NVIDIA GTC เทคโนโลยีใหม่ สำหรับสาย Content Creator
จบกันไปแล้วกับงาน GTC ของ NVIDIA มีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมาให้ได้ดูกันเพียบ เรียกว่าสายทำงานมืออาชีพ ศิลปิน คนทำ Content ต่างต้องร้องว้าวกันอย่างแน่นอน เพราะอัดมาแบบว่าแน่น ทั้งโปรแกรม NVIDIA Omniverse Apps และระบบเชื่อมต่อ Connectors ระบบ NVIDIA RTX-accelerated AI integrations ใน OBS และ Notch และการ์ดจอสำหรับมืออาชีพ professional RTX GPU
มาดูกันไปทีละอย่าง เริ่มกันที่โปรแกรม NVIDIA Omniverse ที่นับได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนทำงานมืออาชีพจริง ๆ เพราะสามารถใช้การ์ดจอตระกูล RTX สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างสรรค์ผลงาน Content ที่เป็นแบบ 3D หรือสามมิติ ช่วยให้คนทำงานหลายคนในทีม สามารถมานั่งทำงานพร้อมกันได้แม้อยู่ต่างสถานที่กันได้แบบสบาย ๆ ง่ายมาก และไม่ว่าจะมีการใช้โปรแกรมที่แตกต่างกันออกไปในทีม อย่าง Autodesk 3ds Max, Maya หรือ Unreal Engine ก็สามารถทำงานพร้อม ๆ กันได้แบบ real-time เลยด้วย
ย่นเวลาการทำงาน ที่ต้องเสียไปกับการเรนเดอร์ภาพซ้ำ ๆ
การสร้างสรรค์ผลงานร่วมกันกับศิลปินคนอื่นในทีมแบบ collaboratively ก็ยังช่วยย่นเวลาการทำงาน ที่ต้องเสียไปกับการเรนเดอร์ภาพซ้ำ ๆ การ export และการส่งไฟล์ไปมา ผู้รับไฟล์ตัวอย่างยังต้องทำการแปลงไฟล์ที่ได้รับจากเรา เพื่อให้สามารถใช้งานกับโปรแกรมของตัวเองได้ แล้วถึงจะทำการส่งกลับมาให้เราอีกครั้ง นั่นอาจทำให้เกิดการตกหล่นรายละเอียดต่าง ๆ ระหว่างทางได้อีก แต่ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่าง NVIDIA MDL, Flow และ Blast และสิทธิพิเศษในการเข้าถึงระบบ PhysX 5 แบบ exclusive เฉพาะ ทำให้ได้ผลงานที่สมจริงยิ่งกว่าที่เคยมีมา
สตูดิโอ MoonShine Animation สามารถประหยัดต้นทุนในการสร้างไปได้กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ด้วยระบบและขั้นตอนจาก Omniverse virtual production หรือการสร้างผ่านระบบจำลองเสมือน และยังมี BMW Group กลุ่มบริษัทยานยนต์ชื่อดังระดับโลก ที่สามารถเพิ่มผลผลิตในการสร้างสรรค์ผลงาน และใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ได้มากขึ้นถึงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยังลดความผิดพลาดต่าง ๆ ในการวางแผนผลิตไปได้กว่า 30 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย
เทคโนโลยี Omniverse RTX Renderer ตัวช่วยเรนเดอร์ภาพสุดล้ำ
ยังมีเทคโนโลยี Omniverse RTX Renderer ตัวช่วยเรนเดอร์ภาพสุดล้ำ ช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนโหมดไปมาระหว่างโหมด ath- และโหมด ray-traced ได้แบบ real-time อีก รวมไปถึงการปรับแต่งอื่น ๆ อย่างแสงเงาที่แตกต่างกัน บนพื้นผิววัตถุที่แต่ละชนิด ตามช่วงเวลาต่าง ๆ ของภาพที่เคลื่อนไหว ก็จะแสดงให้เห็นได้ในทันที ไม่ต้องเสียเวลามานั่งรอ
