MSI Stealth 15m เป็น Gaming Notebook สายบางเบาแต่แรงลื่ในปี 2021 ได้ทั้งสเปกที่ใหม่ล่าสุดและดีไซน์เฉียบล้ำ โดยเปิดตัวครั้งแรกพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7 Gen 11 “Tiger Lake H35” สถาปัตยกรรมขนาด 10nm SuperFin อย่าง Core i7-11375H โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพขั้นสูงของ Core i Gen 11 ซึ่งมี AI ช่วยประมวลผล และการ์ดจอออนชิปที่ดีที่สุดอย่าง Intel Iris Xe Graphics
พร้อมการ์ดจอแยก Gaming ตัวแรงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q ซึ่งนับว่าเป็น RTX เจนที่ 2 เน้นทั้งประสิทธิภาพและร้อนน้อยกว่า โดยเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6″ พาเนล IPS ที่ 144Hz ที่เน้นความบางเบาหรูหรา ต่อยอดมาจาก MSI GS65 Sealth ด้วยสีสันตัวเครื่อง Carbon Gray ลักษณะเทาด้านตลอดทุกสัดส่วน ตอกย้ำ MSI Stealth 15m ด้วยโลโก้ MSI ที่ฝาหลังเป็นแบบการยิงเลเซอร์ฝังลงไป
ให้ความพรีเมียมเรียบเนียนอย่างที่สุด ได้ความแรงไม่เป็นรอง Gaming Notebook เครื่องหนักๆ หนาๆ โดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่พกพาได้สะดวก ที่รักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.7 กิโลกรัม บางที่ 16.15 มิลลิเมตร พร้อมระบบระบายความร้อน Cooler Boots 5 Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที แน่นอนว่าทำงานร่วมกับ Dragon Center ที่เป็นซอฟต์แวร์ช่วยปรับแต่งด้วย
VDO Review
NBS Verdict
MSI Stealth 15m ตอบโจทย์เกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook น้ำหนักเบา ด้วยตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 1.7 กิโลกรัมเท่านั้น โดยเป็นรุ่นหน้าจอ 15.6″ โดยได้สเปคแรงกว่าเดิมด้วยชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 H45 แม้จะไม่ใช่ H45 รุ่นใหม่ล่าสุด แต่ก็ยังให้ประสิทธิภาพที่แรงลื่นอยู่ เพราะจับคู่กับการ์ดจอใหม่ล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q พร้อมด้วยสเปกอื่นๆ อย่างแรมขนาด 16GB และที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB
อีกทั้งได้มีการร่วมมือกับทาง Intel และ NVIDIA ในการนำเทคโนโลยี “Resizable Bar” มาช่วยในการทำให้ CPU สามารถเข้าถึงและใช้งาน VRAM ของ GPU ได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้ FPS ในการเล่นเกมดีขึ้น 5% – 10% ยกระดับการเล่นเกมให้ไปสู่ยุคใหม่อย่างที่ไม่เคยสัมผัสได้จากที่ไหนมาก่อน โดย MSI Stealth 15m ได้ฟีเจอร์ Gaming จัดเต็มไม่เป็นรองใคร โดยแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานเกือบๆ 8 ชั่วโมงทีเดียว รวมไปถึงพอร์ตการเชื่อมต่อก็ได้ Thunderbolt 4 และ Wi-Fi 6 AX
ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาของ Gaming Notebook จากทาง MSI กันเอง ก็มีความสมเหตุสมผล แม้ว่าอาจจะไม่ใช้ Series ที่จัดเต็มเป็น Gaming ในทุกด้าน แต่เรื่องระบบระบายความร้อนก็หายห่วง ส่วนข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ คงเป็นเรื่องดีไซน์การออกแบบภายนอกที่เหมือนรุ่นก่อน 100% และหน้าจอก็มีค่าขอบเขตสีน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับหน้าจอ IPS ที่เกรดสูงๆ แต่ถ้าเทียบกับประสิทธิภาพต่อราคาแล้วก็ถือว่ายังคงน่าสนใจอยู่ หรือว่าใครอยากจับจองของใหม่เป็น MSI Stealth 15m ก็คงไม่ว่ากัน แต่ราคาก็จะขยับสูงไปกว่านี้ระดับหนึ่ง
เปรียบเทียบกับสเปค ฟีเจอร์ และการออกแบบสไตล์ Gaming Notebook โดนใจเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คแรงๆ เบาๆ ซักเครื่อง สำหรับหลายๆ คนที่มีงบประมาณในการซื้อที่สูงซักหน่อย เพราะเอาเข้าจริงในสเปกที่ใกล้เคียงกันบางรุ่นสามารถทำได้ราคาได้ดีกว่า แต่ก็นั่นแหละ ฟีเจอร์หรือคุณสมบัติต่างๆ ก็คงไม่ครบครันขนาดนี้ หรือจะดูเป็นรุ่นอื่นๆ อย่าง MSI GF66 ที่อาจจะหนักและหนากว่าหน่อย แต่ไม่ได้ฟีเจอร์หลายๆ อย่างก็เป็นอีกตัวเลือกในราคาที่ถูกกว่าก็ได้
