HUAWEI MateBook 14 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ฟีเจอร์ล้ำรุ่นล่าสุดปี 2021 ที่ทาง HUAWEI ประเทศไทยได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการนำเสนอ MateBook มาหลากหลายรุ่นแล้ว ที่เป็นพร้อมท้าชนกับรรดาเจ้าตลาดแบรนด์ต่างๆ แน่นอนว่าสำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็จะมีตัวเลือกที่มากขึ้น กับการที่ได้สเปกใหม่ๆ โดดเด่นด้วยการใช้งานร่วมกับมือถือ HUAWEI
ด้วยประสิทธิภาพชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 Tiger Lake ตัวแรงมี AI ช่วยทำงาน อย่าง Core i5-1135G7 ได้การ์ดจอออนชิปที่ดีที่สุด Iris Xe Graphics อีกได้จัดเต็มแรมมาขนาด 16GB พร้อมด้วยที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB แน่นอนว่ารองรับการทำงานได้เหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คที่เป็นรุ่นใกล้เคียงกัน ได้ประกันเป็น 2 ปี ตามมาตรฐานของ HUAWEI
โดย HUAWEI MateBook 14 มีความโดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบที่ดูสวยงามพรีเมียม ซึ่งเป็นหน้าจอขนาด 14″ รองรับความละเอียดที่ระดับ 2160 x 1440 พิกเซล ที่มีอัตราส่วน 3:2 น้ำหนักเบาที่ 1.49 กิโลกรัม มีความบางเพียง 15.9 มิลลิเมตร ราคา 34,990 บาท เหนือชั้นกว่าที่ได้หน้าจอเป็นทัชสกรีนด้วย ที่สำคัญสำหรับคนที่ใช้มือถือ Huawei ยังมีฟีเจอร์ HUAWEI Share ไว้ใช้งานโอนไฟล์ไปมา และแชร์จอมือถือไปยังหน้าจอโน๊ตบุ๊คได้อีกด้วย
VDO Review
NBS Verdict
HUAWEI MateBook 14 อีกหนึ่ง Intel Notebook ปี 2021 จากแบรนด์ HUAWEI ประสิทธิภาพทรงพลังด้วยชิปประมวลผล Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร SuperFin ที่มี AI ช่วยทำงานในบางโปรแกรมอย่างที่ไม่มีในรุ่นก่อนๆ ได้การ์ดจอออนชิปที่ดีที่สุด Iris Xe Graphics รองรับทั้งงาน 2 มิติ 3 มิติ โดยบางเพียง 15.9 มิลลิเมตร และเบาที่ 1.49 กิโลกรัม
ทำงานร่วมกับพัดลมระบายความร้อน 2 ตัว Shark Fin แบบคู่ ช่องระบายความร้อน 2 ทาง เรียกได้ว่าเป็นอีกครั้งของตลาดโน๊ตบุ๊คประเทศไทยเลยก็ว่าได้ นั่นหมายถึงความจริงจังเข้าไปอีกกับการที่นำเสนอ HUAWEI MateBook อีก 1 รุ่นที่แตกต่างไม่เหมือนใครทั้งตัวสเปกและฟีเจอร์ต่างๆ จากหลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นแต่การนำเสนอผลิตภัณฑ์สายมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ
เรียกได้ว่าเป็นการต่อยอดมาจาก MateBook รุ่นก่อนๆ ที่แตกต่างไม่เหมือนใครทั้งตัวสเปกและฟีเจอร์ต่างๆ จากหลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นแต่การนำเสนอผลิตภัณฑ์สายมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ หน้าจอขอบบางเฉียบ FullView Display 14″ พาเนล IPS เกรดสูง สัดส่วน 3:2 ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล ทัชสกรีนได้ เหมาะสำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานพื้นฐาน เช่นเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง รวมไปถึงสายงาน Content Creator ต่างๆ น่าจะชื่นชอบกัน
ในส่วนของรายละเอียดอื่นๆ อย่างสเปกฮาร์ดแวร์ภายในก็ได้เป็นหน่วยความจำแรมขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz และ SSD M.2 ความจุ 512GB ก็จัดได้ว่าทรงประสิทธิภาพต่อใช้งานพื้นฐานหรือหนักๆ ได้ลื่นไหลแน่นอนกว่ารุ่นโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ ที่ช่วงราคาใกล้เคียงกันแน่นอน รวมไปถึงมีฟีเจอร์พิเศษอย่างที่ Intel Notebook อื่นๆ เค้ามีกัน อย่างแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน (ความร้อนอาจจะสูงหน่อย แต่อยู่ในเกณฑ์รับได้)