มาต่อกันที่โปรแกรม NVIDIA Omniverse Audio2Face เพื่อตอบสนองความต้องการด้านงานสร้างมนุษย์ดิจิตอลทั้งภาพและเสียงที่มีเพิ่มขึ้นมากในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในสื่อต่าง ๆ หรือการใช้สร้างตัวละครในเกม โปรแกรมตัวนี้จะเข้ามาช่วยให้งานที่ต้องเริ่มสร้างด้วยมือตั้งแต่ต้นให้ง่ายดายขึ้น ไม่ยุ่งยาก และกินเวลานานอย่างที่เคย ข้ามขั้นตอนเริ่มต้น ไปสู่ช่วงการเพิ่มเอกลักษณ์ที่แตกต่างให้กับตัวละครแบบละเอียดได้เลย โดยจะมีระบบ NVIDIA pre-trained deep neural network เข้ามาช่วย จนได้การแสดงสีหน้าตัวละครแบบ 3D ที่สมจริง สื่ออารมณ์ออกมาได้ชัดเจน ไม่ดูหลอกหรือปลอม และเคลื่อนไหวไปพร้อม ๆ กับเสียงของตัวครได้อย่างถูกต้องพอดี
การสร้างสรรค์ผลงานร่วมกันกับศิลปินคนอื่นในทีมแบบ collaboratively ก็ยังช่วยย่นเวลาการทำงาน ที่ต้องเสียไปกับการเรนเดอร์ภาพซ้ำ ๆ การ export และการส่งไฟล์ไปมา ผู้รับไฟล์ตัวอย่างยังต้องทำการแปลงไฟล์ที่ได้รับจากเรา เพื่อให้สามารถใช้งานกับโปรแกรมของตัวเองได้ แล้วถึงจะทำการส่งกลับมาให้เราอีกครั้ง นั่นอาจทำให้เกิดการตกหล่นรายละเอียดต่าง ๆ ระหว่างทางได้อีก แต่ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่าง NVIDIA MDL, Flow และ Blast และสิทธิพิเศษในการเข้าถึงระบบ PhysX 5 แบบ exclusive เฉพาะ ทำให้ได้ผลงานที่สมจริงยิ่งกว่าที่เคยมีมา
โปรแกรมยอดนิยมอีก 2 ตัว ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายอย่าง Notch และ OBS Studio ยังได้พัฒนาใหม่ใส่เทคโนโลยีใหม่จาก NVIDIA เข้าไปเพิ่มด้วย โดยที่ Notch จะเพิ่ม Augmented Reality SDK เข้าในไป Notch Builder เพิ่มระบบ AI ตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกาย และใส่ภาพพื้นหลังเสมือนลงไปแบบ real-time
ส่วนของ OBS Studio ได้เพิ่มระบบกำจัด noise รบกวน หรือ Noise Removal เข้ามา เพื่อขจัดเสียงที่ไม่พึงประสงค์ อย่างเช่นเสียงพิมพ์คีย์บอร์ด หรือเสียงรบกวนจากไมโครโฟน โดยทำการปรับแต่งจากส่วนของ audio effect
หลายคนที่ใช้การ์ดจอ NVIDIA ในการเล่นเกมกันอยู่แล้ว น่าจะรู้จักกับโปรแกรม GeForce Experience กันเป็นอย่างดี และนับจากนี้ไป มันจะไม่ได้มีไว้เพื่อการเล่นเกมเพียงอย่างเดียวเท่านั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะว่ามันจะสามารถปรับแต่งโปรแกรมสำหรับสร้างผลงานอย่าง DaVinci Resolve ของ Blackmagic Design และ Adobe Lightroom ให้ใช้งานการ์ดจอช่วยทำงานแบบอัตโนมัติได้ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้ทำงานมั่นใจได้ว่าจะสามารถใช้ประสิทธิภาพการ์ดจอในการทำงานได้อย่างเต็มที่สูงสุด จากการคลิกเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น
โดย ณ ตอนนี้มันรองรับโปรแกรมสายทำงานถึง 34 ตัวแล้ว และแน่นอนว่าจะมีการพัฒนาต่อเนื่อง รองรับอีกหลากหลายโปรแกรมได้มากขึ้นอีกตามออกมาในอนาคต
ใครที่เป็นสายทำงาน และใช้การ์ดจอ NVIDIA RTX กันอยู่ ก็อย่าลืมไปอัปเดตไดรเวอร์ของตัวเองให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดกันด้วย จะได้มั่นใจได้ว่า เรากำลังใช้งานเครื่องของเราในจุดที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดอยู่ตลอดเวลา