เป็นเครื่องเดียวจบครบในตัวเดียว ประสิทธิภาพแรงลื่นไหล ไม่ใช่แค่แรงแต่ในประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมด้วย ทั้งความแรงและบางเบาจบครบในเครื่องเดียว พร้อมจัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ประสบการณ์การใช้งานแบบนี้ได้ต่อยอดความสำเร็จของ MSI ขึ้นไปอีก ที่เป็น Gaming Notebook ดีไซน์บางเบาแต่ประสิทธิภาพสูง เอาว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ ก็สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
ข้อดี MSI Stealth 15m
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจแฟนๆ MSI งานประกอบแน่นวัสดุดีเรียบหรู สี Carbon Gray
- มิติตัวเครื่องกระทัดรัด กับหน้าจอขนาด 15.6″ พกพาสะดวก ซึ่งบางเพียง 16.15 มิลลิเมตร
- เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ มีน้ำหนักตัวเครื่องที่ 1.7 กิโลกรัมเท่านั้น
- สเปคแรงด้วยชิป Core Gen 10 H35 และการ์ดจอ GeForce RTX 3060 Max-Q รุ่นใหม่
- ได้แรมมาขนาด 16GB และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ใช้งานได้ลื่นไหลทันที
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type A และ Thunderbolt 4
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง ให้สนุกยิ่งขึ้น
- เทคโนโลยี “Resizable Bar” มาช่วยให้ CPU + GPU ทำงานได้เต็มที่ยิ่งขึ้น
- มีระบบปฏิบัติการ Windows 10 Homeใช้งานได้ทันที
ข้อสังเกต MSI Stealth 15m
- ค่าขอบเขตสีหน้าจอ sRGB อยู่ในระดับเน้นใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกมเป็นหลัก
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสเปก แต่ได้ความบางเบาและฟีเจอร์อื่นๆ มา
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานน้อยไปหน่อย ที่ 5 – 6 ชั่วโมงเท่านั้น
Specification
MSI Stealth 15m ที่ได้รับมารีวิวเป็นเครื่องขายจริง มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-11375H เป็นสถาปัตยกรรม Tiger Lake H35 เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร SuperFin ความเร็ว 3.30 – 5.00 GHz แบบ 4 Core/ 8 Thread ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Iris Xe Graphics ที่นับว่าดีที่สุด รองรับการแสดงผล ส่วนการ์ดจอแยกจะเป็น NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q (6GB GDDR6) ที่ใช้สถาปัตยกรรม Ampere โดยเป็น RTX เจนที่ 2 โดยเน้นให้มีความร้อนที่น้อยกว่าแต่ทรงพลังในการเล่นเกมที่เต็มประสบการณ์กว่ารุ่นก่อนหน้าในทุกๆ ด้าน
ได้หน้าจอเป็นพาเนล IPS ความละเอียด Full HD ที่รองรับ Refresh Rate ที่สูงถึง 144Hz ทีเดียว สีสดใสมุมมองกว้าง ลื่นไหล สเปกอื่นๆ มีหน่วยความจำแรมขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz และ SSD M.2 NVMe PCIe จัดเต็มที่ 1TB มาพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครันด้วย Wi-Fi 6 AX, Buetooth 5.1 และพอร์ต Thunderbolt 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดีการโอนไฟล์ที่สุดในขณะนี้ รองรับการต่อหน้าจอ 4K / 8K พร้อมชาร์จไฟเข้าเครื่อง ผ่านทางมาตรฐาน USB-PD (Power Delivery)
ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย ไม่ว่าจะเป็น USB 4.0 หรือ Thunderbolt 4 พร้อมรองรับการโอนถ่ายข้อมูล 40Gbps DisplayPort / PD charging ที่สูงสุด 100W ที่ดีกว่า Thunderbolt 3 นอกจากนี้ยังมีพอร์ตอื่นๆ อาทิ 1 x USB 3.2 Type-C, 2 x USB 3.2 Type-A, 1x (4K @ 60Hz) และ HDMI, microSD Card Reader บอกเลยว่าจัดเต็มมากๆ ส่วนช่องหูฟังและไมค์แบบแจ็คทอง 3.5 มิลลิเมตร ส่วนการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ MSI ในไทย
