเป็น DDR4 Bus 3200MHz ขนาด 32GB พร้อม SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 2TB มีหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 2560 x 1600 พิกเซล Quad HD สัดส่วน 16:10 พาเนล IPS คุณภาพสูง แบบด้าน Refresh Rate 240Hz / 3ms / G-Sync ส่งผลให้เราได้พบประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยม ใครจะเอาไปทำงานหรือเล่นเกมอันนี้ไม่ว่ากัน ได้ Windows 10 Home ซึ่งจากสเปกนี้ทำให้รองรับการเล่นเกมในปัจจุบันลื่นๆ ได้ทุกเกมแน่นอน ลำโพงของตัวเครื่องใช้เป็นแบบสเตอริโอ

โดยมีระบบเสียง DTS:X Ultra พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมและมีไมค์ดิจิตอลแบบคู่ในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง Thunderbolt 4, USB 3.2 Type-A และ LAN RJ45 Killer Ethernet E3100 และ Wi-Fi มาตรฐาน Killer Wi-Fi 6 AX1650G (Powered by Intel) โดยควบคุมผ่านทาง Control Center 2.0 คาดว่าเมื่อขายในไทยแล้วจะได้ประกันแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน รวมไปถึงมีเครื่องสำรองไปใช้งานถ้าซ่อมนานกว่า 3 ชั่วโมง ในราคา 1xx,xxx บาท

Acer Predator Triton 500 SE ราคาคาดการณ์เมื่อจำหน่ายในไทย 1xx,xxx บาท

• CPU : Intel Core i9-11900H (8C/16T : 2.50 – 4.90GHz)
• GPU : UHD Graphics + GeForce RTX 3080 Max-Q
• RAM : 32GB DDR4 3200 MHz 
• DISPLAY: 16″ IPS QHD (2560 x 1600) @ 240Hz 
• STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 2TB
• OS : Windows 10 Home
• Warranty : 3 Years On-site Service

Hardware / Design

สำหรับ Acer Predator Triton 500 SE เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 16″ โดยใช้พื้นฐานเดียวกันมาจาก Acer Predator Triton 300 SE รุ่นเล็กกว่าหน้าจอ 14″ โดยถือว่าเป็น Gaming Notebook มาตรฐานใหม่ที่มีความเบาบาง ขอบจอบางที่ได้ความแรงไม่แพง Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ แบบแต่ก่อน โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวก ด้วยน้ำหนักเพียง 2.4 กิโลกรัม บางที่ 19.9 มิลลิเมตร ทำให้พกพาหยิบใส่กระเป๋าแบบสบายๆ การออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลังด้วยวัสดุอะลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง

ดีไซน์การออกแบบมาพร้อมภาพลักษณ์ที่ได้ความสดใหม่ ตัวเครื่องนั้นเป็นทรงแบบเหลี่ยมมุมตลอดทั้งตัวเครื่อง ซึ่งดูแล้วมีความสมมาตรลงตัว มาพร้อมกับวัสดุผสมระหว่างอะลูมิเนียมและแมกนีเซียม มาในโทนสีเทาด้านตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมกันนั้นพื้นผิวเรียบจากการใช้วิธีพ่นทราย ซึ่งจะทำได้ละเอียดกว่าการขัดปกติ ผิวชิ้นงานเนียน และช่วยให้สีติดที่เนื้อวัสดุได้อย่างดีที่สุด แถมยังมีความทนทานด้วย โดยการใช้งานจริงนับว่าให้สัมผัสที่เยี่ยมยอด แตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไปแบบรู้สึกได้ในครั้งแรก

ฝาหลังจะมีโลโก้ Predator สี่เหลี่ยมที่มุมขวาบนของฝาหลัง โดยต่างจากรุ่นก่อนชัดเจนที่เป็นโลโก้ขนาดใหญ่ ส่วนขอบด้านหน้าจะมีการว้าวเว้นเอาไว้ให้เปิดฝาได้ง่าย ตรงขอบก็จะมีการตัดมุมไว้ให้ดูสวยงามและโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป สำหรับด้านฐานล่างตัวเครื่องรุ่นนี้เป็นอะลูมิเนียมเรียบๆ พร้อมมียางรองขนาดเล็กทั้งหมด 4 จุด ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ส่วนงานประกอบก็เนียบเหมือนเดิม เรื่องนี้ไว้ใจทาง Acer เค้าได้เลย

