Acer Aspire 7 A715-42 รุ่นปี 2021 นับได้ว่าทำได้น่าซื้อน่าใช้งาน จากการที่ได้สเปกแรงลื่นระดับ Gaming Notebook ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000U ทั้ง Ryzen 5 5500U และ Ryzen 7 5700U ทำงานร่วมกับการ์ดจอเกมมิ่งอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 พร้อมได้หน้าจอพาเนล IPS สีสันดีมุมกว้าง ได้ Refresh Rate 144Hz รวมไปถึงเรื่องงานออกแบบดีไซน์ของตัวเครื่องก็ทำได้อย่างลงตัว สีสันก็ดูพรีเมียมหรูหราเรียบง่ายแต่ดูดี แน่นอนว่ามี Windows 10 Home แท้มาให้ด้วย
สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่แรงลื่นแต่คุ้มค่า ซึ่งทาง Acer วางเอาไว้ โดยนำเสนอด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 21,900 บาท จนไปถึง 23,900 บาทเท่านั้นเอง ส่งผลให้ตลาดของโน๊ตบุ๊คราคา 2x,xxx บาท มีควาน่าสนใจขึ้นมาก ที่สำคัญเป็นการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์เองก็ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงด้วย เหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ด้วย โดยแบตเตอรี่ตามที่ทาง Acer เคลมไว้คือ ใช้งานได้ยาวนานกว่า 8.5 ชั่วโมง
สำหรับสเปกอื่นๆ ก็ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำแรมยังได้มาขนาด 8GB DDR4 Bus 3200MHz ที่ใช้งานได้ทันที ส่วนที่เก็บข้อมูลก็ได้เป็น SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 512GB พร้อมอัพเกรดได้เพิ่มเติมอีก ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.2 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.2 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX 2×2 MU-MIMO
VDO Acer Aspire 7
มาพร้อมกับความบางของตัวเครื่องเพียง 23 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 2.15 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าไม่ได้บางเบามากมาย แต่ก็อยู่ในเกณ์ที่รับได้ เพราะถือว่าได้สเปกที่ประสิทธิภาพสูงมาแทน พร้อมระบบระบายความร้อนหลายโหมดเพื่อให้โน้ตบุ๊กทำงานได้ต่อเนื่องโดยสามารถควบคุมอุณภูมิเครื่องไม่ให้ร้อนจนเกินไปและสั่งการให้เครื่องทำงานได้ตามการใช้งาน ควบคุมง่าย ๆ ด้วยการแตะปุ่มลัด “Fn + F” เพื่อเปลี่ยนโหมด
สเปกภายในใช้ชิปประมวลผล AMD Ryzen 5000U รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีความเจ๋งมากมาย มาพร้อมกับประสิทธิภาพความแรงจากการที่ได้เทคโนโลยีการผลิต 7 นาโนเมตร สถาปัตยกรรมโค้ดเนม Cezanne สุดล้ำที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้มีความแรงที่มากกว่าขึ้น ความร้อนที่น้อยลง แบตเตอรี่ยาวนานกว่า เรียกได้ว่าให้ความแรงที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร เทียบเท่า H Series เลยก็ว่าได้
Acer Aspire 7 A715-42 รุ่นที่จัดจำหน่าย
Acer Aspire 7 A715-42G-R7RS ราคา 21,900 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 5 5500U (6C/12T : 2.10 – 4.00 GHz)
-
GPU : NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5)
-
RAM : 8GB DDR4 3200 MHz
-
DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD 144Hz
-
STORAGE : 512GB SSD PCIe M.2
-
OS : Windows 10 Home
- Warranty : 3 Years On-site Service
Acer Aspire 7 A715-42G-R113 ราคา 23,900 บาท (ดูสเปคทั้งหมดคลิ้ก)
-
CPU : AMD Ryzen 5 5700U (8C/16T : 1.80 – 4.20 GHz)
-
GPU : NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5)
-
RAM : 8GB DDR4 3200 MHz
-
DISPLAY: 15.6″ IPS Full HD 144Hz
-
STORAGE : 512GB SSD PCIe M.2
-
OS : Windows 10 Home
- Warranty : 3 Years On-site Service
Acer Aspire 7 A715-42 ในปี 2021 เรื่องของการดีไซน์ออกแบบ ต้องยอมรับเลยว่าได้ DNA จาก Acer Nitro 5 / Nitro 7 มาเต็มๆ แต่มีการปรับให้ตัวเครื่องมีความเรียบหรูดูเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่ดูพรีเมียม ตามสไตล์ของ Aspire Series ซึ่ง Aspire 7 ก็ถือว่าเป็นรุ่นท็อปสุด ซึ่งจากการที่ใช้วัสดุเป็นพลาสติกเกรดสูงให้พื้นผิวคล้ายๆ กับโลหะ ทำให้ดูแข็งแรงทนทานและหรูหรากว่า Acer Aspire 3 / Aspire 5 อย่างเห็นได้ชัด
รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น ได้หน้าจอ 15.6″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูงเกินราคา แน่นอนว่าจากการที่เป็นดีไซน์ขอบหน้าจอบาง ก็ทำให้มีขนาดตัวเครื่องพอๆ กับโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่เป็นขอบหนาๆ นั่นเอง ส่งผลให้เราได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ในขนาดตัวเครื่องที่เท่าๆ กับรุ่น 14″ สมัยก่อนเลยล่ะ
สำหรับสีสันก็ยังคงเอกลักษณ์สีดำด้านให้ความเรียบเนียนตลอดทั้งตัวเครื่อง ให้ความโดดเด่นและสวยงามกว่ารุ่นอื่นๆ โดยฝาหลังให้ความเรียบง่าย มีเพียงโลโก้ Acer ที่มันวาวเท่านั้น รวมไปถึงขอบตัวเครื่องบริเวณฝาพับจะเป็นสีเทาตัดกับตัวเครื่องพร้อมมีคำว่า Aspire อยู่ ซึ่งทั้งตัวเครื่องให้ความแข็งแรง ขอบตัวเครื่องทั้งหมดจะเป็นลักษณ์ตัดเพชรให้ความสวยงามด้วยสีเงินเพิ่มความมันวาวโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
เรียกได้ว่าได้รับการพัฒนาต่อยอดจากโน๊ตบุ๊คสายทำงานของทาง Acer ได้เป็นอย่างดีที่มาพร้อมราคาที่คุ้มค่ากว่ารุ่นเดิมส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูแล้วมีความเรียบหรูกว่าราคาไปมาก ด้วยขอบหน้าจอที่บางเฉียบ พื้นที่แสดงผลเป็น 81.61% ส่งผลให้มิติโดยรวมตัวเครื่องทั้งหมดมีขนาดที่เล็กกระชับ จัดว่าไม่ได้บางเบามากมาย แต่ก็อยู่ในเกณ์ที่รับได้ เพราะถือว่าได้สเปกที่ประสิทธิภาพสูงมาแทน
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีก อาทิ รองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Wi-Fi 6 AX แบบ 2 x 2 MU- MIMO ที่ดีกว่ารุ่นก่อน 3 เท่า ถือว่าได้ว่าเป็นการเชื่อมต่อไร้สายที่ดีที่สุดในตอนนี้ของอุปกรณ์ไอทีแล้ว พร้อมติดตั้งลำโพง Waves MaxxAudio ให้ประสบการณ์การใช้งานและเล่นเกมที่เยี่ยม ซึ่งจัดได้ว่าให้มามากกว่าโน๊ตบุ๊คสายทำงานรุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจน ซึ่งมีการวางตำแหน่งไว้ขอบตัวเครื่องด้านหน้า
ส่วนการอัพเกรดแรมและ SSD / HDD ในอนาคตนั้น แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องถอดฝาล่างของตัวเครื่องออกมา โดยวัสดุของฝาล่างนี้ก็เป็นพลาสติกเกรดดี พื้นผิวเป็นแบบไม่เรียบให้ความรู้ติดมือ พร้อมยางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 4 จุดด้วยกัน ซึ่งมีความมั่นคงดี ซึ่งเมื่อมองไปที่ช่องด้านล่างก็จะพบกับช่องดูดลมเย็นพร้อมกับพัดลม 2 ตัว มาพร้อมช่องระบายความร้อนคู่ คือด้านหลังแถวยาวทางขวาและด้านข้างทางขวา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
ตัวเครื่องที่มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6”ขอบหน้าจอบางก็จริง แต่ก็ยังสามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ ที่มาพร้อมปุ่มแป้นคีย์ตัวเลข (Numpad) โดยตัวปุ่มจะเป็นสีดำ มีฟอนต์เป็นสีขาว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไฟ Backlit สีขาว ที่ให้ความสว่างสวยงาม เอามาเล่นตอนกลางคืนสบายๆ ส่วนเรื่องการกดการสัมผัสบนคีย์บอร์ดที่ปุ่มจัดว่ามีความใช้ได้ ในการพิมพ์งานต่างๆ แต่ก็ไม่ได้มีความลึกและตอบสนองได้เท่ากับ Nitro 5 / Nitro 7 ขนาดนั้น ที่เหมาะสมกับการเล่นเกมมากกว่า
ทัชแพดถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่ใหญ่กำลังดี โดยจะซ่อนปุ่มคลิกซ้ายและคลิกขวาเอาไว้ทำให้ดูเรียบง่ายหรูหรา รองรับ Gesture Control ได้ดีและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่น่าพอใจในการใช้งานมากๆ ใช้งานผ่านทาง Windows Hello เพื่อความสะดวกและความปลอดภัย
หน้าจอขนาด 15.6″ แบบ Screen-to-Body ด้วยขอบจอบางพิเศษในส่วนของด้านข้างทั้งซ้ายและขวา บนความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) ที่เลือกใช้ พาเนล IPS ให้มุมมองที่คมชัด สีสันสวยสดงดงามสมจริง มาพร้อมกับมาตรฐาน Refresh Rate ที่ 144Hz ที่ลื่นไหลมากกว่า 60Hz โดยพื้นผิวจอเป็นแบบจอด้าน Anti-Glare ช่วยลดแสงสะท้อนเวลาเรานำโน๊ตบุ๊คไปทำงานข้างนอก ซึ่งดูรวมๆ แล้งทั้งสีสันและความคมชัดจัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือการเล่นเกมดูหนังแบบสบายๆ
ส่วนทางด้านลำโพงจะมีด้วยกัน 2 ตัวโดยจะอยู่ทางด้านล่างมุมซ้ายและขวาของเครื่องอย่างละตัว ลำโพงนั้นจะมีการวางตำแหน่งในลักษณะเฉียงลงไปยังพื้นเพื่อที่จะให้เสียงได้สัมผัสกับพื้นแล้วสะท้อนขึ้นมาก ซึ่งคุณภาพเสียงการใช้งานต่างๆ เมื่อใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Waves MaxxAudio ที่ผสานกับ Acer TrueHarmony เพิ่มประสิทธิภาพเสียงเบส เสียงสนทนา และระดับเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม ก็สามารถทำออกมาได้ดีในระดับที่น่าพอใจมากๆ
อีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คสายทำงานประสิทธิภาพสูงขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.2 Type-A, 1 x USB 3.2 Type-C, 1 x USB 2.0 Type-A , HDMI, LAN RJ45 และ Mic-in/Headphone-out แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน พูดตรงๆ ก็คือ เหมือนกันกับ Acer Nitro 5 เลยล่ะ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีส่วนของช่อง SD(XC/HC) Card reader ถ้าใครต้องการใช้งานก็ต้องซื้ออุปกรณ์มาเพิ่มเติม
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอย่างรองรับทั้ง Bluetooth 5.1 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo ซึ่งนับว่าดีที่สุดในตลาดตอนนี้ รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมดได้ครบครัน และทางด้านการพกพา Acer Aspire 7 ทำได้น่าพอใจในระดับหนึ่ง ตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ที่มีดีไซน์ขอบจอบาง ด้วยมิติตัวเครื่องกระชับเทียบเท่าหน้าจอ 14″ แบบก่อนๆ
การมาของ Acer Aspire 7 ปี 2021 นั้น จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานดีไซน์เรียบหรูหน้าจอขนาด 15.6″ ขอบจอบาง แต่ได้สเปกแรงๆ ที่น่าซื้อที่สุดรุ่นนึง ซึ่งไม่ใช่แค่ดีไซน์การออกแบบที่ดูพรีเมียมเกินราคาค่าตัว 21,990 บาทเท่านั้น ซึ่งมีความเบาเพียง 2.15 กิโลกรัม แต่ได้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอพาเนล IPS ที่ Refresh Rate 144Hz ในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ เรียกได้ว่าใครหาโน๊ตบุ๊คจอดีๆ ในงบเท่านี้ ก็ตอบโจทย์สุดๆ ไปเลย อีกทั้งยังรองับการใช้งานสแกนลายนิ้ว ด้วย Fingerprint เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ
นอกจากนี้โดดเด่นไม่แพ้กันเลยก็คือเรื่องของประกัน ซึ่งเป็นแบบประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่เน้นประสิทธิภาพความแรงต่อราคาที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามอนาคตอาจจะมีสเปกเป็น Intel Core i Gen 10H เพิ่มเข้ามา ส่วนรีวิวตัวเต็มของ Acer Aspire 7 สเปก Ryzen 5000U รอติดตามชมเร็วๆ นี้ได้เลย
ข้อดี Acer Aspire 7
- การออกแบบเล็กกระชับ น้ำหนักเบา งานประกอบแน่นหนา ดีไซน์พรีเมียม
- สเปคคุ้มราคาได้ทั้ง Ryzen 5000U + GeForce GTX 1650 ที่แรงลื่นพอตัว
- แรมขนาด 8GB 1 แถว DDR4 เพียงพอต่อการใช้งาน รองรับการอัพเกรด 1 แถว
- ที่เก็บข้อมูล SSD M.2 ความจุ 512GB รวมเร็วสูง รองรับ SSD M.2 สองสล็อต
- หน้าจอ 15.6″ IPS คุณภาพดี Refresh Rate 144Hz ขอบหน้าจอบางเฉียบ
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทั้ง USB 3.2 Type-A, USB 3.2 Type-C, HDMI, LAN
- ได้มาตรฐานเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6 AX MU-MIMO
- คีย์บอร์ดมีไฟ Backlit สีขาวตามสไตล์โน๊ตบุ๊คสายทำงาน
- ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 10 Home แท้ ใช้งานได้ทันที
- มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
- ราคาเทียบกับสิ่งที่ได้ทั้งหมด ถือว่าคุ้มค่าที่สุดรุ่นนึงในตลาดตอนนี้
ข้อสังเกต Acer Aspire 7
- ไม่มี SD(XC/HC) Card reader มาให้ในตัว และยังมี USB 2.0 อยู่
- เป็นได้ควรอัพเกรดเป็นแรมขนาด 16GB เพื่อการใช้งานเต็มประสิทธิภาพ
- รุ่นก่อนวัสดุเป็นอลูมิเนียม รุ่นนี้เป็นพลาสติก แต่ก็เบากว่าที่ 2.15 กิโลกรัม
ตารางสเปกและราคา Acer Aspire 7 A715-42
CPU | GPU | RAM | SSD | Display | Price | |
A715-42G-R7RS | Ryzen 5 5500U | GTX 1650 | 8GB | 512GB | 15.6″ IPS 144Hz | 21,900 |
A715-42G-R113 | Ryzen 7 5700U | GTX 1650 | 8GB | 512GB | 15.6″ IPS 144Hz | 23,900 |