MSI Stealth 15MA 11UEK-084TH ราคา 69,900 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : Intel Core i7-11375H (4C/8T & 3.30 – 5.00GHz)
-
GPU : Intel UHD + NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q (6GB GDDR6)
-
RAM : 16GB DDR4 Bus 3200 MHz (SO-DIM)
-
DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD @ 144Hz
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
-
OS : Windows 10 Home
- Warranty : 2 Years (1 Year for Battery and Adapter)
Hardware / Design
MSI Stealth 15m มีรายละเอียดต่างๆ เรื่องของดีไซน์ที่ผสานระหว่างโน๊ตบุ๊คทำงานบางเบาและ Gaming เพื่อมารองรับประสิทธิภาพที่แรงกว่าเดิม จากการเลือกใช้งานโดยชิปประมวลผลสูงสุดเป็น Core i Gen 11 H35 ที่ใหม่ล่าสุดในตลาด มีประสิทธิภาพสูงกว่า และการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q ซึ่งมีความแรงที่เทียบเท่า RTX 2070 หรือแรงกว่าในบางกรณี ฉะนั้นเรื่องประสิทธิภาพความแรงนั้นทะลุมาตรฐานโน๊ตบุ๊คทั่วไปในอีกระดับทีเดียว
สำหรับดีไซน์ทั้งหมดมีการปรับให้เรียบหรูยิ่งขึ้นไปอีก กับพื้นผิวเรียบๆ พร้อมกับใช้สีสันเทาเข้ม Carbon Gray ตลอดทั้งตัวเครื่อง ที่คาดหลายคนต้องชอบมากกว่าเดิม ตั้งแต่โลโก้ ขอบตัวเครื่อง ทัชแพด แกนบานพับ ช่องระบายความร้อน ซึ่งดูแล้วแตกต่างจาก Gaming Notebook G Series ของทาง MSI รุ่นอื่นชัดเจน ให้กลายเป็นสีเดียวกัน เน้นเรื่องความพรีเมียมเรียบง่าย สมกับฉายา Stealth แน่นอนว่าจะเอาไปเล่นเกมก็ดุดัน จะเอาไปทำงานก็ลงตัวทีเดียว
แป้นคีย์บอร์ดมีขนาดกำลังพอดี ใช้งานกดสะดวกพร้อมไฟคีย์บอร์ดปรับสี RGB แบบโซนเดียวกันผ่านทางซอฟต์แวร์ (เดิมๆ คือสีฟ้า) ที่สำคัญคือให้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปชัดเจนสุดๆ ติดตั้งทัชแพดมีขนาดใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับมิติตัวเครื่อง เป็นลักษณะผืนผ้าออกแนวยาวๆ ดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่องตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดี ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก
การระบายความร้อนตัวเครื่อง เป็นแบบ Cooler Boost 5 ที่มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง เป่าไล่ลมร้อนผ่านชุดระบายที่แยกการระบายความร้อนระหว่างชิปประมวลผลและการ์ดจอ หายห่วงได้เลยในเรื่องของอุณหภูมิ และความทนทานในการใช้งานฮาร์ดแวร์ในระยาวไม่ว่าจะเล่นเกมหนักแค่ไหนก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความร้อนสะสม
ส่วนที่พักมือและเนื้องานรอบแป้นพิมม์ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมแบบสีดำด้านที่สวยงาม อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตอย่างเมื่อเราออกแรงกดลงไปนิดหน่อยจะมีอาการยุบเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการใช้งาน ที่สำคัญไม่พูดไม่ได้เลยกับขอบหน้าจอที่บางลงอย่างเห็นได้ชัดที่ 4.9 มิลลิเมตร ทั้งด้านซ้ายขวาและขอบบน ดูได้จากกล้องเว็บแคมถูกติดตั้งลงไปบนขอบที่บางมากๆ
ด้านฐานล่างตัวเครื่อง MSI Stealth 15m รุ่นนี้เป็นอะลูมิเนียมเรียบๆ ซึ่งดูแล้วเป็นหนึ่งด้วยกับตัวเครื่องกับงานประกอบที่เรียบร้อย พร้อมมียางรองขนาดใหญ่ 2 จุด ช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้น ช่วยส่งมวลลมเย็นถูกดูดเข้าช่องลมขนาดใหญ่ได้มากขึ้นส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ส่วนงานประกอบก็เนียบเหมือนเดิม เรื่องนี้ไว้ใจทาง MSI เค้าได้เลย
เรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในโน๊ตบุ๊คเล่นเกมสายบางเบาช่วงงบประมาณ 6x,xxx บาทก็ว่าได้เลย ที่แม้ราคาดูสูงกว่ารุ่นอื่นๆ ที่สเปกเหมือนๆ กัน แต่จัดเต็มทุกฟีเจอร์จริงๆ อย่างที่ Gaming Notebook ทั่วไปไม่สามารถให้ประสบการณ์การใช้งานแบบนี้ได้ ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร จากการที่เปิดฟีเจอร์ Ultimate Performance พร้อมเพิ่มรอบพัดลมอัตโนมัติ จากการที่มีพัดลม 2 ตัว แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดต้องบอกว่าแตกต่างจาก Gaming Notebook ทั่วไป จากการที่ใช้ไฟ RGB แบบ All Zone ได้แป้นที่ใหญ่พิเศษ โดยพัฒนาและออกแบบมาให้ MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่ไฟ RGB สามารถตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ และยังปรับแต่ง Macrokeys บนคีย์บอร์ดเพื่อใช้ในเกมหรือซอฟแวร์ต่างๆ ผ่าน Dragon Centerได้ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าตัดชุด Numpad ออกไป จากการที่ตัวเครื่องมีมิติที่เล็กลง
ทัชแพดมีขนาดใหญ่ ถ้าเทียบกับรุ่นปีก่อนๆ โดยดูเป็นเนื้อเดียวกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด เข้ากับตัวเครื่องโดยรวม โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดี ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับลงตัว ใช้งานได้สะดวกสำหรับการวางบนตัก หรือเล่นในร้านกาแฟ โดยการควบคุมมีการตอบสนองได้ดี พร้อมรองรับ Multi Gesture ทำงานร่วมกับ Windows 10 Home ได้เป็นอย่างดี
Screen / Speaker
MSI Stealth 15m มีหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6″ ขอบจอบาง รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลกว่าที่ตาเราเห็น เพราะหน้าจอปกตินั้นจะแสดง 60Hz เท่านั้น พร้อมได้เป็นพาเนล IPS คุณภาพดี โดยให้มุมมองที่กว้างซ้ายและขวาเกือบ 180 องศา สีสันก็สดใส เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีทั้งทำงานและเล่นเกม ส่วนบานพับก็แข็งแรงกว่ารุ่นพร้อมกางได้ถึง 180 องศา พร้อมติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบ 720p และไมโครโฟนแบบคู่ไว้ขอบด้านบน
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอ ด้วย Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 60% / AdobeRGB ที่ 45% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันที่ดีตามมาตรฐาน เน้นใช้งานทั่วไปที่ไม่จริงจังเรื่องสีสัน ได้ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรหาหน้าจอแยกคุณภาพสูงมาต่อเพิ่มน่าจะดีกว่า
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องมุมซ้ายบนเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องมุมซ้ายแถวกลางจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ 19% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ส่วน Delta E เฉลี่ยแล้วมีค่าอยู่ที่ 3 + ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ระบบเสียงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงแบบสเตอริโอ โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic 3 ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน สนับสนุน VR และ 3D เต็มรูปแบบใช้เล่นเกมนี่บันเทิงได้เต็มอารมณ์ ยิ่งถ้าต่อหูฟังเสียบผ่าน Audio Boost ยิ่งได้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการที่เป็นแจ๊คแบบชุบทองคำ จะช่วยเพิ่มรายละเอียดของคุณภาพเสียงอีกด้วย พร้อมมีฟีเจอร์ Hi-Res Audio ด้วยชิปเสียงต่างหาก
Connector / Thin And Weight
จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 2 ช่อง, USB 3.2 Type-C จำนวน 1 ช่อง รองรับการเชื่อมต่อ DisplayPort และ Thunderbolt 4 (USB Type-C) จำนวน 1 ช่อง ซึ่งรองรับการใช้งานที่ครบถ้วนทั้งชาร์จไฟและโอนถ่ายข้อมูล, พร้อมด้วย HDMI 2.0 เพื่อเชื่อมต่อหน้าจอภายนอก รวมไปถึงมี micro-SD Card อีกด้วย อย่างไรก็ตามพอร์ตการเชื่อมต่ออาจจะชิดกันไปหน่อย เวลาเชื่อมต่อพร้อมๆ กันอาจจะติดกันได้ แต่ก็เข้าใจได้