เชื่อว่าแฟนๆ HUAWEI น่าจะสนใจกันอยู่ไม่น้อย เหมาะกับคนที่ใช้งานมือถือ HUAWEI อยู่แล้ว เพื่อใช้งานทั่วไปร่วมกันผ่านทาง HUAWEI Share 3.0 ช่วยเรื่องของแชร์ไฟล์และแชร์หน้าจอได้อย่างเต็มรูปแบบ ในส่วนของรายละเอียดอื่นๆ ก็มีจุดเด่นที่น่าใช้งานมากๆ อย่างไรก็ตามน่าเสียดายในส่วนของพอร์ต USB-C ที่ติดตั้งให้มานั้นยังไม่ได้เป็นมาตรฐาน Thunderbolt 4 ที่ดีที่สุด และแรมไม่สามารถเพิ่มได้แล้ว
ซึ่งนอกจาก HUAWEI Share 3.0 แล้ว ยังได้พอร์ตชาร์จไฟและอแดปเตอร์ 65W SuperCharge ก็ให้มาเป็น USB-C ที่สะดวกสบาย ตัวเครื่องพรีเมียมวัสดุดีเยี่ยม งานประกอบแน่นๆ มีระบบสแกนลายนิ้วมือ และกล้องเว็บแคมแบบซ่อน รวมไปถึงมีรุ่นอื่นๆ อย่าง HUAWEI MateBook D14 / D15 ให้ลือกซื้อด้วย อันนี้เพื่อนๆ ก็ต้องลองเลือกตามลักษณะความต้องการหรือการใช้งานจริงๆ ของแต่ละคนกันไป
ข้อดี HUAWEI MateBook 14
- ตัวเครื่องออกแบบสวยงามและหรูหรา พื้นผิวเป็นรอยนิ้วมือยาก ผ่านการชุบอโนไดซ์
- แข็งแรงทนทานสวยงาม ด้วยงานประกอบอลูมิเนียมแบบ Unibody ผ่านกระบวนการ CNC
- ขอบจอบางเฉียบ ตัวเครื่องบางเบา เพียง 1.49 กิโลกรัม บาง 15.9 มิลลิเมตร
- ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i Gen 11 ประสิทธิภาพทรงพลัง มี AI ในตัว
- ได้แรมขนาด 16GB DD4 Bus 3200MHz ที่ใช้งานได้ทันที เพียงพอต่อทุกๆ การใช้งาน
- มาพร้อมที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่แรงลื่นพอตัว
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ 2K ที่ 2160 x 1440 พิกเซล พาเนล IPS เกรดสูง (R7 ทัชสกรีนได้)
- กล้องเว็บแคมแบบ Pop Up (Recessed Camera) ซ่อนเอาไว้ระหว่างปุ่ม F6 – F7 ดูแปลกตา
- มีพอร์ต USB 3.2 Type-C ที่รองรับการชาร์จไฟเข้าตัวเครื่อง ทำให้สะดวกเวลาใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 12 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไฟด้วย USB PD
- อแดปเตอร์ 65W ชาร์จทาง USB-C มีขนาดเล็ก นำไปใช้กับมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้หมด
- ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint ที่ช่วยในเรื่องของความสะดวกและปลอดภัย
- ซอฟต์แวร์ PC Manager / Huawei Share ใช้งานได้ดีเยียมมากๆ ทั้งแชร์ไฟล์และหน้าจอ
ข้อสังเกต HUAWEI MateBook 14
- ไม่สามารถอัพเกรดแรมได้ เพราะของเดิมเป็นแบบฝังบอร์ดมา
- ส่วนเชื่อมต่อกับมือถือรองรับเฉพาะแบรนด์ Huawei เท่านั้น
- แม้ระบบระบายความร้อนจะดีแล้ว แต่ยังอาจจะสูงหน่อย แต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้
- แม้ชิปประมวลผลจะแรงมากๆ แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับเล่นเกมหนักๆ เพราะไม่มีการ์ดจอแยก
Specification
สเปกภายในของตัว Huawei MateBook 14 ปี 2021 รุ่นที่จำหน่ายในไทยจะมี 1 สเปกในตอนนี้ ประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-1135G7 ราคา 30,900 บาท ที่เป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 สถาปัตยกรรม Tiger Lake มาพร้อมกับเทคโนโลยีการผลิตที่ 11 nm SuperFin ที่แรงขึ้นมากพร้อมด้วย AI ช่วยทำงานบางอย่างในตัว เพิ่มเติมด้วยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน การ์ดจอเป็นออนชิปรุ่นใหม่ที่ดีขึ้นมากอย่าง Intel Iris Xe Graphics ได้แรม 16GB DDR4 3200 MHz แบบฝังบอร์ด และ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 16GB DDR4 Bus 3200MHz ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานพื้นฐานหรืองานหนักๆ แน่นอน สำหรับที่เก็บข้อมูลเป็นความเร็วสูงแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB มาพร้อมขนาดหน้าจอ 14″ ขอบหน้าจอบางเฉียบทั้ง 4 ด้านแบบ FullView Display ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูง IPS ให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้าง ขอบเขตสี sRGB ใกล้เคียง 100%
ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX (2×2) และ Bluetooth 5.1 รวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home แท้ ที่สำคัญมีการติดตั้งช่วยให้เราเปิดเครื่องและล็อกอินเข้าใช้งานได้ทันที ทั้งปลอดภัย รวดเร็ว และใช้งานง่าย มาพร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ Huawei
โดย HUAWEI MateBook 14 ราคาอยู่ที่ 34,990 บาท พร้อมจัดโปรโมชั่นสั่งจองตั้งแต่วันนี้ รับฟรีของแถมสุดพิเศษ HUAWEI Display และ กระเป๋าเป้ HUAWEI มูลค่ารวมกว่า 5,989 บาท ที่ Huawei Experience Store และ Huawei Online Store ที่ https://shop.huawei.com/th และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน – 7 พฤษภาคม 2564 นี้
นอกจากนี้ยังมี HUAWEI MateBook D14 และ HUAWEI MateBook D15 โน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมขุมพลังใหม่ ประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์ และดีไซน์สุดโดดเด่น กับสเปก Intel Core i Gen 11 และ Intel Core i Gen 10 โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 23,990 บาทเท่านั้น พร้อมได้ของแถมอาทิ MediaPad T8 และ กระเป๋าเป้ HUAWEI มูลค่ารวมกว่า 4,380 บาทด้วย
HUAWEI MateBook 14 ราคา 34,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
- CPU : Intel Core i5-1135G7 (4C/8T : 2.4 – 4.2GHz)
- GPU : Intel Iris Xe Graphics
- RAM : 16GB DDR4 Bus 3200 MHz
- DISPLAY: 14″ IPS 2K 2160 x 1440 พิกเซล
- STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GB
- OS : Windows 10 Home (64 Bit)
- Warranty : 2 Year
Hardware / Design
รื่องการออกแบบดีไซน์ของ HUAWEI MateBook 14 โดดเด่นด้วยหน้าจอมีขอบบางสุดๆ ทั้ง 4 ด้าน จากเทคโนโลยี FullView Display คิดเป็นพื้นที่ 90% ของสัดส่วนหน้าจอทั้งหมด ที่เป็นขนาดหน้าจอขนาด 14″ สัดส่วนแบบ 3:2 ที่ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล (2K) ส่วนการใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือที่ปุ่ม Power มุมขวาบนเลย
ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้พกพาสะดวก มีความบางเพียง 15.9 มิลลิเมตรเท่านั้น น้ำหนักก็เบามากๆ เพียง 1.49 กิโลกรัม ผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยการใช้เพชรเจียระไนในแต่ละมุมเพื่อส่งมอบงานออกแบบระดับพรีเมียมที่ล้ำสมัย ให้ความลงตัวแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คสายบางเบาในตลาดทั้งหมดเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ
แน่นอนว่าวัสดุตัวเครื่อง HUAWEI MateBook 14 เลือกใช้เป็นอลูมิเมียมอัลลอยด์ ซึ่งมีงานประกอบที่ยอดเยี่ยม ทนทานแน่นหนา ที่สำคัญยังเป็นแบบ Unibody นั่นก็คือแทบจะไร้รอยต่อ ประกอบด้วยกันเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น ก็คือ ฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และฝาล่างเท่านั้น ทั้งจากที่ดูด้วยตาเปล่าและการสัมผัส จากขั้นตอนขั้นรูปด้วยเครื่องจักร CNC
พร้อมพื้นผิวเป็นแบบลื่นไหลเรียบสุดๆ ด้วยวิธีการอโนไดซ์หลายขั้นตอน ทำให้ได้สัมผัสความเนียนอย่างที่สุด และเป็นรอยนิ้วมือได้ยากกว่าปกติ ที่สำคัญตัวเครื่องรอบๆ ได้มีการทำตัดขอบแบบ Daimond Cut บอกได้ถึงงานดีไซน์ที่ยกให้เป็นระดับโน๊ตบุ๊คพรีเมียมอย่างแต่มาในราคาที่แสนจะคุ้มค่า เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ สเปกภายใน และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ได้
พร้อมกันนั้นยังแตกแต่งด้วยการเลือกที่จะติตตั้งไมโครโฟน 4 ตัวด้วยกันบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้า ตัวเครื่องโดดเด่นด้วยสีสัน Space Grey (สเปซเกรย์) หรือสีเทาด้าน ยิ่งเพิ่มความหรูหราเข้าไปอีก อีกทั้งฝาหลังเองก็มีแต่โลโก้ Huawei เท่านั้น คาดว่าคนที่ชอบความน้อยแต่มากต้องถูกใจกันแน่นอน
ส่วนภายในใต้หน้าจอด้านก็จะพบกับโลโก้ Huawei ที่เป็นตัวอักษรเท่านั้นเอง เรียกได้ว่ามีความเรียบหรูตามสไตล์ของ Huawei ไม่ต่างจากมือถือเรือธงระดับอย่าง Huawei P40 Pro เลยล่ะ ยิ่งใช้คู่กันยิ่งดูลงตัวเข้าไปอีก ซึ่งในรีวิวนี้เราก็ใช้ Huawei P40 Pro ในการร่วมทดสอบใช้งาน Huawei Share 3.0 ด้วย
มิติโดยรวมของตัวเครื่องมีความเล็กกระทัดรัดพอๆ กับโน๊ตบุ๊คที่มีหน้าจอ 14″ รุ่นอื่นๆ เรียกได้ว่าตอบสนองในการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ มีความโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คเจ้าตลาดหลายๆ รุ่น โดยสามารถกางหน้าจอได้กว้างสุดที่ประมาณ 145 องศา
สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 2 ตัว Shark Fin 2.0 ที่ออกแบบมาใหม่ ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลให้เย็นลงได้อย่างรวดเร็วและเงียบกว่าที่เคย ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบ Chiclet Keyboard สีดำตัดกับตัวเครื่อง ซึ่งมาพร้อมไฟ Backlit สีขาวให้ความรู้สึกหรูหรา ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างดี พิมพ์ได้ดีมากๆ ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว ที่สำคัญคือมาพร้อมแป้นคีย์บอร์ดภาษาไทย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะอยู่มุมขวาบน พร้อมปุ่มสแกนลายนิ้วมือในตัวเดียว ส่งผลให้ทั้งง่ายและรวดเร็วพร้อมดีไซน์เป็นหนึ่งเดียวกัน
ทัชแพดมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง ตัวปุ่มคลิกเป็นแบบชิ้นเดียวกับทัชแพด ผิวมีลักษณะเป็นกระจก ส่วนปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็อาจจะมีความแข็งพอดีๆ การใช้งานโดยจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี ให้สัมผัสที่ลื่นไหล ตอบสนองการทำงานได้ทันใจ อีกทั้งในการเชื่อมต่อกับมือถือ HUAWEI ก็สามารถแต่ตรงทัชแพดได้ด้วย ใช้งานแบบมัลติทัชร่วมกับ Windows 10 Home ได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องมีเมาส์มาต่อเพิ่มเลยก็ว่าได้
Screen / Speaker
Huawei MateBook 14 ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14″ มีขอบที่บางที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด กว่า 90% เป็นพื้นที่แสดงผล ได้ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล พร้อมรองรับการทัชกรีนได้ด้วยนิ้ว 10 นิ้วพร้อมๆ กัน โดยให้ความเรียบเนียนตากว่าความละเอียด Full HD อย่างเห็นได้ชัด สัดส่วนแปลกตาที่ 3:2 แต่ได้พื้นที่การใช้งานที่มากกว่า ซึ่งน้อยโน๊ตบุ๊คนักที่จะใส่สัดส่วนหน้าจอแบบนี้
และด้วยพาเนลระดับ IPS เกรดสูงให้มุมมองกว้างถึง 178 องศาทั้งแนวตั้งและแนวนอน สีสันสวยงาม โดยเป็นแบบกระจกที่มีความสดใสกว่าจอแบบด้าน แต่มีข้อสังเกตก็คือแสงสะท้อนเล็กน้อย ต้องปรับดีๆ ให้เรื่องของมุมมองและองศาของจอเวลานำไปใช้งานนอกสถานที่ที่มีแสงเยอะๆ
ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 14″ ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งเรื่องของสัดสวนและความละเอียด ให้สีที่สวยที่สุด สมจริงที่สุด พร้อมความเรียบเนียนตาแบบหาได้ยาก แน่นอนว่าจากการที่เป็น FullView Display ด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่มีพื้นที่ติดตั้งกล้องเว็บแคมแบบเดิมๆ ส่งผลให้ต้องย้ายไปไว้ที่ระหว่างปุ่ม F6 – F7 แทน แบบ Pop Up ที่ความละเอียด 1 ล้านพิกเซล มุมมองใช้จริงๆ ถือว่าใช้ได้อยู่ ไม่ได้เสยจนใช้งานลำบาก
ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 92% และ AdobeRGB ที่ 70% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับพอใช้ทั่วไป เช่นเอาไปทำงานเอกสารหรือดูหนังฟังเพลง ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 300 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐาน แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกระดับมืออาชีพหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงแล้วอันนี้ก็ถือใช้งานได้สบายๆ หายห่วงเลย
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องขวากลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับช่องแถวล่างตรงกลาง รวมไปถึงช่องซ้ายกลางทั้งหมดจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ระดับ 13% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ในส่วนของลำโพงติดตั้งมาเป็นแบบ 2 ตัว พร้อมระบบเสียง Surround-sound effect โดยลำโพง 2 ตัวติดตั้งไว้ทางด้านล่างฝั่งผู้ใช้มุมซ้ายและขวาของตัวเครื่องอัดลงพื้นให้สะท้อนขึ้น จากการทดสอบลำโพงพบว่าเสียงที่ออกมาค่อนข้างดีน่าประทับใจ แยกรายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง ถือได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมความสามารถจำลองมิติทิศทางของเสียงดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบรู้สึกได้
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่องจัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับตามมาตรฐาน เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ต และช่องต่อหูฟังกับไมค์ขนาดแบบคอมโบขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร รวมไปถึงมี USB 3.2 Type-C อีก 1 พอร์ต ที่รองรับการชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์ในตัวเดียว
นอกจากนี้ยังมีส่วนของพอร์ต HDMI ไว้เชื่อมต่อหน้าจอภายนอกอย่างมอนิเตอร์หรือว่าสมาร์ททีวี ซึ่งสำหรับการใช้งานพื้นฐานเพียงพอแน่นอน ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จที่เป็น USB-C ที่จ่ายไฟสูงสุด 65Watt เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 14″ นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ขนาดมิติโดยรวมอยู่ที่ 307.5 x 223.8 x 15.9 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.49 กิโลกรัม
และเมื่อรวมกับตัวอะแดปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีน้ำหนักราวๆ 1.7 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักเบามาก ซึ่งแน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงโดดเด่นด้วยสายชาร์จเป็น USB-C to USB-C ทำให้เรานำไปชาร์จมือถือหรือ Gadget ที่เป็น USB-C ทั้งหมดในอะแดปเตอร์เดียว ตรงนี้ต้องยอมรับว่าเหนือชั่นกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ในตลาดช่วงราคาที่ใกล้ๆ กัน
Inside / Upgrade
การแกะเครื่องสามารถทำได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่นหนา ต้องใช้ฝีมือและทักษะประมาณนึง ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว (น๊อตหัวแบบดาว) ต้องใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากหลังมาหน้า ควรทำอย่างใจเย็น และขอบฝาด้านล่างตรงแกนฝาพับค่อนข้างคมระวังบาดนิ้วมือกันด้วย
โดยเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ อย่างชัดเจนตามรูปเลย เห็นได้ว่ามีความเรียบร้อยเป็นอย่างดี ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดได้จะมีเพียง SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่ติดตั้งมาให้แล้วเท่านั้น ถ้าอยากจะอัพเกรดเพื่อความจุ ก็ต้องถอดของเดิมก่อน ส่วนแรมดูจากภาพแล้วคาดว่าเป็นแบบฝังบอร์ดมาเลย ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนหรืออัพเกรดใดๆ ได้
แต่จริงๆ แล้ว 16GB น่าจะเพียงพอแล้วกับการใช้งานทุกๆ อย่างที่สัมพันธ์กับสเปกอื่นๆ สำหรับเรื่องการจัดการความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 2 เส้น วางพาดยาวไล่ผ่านชิปประมวลผล ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 2 ตัว เป่าลมร้อนออก 2 ช่องทางผ่านบานพับ เรียกได้ว่าเหนือชั้นกว่าโน๊ตบุ๊คดีไซน์บางเบาหน้าจอ 14″ บางเบาทั่วไป จากการที่ชิปประมวลผลแรงลื่นกว่า ที่ดูแล้วน่าจะเพียงพอต่อการระบายความร้อนแล้ว
Performance / Software
เมื่อตรวจสอบข้อมูลของชิปประมวลผลด้วยโปรแกรม CPU-Z ก็พบว่าข้อมูลขึ้นมาครบถ้วนเลยครับ โดยเลือกใช้ชิป Intel Core i5-1135G7 ที่มี 4 คอร์ 8 เธรดสำหรับการประมวลผล ความเร็วที่ 2.40 – 4.20 GHz มีค่า TDP ในการปลดปล่อยความร้อนสูงสุดแค่ 12W – 28W เท่านั้น ซึ่งจัดว่าต่ำมากสำหรับชิป Core i5 ในโน๊ตบุ๊ค ทำให้ตัวเครื่องโดยรวมไม่ร้อนจนเกินไป ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ระดับ 10 นาโนเมตร อย่าง Tiger Lake เทคโนโลยีสุดล้ำ SuperFin
ที่ต้องบอกว่าสร้างมาตรฐานประสิทธิภาพที่มากกว่าชิปประมวลผลรุ่นก่อนๆ แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมได้ขนาด 16GB แบบฝังบอร์ด (Dual Channel) เป็นมาตรฐาน DDR4 Bus 3200 MHz ตามเทคโนโลยีของ Intel Core i Gen 11 ที่ผ่านการปรับแต่งให้เหนือชั้น พร้อมให้ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home แบบลื่นไหลอย่างที่สุด ในทุกๆ การทำงาน
การ์ดจอเป็นแบบออนบอร์ดรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Iris Xe Graphics ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับที่ก้าวกระโดดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นหรือระดับสูง รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงอย่าง 4K / 8K ได้แบบไม่มีปัญหา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มพลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ มองหาความบันเทิง หรือการเล่นเกมเปี่ยมอรรถรส ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกเลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกม 3 มิติ พอได้บ้าง เดี๋ยวไปดูผลทดสอบกันอีกที
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก รวมไปถึงตัวการ์ดจอเองก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอที่อัพเกรดใหม่ที่เน้นการทำงาน 3 มิติที่ดียิ่งขึ้น
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ความเร็วสูงจาก WD ก็ทำผลทดสอบเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับสูง แน่นอนว่าเร็วกว่า SSD M.2 SATA 3 แบบทั่วไป ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3401 MB/s และเขียนที่ 2702 MB/s เป็นระดับความเร็วในการเขียนอ่านทำงานโดยรวมที่น่าประทับใจมากๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,613 คะแนน (ใกล้เคียง Gaming Notebook ยิ่งขึ้นไปอีก) ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ส่วนถ้าเอาไปใช้งานหนักๆ เช่นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ โปรเซสไฟล์ภาพความละเอียดสูง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติ ซึ่งก็พอได้ แต่คงตอบสนองได้ไม่เท่าพวก Gaming Notebook หรือโน๊ตบุ๊คแรงๆ ที่ใช้ Core i ตระกูล H และการ์ดจอ GTX
ทดสอบเกมได้คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 3 เกมออนไลน์ บนความละเอียด Full HD เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล น่าประทับใจทีเดียว เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ไม่ได้เน้นเล่นเกมมาก ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 ที่มีการ์ดจอออนชิป Intel Iris Xe Graphics ที่ดีที่สุดในตลาดนั่นเอง
สำหรับเกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมด ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่เฉลี่ยที่ 35 แต่ฉากตะลุมบอนกันก็เฟรมเรทลดลงไปที่ 25 (อยากลื่นกว่านี้ก็ปรับกลางๆ ได้) และในส่วนของเกม Overwatch ที่ปรับ Low ทดสอบแล้วจะมีเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 55 ซึ่งต่ำสุดอยู่ที่ 35 รวมไปถึงเกมกินสเปกอย่าง PUBG เฟรมเรทก็ทำออกมาได้ลื่นไหลกว่าที่คาดไว้พอตัว
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ MateBook ทุกๆ รุ่นก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง PC Manager โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อนโอนไฟล์ไปมาก็อยู่ในส่วนนี้ด้วย แต่ก็รองรับเฉพาะมือถือ HUAWEI เท่านั้น (ในตอนนี้)
การแชร์ไฟล์แบบอัจฉริยะด้วย HUAWEI Share ส่งวิดีโอและรูปภาพจากสมาร์ทโฟนเข้า PC รวมไปถึง Screen Mirror โดยเชื่อมต่อผ่าน NFC / Wi-Fi Direct ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าง่ายมากๆ มาพร้อมความสามารถในกาอัพโหลดรูปภาพ 500 รูป ใน 1 นาที และวิดีโอขนาด 1 GB ใน 35 วินาที ถ้ารูปของเรามีข้อความ MateBook จะแยกข้อความออกมาจากรูปเพื่อให้คุณแก้ไขได้ง่ายๆ ส่วนการ Screen Mirror ก็ช่วยให้เราไม่ต้องจับมือถือไปมา แต่สามารถสั่งการผ่านทางโน๊ตบุ๊คได้เลย เช่นตอบ Line หรือเปิดแอปพลิเคชั่นในมือถือเป็นต้น
ซึ่งคุณสมบัตินี้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟน HUAWEI ที่มีคุณสมบัติ NFC ร่วมกับระบบปฏิบัติการ EMUI เวอร์ชั่นใหม ในการีวิวครั้งนี้เราใช้ HUAWEI P40 Pro ทำงานร่วมกับ HUAWEI MateBook 14 ถือได้ว่าน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าคนที่ใช้มือถือ HUAWEI อยู่แล้ว จะซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ซักเครื่องไว้เน้นใช้งานทั่วไป ก็ต้องโดนใจกับฟีเจอร์นี้แบบจังๆ ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นเยอะทีเดียว ส่วนการใช้งานก็ไม่ต้องเป็นห่วง ทาง HUAWEI ได้เตรียมคู่มือแบบวีดีโอไว้แล้ว
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปีปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาดประมาณ 5000 mAh ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 12 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) ด้วยการทดสอบปรับเป็น Power Saver Mode แล้วดู Youtube ยาวๆ ซึ่งคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome นั่นเอง
อุณหภูมิภายในของชิปประมวลผลมีความร้อนสูงสุดคือ 96 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมและประมวลผลงานต่อเนื่อง ซึ่งถ้าใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียสโดยประมาณ ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของเครื่องนี้มีอุณหภูมิที่ไม่ถึงกับเย็นมาก เพราะจากการที่ตัวเครื่องเน้นความบาง อย่างไรก็ตามไม่ได้ส่งผลให้ตัวเครื่องเสียหายหรือมีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น Intel Notebook รุ่นใหม่ที่จัดการความร้อนได้น่าพอใจเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้
โดยการใช้งานปกติทั่วไปสามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนและการจัดการจาก Huawei ที่ดีกับมาตรฐานตัวเครื่องที่บางเบาทำให้การใช้งานจริงๆ ยาวนานต่อเนื่องอย่าง เล่นเน็ต พิมพ์งาน ดูหนังฟังเพลง โดยตัวเครื่องมีความรู้สึกว่าร้อนอยู่บ้างเวลาใช้งานหนักๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องกังวลมากนัก เพราะเวลาใช้งานจริงๆ เราคงไม่ได้เอาไปเล่นเกมหรือประมวลผลงานหนักๆ ต่อเนื่องยาวนานอยู่แล้ว จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คพกพาบางเบา ไม่ใช่ Gaming Notebook
Conclusion / Award
HUAWEI MateBook 14 เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ สเปก Intel Core i Gen 11 ที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพความแรงมากๆ อีกทั้งยังได้ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาพร้อมฟีเจอร์ ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 11 ส่วนสเปกอื่นๆ อย่างแรมและที่เก็บข้อมูลก็จัดเต็ม หน้าจอก็ถือว่ายอดเยี่ยมยิ่งกว่า พร้อมด้วยฟีเจอร์มากมายแบบที่หาได้ยากในรุ่นอื่นๆ อาทิ ที่ จอ 2K อะแดปเตอร์ชาร์จ หรือ HUAWEI Share จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย รวมถึงเมื่อรวมกับของแถมมูลค่ากว่า 5,898 บาท ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจไปอีก
โดยมีช่องเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.2 Type-A, USB 3.2 Type-C, ช่องต่อหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต HDMI ซึ่ง USB-C ที่ชาร์จไฟผ่านทางอแดปเตอร์มาให้ด้วย แน่นอนว่ารองรับการชาร์จไฟไปยังอุปกรณ์อื่นๆ อย่างมือถือ Huawei เองได้ด้วย ที่สำคัญยังได้ การใช้งาน Windows Hello จะเป็นการสแกนนิ้วมือ Fingerprint ซึ่งเป็นปุ่ม Power ในปุ่มเดียว ที่เปิดปุ๊มสแกนปั๊บในครั้งเดียว โดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นทีเดียว ตรงนี้ก็ยอมรับว่าทำได้ดีประทับใจมากๆ ยิ่งถ้าใครใช้มือถือ HUAWEI อยู่แล้ว น่าจะถูกใจกับฟีเจอร์ HUAWEI Share อย่างที่สุดอีกด้วย
โดยให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอใช้งานทั่วๆ ไป หรือจะใช้งานหนักๆ อย่างประมวลผลไฟล์ รวมถึงตัดต่อวีดีโอจริงๆ ก็ทำได้เยี่ยม กับความบางและน้ำหนักที่เหมาะแก่การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่มากๆ รวมไปถึงยังประหยัดพลังงาน ส่งผลให้ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก แบตเตอรี่ก็ยาวนานที่ประมาณ 12 ชั่วโมงกว่า เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการมองหาโน๊ตบุ๊คไว้ใช้งานนอกบ้าน กับราคา 34,990 บาท แม้ต้องยอมรับว่า HUAWEI ไม่ใช่แบรนด์โน๊ตบุ๊คที่มีส่วนแบ่งในไทยเยอะ แต่มาในทิศทางนี้สำหรับคนที่ไม่ติดแบรนด์เดิมๆ ก็น่าซื้อมาใช้งานกัน
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน้ต บุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกัน ซึ่ง HUAWEI MateBook 14 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ในกลุ่มโน๊ตบุ๊คที่รองรับการทำงานรอบด้านและมาพร้อมหน้าจอ 14″ ที่ให้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ พร้อมกับบวนการ CNC และอโนไดซ์หลายขั้นตอน อีกทั้งมีดีไซน์ที่ทันสมัยสุดๆ แน่นอนว่าทำได้น่าประทับใจเสมอมาสำหรับ HUAWEI MateBook รุ่นนี้ทำมาจากวัสดุโลหะตลอดทั้งตัวเครื่อง พร้อมพื้นผิวแบบเรียบเนียน งานประกอบก็มีความเรียบร้อยแบบสุดๆ แถมยังบางเบาพกพาง่ายกว่าเดิมมาก ด้วยน้ำหนักเพียง 1.49 กิโลกรัม และด้วยความบางของตัวเครื่องเพียงที่ 15.9 ม.ม. จากแบตเตอรี่ที่นำไปไว้ในตัวเครื่อง
Best Performance
ประสิทธิภาพโดยรวมของ AHUAWEI MateBook รุ่นนี้ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานและความบันเทิงกับราคา 34,990 บาท ที่มาพร้อมสเปกใหม่อย่าง Intel Core i Gen 11 การ์ดจอออนชิปอย่าง Intel Iris Xe Graphics ซึ่งแรงกว่ารุ่นก่อนที่มีการ์ดจอแยกเสียอีก รวมถึงมีแรม 16GB และที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB มีสแกนลายนิ้วมือ โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 12 ชั่วโมงก็ถือว่าใช้งานได้มากแล้ว ชาร์จผ่านอะแดปเตอร์ USB PD ที่จ่ายไฟ 65W ที่ชาร์จไฟได้หลายอุปกรณ์