Acer Swift 1 SF114 ปี 2021 จัดได้ว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาดูดีเกินราคา เบาสุดที่ 1.3 กิโลกรัม ด้วยดีไซน์และการออกแบบที่โดดเด่นสวยงาม อีกทั้งยังมาพร้อมวัสดุคุณภาพสูง ในรุ่นนี้มีราคาแค่หมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น เรียกว่าได้ว่าถูกกว่า Acer Swift 3 ปี 2021 ที่ราคา 2 – 3 หมื่นบาทพอตัว เป็นผลมาจากทาง Acer ได้พัฒนาในส่วนของโน๊ตบุ๊คที่เน้นการพกพามาโดยตลอด ซึ่งเป็นแบรนด์แรกๆ ที่นำเสนอโน๊ตบุ๊ครูปแบบใหม่ที่ถูกและคุ้มค่า
สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปมาก อยู่ที่ 14 ชั่วโมง + พร้อม Fast charge 30 นาที ใช้งานได้ 4 ชั่งโมง อีกทั้งความร้อนที่เกิดขึ้นน้อยมาก ทำให้ไม่จำเป็นต้องพัดลมระบายความร้อนเลย โดยช่วงต้นปี 2021 นี้ทาง Acer ก็พร้อมแล้วที่จะนำเสนอโน๊ตบุ๊คบางเบาดูดี เน้นการใช้งานพื้นฐานทั่วไปให้ความลื่นไหล ในราคาย่อมเยาคุ้มค่าที่สุดอย่าง Acer Swift 1 รุ่นใหม่ สเปกชิปประมวลผล Intel Pentium Silver N6000 ที่เป็นรุ่นล่าสุด เทคโนโลยี 10 นาโนเมตร
ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีใกล้เคียงกับ Core i3 ทีเดียว มาพร้อมกับแรมขนาด 4GB LPDDR4x และ SSD M.2 256GB ความเร็วสูง มี Windows 10 Home จอ 14″ Full HD IPS มีไฟคีย์บอร์ดและสแกนลายนิ้วในตัว ได้ Wi-Fi 6 AX สนนราคาที่ 13,990 บาทเท่านั้น เทียบกับฟีเจอร์ที่ได้แล้วถือว่ามีความน่าซื้อมาใช้งานมากๆ ที่สำคัญมีให้เลือก 3 สี อย่าง Iridescent Silver / Sakura Pink / Safari Gold
VDO Review
NBS Verdict
ประสบการณ์ใช้งานที่ได้จาก Acer Swift 1 SF114 เครื่องนี้ทำออกมาได้ประทับใจดี สำหรับการใช้งานพื้นฐาน เช่นงานเอกสาร ดูหนังฟังเพลง จัดการไฟล์ เล่นอินเตอร์เน็ต ดู Facebook, Youtube, Netflix เหมาะที่จะนำไปใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยการดีไซน์ที่เรียบง่ายไม่หวือหวาจนเกินงามและยังให้สเปกพอเพียง
อีกทั้งงานประกอบก็มีความแน่นหนาจากการใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างอลูมิเนียมเกือบตลอดทั้งตัวเครื่อง โดยมีความบางเพียง 14.95 มิลลิเมตร และมีความเบาเพียง 1.3 กิโลกรัม ในราคาเพียง 13,990 บาทเท่านั้น ได้ฟีเจอร์ครบครัน และแน่นอนมี Windows 10 Home มาพร้อมใช้งานด้วย
สเปกก็ถือว่าดีเหมาะกับการใช้งานทั่วไปด้วยชิปประมวลผล Intel Pentium Silver N5030 แรมก็เป็นมาตรฐาน DDR4 ขนาด 4GB การเข้าถึงข้อมูลได้ไวด้วยฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ความเร็วสูงที่ความจุ 256GB หน้าจอ 14 นิ้วขอบจอบางเฉียบ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
รวมถึงตัว Acer Swift 1 ยังได้ติดตั้งพอร์ตการใช้งานครบครัน ซึ่งก็ USB 3.2 Type-C อยู่ด้วย และมีสแกนลายนิ้วมือ Windows Hello พร้อมด้วยไฟคีย์บอร์ด อย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊คช่วงราคานี้ กับแบรนด์อื่นๆ ในรุ่นใกล้เคียงกัน โดยความน่าสนใจก็คือแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนาน 22 ชั่วโมงด้วยกัน
ที่สำคัญ Acer Swift 1 SF114 ได้นำเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 AX (Gig+) มาติดตั้ง ส่งผลให้เรานั้นจะได้สัมผัสกับความสามารถของระบบไร้สายในระดับที่ดีขึ้นกว่ามาตรฐาน Wi-Fi 5 AC แบบก่อนๆ พูดง่ายๆ คือ รองรับแรงกว่าเดิมถึง 3 เท่า ซึ่งช่วยให้เราได้สัมผัสการใช้งาน Wi-Fi ดีกว่าที่เคย และไม่พลาดทุกการเชื่อมต่ออย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเตอร์เน็ต การสตรีมข้อมูล รวมถึงการดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า Acer รุ่นนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้งานหนักๆ ฉะนั้นแล้ว น่าจะเหมาะเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องที่ 2 ไว้พกพาไปทำงานข้างนอก หรือคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คไว้ใช้งานพื้นฐานเท่านั้น