เชื่อมต่อไร้สายด้วย Bluetooth 5.1 และ Wi-Fi 6 AX อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ Matrix Display ช่วยให้ต่อจอได้หลากหลายจอแบบรอบทิศทาง จากทั้ง Thunderbolt 4, HDMI 2.0 และ DisplayPort ของ USB 3.2 Type-C ส่วนของการพกพา ก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยน้ำหนัก 1.7 กิโลกรัม ที่สำคัญอแดปเตอร์จ่ายไฟที่ 180 Watt นั้น มีขนาดที่เล็กและเบาลงกว่ารุ่นก่อนๆ เลยทีเดียว รวมๆ กันแล้วหนักเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้ MSI Stealth 15m พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวกสบายแน่นอน
Inside / Upgrade
การแกะอัพเกรดต้องแกะฝาล่างออกทั้งหมด ซึ่งการแกะฝาล่างนั้นไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด เพียงไขน๊อตประมาณ 10 ตัว จากนั้นก็ค่อยแกะออกมาตามขอบทีละส่วนซึ่งต้องใช้ความใจเย็นระมัดระวังมากๆ เพราะถ้าแรงไปสลักอาจจะหักได้ และเมื่อแกะออกมาแล้ว ก็ยังไม่เห็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ภายในทั้งหมด เพราะมีแผ่นพลาสติกบางๆ กั้นเอาไว้อีกชั้นแปะไว้ด้วยกาวเบาๆ อย่างมิชิด ซึ่งก็ต้องแกะออกก่อน แต่จากตรงนี้เราจะเห็นถึงแบตเตอรี่ก้อนใหญ่ และลำโพง 2 ตัวที่อยู่ด้านล่าง พร้อพัดลมระบายความร้อน 3 ตัวที่อยู่ด้านบน
และแม้ว่าจะแกะแผ่นพลาสติกออกแล้วก็ตาม เราก็ยังไม่สามารถเข้าถึงการอัพเกรดในส่วนของแรม เพราะตัวเครื่องได้มีการดีไซน์เมนบอร์ดกลับไปอีกด้าน ส่งผลให้เราจำเป็นต้องไขส่วนของน๊อตบานพับออกพร้อมสายแพรต่างๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ ซึ่งมาถึงตรงนี้ต้องบอกว่า ไม่น่านำให้ทำเองแล้วสำหรับการอัพเกรด เพราะตัวเครื่องอาจจะเกิดความเสียหายได้ ยังไงให้ทางร้านที่เราซื้อมา หรือตัวแทนของ MSI แกะงัดอัพเกรดให้ดีกว่า โดยระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 ใช้พัดลม 2 ตัว ซึ่งมีช่องระบายอากาศถึง 4 จุด อยู่ทางด้านหลังและด้านข้างของตัวเครื่อง
Performance / Software
สำหรับ MSI Stealth 15m ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-11375H ที่แรงกว่า Intel Core i7-1165G7 ด้วยสถาปัตยกรรม Tiger Lake H35 เน้นประสิทธิภาพมากกว่า Tiger Lake-U มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร SuperFin ความเร็ว 3.30 – 5.00 GHz แบบ 4 Core/ 8 Thread ร้อนน้อยกว่า ได้ L3 Cache ที่ 12MB Smart Cache มีค่าอัตราการใช้พลังงานสูงสุด (TDP) ที่ 35W ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่จริงๆ
ส่วนหน่วยความจำแรมได้ขนาด 16GB จำนวน 8GB x 2 แถวแแบบปกติ เป็นมาตรฐาน Bus 3200 MHz รองรับการอัพเกรดเพิ่มได้โดยการถอดแรม 8GB แถวเดิมออกไป แล้วใส่ 16GB แทนที่ ก็จะได้รวมกันเป็น 24GB เป็นต้น แต่จริงๆ รองรับสูงสุดเป็น 32GB x 2 แถว (ซึ่งการอัพเกรดแรมทำได้ค่อนข้างยาก) พร้อมให้ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB ที่ทั้งขนาดใหญ่ได้ความเร็วสูง ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ได้แบบสบายๆ
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Iris Xe Graphics ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K ได้แบบไม่มีปัญหา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มพลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ มองหาความบันเทิง หรือการเล่นเกมเปี่ยมอรรถรส ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกเลยทีเดียว
อีกทั้งยังมีการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q (6GB GDDR6) สถาปัตยกรรม Ampere โดยเป็น RTX เจนที่ 2 ที่ต้องบอกว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เทียบเคียงอย่าง GeForce RTX 2070 (8GB GDDR6) ซึ่งไม่ใช่แค่แรงแต่ยังร้อนน้อยกว่า เน้นใช้งานกับ Gaming Notebook ทุกประเภท ทั้งตัวหนาหนักและบางเบา รองรับ Ray Tracing ช่วยเพิ่มคุณภาพการแสดงแสงเงาให้แม้แต่เกมระดับ AAA ให้ภาพสวยงาม ไหลลื่น สมจริงกว่าที่เคยมีมา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / CINEBENCH 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล Intel Core i7-11375H คะแนนก็อยู่ในระดับสูงน่าประทับใจสมกับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Intel Core i เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล AMD / Intel ก็ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจนทีเดียว รวมไปถึงตัวการ์ดจอแยก RTX 3060 Max-Q เองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ที่กลายเป็นมาตรฐานของ Gaming Notebook ไปแล้ว โดยใช้เป็นเกรดสูงสุด ซึ่งทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าประทับใจมากๆ บนขนาดความจุ 1TB (1000GB) แบบ M.2 NVMe PCIe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ 3391 MB/s และเขียนที่ 3091 MB/s
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 5,834 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็น Gaming Notebook สเปกใหม่ล่าสุดจากชิปประมวลผล Intel Core i7-11375H มีการ์ดจอแยกระดับ Gaming ตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คปีก่อนๆ มากพอตัว
สำหรับคะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 8 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 80 – 140 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ประกอบไปด้วย Resident Evil Village / Resident Evil 3 Remak / Battlefield V / FarCry 5 / GTA V ที่เป็นเกมออฟไลน์ที่กินทรัพยกร รวมไปถึงเกมออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PUBG / DOTA 2 / Overwatch ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย
ทดสอบด้วยเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง RE 8 / RE 3 / BF V / GTA V / FarCry 5 ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด !!! จากกราฟตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าเฟรมเรทที่ออกมานั้นมีความลื่นไหลสุดๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าอยากให้เฟรมเรทลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกปรับกราฟิกระดับกลางๆ ก็ได้ โดยในส่วนของ RE 8 ซึ่งเป็นเกมออกใหม่ล่าสุด เราปรับกราฟิกในเกมเป็น MAX ที่ใช้แรมการ์ดจอไปกว่า 12GB ซึ่งเกินกว่าตัวการ์ดจอที่ 6GB แต่ก็ยังทำเฟรมเรทได้ลื่นไหลน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ต่อกันที่เกมออนไลน์อย่าง PUBG / Overwatch / DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงเลย ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่ ทั้ง 8 เกมที่เราได้ทำการทดสอบไป
MSI DRAGON CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเวอร์ชั่น 2 จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่าได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติ ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยปรับเป็นโหมด Super Battery พร้อมตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับ 10% แล้วดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวประมาณ 5 – 6 ชั่วโมงโดยประมาณ ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกที่ใกล้เคียงกัน แต่ในความเป็นจริงถ้าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่านี้น่าจะดี ก็จะดีมากๆ เพื่อเน้นการพกพาที่ดีกว่า
นอกจากนี้ทางด้านอุณหภูมิก็ทำได้ดี เครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 6 เส้น Cooler Boost 5 เวอร์ชั่นล่าสุด ได้พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้