ส่วนปุ่มเปิดปิดเครื่อง Acer Predator Triton 500 SE ถูกติดตั้งไว้มุมขวาบนสุดเรียบเนียนไปกับแป้นคีย์บอร์ด พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน ส่วนตรงกลางเหนือคีย์บอร์ดมีการติดตั้งช่องลมโปร่งขนาดใหญ่เพื่อให้ช่วยดูดลมเย็นระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม ซึ่งตรงบริเวณนี้ตรงขอบบนมุมขวาจะเป็นโลโก้ลำโพงของ DTS ส่วนมุมขวาล่างจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่เน้นย้ำเรื่องของฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ จอใหญ่ 16″ 16:10 ขอบจอบางเฉียบ, พัดลม AeroBlade Gen 5, Keyboard RGB, SSD M.2 ต่อ Raid, พอร์ต HDMI 2.1

Acer Predator Triton 500 SE ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วยพัดลมแบบพิเศษ AeroBlade 3D Gen 5 และ Vortex Flow 5 ใช้พัดลม 3 ตัว ตัวละ 89 ครีบ ใบพัดบางเฉียบขนาด 0.08 มิลลิเมตร ออกแบบพิเศษได้รับแรงบันดาลใจจากกลไกการบินที่เงียบสนิทและทรงพลังของนกฮูก ปลายใบพัดลมของเราจึงมีรอยหยักเพื่อให้อากาศผ่านได้มากขึ้น เพื่อปรับทิศทางการไหลเวียนของอากาศตามที่ต้องการและเพิ่มความเสถียรให้กับพัดลมที่ความเร็วสูง ซึ่งช่วยลดความแปรปรวนของอากาศและเสียงรบกวน

ซึ่งมีช่องระบายอากาศถึง 4 จุด อยู่ทางด้านหลังและด้านข้างของตัวเครื่อง เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผล (พัดลม 1 ตัว) และการ์ดจอ (พัดลม 2 ตัว) ด้วย Heat Pipes รวมกันถึง 4 เส้น ที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม ได้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นงานแบบไหนก็ตาม

โดดเด่นด้วยปุ่มกดที่เร่งประสิทธิภาพของ Acer Predator Triton 500 SE อย่าง Turbo ซึ่งอยู่เหนือแป้นคีย์บอร์ดทางซ้าย เพียงการกดครั้งเดียว ตัวเครื่องจะเร่งรอบพัดลมอัตโนมัติให้แรงที่สุดทั้ง 3 ตัว เพื่อให้ชิปประมวลผลทำได้เต็มที่ 100% ส่วนการ์ดจอก็จะมีการเร่งความแรงไปอีกให้เกิน 100% ด้วยการ Overclock

เรียกได้ในการเล่นเกมเพื่อให้ลื่นไหลที่สุด ในการจัดการความร้อนที่ดีที่สุด เราสามารถทำได้ง่ายมากเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น แต่ก็อย่าลืมว่ากดแล้วพัดลมก็จะดังที่สุดเช่นเดียวกัน คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันได้ (แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็จะมีความเงียบมากๆ แทบไม่ได้ยินเสียงว่าพัดลมทำงานรอบต่ำเลยทีเดียว)

ที่สำคัญนอกจากตัวเครื่องที่บางเบากว่า Gaming Notebook ทั่วไปก็คือ หน้าจอมีขอบจอที่บางเฉียบมากๆส่งผลให้ตลอดทั้งตัวเครื่องมีมิติตัวเครื่องที่เล็กลง เรียกได้ว่าเทียบเคียงกับ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ระดับสูงรุ่นก่อนๆ  ซึ่งโดยรวมแล้ว Acer Predator Triton 500 SE ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบาประสิทธิภาพสูง ช่วงงบประมาณ 8x,xxx บาท ก็ว่าได้เลย ที่แม้ราคาดูสูงแต่จัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ได้

Keyboard / Touchpad

คีย์บอร์ดของ Acer Predator Triton 500 SE ถือว่าเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 16″ ที่ขอบบาง เพราะมีการตัดชุด Numpad ด้านขวาออกไป แม้ว่าหลายคนอาจจะไม่ถูกใจนัก ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจว่าถ้ามีมันจะแน่นเกินไป ดูใช้งานไม่ได้จริงแถมยังไม่สวยงาม ทำให้ทาง Acer ตัดสินใจเลือกที่จะเน้นใช้งานแป้นคีย์บอร์ดหลักด้วยการไว้ตรงกึ่งกลางตัวเครื่องแทน 

โดยมีปุ่มที่ใหญ่และช่องว่างที่พอดี ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน นอกจากนี้บริเวณด้านขวายังมีการทำปุ่ม Hotkey พิเศษ เรียกซอฟต์แวร์ PredatorSense ขึ้นมาได้ รวมไปถึงมีปุ่มปรับระดับเสียง ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยปุ่ม WASD, PredatorSense และปุ่มทิศทางที่จะมีขอบที่โปร่งแสงแบบพิเศษ

ที่สำคัญไฟ LED ก็เป็นแบบ RGB แบบ 3 โซน เราสามารถตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ ผ่านทางซอฟต์แวร์ PredatorSense หรือจะปรับเป็นสีเดียวนิ่งๆ ก็ทำได้ ส่วนในการใช้งาน Turbo เราก็สามารถกดปุ่มได้เลย โดยเมื่อกดแล้วเราจะเห็นว่ามีไฟสีฟ้าสว่างขึ้นที่ปุ่ม พร้อมกับรอบพัดลมที่ดังขึ้น และตัวซอฟต์แวร์เองก็จะแสดงสถานะการทำงานของการ Overclock การ์ดจอด้วย แต่มีเงื่อนไขก็คือ จำเป็นต้องต่ออแดปเตอร์ด้วย ไม่อย่างงั้นจะไม่สามารถใช้โหมด Turbo ได้ 

ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นพิเศษ โดยดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด พร้อมพื้นผิวที่เรียบลื่นซึ่งช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อการใช้งานได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น รองรับ Multi Gesture ร่วมกับ Windows 10 Home ได้ลื่นไหล ใช้งานได้สะดวกหลากหลาย โดยการควบคุมมีการตอบสนองได้ดี เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้เล่นเกมในส่วนของทัชแพดก็สามรถทำงานได้อย่างเยี่ยมยอด พร้อมกันนั้นยังมี Fingerprint เพื่อเข้าใช้งานสแกนลายนิ้วได้รวดเร็วสะดวกและปลอดภัยด้วย 

Screen / Speaker

Acer Predator Triton 500 SE มีหน้าจอแสดงผลขนาด 16″ พื้นผิวแบบด้าน สัดส่วน 16:10 ให้พื้นที่การแสดงผลที่มากกว่า 16:9 ทั่วไป บนความละเอียดเป็น 2K Quad HD (2560 x 1600 พิกเซล) รองรับ Refreash Rate ที่ 240Hz / 3ms  ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ กว่าที่ตาเราเห็น อีกทั้งตัวภาพเองยังเนียนตาไม่ฉีกขาด จากการที่ได้เทคโนโลยี NVIDIA G-Sync ติดตั้งเข้ามา โดยรองรับตั้งแต่การใช้งานทั่วไป รวมไปถึงเล่นเกมที่ต้อเคลื่อนไหลรวดเร็ว เพราะหน้าจอปกตินั้นจะแสดงได้สูงสุด 60Hz เท่านั้น (แต่เกมเองก็ต้องสามารถทำเฟรมเรทได้ด้วย) 

พร้อมใช้พาเนล IPS คุณภาพสูง ที่ความสว่างสูงสุด 500 Nit โดดเด่นในของเรื่องมุมภาพที่กว้างแบบสีสันไม่เพี้ยน  เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเล่นเกม แบบ eSports หรือทำงานมืออาชีพก็ยอดเยี่ยม ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 180 องศา พร้อมขอบหน้าจอที่บางเฉียบทั้ง 4 ด้าน ที่กว่า 87% ของชิ้นส่วนหน้าจอ เป็นพื้นที่แสดงผล แต่ก็ยังสามารถติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนแบบคู่ไว้ด้านบนได้ 

การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอเป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS คุณภาพสูง เราใช้เครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 91% Adobe RGB 72% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีมากๆ สูงเกือบ 100% ทีเดียว ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 500 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คทั่วไป คือ พอสู้แสงกลางแจ้งได้ รวมไปถึงการทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน

ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากหลายช่องดูว่าช่องไหนจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางหน้าจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ที่สุด แต่สำหรับช่องแถวกลางบนและมุมขวาล่างของจอเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงระดับ 8% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ พร้อมกันนั้นค่าคลาดสี Delta E เฉลี่ยแล้วก็ต่ำกว่า 2 อีกด้วย ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว 

ระบบเสียง Acer Predator Triton 500 SE ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงแบบสเตอริโอติดตั้งอยู่มุมหน้าด้านล่างของตัวเครื่อง โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง DTS:X Ultra ระบบเสียงที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งเล่นเกมหรือทำงานทั่วไป ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน พร้อมจำลองเสียง 3 มิติ สนับสนุน VR เต็มรูปแบบใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ

Connector / Thin And Weight

Acer Predator Triton 500 SE จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 16″ ซึ่งมีขนาดบางเบาและเล็กกว่า 17.3″ แต่ก็ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.2 Type-A, 2 x Thunderbolt 4 x 2 ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด, 1 x HDMI 2.1 ที่รองรับ 4K UHD @ 120Hz, , RJ45 (E3100 Ethernet Controller) รวมไปถึงมี SD Card Reader เวอร์ชั่นใหม่ที่โอนถ่ายข้อมูลได้ไวที่สุด และ Mic-in/Headphone-out อย่างไรก็ตามพอร์ตการเชื่อมต่ออาจจะชิดกันไปหน่อย เวลาเชื่อมต่อพร้อมๆ กันอาจจะติดกันได้ ส่วนนี้ก็ต้องระวังกันเล็กน้อย 

มี Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 AX อย่าง AX1650i ระบบเน็ตเวิร์คสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะลดกาารกระตุกช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นๆ ลดค่าปิงต่ำได้เป็นอย่างดี ทำงานผ่านทาง Killer Control Center 2.0 อีกทั้งยังมีคุณสมบัติต่อจอทำงานหลากหลายจอแบบรอบทิศทาง จากทั้ง Thunderbolt 4, HDMI ส่วนของการพกพา ก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยน้ำหนัก 2.4 กิโลกรัม เหนือมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่สำคัญอแดปเตอร์มีขนาดที่เล็กและเบา ซึ่งจ่ายไฟอยู่ที่ 240W โดยรวมพอจะพกพาไปไหนมาไหนได้อยู่

Inside / Upgrade

การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของตัวเครื่องสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตไม่กี่ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ เห็นได้ชัดมีงานประกอบเรียบร้อยมากๆ และตั้งใจไม่ให้เราแกะงัดเพื่อถอดแรมหรือ SSD ได้ง่าย ด้วยการปิดด้วยแผ่นสีเงินตลอดทั้งฮีท์ไปป์ขนาดใหญ่ 4 เส้น ซึ่งในการรีวิวครั้งนี้ไม่ได้ทำการถอดหรือแกะออกมาแต่อย่างใด เพราะอาจจะเสียหายได้ และในอนาคตก็แนะนำว่าแกะมาเพื่อทำความสะอาดก็เพียงพอแล้ว 

อย่างไรก็ตาม จากสเปกและข้อมูลก็ทำให้เรารู้ถึงการติดตั้งแรมที่ใส่มาแล้ว 16GB จำนวน 2 แถวแซึ่งรวมเป็น 32GB ทำงานแบบ Dual Channel แน่นอนว่าการอัพเกรดจำเป็นถอดของเดิมออกก่อน รวมไปถึงยังมีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe แบบ 1TB จำนวน  2 ตัว ต่อ Raid 0 เพื่อประสิทธิภาพ ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปเหลือเฟือมากๆ สุดทางจัดเต็มจริงๆ ในทุกๆ การเล่นเกมหรือทำงาน

Performance / Software

สำหรับ Acer Predator Triton 500 SE มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมของ Gaming Notebook อย่าง Intel Core i Gen 11 Tiger Lake H45 อย่าง Core i9-11900H เน้นนำไปใช้งานหนักๆ มากกว่ารุ่น Core i7-11800H ที่ใช้กันในหลายแบรนด์ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม 3 มิติ ที่กินทรัพยากรสูง โดยมีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.50 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.90 GHz เป็นซีพียูแบบ 8 Core 16 Threads มาพร้อมแรมภายในขนาด 32GB DDR4 Bus 3200 MHz แบบ 16GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ที่มีมาให้ใช้งานลื่นไหลทันทีแบบสบายๆ

.       

การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics Xe 750 32EUs  ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง ด้วยความเร็ว 350 – 1450 (Boost) MHz อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้น แต่ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ QuickSync ทำให้รองรับการแสดงผลระดับ 4K ได้อย่างลื่นไหล

อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3080 (16GB GDDR6) สถาปัตยกรรม Ampere โดยเป็น RTX เจนที่ 2 ที่ต้องบอกว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง GeForce RTX 2080 Super (8GB GDDR6) แน่นอน ซึ่งไม่ใช่แค่แรงแต่ยังร้อนน้อยกว่า เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook ทุกประเภท

ทั้งตัวหนาหนักและบางเบา รองรับ Ray Tracing ช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงแสงเงาให้แม้แต่เกมระดับ AAA ก็ยังสามารถปรับกราฟิกได้ถึง Ultra ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว

.  

สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / CINEBENCH 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงมากๆ อย่างน่าประทับใจสมกับเป็นรุ่นระดับบน เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD Ryze / Intel Core รุ่นก่อนๆ ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยก RTX 3080 Max-Q เองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบนสุด ที่เน้นการทำงาน 3D เป็นหลัก

.  

ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยใช้เป็นแบรนด์ Intel ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 2TB แบบ M.2 NVMe PCIe แบบต่อ Raid เพื่อความเร็ว ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 12,2257 MB/s และเขียนที่ 10,208 MB/s ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนๆ แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐาน SATA 3 แบบเดิมๆ แล้ว

 

การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 6,731 คะแนน  ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมชิปประมวลผล Core i9-11900H มีการ์ดจอแยกอย่าง GeForce RTX 3080 Max-Q แต่ถ้าเทียบจริงๆ จะเห็นถึงคะแนนที่สูงกว่า Gaming Notebook ในสเปกที่ใกล้เคียงกันพอสมควรทีเดียว

สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมจากการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark จากทาง Futuremark ที่พัฒนาและคิดค้นจากบริษัท AMD, Intel, Microsoft, NVIDIA ในส่วนของ Time Spy ทำออกมาน่าสนใจมากๆ ด้วยคะแนนรวม 8,629 ซึ่งจัดว่าเป็นคะแนนระดับสูง สมกับสเปกใหม่ล่าสุด เน้นเรื่อง DirectX 12 เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อมาเสริมข้อบกพร่องทางด้านการทำงานต่างๆ ของการ์ดจอเป็นหลัก ซึ่งผลทดสอบนั้นจะดูว่าแต่ละการ์ดจอนั้นสามารถทำงานเข้ากับ DirectX 12 ได้ดีขนาดไหน

คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i9-11900H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-Q ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 32GB DDR4 Bus 3200MHz รวมไปถึง SSD NVMe PCIe ความเร็วสูงก็ส่งผลช่วยด้วย

ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Resident Evil 3 / Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดย Battlefield V เปิด DX12 แต่เลือกปิด DLSS / Ray Tracing ที่แม้จะทำให้ภาพสวยแต่ก็กินทรัพยากรเครื่องพอตัวอยู่ เฟรมเรทเฉลี่ยของทั้ง 4 เกม อยู่ที่ระดับ 80 – 110  ทั้งหมดเลย

เกมออนไลน์กินสเปกเบาๆ หน่อยอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 2560 x 1600 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน  ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 130 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แต่ถ้าเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นอื่นที่สเปกใกล้เคียงกัน

ที่สำคัญด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบที่สนับสนุนการแสดงผล Refresh Rate ที่ 240Hz / 3ms ประกอบกับ G-Sync ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ โดยไม่มีอาการฉีกขาด เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหน่อย แนะนำว่าให้ลดค่ากราฟิกลงมา ถ้าอยากให้วิ่ง 120 Hz ขึ้นไปเพื่อเพิ่มความลื่นไหล หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่ 

ที่น่าสนใจส่วนอื่นๆ ก็จะเป็นเรื่องซอฟต์แวร์ Control Center 2.0 ที่ทำงานร่วมกับ Intel Killer E3100G Ethernet Controller, Intel Killer Wi-Fi 6 AX1650i ที่มีคุณสมบัติจัดมาให้กับเหล่าเกมเมอร์โดยเฉพาะ ด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น GameFast Technology และ Intelligence Engine สามารถปรับแต่งด้วยตัวเองหรือจะเลือกตั้งค่าแบบอัตโนมัติก็ได้เช่นกัน

บนโหมด Extreme Game เพื่อเลือกทราฟฟิก ในการจัดสรรช่องทางการทำงานหรือเล่นเกมตามต้องการ ลดปัญหาความหนาแน่นของแบนด์วิทธิ์ได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการดูดแบนด์วิทธิ์จากบรรดาสมาชิกในบ้าน เวลาที่เลือกชมหรือสตรีมมิ่งวีดีโอระดับ 4K บนบริการต่างๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเล่นเกมอีกด้วย

มาพร้อมกับซอฟแวร์ยูทิลิตี้ PredatorSense จัดเต็มที่ทำให้เราสามารถปรับค่าต่างๆ ในตัวเครื่องได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าไฟคีย์บอร์ด RGB, ไฟพัดลม, เร่งรอบพัดลมได้เมื่อต้องใช้งานหนักๆ รวมไปถึงเรายังสามารถ Overclock การ์ดจอ เพื่อเร่งประสิทธิภาพให้แรงยิ่งขึ้นไปอีกได้ และสุดท้ายกับการดูสถานะการทำงานของตัวเครื่องก็มีทั้ง อุณหภูมิ รอบพัดลม กันแบบเวลาจริงเลยล่ะ เรียกได้ว่า Acer ใส่ใจใน Predator Sense เพื่อให้เราใช้งานได้งานและใช้งานได้จริงทีเดียว

นอกจากนี้ก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (เปิดเครื่องมาเจอเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย

Battery / Heat / Noise

บตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติของโน๊ตบุ๊คยุคนี้ความจุ 4500mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับต่ำ พร้อมปรับเป็น Power Saver Mode แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube พร้อมเปิดโปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวเกือบ 7 ชั่วโมงโดยประมาณ เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียวกับการที่ Gaming Notebook จอ 16″ ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานระดับนี้ รวมไปถึงพอร์ต Thunderbolt 4 เองก็รองรับการชาร์จไฟกลับผ่านทางมาตรฐาน USB-PD 

ส่วนเรื่องอุณหภูมิในการใช้งานนั้น ในส่วนของ Hardware Monitor รองรับสเปกใหม่ Intel Core i Gen 11 Tiger Lake H45 แล้ว ทำให้สามารถตรวจสอบได้ถึงข้อมูลของ CPU / GPU ทันที เมื่อใช้งานแบบปกติชิปประมวลผลจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซีย ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ ต่อเนื่องยาวนานหลายชั่วโมง 

ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องสำหรับซีพียู อยู่ที่ไม่เกิน 100 องศาเซลเซียส ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างสูง ถ้าเทียบความแรงที่ได้ ส่วนที่เป็นการ์ดจอจะอยู่ที่ 76 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่ามีความเย็นมากๆ จากกที่เป็นการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล Max-Q ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Turbo + Overclock พร้อมเพิ่มรอบพัดลมเป็น 5,000 รอบต่อวินาที จากการที่มีพัดลม 3 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง

Conclusion / Award

Gaming Notebook น้ำหนักเบาถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เกมเมอร์หลายคนต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ แต่ละรุ่นมักจะมีน้ำหนักที่เยอะ พกพาลำบาก เวลาใส่กระเป๋าแบกไปไหนมาไหนปวดหลังปวดไหล่กันสุดๆ แต่ว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน กับ Acer Predator Triton 500 SE เพราะเป็นโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์สำหรับการเล่นเกมเน้นความบางเบา โดยมีหน้าจอ 16″  กับน้ำหนักแค่ 2.4 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งยังมีความบางตัวเครื่องเพียง 19.9 มิลลิเมตร

ที่มีประสิทธิภาพที่แรงแบบเหนือชั้น คือน้ำหนักเบาเท่ากับรุ่นหน้าจอ 15.6″ แบบก่อนๆ เลย แถมได้สเปคสุดแรง Intel Core i Gen 11 Tiger Lake H45 อย่างชิปประมวลผล i9-11900H รุ่นล่าสุด ซึ่งประสิทธิภาพสูงและมีความสเฟียร พร้อมผสานการทำงานกับ NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-Q ซึ่งเป็นการ์ดจอแยกตัวแรงสุดในตลาด Gaming Notebook ดีไซน์บางเบา อีกทั้งได้ความสวยงามตามสไตล์ดีไซน์ Predator ที่ได้ทั้งความบางเบา ประสิทธิภาพระดับสูงสุด และความพรีเมียมในเครื่องเดียว

ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่หมด บอดี้เป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีเทา แตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ เรียกได้ว่าดีไซน์โดยรวมต่อยอดมาจากรุ่นเดิมนั่นเอง โดย Acer Predator Triton 500 SE จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 16″ สัดส่วน 16:10 ความละเอียด 2K QHD พาเนล IPS ที่ sRGB 91% รองรับที่ 240 Hz/3ms/G-Sync คีย์บอร์ดเล่นเกมได้ไฟ RGB แบบ 3 โซน ที่ตัด Numpad ออกไป แต่ก็ใช้งานสะดวกดี ลำโพงระบบเสียงจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีอย่าง DTS:X Ultra ที่ล้ำหน้ากว่าด้วยการจำลองเสียง 3 มิติ 

การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบพัดลมพิเศษ AeroBlade Gen 5 ที่มีพัดลม 3 ตัว ฮีทไปป์ 4 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 พร้อมช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่และระบบ Turbo ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน ขณะเครื่องทำงานหนัก 100% ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 32GB DDR4 Bus 3200 MHz ความจุ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 2TB ตัวแรงระดับ 12,xxx MB/s นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 Home พร้อมใช้งานอีกด้วย ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง Thunderbolt 4 x 2, USB 3.2 Type-A x 2, RJ45, HDMI, SD Card Reader, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน

Award

โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 16 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Predator Triton 500 SE ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้

Best Multimedia

จัดว่าเป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย เพื่อการเล่นเกมและการทพงานมืออาชีพสาย Content Creator อาทิเช่น หน้าจอขนาด 16″ 16:10 ความละเอียด 2K QHD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate 240Hz/3ms/G-Sync, DTS:X Ultra, Killer Network, Thunderbolt 4 รวมไปถึงซอฟต์แวร์ PredatorSense ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง และอื่นๆ อีกมากมาย สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสำหรับคนงบเยอะ ต้องการอะไรที่ครบที่สุด ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก

 

Best Performance

ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i9-11900H ประสิทธิภาพแรงเป็นรอง Core i9-11980HK เท่านั้น พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนสุดๆ อย่าง NVIDIA GeForce RTX 3080 Max-Q ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Gaming Desktop ระดับท็อปแล้ว มีที่เก็บข้อมูลติดตั้ง SSD แบบ M.2 NVMe ที่ 2TB ความเร็วสูงมาก ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 32GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ให้ประสบการณ์ใช้งานได้เยี่ยมยอดที่สุด ไม่ว่าจะความบันเทิงหรือทำงานก็ตาม

Best Mobility

ส่วนของความสามารถในการพกพาอยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 2.4 กิโลกรัม กับขนาดหน้าจอ 16″ บาง 19.1 มิลลิเมตร ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 3 กิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ อย่างไรก็ตามแบตเตอรี่อาจจะใช้งานได้น้อยไปหน่อย แต่ก็แก้ไขด้วยการพกพาอแดปเตอร์ไปด้วยนั่นเอง

Best Design

เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer Predator Triton Series มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนในรุ่นนี้ ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้สีเทาให้ความพรีเมียมแตกต่าง รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ดแบบ RGB 3 โซน ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ eSports ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน รวมไปถึงคนทำงานระดับมืออาชีพสายกราฟิกอีกด้วย