จุดเด่น Acer Swift 1
- มีดีไซน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์และมีความหรูหราเกินราคา เบาเพียง 1.3 กิโลกรัม
- วัสดุทำจากอลูมิเนียมและพลาสติกที่มีความแข็งแรง งานประกอบดูแน่นหนา
- หน้าจอ 14″ บนตัวเครื่อง 13.3″ ด้วยขอบจอที่บางเฉียบลง
- ได้หน้าจอพาเนล IPS ให้สีสันสวยงามสมจริงกว่า TN ทั่วไป
- น้ำหนักเบาพกพาสะดวกเหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- สเปกโดยรวมให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอเพียงสำหรับทั่วไป
- คีย์บอร์ดมีไฟ LED อย่างที่หาในแบรนด์อื่นๆ ช่วงราคานี้ไม่ได้
- มีสแกนลายนิ้วมือ ผ่านทาง Windows Hello ด้วย
- ฮาร์ดดิสก์ SSD มีความรวดเร็วกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติ
- ติดตั้งการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต Wi-Fi 6 AX (Gig+)
- ติดตั้ง USB 3.2 Type-C กับพอร์ตมาตรฐานใหม่
- เมื่อใช้งานเต็มประสิทธิภาพ ตัวเครื่องไม่ร้อนเลย จากการที่เป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ
- แบตเตอรี่อยู่ได้นานสามารถใช้งานติดต่อกันได้สูงสุด 14 ชั่วโมง +
- อแดปเตอร์มีขนาดที่เล็กและเบามากๆ
- ประกัน 2 ปี พร้อมบริการซ่อมด่วนภายใน 3 ชั่วโมง
- ราคาคุ้มค่าสุดๆ เพียง 13,990 บาท
ข้อสังเกต Acer Swift 1
- ไม่รองรับการอัพเกรดแรม / HDD 2.5″
- ไม่มีในส่วนของ Card Reader
- เน้นใช้งานทั่วไปเป็นหลัก หรือเป็นเครื่องที่สอง ใช้งานนอกสถานที่
Specification
Acer Swift 1 ปี 2021 เลือกใช้สเปกฮาร์ดแวร์ภายในเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการประหยัดพลังงานและปลดปล่อยความร้อนออกมาน้อย อย่าง Intel Pentium Silver N6000 สถาปัตยกรรม Jasper Lake เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตร ทำงานแบบ 4 คอร์ 4 เธร์ด ด้วยความเร็วนาฬิกาที่ 1.10 – 3.30 GHz (L3 Cache ขนาด 4 MB) มีค่าที่ TDP อยู่ที่ 4.8 – 6 W เท่านั้น
ประสิทธิภาพเทียบเคียงกับ Core i3 แน่นอนว่าเพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนการ์ดจอเป็น Intel UHD Graphic 605 ให้กำลังในการประมวลผลกราฟิกที่พอเพียงในการใช้งานทั่วไป แรมให้มาขนาด 4GB DDR4 Bus 2933MHz แบบฝังบอร์ด ส่วนที่เก็บข้อมูล SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 256GB ที่ให้ความลื่นไหลในทุกๆ การใช้งาน
หน้าจอขนาด 14″ ดีไซน์ขอบจอบาง บนความละเอียดมาตรฐาน 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นแบบหน้าจอด้าน พาเนลเป็น IPS คุณภาพดี ซึ่งรองรับการใช้งานได้อย่างสบายๆ ติดตั้ง Windows 10 Home ใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อครบครันด้วยพอร์ตต่างๆ อาทิ
USB 3.2 Type-A, USB 3.2 Type-C, HDMI, Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0 ส่วนน้ำหนักตัวเครื่อง 1.3 กิโลกรัม ที่สำคัญยังติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือให้ด้วย สนนราคาของ Acer Swift 1 เครื่องนี้เพียง 13,990 – 14,590 บาท พร้อมการรับประกันถึง 2 ปีเต็ม และบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงอีกด้วย
Acer Swift 1 SF114-34-P05W ราคา 13,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : Intel Pentium Silver N6000 (4C/4T : 1.10 – 3.30GHz)
-
GPU : Intel UHD 615 Graphics
-
RAM : 4GB DDR4 2933 MHz
-
DISPLAY: 14″ IPS Full HD
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 256GB
-
OS : Windows 10 Home (64 Bit)
- Warranty : 2 Years Carry-in
Acer Swift 1 SF114-34-P02R ราคา 13,990 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : Intel Pentium Silver N6000 (4C/4T : 1.10 – 3.30GHz)
-
GPU : Intel UHD 615 Graphics
-
RAM : 4GB DDR4 2933 MHz
-
DISPLAY: 14″ IPS Full HD
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 256GB
-
OS : Windows 10 Home (64 Bit)
- Warranty : 2 Years Carry-in
Acer Swift 1 SF114-34-P8XZ ราคา 14,590 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : Intel Pentium Silver N6000 (4C/4T : 1.10 – 3.30GHz)
-
GPU : Intel UHD 615 Graphics
-
RAM : 4GB DDR4 2933 MHz
-
DISPLAY: 14″ IPS Full HD
-
STORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 256GB
-
OS : Windows 10 Home (64 Bit)
- Warranty : 2 Years Carry-in
Hardware / Design
Acer Swift 1 SF114 เครื่องนี้ใช้วัสดุประกอบหลักเป็นอะลูมิเนียมอัลลอยด์และพลากสติกโพลิเมอร์คุณภาพดีที่ทั้งตัวเครื่องให้ความบางเบาแต่แข็งแรง เรียกได้ว่าได้รับการพัฒนาต่อยอดจากโน๊ตบุ๊คบางเบาของทาง Acer ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูแล้วมีความเรียบหรูกว่าราคาไปมาก โดยมาพร้อมกับบางเพียง 14.95 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 14″ ที่บางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง กับราคาแค่หมื่นบาท เทียบกับแบรนด์อื่นๆ ถือว่าน่าประทับใจทีเดียว
จากการที่ฝาหลังเให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียมกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมโลโก้ Acer ตามมาตรฐาน สำหรับขอบตัวเครื่องมีความโค้งมนเพื่อความสวยงาม ส่วนด้านในก็จะเป็นอลูมิเนียมที่ดูหรูหรา ตัดกับคีย์บอร์ดสีดำยิ่งให้ความสวยงาม โดยตัวบานพันเป็นแบบแถวยาวแถวเดียวให้ความแข็งแรงทนทานรวมไปถึงยังสามารถกางได้ 145 องศา โดดเด่นกับฟีเจอร์ยางรองขอบด้านหลัง (พร้อมโลโก้ Swift) ที่ช่วยยกเครื่องให้เอียง รับการพิมพ์ให้ดียิ่งขึ้น ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่าย ด้านข้างทั้งสองด้านฝั่งผู้ใช้จะเป็นในส่วนของลำโพง
โดยจากสติ๊กเกอร์ที่ติดตั้งเอาไว้ที่ตัวเครื่องของ Acer Swift 1 บอกถึงฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ขอบหน้าจอบางเฉียบทั้ง 3 ด้าน มีพื้นที่แสดงผลกว่า 84% ของหน้าจอทั้งหมด อีกได้ในเรื่องของการระบายความร้อนแบบไม่ต้องมีพัดลมทำให้ในการใช้งานไร้เสียง แบตเตอรี่ก็สามารถใช้งานได้ยาวนาน พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 AX ที่ดีเยี่ยมกว่า แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมต่อเป็น HDMI หลักๆ แล้วให้อารมณ์เดียวกับโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ทีเดียว ส่วนอีกฝั่งก็จะเป็นสติ๊กเกอร์ Intel Pentium Silver N6000 / ส่งศูนย์ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง
สรุปสำหรับตัวเครื่องฮาร์ดแวร์และดีไซน์การออกแบบของ Acer Swift 1 SF114 นั้นมีความน่าประทับใจมากๆ ในทุกมิติ เมื่อเทียบกับราคาแค่หลักหมื่นบาทต้นๆ ดูแล้ว Acer ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับโน๊ตบุ๊คบางเบาราคาคุ้มค่า แต่ภาพลักษณ์โดยรวมนั้นทำได้เป็นอย่างดีน่าประทับใจ สมกับเป็น Swift Series จริงๆ แม้จะเป็นรุ่นน้องเล็กสุดก็ตามที
โดยเหมาะมากๆ สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊ค หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศ พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ พร้อมสีสันเงิน Iridescent Silver (สีรุ้งที่ฝาหลัง) ที่เรานำมารีวิวก็สวยงามดีไม่ซ้ำใคร พร้อมมีสีทอง Safari Gold และชมพู Sakura Pink มาให้เลือกซื้อด้วย
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาในตัวเครื่องเป็นแบบ Chiclet Keyboard ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไป พร้อมมีไฟคีย์บอร์ดที่ขาวสวยงาม ช่วยเรื่องของใช้งานในที่แสงน้อยหรือที่มืดได้ดี อย่างที่หาไม่ได้ในโน๊ตบุ๊คช่วงราคานี้ ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว ส่งผลให้พิมพ์ได้อย่างสะดวกไม่แพ้คีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ เลย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งแม้ว่าเราจะไปเผลอกดระหว่างการใช้งานก็ไม่ได้ทำให้เครื่องปิดแต่อย่างใด (ต้องกดค้างซัก 3 วินาทีถึงจะมีเมนูของ Acer ขึ้นมา)
ทัชแพดถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่ใหญ่กำลังดี โดยได้ดีไซน์แบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายและคลิกขวาเอาไว้ทำให้ดูเรียบง่ายหรูหรา จากการทดสอบแล้วทัดแพชนี้รองรับ Gesture Control ได้ดีและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว นอกจากนี้ Acer Swift 1 ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือบริเวณมุมขวาของคีย์บอร์ดเพื่อใช้งานกับ Windows Hello ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คราคาคุ้มค่าแบบนี้ ได้ทั้งความสะดวกและปลอดภัย
Screen / Speaker
ติดตั้งหน้าจอขนาด 14″ ขอบหน้าจอบางมีพื้นที่กว่า 84% เป็นหน้าจอ ติดตั้งกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนปกติ ที่ความละเอียดระดับ Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS ให้คุณภาพด้านสีสันที่ดีกว่ามาตรฐานเหมือนกับโน๊ตบุ๊คทั่วไปในช่วงราคานี้ ส่วนหน้าจอเป็นแบบด้าน ซึ่งส่งผลให้ลดสะท้อนแสงพอสมควรถ้าอยู่ในที่สว่างมากๆ
พร้อมด้วยเทคโนโลยี Acer ComfyView ที่จะจะปรับแกมม่าและความอิ่มตัวสีแบบเรียลไทม์ ช่วยปรับสี ความสว่าง และความอิ่มตัวสี อีกทั้งลดความเมื่อยล้าดวงตาและยกระดับสีด้วย Acer ExaColor และ BlueLightShield จากการใช้งานจริงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจทีเดียวสำหรับโน๊ตบุ๊คราคานี้
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ที่ดีกว่า TN ในทุกๆ การใช้งาน แต่เพื่อการีวิวจำเป็นต้องทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 62% ส่วน AdobeRGB ที่ 47% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่พอใช้เท่านั้น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป หรือจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงก็ดีกว่าพาเนล TN แน่นอน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องบนกลางหน้าจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอช่องมุมล่างซ้ายจะมีแสงสว่างที่ลดลงไป 15% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ในส่วนของลำโพงที่ติดตั้งมาเป็นแบบสเตอริโอ 2W x 2 มาพร้อมระบบเสียง Acer TrueHarmony โดยเป็นลำโพงขนาดเล็กอยู่ทางด้านล่างฝั่งผู้ใช้มุมซ้ายและขวาของตัวเครื่องอัดลงพื้นให้สะท้อนขึ้น จากการทดสอบลำโพงพบว่าเสียงที่ออกมาค่อนข้างดีน่าประทับใจ แยกรายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง ถือได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป นอกจากนี้ยังมีเสียงที่ค่อนข้างดังกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอีกด้วย
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Acer รุ่นนี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ซึ่งให้ความคุ้มค่า โดยให้ความครบครับระดับนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางเพียง 14.95 มิลลิเมตรและน้ำหนักเบา แต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว เรียกได้ว่าเพียงพอกับการใช้งานพื้นฐานแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 2 ช่อง และ HDMI เพื่อเชื่อมต่อไปยังหน้าจอภายนอก พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ที่สำคัญยังให้พอร์ตที่ทันสมัยอย่าง USB 3.2 Type-C อีกด้วย โดยรวมแล้วต้องบอกว่าพอเพียงสำหรับการใช้งานทั่วไปทีเดียว แต่ก็ไม่มีในส่วนของ Card Reader ใดๆ มาให้เลย ถ้าใครต้องใช้คงต้องหาอแดปเตอร์มาเพิ่มเอง
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่พอๆ กัน ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น และเมื่อรวมกับตัวอแด็ปเตอร์ขนาดเล็กเข้าไปด้วย ก็จะน้ำหนักประมาณ 1.4 กิโลกรัม ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่านอกจากตัวเครื่องที่บางเบาแล้ว ในส่วนของอแดปเตอร์เองก็มีขนาดที่เล็กและเบามากๆ เทียบได้ก็พอๆ กับอแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนเท่านั้นเอง พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ยอดเยี่ยมแน่นอน
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง Acer Swift 1 นั้นสามารถทำได้ง่าย โดยเฉพาะในส่วนของแรมและฮาร์ดดิสก์เพียงแค่ไขน็อตทุกตัวรอบฝาล่างออก (สามารถเจาะทะลุสติ๊กเกอร์ Acer ได้เลย ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุด) จากนั้นใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากด้านหลังมาด้านหน้าทีละข้าง งานประกอบการจัดวางตำแหน่งดูแล้วเรียบง่าย โดยอาศัยแผ่นโลหะทองแดงเท่านั้นในการระบายความร้อน ส่งผลให้ไม่ใช่ต้องใช้พัดลมเลย แน่นอนในการทำงานนั้นเงียบสนิท
ซึ่งแรมเป็นแบบออนบอร์ดไม่รองรับการอัพเกรดใดๆ โดยติดตั้งขนาด 4GB ส่วนที่เก็บข้อมูลเป็นมาตรฐาน SSD M.2 NVMe PCIe ติดมาแล้วที่ 256GB มีการติดตั้งใกล้ๆ กับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ซึ่งในการอัพเกรด SSD นั้นจำเป็นต้องถอดของเดิมออกก่อน โดยรวมแล้วการแกะตัวเครื่อง Acer Swift 1 รุ่นนี้ไม่ได้ออกแบบมาเน้นให้เราอัพเกรดแต่อย่างใด แต่ถ้าใครจะทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว
Performance / Software
Acer Swift 1 SF114 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Pentium Silver N6000 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.10 – 3.3 GHz เพื่อประหยัดพลังงาน เป็นซีพียูแบบ 4 Core 4 Threads สถาปัตยกรรม Jasper Lake เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร มีค่า TDP 4.8 – 6 Watt ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป มาพร้อมแรมขนาด 4GB LPDDR4x Bus 2933 MHz แบบฝังบอร์ดมาเลย ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 615 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูง Full HD ได้แบบไม่มีปัญหา เว้นแต่เอาไปเล่นเกม 3 มิติให้ยุคปัจจุบัน อันนี้ไม่แนะนำ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH 15 / 20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจตามมาตรฐานของ Intel Pentium Silver N6000 เปรียบเทียบกับชิปประมวลผล Intel Core i3 ก็ทำได้ดีเทียบเคียงกัน ในส่วนของตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ในส่วนของงานทั่วไปเท่านั้น
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้เป็น SSD แบบ M.2 NVMe ที่เป็นความเร็ว ให้ความจุ 256GB ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจ กับความเร็วระดับ Read: 2282 MB/s – Write: 970 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนปกติ HDD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเกณฑ์ความเร็วที่ทำได้อยู่ในระดับกลางๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 1,495 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ส่วนถ้าเอาไปใช้งานหนักๆ เช่นงานประมวลผล ตัดต่อวีดีโอ โปรเซสไฟล์ภาพความละเอียดสูง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติ อันนี้ไม่แนะนำ เพราะสเปกไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้งานแบบนั้นแต่อย่างใด
นอกจากนี้ทาง Acer เองเองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (ต้องดาวน์โหลดมาเพิ่มเอง) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Acer Swift 1 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 14 ชั่วโมง + ต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน โดยทาง Acer ได้เคลมว่าใช้งานได้ยาวนานกว่า 15 ชั่วโมงนั้นถือว่าทำได้ใกล้เคียงความเป็นจริง ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร แต่ก็ถือว่าใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานพอที่จะนำไปใช้งานตามร้านกาแฟ นอกสถานที่ ออฟฟิศ มหาวิทยาลัยได้ทั้งวันแล้ว
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 30 – 40 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 94 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่าระบบระบายความร้อนของ Acer Swift 1 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดี โดยสามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Acer ที่ดี และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่ดีเยี่ยม ยังไงตรงนี้ก็เป็นเรื่องของระบบการประหยัดพลังงานของชิปประมวลผลด้วย
Conclusion / Award
Acer Swift 1 SF114 เหมาะกับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊ค หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศ ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นการพกพาไว้ใช้งานตามร้านกาแฟเสียมากกว่า ส่วนถ้าใครอยากได้ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นก็อาจจะมองดูเป็น Acer Swift 3 สเปก Core i Gen 11 / Ryzen 4000U ไว้น่าจะเหมาะกว่า หรือเบาสุดๆ ก็เป็น Acer Swift 5 ไปเลย
สรุปปิดท้ายว่ากันตรงๆ สำหรับ Acer Swift 1 SF114 เป็นโน๊ตบุ๊ตที่ค่อนข้างครบเครื่องในงบประมาณหมื่นบาทต้นๆ ก็จริง แต่ถ้าเป็นไปได้เพิ่มงบอีกหน่อยไป 16,990 บาท เราจะได้เป็น Acer Aspire 5 A514-54 สเปก Core i3-1115G4 + RAM 8GB + SSD 512GB แน่นอนว่าได้ประสิทธิภาพการทำงานโดยแล้วแรงกว่าเยอะ อีกทั้งได้ Office Home & Student 2019 ทำให้มี Word / Excel / Power Point ใช้งานได้ทันที ซึ่งดูแล้วเพิ่ม 3,000 บาท มีความคุ้มค่ามากๆ ทีเดียว ยังไงก็ลองพิจารณากันอีกทีนะครับ
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Acer Swift 1 SF114 ปี 2021 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Acer รุ่นนี้ในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง Acer ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น
Best Value
ถึงแม้ Acer รุ่นนี้จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคแรงอะไรมากมาย แต่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาหมื่นบาทต้นๆ ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยราคาขาย 13,990 บาท ที่มาพร้อมสเปคอย่าง Intel Pentium Silver N6000 รวมถึงมีแรม 4GB DDR4 ที่เพียงพอต่อการใช้งาน และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 256GB พร้อมดีไซน์แบบฉบับโน๊ตบุ๊คบางเบา เหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นพกพาแบบสุดๆ เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 2 ปี เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย
Best Mobility
สำหรับตัวเครื่องที่มีความบางเพียง 14.95 มิลลิเมตร และมีความหนักเพียง 1.3 กิโลกรัม แถบขอบจอบางเฉียบ จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีน้ำหนักเบามากๆ แน่นอนว่าจะไม่เป็นภาระในการนำออกไปใช้งานนอกสถานที่ และความบางของตัวเครื่องก็ยังมีความบางเฉียบ เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คในกลุ่มขนาดหน้าจอ 14″ ด้วยกันในหลายๆ ตัว และสำหรับระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ก็ถือได้ว่ามีความน่าประทับใจที่สูงสุด 14 ชั่วโมง จึงได้รางวัลในส่วนนี้ไปไม่ยากนัก