ทดสอบด้วยโปรแกรม Benchmark และเล่นเกม 3 มิติต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยมเลย โดยชิปประมวลผล Intel Core i7-11375H อยู่ที่ 97 องศาเซลเซียสไม่เกินจากนี้ จัดว่าค่อนข้างสูงทีเดียว แต่ก็สามารถทำงานได้เสถียรภาพที่สูง ซึ่งในส่วนของการ์ดจออย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีมาก ร้อนสุดที่ 66 องศาเซลเซียสเท่านั้น เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ทำหน้าที่ได้เยี่ยมยอดแล้ว แต่เรื่องเสียงพัดลมดังเวลาเร่งสุดๆ ก็ยอมรับเลยว่าดังเอาเรื่องอยู่ แต่ก็ช่วยระบายความร้อนได้จริงๆ
Conclusion / Award
Gaming Notebook น้ำหนักเบาพกพาสะดวก ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เกมเมอร์หลายคนรวมไปถึงคนใช้งานทำงานที่อยากจะเล่นเกมบ้างในบางเวลาต้องการจับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมแรงๆ แต่ละรุ่นมักจะมีน้ำหนักที่เยอะ พกพาลำบาก แต่ว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ MSI Stealth 15m แน่นอน เพราะด้วยตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 1.7 กิโลกรัมเท่านั้น บางเพียง 16.15 มิลลิเมตร ดีไซน์ตัวเครื่องออกแบบมาใหม่ วัสดุเป็นอลูมิเนียมอัลลอยสีเทาโดดเด่นด้วย Carbon Gray ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นก่อนหน้านี้ที่จะเป็นสีดำเป็นหลัก
ได้สเปคสุดแรง Intel Core i Gen 10 H35 อย่าง i7-11375H และการ์ดจอ GeForce RTX 3060 Max-Q ส่วนแรมตัวเครื่องให้มา 16GB DDR4 ความจุ SSD 512GB m.2 NVMe ตัวแรง แถมตัวเครื่องยังสามารถใส่ SSD M.2 NVMe บอกเลยประสิทธิภาพสูงเหมือนยก Desktop PC ไปใช้งานทีเดียว จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD IPS รองรับที่ 144 Hz ที่แม้จะไม่ได้ขอบเขตที่สูงมากนักแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ในการใช้งานทั่วไป การระบายความร้อนตัวเครื่องเป็นแบบ Cooler Boost 5 ที่มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 เส้น ขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อน 4 ช่องหมดห่วงเรื่องตัวเครื่องร้อน
MSI Stealth 15m ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาให้ครบครันหายห่วงทั้ง Wi-Fi 6 AX และ Thunderbolt 4, USB 3.2 Type-C x 1 , USB 3.1 Type-A x 3, HDMI 2.0, รูหูฟังกับไมค์ 3.5 มิลลิเมตร พร้อมด้วย micro-SD Card Reader โดยราคาของค่าตัวสนนราคาอยู่ที่ 69,990 บาทพร้อมประกัน 2 ปีเต็ม จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook สไตล์บางเบาที่น่าซื้อที่สุดรุ่นนึงทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามนับว่าเป็นโน้ตบุ๊คที่หากดูแต่สเปก ราคาก็ค่อนข้างสูงอยู่ ฉะนั้นแล้วเหมาะกับคนที่ต้องการทั้งความแรงและความบางเบาด้วย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง MSI Stealth 15m ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
สเปกฮาร์ดแวร์เป็นชิปประมวลผลIntel Core i7-11370H ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce RTX 3060 Max-Q ที่ทั้ง 2 อย่างนี้ระดับ Desktop มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD ความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาอยู่ในระดับที่ดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบาเพียง 1.7 กิโลกรัม บางที่ 16.15 มิลลิเมตร ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 2 กิโลกรัมกลาง ๆ เท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ รวมถึงแบตอาจจะใช้งานได้ 5 – 6 เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจน ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวในมิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีเทา Carbon Gray รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ดก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยไฟ RGB ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน